เนื้อหาฉบับภาพยนตร์แตกต่างกับนิยายเป็นอย่างมาก และเนื้อหาเสริมต่างๆ ของแฟรนไชส์ที่ตามมาก็ต่อยอดจากภาพยนตร์ ไม่ใช่นิยาย แถมเนื้อหาไม่ได้เรี...
เนื้อหาฉบับภาพยนตร์แตกต่างกับนิยายเป็นอย่างมาก
และเนื้อหาเสริมต่างๆ ของแฟรนไชส์ที่ตามมาก็ต่อยอดจากภาพยนตร์ ไม่ใช่นิยาย
แถมเนื้อหาไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ตามเวลาเผยแพร่
ฉะนั้นเพื่อให้การรับทราบเนื้อหาราบรื่น ขอนำเสนอเรีียงตามลำดับเนื้อเรื่อง (แบบคร่าวๆ) เป็นหลัก
และระบุปีที่เผยแพร่กำกับไว้ด้านหลังหัวเรื่อง
ลูกชายเพียงคนเดียวของหัวหน้าเผ่าไวกิ้งประจำเบิร์คนาม "ฮิคคัพ" วัย 15 ปี มีคุณลักษณะไม่เหมือนใคร
เพราะเขานั้นไซร้ผอมกะหร่องขาดกล้ามเนื้อ และความอึดถึกบึกบึนตามแบบฉบับชาวไวกิ้งทั่วไป
แต่ยังไงก็อยากฆ่ามังกรที่รุกรานหมู่บ้านเป็นประจำกับเค้าบ้าง จึงประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับยิงมังกร และโชคดีสอย 'เพลิงนิล' ตัวหนึ่งร่วงสำเร็จ
ทว่าดันตัดใจฆ่ามันไม่ลงไม่พอ มิหนำซ้ำยังเริ่มผูกมิตรกับมัน ซึ่งนั่นทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายตามมา
ฉบับอนิเมชั่นซีรีส์ที่เผยแพร่ทางช่อง Cartoon Network
Riders of Berk คือซีซั่นแรก ส่วน Defenders of Berk คือซีซั่นสอง จำนวนตอนคือซีซั่นละ 20
เนื้อหาเกิดตามหลังภาพยนตร์ภาคแรก
ซีรีส์บอกเล่าการปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบใหม่ที่อยู่ร่วมกับมังกรของชาวเบิร์ค เช่น การผันตัวจากนักสร้างอาวุธฆ่ามังกร ไปเปิดคลินิกทำฟันให้มังกรแทนของก็อบเบอร์
และการรับมือชนเผ่านอกคอก (Outcast Tribe) ภายใต้การนำของอัลวิน ผู้ทรยศ (Alvin the Treacherous) ซึ่งเคยเป็นสหายเก่าสโตอิคคนนึง ทว่าเพราะความขัดแย้งแต่หนหลังจึงถูกขับไล่ไสส่งออกนอกหมู่บ้าน
เขาปกครองเผ่านอกคอกบนเกาะที่อยู่ห่างออกไป แต่เมื่อได้ข่าวเรื่องนักปราบมังกรก็กลับมายังเบิร์คเพื่อตามหา เนื่องจากหวังว่าจะพบวิธีกำราบพวกมันให้อยู่หมัด
ฉบับหนังสือการ์ตูนได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Titan Comics ทั้งหมด 8 เล่ม
เนื้อเรื่องคาบเกี่ยวอยู่ในช่วงเดียวกับซีรีส์ Cartoon Network
พวกฮิคคัพต้องเผชิญภัยคุกคามจากอัลวินผู้ทรยศ+ชนเผ่านอกคอก
และประสบพบปัญหาต่างๆ เช่น เขี้ยวขอ/มังกรพญาเพลิงพิฆาตของสนอทเลาท์หายไป, ฮิคคัพลำบากใจเพราะต้องรักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทนบิดาชั่วคราว, สโตอิคปะทะสัตว์ประหลาดทะเลขนาดยักษ์ หรือพบว่าหมู่บ้านถูกแม่มดคุกคามด้วยเวทมนตร์ เป็นต้น
[1] ตำนานแห่งมังกรจอมหักกระดูก (Legend of the Boneknapper Dragon)
บ้านของก็อบเบอร์เกิดเพลิงไหม้อย่างลึกลับ เขาเชื่อว่าเป็นฝีมือมังกรคู่อาฆาตที่เคยฟาดฟันกันมาแต่หนหลัง 'จอมหักกระดูก' ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่ามีตัวตนจริง
เมื่อก็อบเบอร์ดึงดันออกตามหามัน ฮิคคัพและผองเพื่อนจึงรวมกลุ่มติดสอยห้อยตามไปช่วยก็อบเบอร์กัน
[2] ตำราข้อมูลมังกร (Book of Dragons)
บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับมังกรหลายชนิด และการจำแนกประเภทของพวกมัน
ผ่านวีรกรรมเจ็บช้ำของชายชาวไวกิ้งสุดซวยนาม 'บอร์ค' ผู้แต่งตำราข้อมูลมังกรซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อหลายชั่วอายุคนก่อน
เขาพบเจอสารพัดโชคร้ายเพราะมังกรบ่อยๆ และนำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับมังกรที่ได้เรียนรู้มาเขียนบันทึก
จนกลายเป็นตำราอ้างอิงชั้นเลิศสำหรับไวกิ้งคนอื่นๆ และได้รับการเรียกขานอย่างยกย่องว่า 'บอร์ค ผู้กล้าหาญ' ภายหลัง
[3] ของขวัญจากเพลิงนิล (Gift of the Night Fury)
ขณะเข้าช่วงวันหยุดสุขสันต์ยามหน้าหนาวของชาวไวกิ้ง มังกรเกือบทั้งหมู่บ้านพากันบินหนีหายตัวไปอย่างลึกลับ
และเขี้ยวกุดของฮิคคัพก็เช่นกัน เพราะเขามอบครีบหางประดิษฐ์แบบใหม่ที่ช่วยให้มันบินด้วยตัวเองได้แก่เขี้ยวกุด
แต่ในที่สุดฮิคคัพก็หาพวกมังกรพบและนำทางกลับบ้าน
ด้านเขี้ยวกุดรบเร้าฮิคคัพขอครีบหางแบบเดิมคืน เพราะพึงพอใจจะออกบินไปด้วยกันกับเขามากกว่า
[4] รุ่งอรุณแห่งการแข่งวิ่งมังกร (Dawn of the Dragon Racers)
ว่าด้วยการขี่มังกรไล่ตามจับฝูงแกะเข้าคอกของฮิคคัพและผองเพื่อน
ที่กลายเป็นต้นตอของกีฬาชนิดใหม่บนเกาะเบิร์ค 'แข่งวิ่งมังกร'
ฉบับอนิเมชั่นซีรีส์ที่เผยแพร่ทางช่อง Netflix มีทั้งหมด 6 ซีซั่นๆ ละ 13 ตอน
เนื้อหาเกิดก่อนฉบับภาพยนตร์ภาคสอง และฮิคคัพช่วงนี้อายุราว 18-19 ปี
เรื่องราวบทใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อฮิคคัพกับผองเพื่อนค้นพบวัตถุลึกลับที่รู้จักกันในชื่อนัยน์ตามังกร (Dragon Eye)
มันนำพาพวกเขาเจอะเจอมังกรสายพันธุ์ใหม่ๆ และเดินทางสู่ดินแดนอันไม่เคยเป็นที่รู้จัก เช่น เกาะมังกรชายขอบ (Dragon's Edge)
ซึ่งกลุ่มนักขี่มังกรจะใช้เป็นถิ่นตั้งฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ สำหรับออกสำรวจและผจญภัย
ฮิคคัพในวัย 20 ปีถูกบิดาขอให้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าไวกิ้งแห่งเบิร์คคนใหม่ แต่เขาไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าตนพร้อมสำหรับความรับผิดชอบดังกล่าวไหม
ขณะออกสำรวจดินแดนใหม่ๆ ฮิคคัพและแอสทริดพบป้อมที่โดนน้ำแข็งทำลายเข้า
ณ ซากป้อม เหล่าคนที่นำโดย 'เอเร็ต บุตรแห่งเอเร็ต' พยายามจับมังกรของทั้งสองคน
เอเร็ตกับพรรคพวกกล่าวโทษว่านักขี่มังกรอย่างพวกเขาคือคนทำลายป้อม
และบอกว่าพวกตนต้องจับมังกรส่งมอบให้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังรวบรวมมังกรเพื่อสร้างกองทัพพิชิตดินแดนนาม 'ดราโก บลัดวิสท์'
สำนักพิมพ์ Dark Horse Comics ตีพิมพ์นิยายภาพที่เนื้อเรื่องเกิดหลังภาพยนตร์ภาคสองไว้ 2 เล่มดังนี้
[1] The Serpent's Heir (2017)
เกิดขึ้นไม่นานนักหลังเหตุการณ์ในภาพยนตร์ภาคสอง
กลุ่มนักขี่มังกรที่รวมทั้งสมาชิกใหม่ 2 คน, วาลก้า กับเอเร็ตบุตรแห่งเอเร็ต ถูกเรียกให้ไปช่วยเหลือผู้คนบนเกาะซึ่งประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว
แต่ชีวิตพวกเขากลับต้องเสี่ยง เพราะชายคลั่งกับมังกรตัวใหม่ที่น่าตกใจ
เนื่องจากขนาดเขี้ยวกุดผู้เป็นมังกรจ่าฝูง ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมพวกมันได้
[2] Dragonvine (2018)
กลุ่มนักขี่มังกรพบอันตรายลี้ลับถึงตายสองอย่างอันเชื่อมโยงกัน
นั่นคือเกาะที่ถูกกลืนกินโดยเถาวัลย์มังกร (Dragonvine) พลังแห่งธรรมชาติอันมิอาจควบคุม มันเป็นพิษต่อมนุษย์และเป็นภัยถึงตายต่อมังกร
ส่วนอีกอย่างคือมังกรลึกลับสุดสยองพันธุ์ใหม่ที่พ่นใยได้
และเนื้อหาเสริมต่างๆ ของแฟรนไชส์ที่ตามมาก็ต่อยอดจากภาพยนตร์ ไม่ใช่นิยาย
แถมเนื้อหาไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ตามเวลาเผยแพร่
ฉะนั้นเพื่อให้การรับทราบเนื้อหาราบรื่น ขอนำเสนอเรีียงตามลำดับเนื้อเรื่อง (แบบคร่าวๆ) เป็นหลัก
และระบุปีที่เผยแพร่กำกับไว้ด้านหลังหัวเรื่อง
ภาพยนตร์ How to Train Your Dragon (2010)
ลูกชายเพียงคนเดียวของหัวหน้าเผ่าไวกิ้งประจำเบิร์คนาม "ฮิคคัพ" วัย 15 ปี มีคุณลักษณะไม่เหมือนใคร
เพราะเขานั้นไซร้ผอมกะหร่องขาดกล้ามเนื้อ และความอึดถึกบึกบึนตามแบบฉบับชาวไวกิ้งทั่วไป
แต่ยังไงก็อยากฆ่ามังกรที่รุกรานหมู่บ้านเป็นประจำกับเค้าบ้าง จึงประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับยิงมังกร และโชคดีสอย 'เพลิงนิล' ตัวหนึ่งร่วงสำเร็จ
ทว่าดันตัดใจฆ่ามันไม่ลงไม่พอ มิหนำซ้ำยังเริ่มผูกมิตรกับมัน ซึ่งนั่นทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายตามมา
ซีรีส์ชุด Dragons: Riders of Berk และ Dragons: Defenders of Berk (2013-2014)
ฉบับอนิเมชั่นซีรีส์ที่เผยแพร่ทางช่อง Cartoon Network
Riders of Berk คือซีซั่นแรก ส่วน Defenders of Berk คือซีซั่นสอง จำนวนตอนคือซีซั่นละ 20
เนื้อหาเกิดตามหลังภาพยนตร์ภาคแรก
ซีรีส์บอกเล่าการปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบใหม่ที่อยู่ร่วมกับมังกรของชาวเบิร์ค เช่น การผันตัวจากนักสร้างอาวุธฆ่ามังกร ไปเปิดคลินิกทำฟันให้มังกรแทนของก็อบเบอร์
และการรับมือชนเผ่านอกคอก (Outcast Tribe) ภายใต้การนำของอัลวิน ผู้ทรยศ (Alvin the Treacherous) ซึ่งเคยเป็นสหายเก่าสโตอิคคนนึง ทว่าเพราะความขัดแย้งแต่หนหลังจึงถูกขับไล่ไสส่งออกนอกหมู่บ้าน
เขาปกครองเผ่านอกคอกบนเกาะที่อยู่ห่างออกไป แต่เมื่อได้ข่าวเรื่องนักปราบมังกรก็กลับมายังเบิร์คเพื่อตามหา เนื่องจากหวังว่าจะพบวิธีกำราบพวกมันให้อยู่หมัด
หนังสือการ์ตูนของ Titan (2014-2015)
ฉบับหนังสือการ์ตูนได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Titan Comics ทั้งหมด 8 เล่ม
เนื้อเรื่องคาบเกี่ยวอยู่ในช่วงเดียวกับซีรีส์ Cartoon Network
พวกฮิคคัพต้องเผชิญภัยคุกคามจากอัลวินผู้ทรยศ+ชนเผ่านอกคอก
และประสบพบปัญหาต่างๆ เช่น เขี้ยวขอ/มังกรพญาเพลิงพิฆาตของสนอทเลาท์หายไป, ฮิคคัพลำบากใจเพราะต้องรักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทนบิดาชั่วคราว, สโตอิคปะทะสัตว์ประหลาดทะเลขนาดยักษ์ หรือพบว่าหมู่บ้านถูกแม่มดคุกคามด้วยเวทมนตร์ เป็นต้น
อนิเมชั่นขนาดสั้น (2011-2014)
[1] ตำนานแห่งมังกรจอมหักกระดูก (Legend of the Boneknapper Dragon)
บ้านของก็อบเบอร์เกิดเพลิงไหม้อย่างลึกลับ เขาเชื่อว่าเป็นฝีมือมังกรคู่อาฆาตที่เคยฟาดฟันกันมาแต่หนหลัง 'จอมหักกระดูก' ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่ามีตัวตนจริง
เมื่อก็อบเบอร์ดึงดันออกตามหามัน ฮิคคัพและผองเพื่อนจึงรวมกลุ่มติดสอยห้อยตามไปช่วยก็อบเบอร์กัน
[2] ตำราข้อมูลมังกร (Book of Dragons)
บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับมังกรหลายชนิด และการจำแนกประเภทของพวกมัน
ผ่านวีรกรรมเจ็บช้ำของชายชาวไวกิ้งสุดซวยนาม 'บอร์ค' ผู้แต่งตำราข้อมูลมังกรซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อหลายชั่วอายุคนก่อน
เขาพบเจอสารพัดโชคร้ายเพราะมังกรบ่อยๆ และนำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับมังกรที่ได้เรียนรู้มาเขียนบันทึก
จนกลายเป็นตำราอ้างอิงชั้นเลิศสำหรับไวกิ้งคนอื่นๆ และได้รับการเรียกขานอย่างยกย่องว่า 'บอร์ค ผู้กล้าหาญ' ภายหลัง
[3] ของขวัญจากเพลิงนิล (Gift of the Night Fury)
ขณะเข้าช่วงวันหยุดสุขสันต์ยามหน้าหนาวของชาวไวกิ้ง มังกรเกือบทั้งหมู่บ้านพากันบินหนีหายตัวไปอย่างลึกลับ
และเขี้ยวกุดของฮิคคัพก็เช่นกัน เพราะเขามอบครีบหางประดิษฐ์แบบใหม่ที่ช่วยให้มันบินด้วยตัวเองได้แก่เขี้ยวกุด
แต่ในที่สุดฮิคคัพก็หาพวกมังกรพบและนำทางกลับบ้าน
ด้านเขี้ยวกุดรบเร้าฮิคคัพขอครีบหางแบบเดิมคืน เพราะพึงพอใจจะออกบินไปด้วยกันกับเขามากกว่า
[4] รุ่งอรุณแห่งการแข่งวิ่งมังกร (Dawn of the Dragon Racers)
ว่าด้วยการขี่มังกรไล่ตามจับฝูงแกะเข้าคอกของฮิคคัพและผองเพื่อน
ที่กลายเป็นต้นตอของกีฬาชนิดใหม่บนเกาะเบิร์ค 'แข่งวิ่งมังกร'
ซีรีส์ชุด Dragons: Race to the Edge (2015-2018)
ฉบับอนิเมชั่นซีรีส์ที่เผยแพร่ทางช่อง Netflix มีทั้งหมด 6 ซีซั่นๆ ละ 13 ตอน
เนื้อหาเกิดก่อนฉบับภาพยนตร์ภาคสอง และฮิคคัพช่วงนี้อายุราว 18-19 ปี
เรื่องราวบทใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อฮิคคัพกับผองเพื่อนค้นพบวัตถุลึกลับที่รู้จักกันในชื่อนัยน์ตามังกร (Dragon Eye)
มันนำพาพวกเขาเจอะเจอมังกรสายพันธุ์ใหม่ๆ และเดินทางสู่ดินแดนอันไม่เคยเป็นที่รู้จัก เช่น เกาะมังกรชายขอบ (Dragon's Edge)
ซึ่งกลุ่มนักขี่มังกรจะใช้เป็นถิ่นตั้งฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ สำหรับออกสำรวจและผจญภัย
ภาพยนตร์ How to Train Your Dragon 2 (2014)
ฮิคคัพในวัย 20 ปีถูกบิดาขอให้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าไวกิ้งแห่งเบิร์คคนใหม่ แต่เขาไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าตนพร้อมสำหรับความรับผิดชอบดังกล่าวไหม
ขณะออกสำรวจดินแดนใหม่ๆ ฮิคคัพและแอสทริดพบป้อมที่โดนน้ำแข็งทำลายเข้า
ณ ซากป้อม เหล่าคนที่นำโดย 'เอเร็ต บุตรแห่งเอเร็ต' พยายามจับมังกรของทั้งสองคน
เอเร็ตกับพรรคพวกกล่าวโทษว่านักขี่มังกรอย่างพวกเขาคือคนทำลายป้อม
และบอกว่าพวกตนต้องจับมังกรส่งมอบให้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังรวบรวมมังกรเพื่อสร้างกองทัพพิชิตดินแดนนาม 'ดราโก บลัดวิสท์'
นิยายภาพของ Dark Horse (2017-2018)
สำนักพิมพ์ Dark Horse Comics ตีพิมพ์นิยายภาพที่เนื้อเรื่องเกิดหลังภาพยนตร์ภาคสองไว้ 2 เล่มดังนี้
[1] The Serpent's Heir (2017)
เกิดขึ้นไม่นานนักหลังเหตุการณ์ในภาพยนตร์ภาคสอง
กลุ่มนักขี่มังกรที่รวมทั้งสมาชิกใหม่ 2 คน, วาลก้า กับเอเร็ตบุตรแห่งเอเร็ต ถูกเรียกให้ไปช่วยเหลือผู้คนบนเกาะซึ่งประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว
แต่ชีวิตพวกเขากลับต้องเสี่ยง เพราะชายคลั่งกับมังกรตัวใหม่ที่น่าตกใจ
เนื่องจากขนาดเขี้ยวกุดผู้เป็นมังกรจ่าฝูง ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมพวกมันได้
[2] Dragonvine (2018)
กลุ่มนักขี่มังกรพบอันตรายลี้ลับถึงตายสองอย่างอันเชื่อมโยงกัน
นั่นคือเกาะที่ถูกกลืนกินโดยเถาวัลย์มังกร (Dragonvine) พลังแห่งธรรมชาติอันมิอาจควบคุม มันเป็นพิษต่อมนุษย์และเป็นภัยถึงตายต่อมังกร
ส่วนอีกอย่างคือมังกรลึกลับสุดสยองพันธุ์ใหม่ที่พ่นใยได้
COMMENTS