จุดกำเนิดแฟรนไชส์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส คือของเล่นหุ่นยนต์ที่มีลูกเล่นเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งของ, สิ่งมีชีวิต หรือยานพาหนะต่างๆ ซึ่ง 'ฮาสโบร' ...
จุดกำเนิดแฟรนไชส์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส คือของเล่นหุ่นยนต์ที่มีลูกเล่นเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งของ, สิ่งมีชีวิต หรือยานพาหนะต่างๆ ซึ่ง 'ฮาสโบร' บริษัทผลิตของเล่นรายใหญ่ในอเมริกา เริ่มจัดจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปี 1980s และได้รับความนิยมกับต่อยอดเล่าเรื่องราวประกอบ สู่สื่อบันเทิงหลายแขนง เช่น ตีพิมพ์หนังสือการ์ตูน, สร้างอนิเมชั่นฉบับฉายโทรทัศน์, สร้างอนิเมชั่นฉบับหนังโรง
ค.ศ. 2007 ภาพยนตร์คนแสดงจัดเต็มเทคนิคพิเศษด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก อันว่าด้วยเรื่องของเหล่าสิ่งมีชีวิตจักรกลจากดาวดวงอื่น, หุ่นยนต์ที่สามารถเปลี่ยนร่างของตนให้กลายเป็นสิ่งต่างๆ บนโลก เพื่อแฝงตัวอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษยชาติโดยที่เราไม่ตระหนักได้ "Transformers-ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" ภาคแรกออกฉาย
แม้คำวิจารณ์ใช่ว่าสวยหรู แต่ค่อนข้างประสบความสำเร็จด้านรายได้ ส่งผลให้ภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของ "ไมเคิล เบย์" ผู้ถนัดด้านผลิตฉากบู๊ระเบิดภูเขาเผาเมืองวอดวาย กลายเป็นแฟรนไชส์หนังฮิตเรื่องใหม่
ทรานส์ฟอร์เมอร์ออกภาคต่อตามมาเรื่อยๆ 4 ภาค คือ Revenge of the Fallen (2009), Dark of the Moon (2011), Age of Extinction (2014) และ The Last Knight (2017) ซึ่งไมเคิล เบย์กำกับทุกภาค และมักทำเงินอย่างงามสวนทางคำวิจารณ์อยู่ร่ำไป
ค.ศ. 2007 ภาพยนตร์คนแสดงจัดเต็มเทคนิคพิเศษด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก อันว่าด้วยเรื่องของเหล่าสิ่งมีชีวิตจักรกลจากดาวดวงอื่น, หุ่นยนต์ที่สามารถเปลี่ยนร่างของตนให้กลายเป็นสิ่งต่างๆ บนโลก เพื่อแฝงตัวอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษยชาติโดยที่เราไม่ตระหนักได้ "Transformers-ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" ภาคแรกออกฉาย
แม้คำวิจารณ์ใช่ว่าสวยหรู แต่ค่อนข้างประสบความสำเร็จด้านรายได้ ส่งผลให้ภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของ "ไมเคิล เบย์" ผู้ถนัดด้านผลิตฉากบู๊ระเบิดภูเขาเผาเมืองวอดวาย กลายเป็นแฟรนไชส์หนังฮิตเรื่องใหม่
ทรานส์ฟอร์เมอร์ออกภาคต่อตามมาเรื่อยๆ 4 ภาค คือ Revenge of the Fallen (2009), Dark of the Moon (2011), Age of Extinction (2014) และ The Last Knight (2017) ซึ่งไมเคิล เบย์กำกับทุกภาค และมักทำเงินอย่างงามสวนทางคำวิจารณ์อยู่ร่ำไป
อย่างไรก็ตาม Last Knight ถือว่ารายได้ ต่ำกว่าภาคก่อนๆ พอดู
สุดท้ายจักรวาลของเหล่าจักรกล จึงเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ใน Bumblebee (2018)
อนึ่ง บทความนี้คือการเรียบเรียงไทม์ไลน์ของ
จักรวาลทรานส์ฟอร์เมอร์ส (ทั้งคอมมิคและหนัง แบบจับมาขยำรวมกัน)
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ณ อดีตแสนไกลไม่ทราบช่วงเวลาแน่ชัด ดาวเคราะห์โลกก่อตัวขึ้นปกคลุมจักรกลมีชีวิตขนาดยักษ์ 'ยูนิคอร์น' ที่หลับใหล
65 ล้านปีก่อน, เผ่าพันธ์ุชีวจักรกลลึกลับ 'ผู้สร้าง' (the Creators) ที่หว่านเมล็ดพันธุ์ (seeds) สำหรับสร้างโลหะทรานส์ฟอร์เมี่ยมซึ่งมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้บนดาวหลายดวง ได้แวะมาหว่านเมล็ดใส่พื้นผิวโลก
เปลี่ยนโลกให้เต็มไปด้วยโลหะต่างดาว สร้างหายนะแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย กลายเป็นยุคที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ สายพันธุ์ไดโนเสาร์ถึงคราววิบัติ
ผู้สร้างเก็บเกี่ยวโลหะพิเศษไปใช้สร้างดาว 'ไซเบอร์ตรอน' และเติมแต่งสิ่งมีชีวิตให้ ด้วยการใช้ลูกบาศก์ 'ออลสปาร์ค' ผลิตเผ่าพันธุ์หุ่นยนต์นักสำรวจขึ้น
(ซึ่งภายหลังแม่มด 'ควินเทสซา' อ้างว่าตัวเองคือผู้สร้างเหล่าหุ่นยนต์โดยไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงแท้แค่ไหน)
ออลสปาร์คสร้างชีวิต
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ชาวไซเบอร์ตรอนมิได้รับรู้ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ตน และบูชาออลสปาร์คในฐานะสิ่งที่สร้างพวกเขา ทึกทักเอาเองว่าสรรพชีวิตก่อเกิดตอนมันหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ชาวไซเบอร์ตรอนพวกแรกที่ถูกสร้างคือเหล่า 'ไพรมัส' ที่สามารถเดินทางข้ามห้วงจักรวาลได้ด้วยการกระโดดข้ามห้วงมิติ ผ่านโลงหินรูปสามเหลี่ยม
พวกไพรม์ใช้ชีวิตสบายๆ จนกระทั่งพบเรื่องให้วิตก คือพลังของออลสปาร์คเริ่มเสื่อมถอย
ต้องใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงาน 'เอเนอร์กอน' ชาร์จเพิ่มให้
แต่จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล ลำพังพวกไพรม์ควานหาดวงอาทิตย์เหมาะๆ มาชาร์จออลสปาร์คไม่ไหว
ออลสปาร์คจึงสนองความจำเป็น ด้วยการสร้างชาวไซเบอร์ตรอนอีกมากมายหลายต่อหลายรุ่นให้เป็นผู้ติดตามช่วยเหลือ
ซึ่งพวกที่ถูกสร้างใหม่นี้สามารถใช้ประโยชน์ธาตุทรานส์ฟอร์เมี่ยม
เปลี่ยนรูปแบบร่างกายให้เหมาะแก่การทำงานต่างๆ
อย่างเช่น ออกสำรวจค้นหาดวงตะวันใหม่ หรือผลิตเครื่องจักรสำหรับเก็บเกี่ยวดวงดาวที่เปลี่ยนพลังงานดวงอาทิตย์สู่เอเนอร์กอน
และออลสปาร์คก็สร้าง 'เมทริกซ์แห่งผู้นำ' กุญแจที่ใช้เปิดเครื่องจักรเก็บเกี่ยวดาวแถมมาด้วย
เมทริกซ์
ในหมู่ทรานส์ฟอร์เมอร์สรุ่นแรกๆ (ถัดจากไพรม์) มีทั้งผู้สืบทอดเหล่าไพรม์นาม "ออพติมัส"
และกลุ่มนักรบที่รูปลักษณ์กับความสามารถค่อนข้างเฉพาะตัว อย่างพวกหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์ของโลก(ไดโนบอทส์) หรือพวกหุ่นที่รวมร่างกลายเป็นมังกร 3 หัวได้
อยู่มาวันหนึ่ง ไพรม์ตนนึงคิดแหกกฎห้ามเก็บเกี่ยวตะวันในระบบสุริยะที่มีสิ่งมีชีวิต เลยรวบรวมสมัครพรรคพวกชาวไซเบอร์ตรอนบางส่วนมาตั้งกลุ่ม "ดีเซปติคอนส์" รับใช้เขา
กับลองสร้างเมทริกซ์จำลอง เตรียมแอบไพรม์คนอื่นเดินเครื่องเก็บเกี่ยว
แต่โชคร้ายพลังงานไหลย้อนกลับเข้าร่าง ส่งผลให้เสียสติสมบูรณ์แบบ และโดนสมาคมไพรม์ขับไล่ในฐานะผู้ร่วงหล่น (The Fallen/ฟอลเล่น)
17,000 ถึง 10,000 ปีก่อนคริสตกาล
17,000 ปีก่อนคริสตกาล, ฟอลเล่นพากลุ่มดีเซปติคอนส์เยือนโลกา เดินเครื่องเก็บเกี่ยว
ขณะเหล่าไพรม์เข้าขัดขวาง
ดีเซปติคอนส์นามเจ็ทไฟร์เกิดทนความโฉดฟอลเล่นไม่ไหว ก่อกบฏพาดีเซปติคอนส์บางส่วนวาร์ปหนี
แต่ฟอลเล่นยังแข็งแกร่งเกินคาด จนเหลือไพรม์เพียงคนเดียวสู้ไหว
เมื่อแลดูชนะไม่ได้ เขาจึงใช้พลังชีวิตตนหลอมรวมกับไพรม์คนอื่นๆ ที่ร่วงไปก่อน
ส่งฟอลเล่นสู่ต่างมิติกักขังไว้ในโลงหินรูปสามเหลี่ยม และเปลี่ยนร่างกายของตนกับเหล่าไพรม์เป็นสุสานที่บรรจุเมทริกซ์
เมื่อชาร์จออลสปาร์คไม่ได้อีก 7,000 ปีต่อมาก็แบตเตอรี่หมด
ไซเบอร์ตรอนเกิดสงครามแก่งแย่งทรัพยากรวุ่นวาย ซึ่งพลอยทำลายร่องรอยการปกครองของเหล่าไพรม์ และบรรดาผู้สืบทอดไปด้วย
ยกเว้นแค่สองคนคือ ออพติมัสที่ไม่ทราบชาติกำเนิดแท้จริงของตนกับ 'เซนทิเนลไพรม์'
เซนทิเนลไพรม์เรียกออพติมัสมาข้างกาย+รวมกลุ่มชาวไซเบอร์ตรอนจำนวนนึง ช่วยกันหาออลสปาร์คที่สูญหายเพราะกาลเวลาจนเจอ
และนักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง/วีลแจ๊ค ก็ค้นพบวิธีดึงดวงอาทิตย์ข้ามมิติเข้าใกล้ไซเบอร์ตรอน
ทำให้ชาร์จออลสปาร์คได้, แก้ไขวิกฤตการณ์สำเร็จ
วีลแจ๊ค หุ่นฝ่ายดีที่มีบทในหนังภาค 3
เซนทิเนลเฉลยเรื่องออพติมัส = ไพรม์ เสนอให้เขารวมไซเบอร์ตรอนเป็นหนึ่งและขึ้นปกครอง ทว่าออพติมัสดันไม่เชื่อว่าเขาคือไพรม์
การปกครองบนไซเบอร์ตรอนเลยแบ่งเป็น 2 ฝักฝ่าย คือฝ่ายวิทยาศาสตร์อันนำโดยออพติมัส
กับฝ่ายทหารอันนำโดย "เมกาตรอน" สหายเขา
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน, ช็อคเวฟเจอเจ้าดริลเลอร์/หนอนจักรกลสายพันธุ์นักล่าที่อาศัยใต้ผืนดินไซเบอร์ตรอน และศึกษาหาวิธีกล่อมมันเสียเชื่อง กลายเป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว
ปะเหมาะเคราะห์ร้าย แผนกวิทยาศาสตร์ของออพติมัสขุดเจอโลงหินขังฟอลเล่นเข้า
ฟอลเล่นจึงได้โอกาสเริ่มจูงจมูกเมกาตรอนผู้โลภในอำนาจให้ทำตามต้องการ โดยสนทนาสอนสั่งผ่านโลงและรับเมกาตรอนเป็นลูกศิษย์
เมกาตรอนโดนอิทธิพลฟอลเล่นครอบงำ เริ่มปกครองดาวแบบเผด็จการ เปลี่ยนกองทหารคุ้มกันไซเบอร์ตรอน สู่กองทัพสำหรับรุกรานดาวชาวบ้าน
ส่วนฝั่งออพติมัสขุดค้นพบร่องรอยที่บ่งชี้ว่าเซนทิเนลไพรม์พูดความจริง, ออพติมัสคือผู้สืบทอดไพรม์
เขาเลยรวบรวมผู้ติดตามตั้งกลุ่ม "ออโตบอทส์" ต่อต้านเมกาตรอน
เมกาตรอนดำเนินการสร้างยานอวกาศ 'เนเมซิส' เพราะฟอลเล่นชี้แนะ
ด้านออโตบอทส์ปรับปรุงยานเก่าๆ 'อาร์ค' ขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์
ไม่นานหลังจากนั้น เนเมซิสอันมีซาวด์เวฟประจำตำแหน่งกัปตัน เดินทางออกจากไซเบอร์ตรอนพร้อมโลงหินขังฟอลเล่นสู่ดาวโลก
เนื่องจากกองกำลังดีเซปติคอนส์โดนดึงไปเตรียมบุกโลกอยู่บนยานเนเมซิสซะเยอะ
ฟากออโตบอทส์ที่กำลังพลเคยน้อยกว่าจึงได้ฤกษ์เปิดสงครามเต็มรูปแบบ
สงครามระหว่างกองทัพออโตบอทส์ของออพติมัส กับดีเซปติคอนส์ของเมกาตรอนดำเนินไปอย่างต่อเนื่องนานหลายปีดีดัก
ช่วงนี้ฝ่ายดีเซปติคอนส์มีการพบเทคโนโลยีโบราณที่ผสานแกนพลังงานได้ และทำวิศวกรรมย้อนกลับลองสร้างหุ่นประกอบร่างดีวาสเตเตอร์ขึ้น
10,000 ปีก่อนคริสตกาล และหลังจากนั้น
ขณะดาวใกล้พินาศเพราะสงคราม เซนทิเนลไพรม์ยอมทำข้อตกลงกับเมกาตรอน ว่าจะร่วมมือกันหาดาวดวงอื่นมาเป็นแหล่งทรัพยากรแก่มาตุภูมิ
เซนทิเนลรื้อฟื้นเทคโนโลยีที่สาบสูญของไพรม์ขึ้นใหม่ ผลิตแท่งเสานับร้อยซึ่งใช้สร้างสะพานมิติสำหรับดึงดาวไซเบอร์ตรอนเดินทางข้ามจักรวาลสู่เป้าหมาย โดยหลอกใช้แรงงานของออโตบอทส์ (อ้างว่าจะใช้สะพานส่งกำลังบำรุงกองทัพ)
เผอิญสตาร์สครีมไม่รู้เรื่องข้อตกลงลับของเซนทิเนลกับเมกาตรอนหัวหน้าเขา
เลยโจมตียานอาร์คบรรทุกเสาที่เซนทิเนลโดยสาร แผนการจึงล้มเหลว
เหล่าออโตบอทส์คิดว่าเซนทิเนลเสียชีวิต+แท่งเสาถูกทำลายพร้อมยานหมด
แต่ที่จริงยานอาร์คแค่ติดในห้วงมิติเวลาเพราะสะพานข้ามมิติ
ออพติมัสไพรม์ต้องการหยุดความวุ่นวาย ก่อนจะไม่เหลือสิ่งใดให้ปกป้อง
เดินแผนบุกชิงออลสปาร์คส่งออกนอกอวกาศพ้นจากไซเบอร์ตรอนจนสำเร็จ
เมกาตรอนจึงเปลี่ยนสู่ร่างรูปแบบยาน พุ่งตามไปกลางความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
ออลสปาร์คถูกเครื่องเก็บเกี่ยวดึงดูดสู่ดาวเคราะห์โลก ตกลงแถวรัฐโคโลราโด ประเทศอเมริกา
ระหว่างติดตามออลสปาร์ค
เมกาตรอนพบยานเนเมซิสหลังเจออุบัติเหตุ ชำรุดเสียหายลอยเท้งเต้งกลางอวกาศ+ลูกเรือสละยานสิ้น
แต่ฟอลเล่นในโลงหินสั่งให้ทิ้งตนไว้ ไปตามออลสปาร์คต่อ
เมกาตรอนตามต่อถึงโลก ทว่าระบบนำทางทำงานผิดพลาดร่วงลงขั้วโลกเหนือโดนแช่แข็ง ติดแหงกคาสภาวะจำศีล
อารยธรรมมนุษย์ยุคแรกเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ และผลิตสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทับร่องรอยการดำเนินกิจกรรมของเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์สก่อนหน้า
ประมาณ 2,560 ปีก่อนคริสตกาล พีระมิดแห่งกีซาเสร็จสมบูรณ์ปกคลุมอยู่บนเครื่องเก็บเกี่ยว
ราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล วิหารหินในนครเปตรา (ประเทศจอร์แดน) ถูกสร้างทับสุสานเหล่าไพรม์
ศตวรรษที่ 5
ควินเทสซาอยากคืนสภาพดาวไซเบอร์ตรอนโดยดูดพลังชีวิตจากยูนิคอร์น(โลก)
อัศวินผู้พิทักษ์ทั้ง 12 ของหล่อนจึงเห็นว่าเธอไม่ได้จิตใจงามเหมือนที่พวกตนเชื่อ
พวกเขาขโมยคทาที่ต้องใช้ยามสูบพลัง และหนีไปหลบซ่อนตัวยังโลก
จนกระทั่งคริสตศักราช 484, ชายชาวมนุษย์ชื่อ 'เมอร์ลิน' ขอความช่วยเหลือจากอัศวินหุ่นยนต์ เพื่อสนับสนุนกองทัพกษัตริย์อาเธอร์ ในการรบกับพวกแซ็กซอน
อัศวินเลยเข้ารหัสคทาด้วย DNA (รหัสพันธุกรรม) ของเมอร์ลิน และมอบคทาให้เขาใช้ควบคุมทรานส์ฟอร์เมอร์สมังกร 3 หัว
เมื่อเมอร์ลินถึงแก่กรรม, กลุ่มอัศวินนำคทาใส่ยานพวกตน แล้วดำดิ่งลงใต้มหาสมุทร
พวกเค้ายืนคุ้มกันในสภาพจำศีล รอวันควินเทสซาชิงคทาคืน ยามเมื่ออัศวินคนสุดท้าย/คนที่ 13 ปรากฏตัว
ด้านมนุษย์ก่อตั้งกลุ่ม 'วิทวิคแคนส์' คอยเฝ้าดูเหล่าทายาทของเมอร์ลิน และกลบเกลื่อนปิดบังร่องรอยของทรานส์ฟอร์เมอร์สที่มาเยือนโลกอีกเรื่อยๆ หลังจากนั้น
COMMENTS