Blade Runner 2049 จัดว่าเป็นหนังภาคต่ออันยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง มีองค์ประกอบด้านเนื้อหาและปรัชญาน่าสนใจแอบแฝงไม่แพ้ต้นฉบับภาคแรก แต่รายได้ทั่...
Blade Runner 2049 จัดว่าเป็นหนังภาคต่ออันยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง มีองค์ประกอบด้านเนื้อหาและปรัชญาน่าสนใจแอบแฝงไม่แพ้ต้นฉบับภาคแรก
แต่รายได้ทั่วโลกราว 258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น ถ้าเทียบกับทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ถือว่าเข้าเนื้อพอสมควร
สาเหตุที่ภาพยนตร์ Blade Runner 2049 ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าที่ควรเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น
- ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 43 นาทีทำให้ปั่นรอบฉายได้น้อย
- ดำเนินเรื่องเนิบนาบชวนหลับ
- จินตนาการโลกอนาคตอันเสื่อมโทรม+มนุษย์เทียมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน
- หนังออกฉายทิ้งช่วงห่างภาคแรกนานกว่า 35 ปี จนปลุกกระแสไม่ขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือหนังภาคต่อที่ดี, เต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวเหมือนภาคแรก และหากใครรับชมแล้วยังคาใจ ไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในหนัง บทความนี้อาจมีคำตอบให้คุณครับ :)
[1] ทำไมวอลเลซรู้เรื่องลูกเรเชลไวเหลือเกิน?
ตอนพระเอกเค(K) ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรเชลที่ตึกเก่าของบริษัทไทเรลล์(ปัจจุบันเป็นของวอลเลซ) ตอนแรกเคคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่
แต่สักพักเรพพลิแคนท์(มนุษย์เทียม)คนสนิทของวอลเลซ "เลิฟ-Luv" ซึ่งกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท ก็ยกเลิกการสนทนากลางคัน หันมาติดต่อเคแทนทันที
แปลว่าข้อมูลของเรเชลมีความสำคัญสูง+ถูกตั้งสถานะให้เกิดการแจ้งเตือนทันทีที่มีใครมาหาข้อมูล
ดังนั้นไม่ว่าข้อมูลเรเชลที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยไทเรลล์ หลงเหลือมากน้อยแค่ไหน เลิฟคงไม่ได้บอกเคไปทั้งหมดแน่
ข้อสนับสนุนเพิ่มเติมคือ ในเบลดรันเนอร์ภาคแรกเรเชลมีความทรงจำหลานสาวของไทเรลล์ แปลว่าไทเรลล์เห็นเธอสำคัญกว่าเรพพลิแคนท์อื่น
แถมวอลเลซเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "เรเชล" ระหว่างสนทนากับเดคคาร์ดว่า
"และพระเป็นเจ้า....ก็จดจำเรเชลได้ ทำเธอตั้งท้อง และเปิดครรภ์ของเธอออก"
ประโยคนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึง ภรรยาเจค็อบนาม "เรเชล" ผู้เป็นหมัน เกิดตั้งครรภ์สำเร็จได้ ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า
สื่อว่าไทเรลล์สร้างเรเชลเพื่อให้เธอ "ตั้งท้อง" ตั้งแต่แรก
[2] วอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงทำไม?
วอลเลซเห็นตัวเองเป็น"พระเจ้า" ของเหล่าเรพพลิแคนท์ที่เขาสร้าง เขามองพวกมนุษย์เทียมเหมือนลูก และเรียกลูกๆ ว่า "นางฟ้า" สื่อเรื่องนางฟ้าต้องทำทุกอย่างตามประสงค์พระเจ้า
เขาประสงค์สร้างมนุษย์เทียมที่มีลูกเองได้ เพื่อเพิ่มจำนวนไว้ใช้แรงงานเยอะๆ
เมื่อมีแรงงานมากพอ แม้โลกเสื่อมโทรม แต่การฟื้นฟูความรุ่งเรืองแก่อารยธรรมมนุษย์คงไม่ยากเกินกำลังอีกต่อไป
ฉะนั้นพอตรวจสอบดูว่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงตัวล่าสุดที่สร้างไม่สามารถตั้งครรภ์ แล้วยังรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเรเชลเข้า
วอลเลซย่อมเห็นว่านางฟ้าผู้มิอาจทำตามประสงค์พระเจ้าได้ คือของไร้ค่า.....
[3] จอย(Joi) รักเคจริงหรือเปล่า?
เรพพลิแคนท์สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชีวภาพ มีรหัสพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ-DNA) มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ เรียกว่าใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนตร์หลายขุม สามารถมีความรักได้แน่
ขณะที่จอยนั้นสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
การตั้งชื่อมนุษย์ให้เคว่า "โจ" หรือพยายามมีตัวตน จนไปเรียกเรพพลิแคนท์สาวมาฉายภาพคลุมทับแล้วสานสัมพันธ์กับเค อาจดูเป็นการกระทำของสิ่งมีจิตใจ
ทว่าชื่อโจก็แค่ชื่อผู้ชายฝรั่งมาตรฐาน-เหมือนหาชื่อมาเรีียกไปงั้นๆ ส่วนการพยายามมีตัวตนก็มองได้ว่าเป็นเพียงการสนองความต้องการเคเฉยๆ
ดังนั้นคำถามนี้คงไม่สามารถฟันธงตอบให้ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าปัญญาประดิษฐ์ในโลกเบลดรันเนอร์ก้าวหน้าถึงระดับไหน
[4] ตกลงดีเอ็นเอสองชุดที่เหมือนกันนั่นคืออะไร?
เด็กสองคนไม่มีทางดีเอ็นเอเหมือนกันเป๊ะ นั่นคือดีเอ็นเอ 1 ชุดนี้เป็นของเด็กคนเดียว แค่เอาข้อมูลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชาย (มนุษย์แท้ๆ) ใส่ในฐานข้อมูล ให้ตามสืบไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบทางตันเท่านั้น
เริ่มจากส่งทั้งเด็กผู้หญิง(ลูกเรเชล) กับเด็กผู้ชาย ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน
-> ใส่ข้อมูลดีเอ็นเอเด็กชาย
-> คัดลอกดีเอ็นเอเด็กชายทับข้อมูลเด็กหญิง
-> เอาเฉพาะเด็กหญิงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
-> ทำลายบันทึกเด็กทั้งสอง ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้ง
เด็กชายถ้ายังไม่ตายอาจหาตัวเจอ แต่ไม่มีทางหาเด็กหญิงเจอจากข้อมูลดีเอ็นเอแน่นอน
[5] เครู้ได้ไงว่านักสร้างความทรงจำคือลูกสาวเดคคาร์ด?
ตอนดร.แอนนา สติลลีน(Dr. Ana Stelline) มองความทรงจำเรื่องม้าไม้ของเค เธอร้องไห้แล้วบอกว่าความทรงจำนี้เคยเกิดขึ้นจริง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ว่า ความทรงจำนี้เป็นของเธอ (ไม่งั้นแค่เห็นเด็กโดนแกล้ง+ซ่อนม้าไม้คงไม่ถึงขั้นร้องไห้หรอก)
เธอไม่บอกความจริงเพราะเคคือเบลดรันเนอร์ การปลูกถ่ายความทรงจำของจริงผิดกฎหมาย
เธอไม่อยากโดนเคจับตัวเลยบอกอ้อมๆ ว่านี่คือความทรงจำเคแทน
และคาดว่าเธอแอบกระจายใส่ความทรงจำของตัวเองแก่พวกเรพพลิแคนท์ ทำให้เธอเป็นนักสร้างความทรงจำที่ประสบความสำเร็จสูง (แอบโกงนี่หว่า :P)
พอเครู้ว่าลูกเดคคาร์ด-เรเชลเป็นเด็กผู้หญิงเลยปะติดปะต่อได้ทีหลัง
ฉากท้ายเรื่องที่เขาพาเดคคาร์ดไปหาลูกสาวถึงได้กล่าวว่า "ความทรงจำที่ดีทั้งหมดคือของเธอ"
[6] ทำไมวอลเลซสนใจเดคคาร์ดนัก ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน?
เดคคาร์ดไม่รู้ลูกอยู่ไหน แต่รู้จักเรพพลิแคนท์ที่ช่วยซ่อนลูกเขา ถ้าเค้นข้อมูลจากเดคคาร์ดได้จะตามหาลูกเขาง่ายขึ้น (กลุ่มปฏิวัติ-พวกเรพพลิแคนท์ที่ช่วยเคหลังโดนเล่นงานและเดคคาร์ดถูกจับตัว จึงบอกให้เคฆ่าเดคคาร์ด)
[7] ตกลงเดคคาร์ดคืือเรพพลิแคนท์หรือเปล่า?
เรื่องนี้ผ่านมา 35 ปีก็ยังไม่ชัดเจน เพราะตอนภาคแรกริดลีย์ สก็อตผู้กำกับอยากหักมุมตอนจบหนังว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์
ทว่าแฮริสัน ฟอร์ดผู้รับบทเดคคาร์ดไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่ามันทรยศคนดูหนังที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง
(สมัยฉายโรง ผู้สร้างคิดเหมือนแฮริสัน ฟอร์ด แต่หนังเรื่องนี้มีกระแสต่อเนื่องจนออกแผ่นหนังฉบับตัดต่อใหม่หลายแบบ ทำให้ริดลีย์ใส่เรื่องพระเอกเป็นมนุษย์เทียมได้ตามใจทีหลัง)
สมัยนั้นริดลีย์บอกใบ้โดยให้เดคคาร์ดฝันเห็นม้ามีเขา-ยูนิคอร์น แล้วเพื่อนร่วมงานชื่อกาฟ(Gaff) พับกระดาษรูปยูนิคอร์นวางไว้ให้เดคคาร์ดเห็นตอนพาเรเชลหนีตามกันไป สื่อว่าฝันเดคคาร์ดคือความทรงจำที่สร้างขึ้น = เขาคือมนุษย์เทียมนั่นเอง
ภาค 2049 กาฟปรากฏตัวในบ้านพักคนชรา คุยกับเค ว่า "ในดวงตาเดคคาร์ดมีบางอย่างอยู่" (การตรวจสอบว่าเป็นคนหรือเรพพลิแคนท์ มีการสังเกตม่านตารวมอยู่ด้วย) แถมวอลเลซกล่าวกับเดคคาร์ดทำนองว่าเขาถูกสร้างขึ้น พร้อมกำหนดให้พบรักเรเชลและมีลูกกัน(โดยไทเรลล์)อีก
แต่การตอบโต้ว่า "ฉันรู้ว่าอะไรที่มันจริง" ประโยคเดียวของเดคคาร์ดก็มากพอจะปฏิเสธว่าเขาคือมนุษย์เทียมแล้ว คำถามข้อนี้จึงเป็นอีกข้อที่ไม่สามารถฟันธงคำตอบให้แน่ชัดได้
[8] ลูกเรเชล-เดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ หรือลูกครึ่งเรพพลิแคนท์กับมนุษย์
สืบเนื่องจากการที่เราไม่รู้ว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือไม่ ทำให้ตอบคำถามนี้ไม่ได้
เพียงแต่การเป็นเรพพลิแคนท์หรือลูกครึ่ง หากสังคมรับรู้จะสร้างปัญหาไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเรพพลิแคนท์สืบพันธ์ุเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ได้ แปลว่าสามารถเพิ่มจำนวนเองได้ เส้นแบ่งระหว่างสองเผ่าพันธ์ุลดลง การกดขี่เรพพลิแคนท์ลงเป็นทาสย่อมมิอาจยอมรับ สร้างความร้าวฉานแก่กันหนักข้อกว่าเดิม
[9] อะไรดลใจให้เลิฟจูบเคตอนสู้กัน แทนที่จะฆ่าเคเสียตอนสบโอกาส?
ฉากเลิฟเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท เธอกล่าวทำนองว่าเรพพลิแคนท์สามารถปรับแต่งนิสัย-ความสามารถ-หน้าตาได้ตามต้องการ
วอลเลซสร้างเลิฟให้บูชาเขา
เธอจึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่เธอบูชา-> เลียนแบบตอนวอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิง
ด้วยการแทงหนึ่งครั้ง, จุมพิตริมฝีปาก ก่อนปล่อยอีกฝ่ายเลือดไหลทรุดลงไปกองบนพื้น
[10] ทำไมเคไม่ฆ่าเดคคาร์ดตามคำขอของกลุ่มปฏิวัติ?
ช่วงเคยังทำงานเบลดรันเนอร์จะสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุข แค่ทำตามคำสั่งไปวันๆ พอคิดว่าตนคือลูกเดคคาร์ด+ต้องละทิ้งหน้าที่จึงได้รู้สึกมีความสำคัญ, มีอิสระในชีวิต-ไม่ต้องทำตามคำสั่ง
เพราะฉะนั้นการไว้ชีวิตเดคคาร์ดคือการแสดงออกถึงอิสระในการตัดสินใจของเขา แถมเขาเคยคิดว่าเดคคาร์ดเป็นพ่อตัวเองช่วงหนึ่ง การเกิดเยื่อใยอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนทำเพื่อเดคคาร์ดคงไม่ใช่เรื่องแปลก
[11] ตอนจบเคตายใช่ไหม?
ตอนจบเราจะเห็นสีข้างเคที่โดนเลิฟแทงเลือดไหลอย่างหนัก เพลงประกอบหนังที่เล่นในฉากเคล้มตัวลงนอนบนขั้นบันไดกลางหิมะ คือเพลงเดียวกับในฉากการตายของรอย แบตตี้(Roy Batty)เรพพลิแคนท์จากหนังภาคแรก
สื่อว่าเคทำตามเจตจำนงของตน เสียสละชีวิต ช่วยเหลือเดคคาร์ดและลูกให้พบหน้ากันในที่สุด
[ สรุปว่าสุดท้าย พระเอกตายจริงครับ T_T ]
แต่รายได้ทั่วโลกราว 258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น ถ้าเทียบกับทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ถือว่าเข้าเนื้อพอสมควร
- ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 43 นาทีทำให้ปั่นรอบฉายได้น้อย
- ดำเนินเรื่องเนิบนาบชวนหลับ
- จินตนาการโลกอนาคตอันเสื่อมโทรม+มนุษย์เทียมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน
- หนังออกฉายทิ้งช่วงห่างภาคแรกนานกว่า 35 ปี จนปลุกกระแสไม่ขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือหนังภาคต่อที่ดี, เต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวเหมือนภาคแรก และหากใครรับชมแล้วยังคาใจ ไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในหนัง บทความนี้อาจมีคำตอบให้คุณครับ :)
[1] ทำไมวอลเลซรู้เรื่องลูกเรเชลไวเหลือเกิน?
ตอนพระเอกเค(K) ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรเชลที่ตึกเก่าของบริษัทไทเรลล์(ปัจจุบันเป็นของวอลเลซ) ตอนแรกเคคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่
แต่สักพักเรพพลิแคนท์(มนุษย์เทียม)คนสนิทของวอลเลซ "เลิฟ-Luv" ซึ่งกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท ก็ยกเลิกการสนทนากลางคัน หันมาติดต่อเคแทนทันที
แปลว่าข้อมูลของเรเชลมีความสำคัญสูง+ถูกตั้งสถานะให้เกิดการแจ้งเตือนทันทีที่มีใครมาหาข้อมูล
ดังนั้นไม่ว่าข้อมูลเรเชลที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยไทเรลล์ หลงเหลือมากน้อยแค่ไหน เลิฟคงไม่ได้บอกเคไปทั้งหมดแน่
ข้อสนับสนุนเพิ่มเติมคือ ในเบลดรันเนอร์ภาคแรกเรเชลมีความทรงจำหลานสาวของไทเรลล์ แปลว่าไทเรลล์เห็นเธอสำคัญกว่าเรพพลิแคนท์อื่น
แถมวอลเลซเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "เรเชล" ระหว่างสนทนากับเดคคาร์ดว่า
"และพระเป็นเจ้า....ก็จดจำเรเชลได้ ทำเธอตั้งท้อง และเปิดครรภ์ของเธอออก"
ประโยคนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึง ภรรยาเจค็อบนาม "เรเชล" ผู้เป็นหมัน เกิดตั้งครรภ์สำเร็จได้ ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า
สื่อว่าไทเรลล์สร้างเรเชลเพื่อให้เธอ "ตั้งท้อง" ตั้งแต่แรก
[2] วอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงทำไม?
วอลเลซเห็นตัวเองเป็น"พระเจ้า" ของเหล่าเรพพลิแคนท์ที่เขาสร้าง เขามองพวกมนุษย์เทียมเหมือนลูก และเรียกลูกๆ ว่า "นางฟ้า" สื่อเรื่องนางฟ้าต้องทำทุกอย่างตามประสงค์พระเจ้า
เขาประสงค์สร้างมนุษย์เทียมที่มีลูกเองได้ เพื่อเพิ่มจำนวนไว้ใช้แรงงานเยอะๆ
เมื่อมีแรงงานมากพอ แม้โลกเสื่อมโทรม แต่การฟื้นฟูความรุ่งเรืองแก่อารยธรรมมนุษย์คงไม่ยากเกินกำลังอีกต่อไป
ฉะนั้นพอตรวจสอบดูว่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงตัวล่าสุดที่สร้างไม่สามารถตั้งครรภ์ แล้วยังรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเรเชลเข้า
วอลเลซย่อมเห็นว่านางฟ้าผู้มิอาจทำตามประสงค์พระเจ้าได้ คือของไร้ค่า.....
[3] จอย(Joi) รักเคจริงหรือเปล่า?
เรพพลิแคนท์สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชีวภาพ มีรหัสพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ-DNA) มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ เรียกว่าใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนตร์หลายขุม สามารถมีความรักได้แน่
ขณะที่จอยนั้นสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
การตั้งชื่อมนุษย์ให้เคว่า "โจ" หรือพยายามมีตัวตน จนไปเรียกเรพพลิแคนท์สาวมาฉายภาพคลุมทับแล้วสานสัมพันธ์กับเค อาจดูเป็นการกระทำของสิ่งมีจิตใจ
ทว่าชื่อโจก็แค่ชื่อผู้ชายฝรั่งมาตรฐาน-เหมือนหาชื่อมาเรีียกไปงั้นๆ ส่วนการพยายามมีตัวตนก็มองได้ว่าเป็นเพียงการสนองความต้องการเคเฉยๆ
ดังนั้นคำถามนี้คงไม่สามารถฟันธงตอบให้ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าปัญญาประดิษฐ์ในโลกเบลดรันเนอร์ก้าวหน้าถึงระดับไหน
[4] ตกลงดีเอ็นเอสองชุดที่เหมือนกันนั่นคืออะไร?
เด็กสองคนไม่มีทางดีเอ็นเอเหมือนกันเป๊ะ นั่นคือดีเอ็นเอ 1 ชุดนี้เป็นของเด็กคนเดียว แค่เอาข้อมูลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชาย (มนุษย์แท้ๆ) ใส่ในฐานข้อมูล ให้ตามสืบไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบทางตันเท่านั้น
เริ่มจากส่งทั้งเด็กผู้หญิง(ลูกเรเชล) กับเด็กผู้ชาย ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน
-> ใส่ข้อมูลดีเอ็นเอเด็กชาย
-> คัดลอกดีเอ็นเอเด็กชายทับข้อมูลเด็กหญิง
-> เอาเฉพาะเด็กหญิงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
-> ทำลายบันทึกเด็กทั้งสอง ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้ง
เด็กชายถ้ายังไม่ตายอาจหาตัวเจอ แต่ไม่มีทางหาเด็กหญิงเจอจากข้อมูลดีเอ็นเอแน่นอน
[5] เครู้ได้ไงว่านักสร้างความทรงจำคือลูกสาวเดคคาร์ด?
ตอนดร.แอนนา สติลลีน(Dr. Ana Stelline) มองความทรงจำเรื่องม้าไม้ของเค เธอร้องไห้แล้วบอกว่าความทรงจำนี้เคยเกิดขึ้นจริง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ว่า ความทรงจำนี้เป็นของเธอ (ไม่งั้นแค่เห็นเด็กโดนแกล้ง+ซ่อนม้าไม้คงไม่ถึงขั้นร้องไห้หรอก)
เธอไม่บอกความจริงเพราะเคคือเบลดรันเนอร์ การปลูกถ่ายความทรงจำของจริงผิดกฎหมาย
เธอไม่อยากโดนเคจับตัวเลยบอกอ้อมๆ ว่านี่คือความทรงจำเคแทน
และคาดว่าเธอแอบกระจายใส่ความทรงจำของตัวเองแก่พวกเรพพลิแคนท์ ทำให้เธอเป็นนักสร้างความทรงจำที่ประสบความสำเร็จสูง (แอบโกงนี่หว่า :P)
พอเครู้ว่าลูกเดคคาร์ด-เรเชลเป็นเด็กผู้หญิงเลยปะติดปะต่อได้ทีหลัง
ฉากท้ายเรื่องที่เขาพาเดคคาร์ดไปหาลูกสาวถึงได้กล่าวว่า "ความทรงจำที่ดีทั้งหมดคือของเธอ"
[6] ทำไมวอลเลซสนใจเดคคาร์ดนัก ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน?
เดคคาร์ดไม่รู้ลูกอยู่ไหน แต่รู้จักเรพพลิแคนท์ที่ช่วยซ่อนลูกเขา ถ้าเค้นข้อมูลจากเดคคาร์ดได้จะตามหาลูกเขาง่ายขึ้น (กลุ่มปฏิวัติ-พวกเรพพลิแคนท์ที่ช่วยเคหลังโดนเล่นงานและเดคคาร์ดถูกจับตัว จึงบอกให้เคฆ่าเดคคาร์ด)
[7] ตกลงเดคคาร์ดคืือเรพพลิแคนท์หรือเปล่า?
เรื่องนี้ผ่านมา 35 ปีก็ยังไม่ชัดเจน เพราะตอนภาคแรกริดลีย์ สก็อตผู้กำกับอยากหักมุมตอนจบหนังว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์
ทว่าแฮริสัน ฟอร์ดผู้รับบทเดคคาร์ดไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่ามันทรยศคนดูหนังที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง
(สมัยฉายโรง ผู้สร้างคิดเหมือนแฮริสัน ฟอร์ด แต่หนังเรื่องนี้มีกระแสต่อเนื่องจนออกแผ่นหนังฉบับตัดต่อใหม่หลายแบบ ทำให้ริดลีย์ใส่เรื่องพระเอกเป็นมนุษย์เทียมได้ตามใจทีหลัง)
สมัยนั้นริดลีย์บอกใบ้โดยให้เดคคาร์ดฝันเห็นม้ามีเขา-ยูนิคอร์น แล้วเพื่อนร่วมงานชื่อกาฟ(Gaff) พับกระดาษรูปยูนิคอร์นวางไว้ให้เดคคาร์ดเห็นตอนพาเรเชลหนีตามกันไป สื่อว่าฝันเดคคาร์ดคือความทรงจำที่สร้างขึ้น = เขาคือมนุษย์เทียมนั่นเอง
กาฟ
ภาค 2049 กาฟปรากฏตัวในบ้านพักคนชรา คุยกับเค ว่า "ในดวงตาเดคคาร์ดมีบางอย่างอยู่" (การตรวจสอบว่าเป็นคนหรือเรพพลิแคนท์ มีการสังเกตม่านตารวมอยู่ด้วย) แถมวอลเลซกล่าวกับเดคคาร์ดทำนองว่าเขาถูกสร้างขึ้น พร้อมกำหนดให้พบรักเรเชลและมีลูกกัน(โดยไทเรลล์)อีก
แต่การตอบโต้ว่า "ฉันรู้ว่าอะไรที่มันจริง" ประโยคเดียวของเดคคาร์ดก็มากพอจะปฏิเสธว่าเขาคือมนุษย์เทียมแล้ว คำถามข้อนี้จึงเป็นอีกข้อที่ไม่สามารถฟันธงคำตอบให้แน่ชัดได้
[8] ลูกเรเชล-เดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ หรือลูกครึ่งเรพพลิแคนท์กับมนุษย์
สืบเนื่องจากการที่เราไม่รู้ว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือไม่ ทำให้ตอบคำถามนี้ไม่ได้
เพียงแต่การเป็นเรพพลิแคนท์หรือลูกครึ่ง หากสังคมรับรู้จะสร้างปัญหาไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเรพพลิแคนท์สืบพันธ์ุเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ได้ แปลว่าสามารถเพิ่มจำนวนเองได้ เส้นแบ่งระหว่างสองเผ่าพันธ์ุลดลง การกดขี่เรพพลิแคนท์ลงเป็นทาสย่อมมิอาจยอมรับ สร้างความร้าวฉานแก่กันหนักข้อกว่าเดิม
ปฏิวัติกันเหอะพวกเรา
[9] อะไรดลใจให้เลิฟจูบเคตอนสู้กัน แทนที่จะฆ่าเคเสียตอนสบโอกาส?
ฉากเลิฟเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท เธอกล่าวทำนองว่าเรพพลิแคนท์สามารถปรับแต่งนิสัย-ความสามารถ-หน้าตาได้ตามต้องการ
วอลเลซสร้างเลิฟให้บูชาเขา
เธอจึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่เธอบูชา-> เลียนแบบตอนวอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิง
ด้วยการแทงหนึ่งครั้ง, จุมพิตริมฝีปาก ก่อนปล่อยอีกฝ่ายเลือดไหลทรุดลงไปกองบนพื้น
[10] ทำไมเคไม่ฆ่าเดคคาร์ดตามคำขอของกลุ่มปฏิวัติ?
ช่วงเคยังทำงานเบลดรันเนอร์จะสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุข แค่ทำตามคำสั่งไปวันๆ พอคิดว่าตนคือลูกเดคคาร์ด+ต้องละทิ้งหน้าที่จึงได้รู้สึกมีความสำคัญ, มีอิสระในชีวิต-ไม่ต้องทำตามคำสั่ง
เพราะฉะนั้นการไว้ชีวิตเดคคาร์ดคือการแสดงออกถึงอิสระในการตัดสินใจของเขา แถมเขาเคยคิดว่าเดคคาร์ดเป็นพ่อตัวเองช่วงหนึ่ง การเกิดเยื่อใยอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนทำเพื่อเดคคาร์ดคงไม่ใช่เรื่องแปลก
[11] ตอนจบเคตายใช่ไหม?
ตอนจบเราจะเห็นสีข้างเคที่โดนเลิฟแทงเลือดไหลอย่างหนัก เพลงประกอบหนังที่เล่นในฉากเคล้มตัวลงนอนบนขั้นบันไดกลางหิมะ คือเพลงเดียวกับในฉากการตายของรอย แบตตี้(Roy Batty)เรพพลิแคนท์จากหนังภาคแรก
สื่อว่าเคทำตามเจตจำนงของตน เสียสละชีวิต ช่วยเหลือเดคคาร์ดและลูกให้พบหน้ากันในที่สุด
[ สรุปว่าสุดท้าย พระเอกตายจริงครับ T_T ]
แปลและเรียบเรียงจาก uproxx.com/movies
COMMENTS