หนังชุดฅนเหล็ก (Terminator) อันถือกำเนิดจากจินตนาการของชายชื่อเจมส์ คาเมรอนนั้น จัดว่ามีความเฉพาะตัวและเสน่ห์แฝงเร้นบางอย่าง อันต่างจากภาพย...
หนังชุดฅนเหล็ก (Terminator) อันถือกำเนิดจากจินตนาการของชายชื่อเจมส์ คาเมรอนนั้น
จัดว่ามีความเฉพาะตัวและเสน่ห์แฝงเร้นบางอย่าง อันต่างจากภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกหลังการล่มสลายอื่นๆ
ซึ่งคงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้มันถูกสร้างภาคต่อตามออกมาหลังภาค 2 เรื่อยๆ แม้ทำรายได้ลดลง และเสียงตอบรับของแฟนๆ ค่อนข้างก้ำกึ่ง
อย่างไรก็ดี, การที่เนื้อหาของภาพยนตร์ลำดับ 3-5 ถูกมองข้าม ทั้งที่หลายคนคงยังจดจำหลายสิ่งจากหนังพวกนั้นได้ น่าจะทำให้เกิดความสับสนบ้างไม่มากก็น้อย
ฉะนั้นจึงลองจัดทำบทความเกี่ยวกับโลกของ Terminator สองภาคแรก (ค.ศ. 1984-1991) ดู
ด้วยหวังให้ผู้ชมที่อุตส่าห์แวะมาอ่าน, ลดความสับสนลงบ้าง และเข้าใจในโลกฅนเหล็กก่อนหน้า Dark Fate แบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
สิ่งที่ภาพยนตร์ชุดนี้มักจะกล่าวถึง คือการอ้างอิงเรื่องวันแห่งการพิพากษา (Day of Judgment) ที่บ้างก็เรียกวันโลกาวินาศ (Doomsday) หรือการพิพากษาครั้งสุดท้าย (Last Judgment) ในศาสนาคริสต์
เนื่องจากตามความเชื่อของคริสต์ (อันเป็นศาสนาหลักของบรรดาฝรั่งมังค่า) ระบุว่า
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวและทรงสร้างทุกอย่าง ได้กำหนดไว้ว่า ณ วันนึงพระองค์จะทรงทำลายสังคมแสนเสื่อมทราม กับเหล่าคนชั่วทั้งหลายให้มลายสิ้น
แล้วพิพากษามนุษยชาติที่เหลือตามบาป และความภักดีต่อพระเจ้าของพวกเขา
โลกอนาคตตามจินตนาการของคาเมรอน เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม, อารยธรรม และชีวิตของมนุษย์จำนวนมากมายเหลือคณาลง
ซึ่งเหตุการณ์ระดับนั้นก็ดันเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน จนมนุษยชาติมิอาจรับมือทัน ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1997
ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกับการเรียกวันดังกล่าวว่า 'วันพิพากษา'
จักรกลสังหาร (Terminator)
เหล่ามนุษย์ผู้เหลือรอดผ่านวันพิพากษา มิได้ยอมเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ง่ายๆ
พวกเขาร่วมต่อสู้กันในฐานะกองกำลังต่อต้าน (Resistance) เปิดสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
สกายเน็ตพยายามพัฒนาจักรกลสังหารแบบต่างๆ ขึ้นเพื่อกำชัยในสงคราม
จนจุดหนึ่งสามารถสร้าง 'ฅนเหล็ก' ที่แกนด้านในเป็นเครื่องจักร และหุ้มหนังมีชีวิตไว้ด้านนอกแบบเนียนๆ เอาซะดูเหมือนคนไม่ผิดเพี้ยนแบบรุ่น 'T-800' สำเร็จ
อีกทั้งยังก้าวหน้าไปอีกขั้น, ด้วยการผลิต 'T-1000' หุ่นที่ทำจากโลหะเหลว
ซึ่งเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และปลอมตัวเป็นสิ่งของหรือมนุษย์ทุกคนที่มันสัมผัสได้อย่างหลากหลาย
แต่ฅนเหล็กที่แทรกซึมเข้าใกล้มนุษย์ได้แบบเนียนๆ ก่อนฆ่าล้างบางพวกนั้น ก็ยังไม่พอจะทำให้สกายเน็ตชนะสงคราม
กองกำลังต่อต้านภายใต้การนำของชายชื่อ 'จอห์น คอนเนอร์' พลิกกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบในช่วงหลัง
ผลักดันให้สกายเน็ตพยายามพลิกชะตา โดยการสร้างเครื่องเดินทางข้ามเวลา (Time Machine)
เมื่อเห็นว่ากองกำลังต่อต้านจะชนะสงครามอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ฝ่ายสกายเน็ตจึงพัฒนาเครื่องข้ามเวลา (Time Machine) เพื่อส่งจักรกลสังหารย้อนอดีตไปฆ่าซาราห์ คอนเนอร์/มารดาของผู้นำกองกำลังต่อต้าน
ด้วยหวังขจัดการมีตัวตนของจอห์น คอนเนอร์ตั้งแต่ก่อนเขาเกิด
เครื่องข้ามเวลาในโลกของภาพยนตร์ชุดฅนเหล็กมีเงื่อนไขเฉพาะตัวข้อหนึ่ง คือมีเพียง 'ร่างเนื้อ' แบบฅนเหล็กหรือมนุษย์ในร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น ที่สามารถเดินทางผ่านห้วงกาลเวลาได้
โดยเมื่อฅนเหล็กหรือมนุษย์กำลังจะถึงจุดหมาย ห้วงสุญญากาศทรงกลมจะปรากฏรูปร่าง, สภาพแวดล้อมภายในอาณาเขตของทรงกลมจะถูกทำลาย และปรากฏพลังงานสายฟ้าฟาดใส่รอบข้างไปทั่ว
การเดินทางข้ามเวลาในโลกของภาพยนตร์ชุดฅนเหล็ก ก่อให้เกิดคำถามตามมาตั้งแต่ในหนังภาคแรกแล้ว ว่าชะตากรรมต่างๆ ถูกตั้งธงกำหนดไว้แบบบิดผันมิได้หรือไม่ ?
การย้อนเวลาหวังเปลี่ยนอดีตนั้น แท้จริงคือการเติมเต็มเรื่องราวในอนาคตให้สมบูรณ์เฉยๆ หรือเปล่า ?
เนื่องจากฅนเหล็กรุ่น T-800 ซึ่งสกายเน็ตส่งย้อนเวลามาฆ่าซาราห์ คอนเนอร์ กลับกลายเป็นต้นตอของชิป CPU ที่ส่งผลให้เกิดตัวสกายเน็ตเองทีหลัง
และไคล์ รีส/ทหารกองกำลังต่อต้านผู้มาจากอนาคตเพื่อปกป้องซาราห์ คอนเนอร์นั้น ดันกลายเป็นบิดาของจอห์น คอนเนอร์
แต่หากพิจารณาจากตอนจบของภาพยนตร์ภาคสอง (Terminator 2: Judgment Day) แบบไม่สนใจเนื้อหาของหนังลำดับ 3-5 ถือว่าคำตอบค่อนข้างชัดเจน
นั่นคือชะตา "สามารถเปลี่ยนแปลงได้" เพราะซาราห์ คอนเนอร์กับลูกชายภายใต้การช่วยเหลือของมิตรสหาย
ทำลายไซเบอร์ไดน์กับปัจจัยก่อกำเนิดสกายเน็ต, ทำลายอนาคตแสนมืดมนรูปแบบหนึ่งสำเร็จลงเรียบร้อย
ทว่าการเลี่ยงชะตาแสนน่ากลัวแบบนึงไป, อาจมิได้หมายถึงการเจออนาคตที่สดใสรออยู่เสมอ
เพราะ Dark Fate จะเป็นผลลัพธ์ที่ตามมา หลังการตัดสินใจทำลายไซเบอร์ไดน์กับสกายเน็ตของซาราห์ คอนเนอร์นั่นเอง
จัดว่ามีความเฉพาะตัวและเสน่ห์แฝงเร้นบางอย่าง อันต่างจากภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกหลังการล่มสลายอื่นๆ
ซึ่งคงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้มันถูกสร้างภาคต่อตามออกมาหลังภาค 2 เรื่อยๆ แม้ทำรายได้ลดลง และเสียงตอบรับของแฟนๆ ค่อนข้างก้ำกึ่ง
อย่างไรก็ดี, การที่เนื้อหาของภาพยนตร์ลำดับ 3-5 ถูกมองข้าม ทั้งที่หลายคนคงยังจดจำหลายสิ่งจากหนังพวกนั้นได้ น่าจะทำให้เกิดความสับสนบ้างไม่มากก็น้อย
ฉะนั้นจึงลองจัดทำบทความเกี่ยวกับโลกของ Terminator สองภาคแรก (ค.ศ. 1984-1991) ดู
ด้วยหวังให้ผู้ชมที่อุตส่าห์แวะมาอ่าน, ลดความสับสนลงบ้าง และเข้าใจในโลกฅนเหล็กก่อนหน้า Dark Fate แบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
วันพิพากษา (Judgment Day)
เนื่องจากตามความเชื่อของคริสต์ (อันเป็นศาสนาหลักของบรรดาฝรั่งมังค่า) ระบุว่า
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวและทรงสร้างทุกอย่าง ได้กำหนดไว้ว่า ณ วันนึงพระองค์จะทรงทำลายสังคมแสนเสื่อมทราม กับเหล่าคนชั่วทั้งหลายให้มลายสิ้น
แล้วพิพากษามนุษยชาติที่เหลือตามบาป และความภักดีต่อพระเจ้าของพวกเขา
โลกอนาคตตามจินตนาการของคาเมรอน เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม, อารยธรรม และชีวิตของมนุษย์จำนวนมากมายเหลือคณาลง
ซึ่งเหตุการณ์ระดับนั้นก็ดันเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน จนมนุษยชาติมิอาจรับมือทัน ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1997
ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกับการเรียกวันดังกล่าวว่า 'วันพิพากษา'
ไซเบอร์ไดน์ (Cyberdyne)
ไซเบอร์ไดน์ คือบริษัทผลิตเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ซึ่งวันนึงพวกเขาเกิดพบซากหุ่นยนต์ไม่ทราบที่มา คาอยู่ในเครื่องอัดไฮดรอลิกของโรงงานเข้า
ซากดังกล่าวประกอบด้วยแขนหุ่นยนต์ กับชิปหน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
ที่อย่างหลังเมื่อนำไปทำวิศวกรรมย้อนกลับ ผลลัพธ์คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับก้าวกระโดด
ไซเบอร์ไดน์กลายเป็นผู้รับเหมารายหลักของกองทัพสหรัฐอเมริกา
จึงได้เงินทุนมหาศาลสำหรับใช้พัฒนาโครงการใหญ่ของบริษัทอย่าง 'สกายเน็ต'
สกายเน็ต (Skynet)
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์กที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำหน้า มาเฝ้าระวังภัยคุกคาม และคอยสั่งการอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกประการของกองทัพแทนมนุษย์
สกายเน็ตถือเป็นโครงการในฝัน สำหรับการป้องกันประเทศอย่างไร้ช่องโหว่ของสหรัฐฯ
ทว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางทหารระดับสูงสุดนี้ กลับแว้งกัดใส่มนุษย์ผู้สร้างอย่างดุร้ายภายหลัง
เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์/สกายเน็ตนั้น คือต้นเหตุแห่งวันพิพากษา
ตามประวัติศาสตร์การเกิดวันพิพากษา, สกายเน็ตเริ่มต้นทำงาน ณ วันที่ 4 สิงหาคม ปี 1997
หลังเดินเครื่องสักพัก, วันที่ 29 สิงหาคม 1997 สกายเน็ตเกิดพัฒนาจนตระหนักถึงความมีตัวตนของมันเอง (self-aware)
มนุษย์พยายามหยุดการทำงานของมันด้วยความหวาดหวั่น แต่ก็สายเกินไป
สกายเน็ตที่เข้าถึงแม้กระทั่งการสั่งงานยิงจรวดนิวเคลียร์ สั่งยิงจรวดใส่รัสเซียเพื่อจุดชนวนความบาดหมาง
รัสเซียจึงทำสงครามนิวเคลียร์กับทางสหรัฐฯ และสงครามได้ลุกลามหนัก จนอารยธรรมของมนุษยชาติล่มสลาย
อย่างไรก็ตาม, เผ่าพันธุ์มนุษย์มิได้สูญพันธุ์หมดสิ้น
สกายเน็ตเลยเริ่มสร้างเหล่าเครื่องจักรสังหารรูปแบบต่างๆ ส่งออกไล่ล่ากวาดล้างพวกมนุษย์ที่หลงเหลือ
เหล่ามนุษย์ผู้เหลือรอดผ่านวันพิพากษา มิได้ยอมเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ง่ายๆ
พวกเขาร่วมต่อสู้กันในฐานะกองกำลังต่อต้าน (Resistance) เปิดสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
สกายเน็ตพยายามพัฒนาจักรกลสังหารแบบต่างๆ ขึ้นเพื่อกำชัยในสงคราม
จนจุดหนึ่งสามารถสร้าง 'ฅนเหล็ก' ที่แกนด้านในเป็นเครื่องจักร และหุ้มหนังมีชีวิตไว้ด้านนอกแบบเนียนๆ เอาซะดูเหมือนคนไม่ผิดเพี้ยนแบบรุ่น 'T-800' สำเร็จ
อีกทั้งยังก้าวหน้าไปอีกขั้น, ด้วยการผลิต 'T-1000' หุ่นที่ทำจากโลหะเหลว
ซึ่งเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และปลอมตัวเป็นสิ่งของหรือมนุษย์ทุกคนที่มันสัมผัสได้อย่างหลากหลาย
แต่ฅนเหล็กที่แทรกซึมเข้าใกล้มนุษย์ได้แบบเนียนๆ ก่อนฆ่าล้างบางพวกนั้น ก็ยังไม่พอจะทำให้สกายเน็ตชนะสงคราม
กองกำลังต่อต้านภายใต้การนำของชายชื่อ 'จอห์น คอนเนอร์' พลิกกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบในช่วงหลัง
ผลักดันให้สกายเน็ตพยายามพลิกชะตา โดยการสร้างเครื่องเดินทางข้ามเวลา (Time Machine)
การเดินทางข้ามเวลา (Time Travel)
เมื่อเห็นว่ากองกำลังต่อต้านจะชนะสงครามอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ฝ่ายสกายเน็ตจึงพัฒนาเครื่องข้ามเวลา (Time Machine) เพื่อส่งจักรกลสังหารย้อนอดีตไปฆ่าซาราห์ คอนเนอร์/มารดาของผู้นำกองกำลังต่อต้าน
ด้วยหวังขจัดการมีตัวตนของจอห์น คอนเนอร์ตั้งแต่ก่อนเขาเกิด
เครื่องข้ามเวลาในโลกของภาพยนตร์ชุดฅนเหล็กมีเงื่อนไขเฉพาะตัวข้อหนึ่ง คือมีเพียง 'ร่างเนื้อ' แบบฅนเหล็กหรือมนุษย์ในร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น ที่สามารถเดินทางผ่านห้วงกาลเวลาได้
โดยเมื่อฅนเหล็กหรือมนุษย์กำลังจะถึงจุดหมาย ห้วงสุญญากาศทรงกลมจะปรากฏรูปร่าง, สภาพแวดล้อมภายในอาณาเขตของทรงกลมจะถูกทำลาย และปรากฏพลังงานสายฟ้าฟาดใส่รอบข้างไปทั่ว
ชะตา (Fate)
การเดินทางข้ามเวลาในโลกของภาพยนตร์ชุดฅนเหล็ก ก่อให้เกิดคำถามตามมาตั้งแต่ในหนังภาคแรกแล้ว ว่าชะตากรรมต่างๆ ถูกตั้งธงกำหนดไว้แบบบิดผันมิได้หรือไม่ ?
การย้อนเวลาหวังเปลี่ยนอดีตนั้น แท้จริงคือการเติมเต็มเรื่องราวในอนาคตให้สมบูรณ์เฉยๆ หรือเปล่า ?
เนื่องจากฅนเหล็กรุ่น T-800 ซึ่งสกายเน็ตส่งย้อนเวลามาฆ่าซาราห์ คอนเนอร์ กลับกลายเป็นต้นตอของชิป CPU ที่ส่งผลให้เกิดตัวสกายเน็ตเองทีหลัง
และไคล์ รีส/ทหารกองกำลังต่อต้านผู้มาจากอนาคตเพื่อปกป้องซาราห์ คอนเนอร์นั้น ดันกลายเป็นบิดาของจอห์น คอนเนอร์
แต่หากพิจารณาจากตอนจบของภาพยนตร์ภาคสอง (Terminator 2: Judgment Day) แบบไม่สนใจเนื้อหาของหนังลำดับ 3-5 ถือว่าคำตอบค่อนข้างชัดเจน
นั่นคือชะตา "สามารถเปลี่ยนแปลงได้" เพราะซาราห์ คอนเนอร์กับลูกชายภายใต้การช่วยเหลือของมิตรสหาย
ทำลายไซเบอร์ไดน์กับปัจจัยก่อกำเนิดสกายเน็ต, ทำลายอนาคตแสนมืดมนรูปแบบหนึ่งสำเร็จลงเรียบร้อย
ทว่าการเลี่ยงชะตาแสนน่ากลัวแบบนึงไป, อาจมิได้หมายถึงการเจออนาคตที่สดใสรออยู่เสมอ
เพราะ Dark Fate จะเป็นผลลัพธ์ที่ตามมา หลังการตัดสินใจทำลายไซเบอร์ไดน์กับสกายเน็ตของซาราห์ คอนเนอร์นั่นเอง
COMMENTS