นิยายภาพ Avatar: The High Ground คือเหตุการณ์หลัง Avatar (2009) ตามไทม์ไลน์ 14 ปี มันถูกกำหนดว่าจะมี 3 ตอน โดยดัดแปลงจากบทภาพยนตร์ยาว 130 หน...
นิยายภาพ Avatar: The High Ground คือเหตุการณ์หลัง Avatar (2009) ตามไทม์ไลน์ 14 ปี
มันถูกกำหนดว่าจะมี 3 ตอน โดยดัดแปลงจากบทภาพยนตร์ยาว 130 หน้า, ที่เจมส์ คาเมรอนเคยลิขิตว่า อยากใช้ผลิตหนังภาคสอง
ฉะนั้นนี่ก็คือ [ภาค 1.5] ที่ขยายความเรื่องราว ในช่วงต้นของ The Way of Water
แม้เจค ซัลลี่เคย ใช้ตำแหน่งโทรุคมัคโตและการสนับสนุนจากเอวา ขับไล่อาร์ดีเอจนสำเร็จ
แต่หลังจากนั้นไม่มีสักวัน ที่เขาจะอยู่ได้โดยมินึกถึง ความสูญเสียและความตายมากมาย
(อันเกิดคราวโฮมทรีโดนโค่นล้ม และการยุทธปกป้องรุกขชาติแห่งวิญญาณ)
หรือหวั่นเกรงว่าสักวัน พวกมนุษย์จะแห่แหนกันมารุกรานอีก (เพราะดาวโลกน่ะ ไม่มีอนาคตเหลือละ)
เมื่อสงครามจบใหม่ๆ เจคใช้ฐานะโอโลเอคาทาน (หัวหน้าเผ่า) สั่งโยกโอมาติกาย่าไร้บ้าน, ไปอาศัยเคียงเฮลส์เกต (ฐานอาร์ดีเอเก่า) ชั่วคราว
แต่การณ์ปรากฏในคอมมิคบทแรก (ของภาค 1.5) ว่าต่อมาโอมาติกาย่า
ค้นพบต้นไม้ใหญ่ต้นใหม่ (เกรททรี) ที่สมควรใช้เป็นบ้านใหม่มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างช่วงเดือนปีอันสงบสุข, เจคลงหลักปักฐานกับเนย์ทีรี่
สร้างครอบครัวอันประกอบด้วย บุตรทางสายโลหิตอย่าง เนเทยัม, โลอัค, ทุคทิเรย์ (Tuktirey) กะบุตรเลี้ยงแบบคีรี, และแอบจำใจดูแล ตัวแถมแบบไมล์ส โซคอร์โร (ฉายาสไปเดอร์)
ซึ่งไม่ได้มีเพียงครอบครัวเจค, ที่รับเลี้ยงเด็กๆ ผู้ 'กำพร้าเพราะสงคราม' โดยไม่เลือกว่าคือนาวีหรือมนุษย์
แต่นี่คือพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่บนแพนดอร่า หลายคนเลือกทำ (ไม่ว่าเผ่าใดเชื้อสายใด)
วันนึงโลอัคที่ยังอายุน้อย (ลูกชายทางสายเลือดคนรอง) รบเร้าพ่อ ขอเข้ารับการทดสอบของนักรบ, เลือกอิกรานคู่ใจ
แต่เขาไม่อาจกำราบเจ้าสัตว์ปีกได้ ในความพยายามครั้งแรก เหมือนพ่อกับพี่ชาย
เจคผู้ใจหายใจคว่ำ กลัวว่าลูกจะวายปราณ, สั่งห้ามบุตรรับการทดสอบอีก
ทว่าเนย์ทีรี่ก็เกลี้ยกล่อม ให้เจคผ่อนคลายลง, จนโลอัคได้ลองซ้ำ แล้วทำสำเร็จ
โอมาติกาย่าจัดงานรื่นเริง เฉลิมฉลองความสำเร็จของโลอัค
แต่เนย์ทีรี่แสดงท่าทีอารมณ์บ่จอย ที่คีรีดันพาสไปเดอร์ (ไมล์ส โซคอร์โร) มาร่วมงาน
เจคพยายามขอนาวีผู้จัดพิธี กล่าวถึงการเตรียมรับมือคนจากท้องฟ้า (มนุษย์จากโลก)
ทว่าไม่มีใครอยาก ให้เขาทำลายบรรยากาศ ซึ่งกำลังครื้นเครง
คีรีหนีบสไปเดอร์ขึ้นอิกราน (ที่เธอไม่ได้ปราบพยศ ตามแบบฉบับโอมาติกาย่า, แต่ใช้วิธีขอเป็นเพื่อนกับมัน อย่างละมุนละม่อม)
พาแยกไปเที่ยวกันเองสองต่อสอง เพื่อปลอบใจ (หลังเนย์ทีรี่ทำร้ายความรู้สึกใส่)
แล้วกำชับว่าเธอเห็นเค้า เป็นพี่น้องอีกคนจริง
ฟากเจคเองก็ยังหวั่นใจ ในตัวสไปเดอร์บ้าง
เขานึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีก่อน ตอนอาร์ดีเอยังอยู่เฮลส์เกต
เขารู้จักหนึ่งในทหารรับจ้างหญิง (ปาซ โซคอร์โร) ที่มีลูกกับเพื่อนร่วมอาชีพ, ก่อนเธอเสียชีวิตเมื่อศึกโค่นล้มโฮมทรี
ดังนั้นแม้เด็กคนนี้ เกิดและโตบนแพนดอร่าโดยสมบูรณ์
ทว่าลูกไม้จะหล่น ได้ไกลต้นจริงหรือ ? ในเมื่อมีทั้งพ่อและแม่ เป็นทหารที่อยู่ฝั่งผู้ไล่ฆ่า ชาวนาวี
หลังเจค & เนย์ทีรี่ส่งลูกๆ เข้านอน, พวกเขาทั้งสอง ออกเดตยามค่ำคืน
ก่อนสายตาปะเข้ากับ แสงสว่างผิดธรรมชาติบนฟากฟ้า
มันมิใช่อะไรนอกจาก อาร์ดีเอที่กลับมาบุกแพนดอร่า
ว่าแล้วก็เรียกชุมนุมชาวเผ่า เพื่อป่าวประกาศให้ทุกคนย้ายจากเกรททรี สู่เทือกเขาฮัลเลลูยาห์ (กลุ่มภูเขาลอยฟ้า)
เป็นการรับประกันว่า ถ้าเปิดศึกกับอาร์ดีเอเมื่อไหร่, พวกเขาจะไม่สูญเสีย บ้านที่แท้จริงอีก
ณ โลกมืด หรือนิลภพ (Black World) ซึ่งเป็นศัพท์ที่ชาวนาวี ใช้เรียก "อวกาศ"
นายพลหญิงฟรานเชส อาร์ดมอร์ (Frances Ardmore) ผู้นำกองยานของอาร์ดีเอจำนวน 10 ลำ
กำชับเหล่าทัพให้ตระหนักถึงหน้าที่ ในการเปลี่ยนแพนดอร่าสู่ บ้านใหม่ของมวลมนุษยชาติ
และสังหาร 'เจค ซัลลี่' ที่คือหัวใจกลุ่มต่อต้าน เมื่อสบโอกาสซะ
ด้านเจคเรียกระดมพวกพ้อง (ทั้งมนุษย์และนาวี) ซักซ้อมยุทธวิธีรบในอวกาศ
การณ์ปรากฏว่าเขาเปิดคอร์ส สอนต่อสู้กลางสภาพไร้แรงโน้มถ่วง
บนซากยานเก่าของอาร์ดีเอ (ที่ถูกทิ้งไว้เป็นขยะชิ้นใหญ่ เหนือชั้นบรรยากาศ) มาประมาณ 7 ปีละ
เจควางแผนมาตลอดว่าจะจู่โจม กองยานของอาร์ดีเอ, ก่อนเข้าเขตวงโคจรของแพนดอร่า
เพื่อชิงลงมือก่อน มองหาความได้เปรียบ, เหมือนเวลาทำศึก โดยเข้าตีจากจุดที่สูงกว่า (The High Ground)
เจคโดนผู้อาวุโสนาวี เรียกประชุมยืดยาว ก่อนข้อสรุปจะออกมา
ว่าผู้อาวุโสสั่งห้าม จู่โจมพวกมนุษย์ก่อน, เพราะอยากลองยื่น 'ข้อเสนอสันติภาพ'
เจครู้ดีว่าอาร์ดีเอ ไม่มีทางยอมตามน้ำจริงแน่, เลยเมินเฉยคำสั่ง
ก่อนตระหนักว่า พวกลูกๆ ของตัวเอง หายไปไหนกันหมดไม่ทราบ
เนเทยัม (ลูกชายคนโตสุด) แจ้งว่าพวกน้องๆ ออกไปเที่ยวเล่น
เพราะเบื่อการประชุม ที่ผู้ใหญ่พล่ามน้ำท่วมทุ่ง
แต่ปัญหาคือพวกนั้น เปล่าเอาอากาศสำรอง ของสไปเดอร์ไปด้วย (มนุษย์สูดหายใจในบรรยากาศ ของแพนดอร่าโดยตรงไม่ได้)
จึงกลายเป็นเหตุวุ่นวาย พวกผู้ใหญ่ (ทั้งมนุษย์และนาวี) ต้องเรียกระดมพลออกตามหา กันจ้าละหวั่น
ถึงโชคดีที่ตามเจอทัน แต่เนย์ทีรี่ที่เหม็นหน้าสไปเดอร์เป็นทุนเดิม ก็เปิดฉากปะทะคารม, โทษว่างานนี้ มนุษย์ต่างดาวอย่างเอ็ง คือคนผิด
สไปเดอร์เลยตอบโต้ว่ากระผม ไม่ใช่คนเดียวกันกับพ่อแม่แท้ๆ และคิดว่าตัวเองเป็นชาวแพนดอร่าเต็มขั้น, จะมาหมั่นไส้เพื่อ ?
สไปเดอร์ ถูกพ่อเลี้ยงตัวจริงเวลานั้น (มนุษย์) เรียกกลับบ้าน
แต่ไอ้หนูดันปฏิเสธพ่อเลี้ยง แล้วยังตามติดครอบครัวซัลลี่, แม้เพิ่งปะทะคารมกะเนย์ทีรี่เสร็จหมาด ๆ
ฝั่งนายพลหญิง ยื่นข้อเสนอให้พวกอาร์ดีเอเก่า ที่เคยเลือกช่วยนาวี, ย้ายข้างกลับสู่พวกพ้องร่วมสปีชีส์
โดยจะยอมนิรโทษกรรม ไม่นับความผิดใดๆ (แถมจ่ายเงินเดือนย้อนหลัง)
พวกคนที่ไม่อยาก ให้ลูกหลานต้องใส่หน้ากาก ยามออกนอกที่พักอาศัยทั้งชีวิต, จึงเลือกเทเจค ซัลลี่ เสียเกินครึ่ง
ทว่าเจคยังไม่ล้มเลิก ความคิดที่จะเปิดศึก
COMMENTS