ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ณ อดีตแสนไกลไม่ทราบช่วงเวลาแน่ชัด ดาวเคราะห์โลกก่อตัวขึ้นปกคลุมจักรกลมีชีวิตขนาดยักษ์ 'ยูนิคอร์น' ที่หลับให...
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ณ อดีตแสนไกลไม่ทราบช่วงเวลาแน่ชัด ดาวเคราะห์โลกก่อตัวขึ้นปกคลุมจักรกลมีชีวิตขนาดยักษ์ 'ยูนิคอร์น' ที่หลับใหล
65 ล้านปีก่อน, เผ่าพันธ์ุชีวจักรกลลึกลับ 'ผู้สร้าง' (the Creators) ที่หว่านเมล็ดพันธุ์ (seeds) สำหรับสร้างโลหะทรานส์ฟอร์เมี่ยมซึ่งมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้บนดาวหลายดวง ได้แวะมาหว่านเมล็ดใส่พื้นผิวโลก
เปลี่ยนโลกให้เต็มไปด้วยโลหะต่างดาว สร้างหายนะแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย กลายเป็นยุคที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ สายพันธุ์ไดโนเสาร์ถึงคราววิบัติ
ผู้สร้างเก็บเกี่ยวโลหะพิเศษไปใช้สร้างดาว 'ไซเบอร์ตรอน' และเติมแต่งสิ่งมีชีวิตให้ ด้วยการใช้ลูกบาศก์ 'ออลสปาร์ค' ผลิตเผ่าพันธุ์หุ่นยนต์นักสำรวจขึ้น
(ซึ่งภายหลังแม่มด 'ควินเทสซา' อ้างว่าตัวเองคือผู้สร้างเหล่าหุ่นยนต์โดยไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงแท้แค่ไหน)
ออลสปาร์คสร้างชีวิต
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ชาวไซเบอร์ตรอนมิได้รับรู้ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ตน และบูชาออลสปาร์คในฐานะสิ่งที่สร้างพวกเขา ทึกทักเอาเองว่าสรรพชีวิตก่อเกิดตอนมันหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ชาวไซเบอร์ตรอนพวกแรกที่ถูกสร้างคือเหล่า 'ไพรมัส' ที่สามารถเดินทางข้ามห้วงจักรวาลได้ด้วยการกระโดดข้ามห้วงมิติ ผ่านโลงหินรูปสามเหลี่ยม
พวกไพรม์ใช้ชีวิตสบายๆ จนกระทั่งพบเรื่องให้วิตก คือพลังของออลสปาร์คเริ่มเสื่อมถอย
ต้องใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงาน 'เอเนอร์กอน' ชาร์จเพิ่มให้
แต่จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล ลำพังพวกไพรม์ควานหาดวงอาทิตย์เหมาะๆ มาชาร์จออลสปาร์คไม่ไหว
ออลสปาร์คจึงสนองความจำเป็น ด้วยการสร้างชาวไซเบอร์ตรอนอีกมากมายหลายต่อหลายรุ่นให้เป็นผู้ติดตามช่วยเหลือ
ซึ่งพวกที่ถูกสร้างใหม่นี้สามารถใช้ประโยชน์ธาตุทรานส์ฟอร์เมี่ยม
เปลี่ยนรูปแบบร่างกายให้เหมาะแก่การทำงานต่างๆ
อย่างเช่น ออกสำรวจค้นหาดวงตะวันใหม่ หรือผลิตเครื่องจักรสำหรับเก็บเกี่ยวดวงดาวที่เปลี่ยนพลังงานดวงอาทิตย์สู่เอเนอร์กอน
และออลสปาร์คก็สร้าง 'เมทริกซ์แห่งผู้นำ' กุญแจที่ใช้เปิดเครื่องจักรเก็บเกี่ยวดาวแถมมาด้วย
เมทริกซ์
ในหมู่ทรานส์ฟอร์เมอร์สรุ่นแรกๆ (ถัดจากไพรม์) มีทั้งผู้สืบทอดเหล่าไพรม์นาม "ออพติมัส"
และกลุ่มนักรบที่รูปลักษณ์กับความสามารถค่อนข้างเฉพาะตัว อย่างพวกหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์ของโลก(ไดโนบอทส์) หรือพวกหุ่นที่รวมร่างกลายเป็นมังกร 3 หัวได้
อยู่มาวันหนึ่ง ไพรม์ตนนึงคิดแหกกฎห้ามเก็บเกี่ยวตะวันในระบบสุริยะที่มีสิ่งมีชีวิต เลยรวบรวมสมัครพรรคพวกชาวไซเบอร์ตรอนบางส่วนมาตั้งกลุ่ม "ดีเซปติคอนส์" รับใช้เขา
กับลองสร้างเมทริกซ์จำลอง เตรียมแอบไพรม์คนอื่นเดินเครื่องเก็บเกี่ยว
แต่โชคร้ายพลังงานไหลย้อนกลับเข้าร่าง ส่งผลให้เสียสติสมบูรณ์แบบ และโดนสมาคมไพรม์ขับไล่ในฐานะผู้ร่วงหล่น (The Fallen/ฟอลเล่น)
17,000 ถึง 10,000 ปีก่อนคริสตกาล
17,000 ปีก่อนคริสตกาล, ฟอลเล่นพากลุ่มดีเซปติคอนส์เยือนโลกา เดินเครื่องเก็บเกี่ยว
ขณะเหล่าไพรม์เข้าขัดขวาง
ดีเซปติคอนส์นามเจ็ทไฟร์เกิดทนความโฉดฟอลเล่นไม่ไหว ก่อกบฏพาดีเซปติคอนส์บางส่วนวาร์ปหนี
แต่ฟอลเล่นยังแข็งแกร่งเกินคาด จนเหลือไพรม์เพียงคนเดียวสู้ไหว
เมื่อแลดูชนะไม่ได้ เขาจึงใช้พลังชีวิตตนหลอมรวมกับไพรม์คนอื่นๆ ที่ร่วงไปก่อน
ส่งฟอลเล่นสู่ต่างมิติกักขังไว้ในโลงหินรูปสามเหลี่ยม และเปลี่ยนร่างกายของตนกับเหล่าไพรม์เป็นสุสานที่บรรจุเมทริกซ์
เมื่อชาร์จออลสปาร์คไม่ได้อีก 7,000 ปีต่อมาก็แบตเตอรี่หมด
ไซเบอร์ตรอนเกิดสงครามแก่งแย่งทรัพยากรวุ่นวาย ซึ่งพลอยทำลายร่องรอยการปกครองของเหล่าไพรม์ และบรรดาผู้สืบทอดไปด้วย
ยกเว้นแค่สองคนคือ ออพติมัสที่ไม่ทราบชาติกำเนิดแท้จริงของตนกับ 'เซนทิเนลไพรม์'
เซนทิเนลไพรม์เรียกออพติมัสมาข้างกาย+รวมกลุ่มชาวไซเบอร์ตรอนจำนวนนึง ช่วยกันหาออลสปาร์คที่สูญหายเพราะกาลเวลาจนเจอ
และนักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง/วีลแจ๊ค ก็ค้นพบวิธีดึงดวงอาทิตย์ข้ามมิติเข้าใกล้ไซเบอร์ตรอน
ทำให้ชาร์จออลสปาร์คได้, แก้ไขวิกฤตการณ์สำเร็จ
วีลแจ๊ค หุ่นฝ่ายดีที่มีบทในหนังภาค 3
เซนทิเนลเฉลยเรื่องออพติมัส = ไพรม์ เสนอให้เขารวมไซเบอร์ตรอนเป็นหนึ่งและขึ้นปกครอง ทว่าออพติมัสดันไม่เชื่อว่าเขาคือไพรม์
การปกครองบนไซเบอร์ตรอนเลยแบ่งเป็น 2 ฝักฝ่าย คือฝ่ายวิทยาศาสตร์อันนำโดยออพติมัส
กับฝ่ายทหารอันนำโดย "เมกาตรอน" สหายเขา
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน, ช็อคเวฟเจอเจ้าดริลเลอร์/หนอนจักรกลสายพันธุ์นักล่าที่อาศัยใต้ผืนดินไซเบอร์ตรอน และศึกษาหาวิธีกล่อมมันเสียเชื่อง กลายเป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว
ปะเหมาะเคราะห์ร้าย แผนกวิทยาศาสตร์ของออพติมัสขุดเจอโลงหินขังฟอลเล่นเข้า
ฟอลเล่นจึงได้โอกาสเริ่มจูงจมูกเมกาตรอนผู้โลภในอำนาจให้ทำตามต้องการ โดยสนทนาสอนสั่งผ่านโลงและรับเมกาตรอนเป็นลูกศิษย์
เมกาตรอนโดนอิทธิพลฟอลเล่นครอบงำ เริ่มปกครองดาวแบบเผด็จการ เปลี่ยนกองทหารคุ้มกันไซเบอร์ตรอน สู่กองทัพสำหรับรุกรานดาวชาวบ้าน
ส่วนฝั่งออพติมัสขุดค้นพบร่องรอยที่บ่งชี้ว่าเซนทิเนลไพรม์พูดความจริง, ออพติมัสคือผู้สืบทอดไพรม์
เขาเลยรวบรวมผู้ติดตามตั้งกลุ่ม "ออโตบอทส์" ต่อต้านเมกาตรอน
เมกาตรอนดำเนินการสร้างยานอวกาศ 'เนเมซิส' เพราะฟอลเล่นชี้แนะ
ด้านออโตบอทส์ปรับปรุงยานเก่าๆ 'อาร์ค' ขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์
ไม่นานหลังจากนั้น เนเมซิสอันมีซาวด์เวฟประจำตำแหน่งกัปตัน เดินทางออกจากไซเบอร์ตรอนพร้อมโลงหินขังฟอลเล่นสู่ดาวโลก
เนื่องจากกองกำลังดีเซปติคอนส์โดนดึงไปเตรียมบุกโลกอยู่บนยานเนเมซิสซะเยอะ
ฟากออโตบอทส์ที่กำลังพลเคยน้อยกว่าจึงได้ฤกษ์เปิดสงครามเต็มรูปแบบ
สงครามระหว่างกองทัพออโตบอทส์ของออพติมัส กับดีเซปติคอนส์ของเมกาตรอนดำเนินไปอย่างต่อเนื่องนานหลายปีดีดัก
ช่วงนี้ฝ่ายดีเซปติคอนส์มีการพบเทคโนโลยีโบราณที่ผสานแกนพลังงานได้ และทำวิศวกรรมย้อนกลับลองสร้างหุ่นประกอบร่างดีวาสเตเตอร์ขึ้น
10,000 ปีก่อนคริสตกาล และหลังจากนั้น
ขณะดาวใกล้พินาศเพราะสงคราม เซนทิเนลไพรม์ยอมทำข้อตกลงกับเมกาตรอน ว่าจะร่วมมือกันหาดาวดวงอื่นมาเป็นแหล่งทรัพยากรแก่มาตุภูมิ
เซนทิเนลรื้อฟื้นเทคโนโลยีที่สาบสูญของไพรม์ขึ้นใหม่ ผลิตแท่งเสานับร้อยซึ่งใช้สร้างสะพานมิติสำหรับดึงดาวไซเบอร์ตรอนเดินทางข้ามจักรวาลสู่เป้าหมาย โดยหลอกใช้แรงงานของออโตบอทส์ (อ้างว่าจะใช้สะพานส่งกำลังบำรุงกองทัพ)
เผอิญสตาร์สครีมไม่รู้เรื่องข้อตกลงลับของเซนทิเนลกับเมกาตรอนหัวหน้าเขา
เลยโจมตียานอาร์คบรรทุกเสาที่เซนทิเนลโดยสาร แผนการจึงล้มเหลว
เหล่าออโตบอทส์คิดว่าเซนทิเนลเสียชีวิต+แท่งเสาถูกทำลายพร้อมยานหมด
แต่ที่จริงยานอาร์คแค่ติดในห้วงมิติเวลาเพราะสะพานข้ามมิติ
ออพติมัสไพรม์ต้องการหยุดความวุ่นวาย ก่อนจะไม่เหลือสิ่งใดให้ปกป้อง
เดินแผนบุกชิงออลสปาร์คส่งออกนอกอวกาศพ้นจากไซเบอร์ตรอนจนสำเร็จ
เมกาตรอนจึงเปลี่ยนสู่ร่างรูปแบบยาน พุ่งตามไปกลางความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
ออลสปาร์คถูกเครื่องเก็บเกี่ยวดึงดูดสู่ดาวเคราะห์โลก ตกลงแถวรัฐโคโลราโด ประเทศอเมริกา
ระหว่างติดตามออลสปาร์ค
เมกาตรอนพบยานเนเมซิสหลังเจออุบัติเหตุ ชำรุดเสียหายลอยเท้งเต้งกลางอวกาศ+ลูกเรือสละยานสิ้น
แต่ฟอลเล่นในโลงหินสั่งให้ทิ้งตนไว้ ไปตามออลสปาร์คต่อ
เมกาตรอนตามต่อถึงโลก ทว่าระบบนำทางทำงานผิดพลาดร่วงลงขั้วโลกเหนือโดนแช่แข็ง ติดแหงกคาสภาวะจำศีล
อารยธรรมมนุษย์ยุคแรกเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ และผลิตสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทับร่องรอยการดำเนินกิจกรรมของเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์สก่อนหน้า
ประมาณ 2,560 ปีก่อนคริสตกาล พีระมิดแห่งกีซาเสร็จสมบูรณ์ปกคลุมอยู่บนเครื่องเก็บเกี่ยว
ราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล วิหารหินในนครเปตรา (ประเทศจอร์แดน) ถูกสร้างทับสุสานเหล่าไพรม์
ศตวรรษที่ 5
ควินเทสซาอยากคืนสภาพดาวไซเบอร์ตรอนโดยดูดพลังชีวิตจากยูนิคอร์น(โลก)
อัศวินผู้พิทักษ์ทั้ง 12 ของหล่อนจึงเห็นว่าเธอไม่ได้จิตใจงามเหมือนที่พวกตนเชื่อ
พวกเขาขโมยคทาที่ต้องใช้ยามสูบพลัง และหนีไปหลบซ่อนตัวยังโลก
จนกระทั่งคริสตศักราช 484, ชายชาวมนุษย์ชื่อ 'เมอร์ลิน' ขอความช่วยเหลือจากอัศวินหุ่นยนต์ เพื่อสนับสนุนกองทัพกษัตริย์อาเธอร์ ในการรบกับพวกแซ็กซอน
อัศวินเลยเข้ารหัสคทาด้วย DNA (รหัสพันธุกรรม) ของเมอร์ลิน และมอบคทาให้เขาใช้ควบคุมทรานส์ฟอร์เมอร์สมังกร 3 หัว
เมื่อเมอร์ลินถึงแก่กรรม, กลุ่มอัศวินนำคทาใส่ยานพวกตน แล้วดำดิ่งลงใต้มหาสมุทร
พวกเค้ายืนคุ้มกันในสภาพจำศีล รอวันควินเทสซาชิงคทาคืน ยามเมื่ออัศวินคนสุดท้าย/คนที่ 13 ปรากฏตัว
ด้านมนุษย์ก่อตั้งกลุ่ม 'วิทวิคแคนส์' คอยเฝ้าดูเหล่าทายาทของเมอร์ลิน และกลบเกลื่อนปิดบังร่องรอยของทรานส์ฟอร์เมอร์สที่มาเยือนโลกอีกเรื่อยๆ หลังจากนั้น
COMMENTS