ภาพจำหลักของตัวร้ายในหนังสตาร์วอร์สยุคไตรภาคเก่า คือนักรบเกราะดำหายใจแรงอย่างดาร์ธเวเดอร์ กับจักรพรรดิผู้สวมผ้าคลุมปล่อยสายฟ้า ส่วนยุคถัดม...
ภาพจำหลักของตัวร้ายในหนังสตาร์วอร์สยุคไตรภาคเก่า
คือนักรบเกราะดำหายใจแรงอย่างดาร์ธเวเดอร์ กับจักรพรรดิผู้สวมผ้าคลุมปล่อยสายฟ้า
ส่วนยุคถัดมาย่อมหนีไม่พ้น "Darth Maul-ดาร์ธมอล" ตัวร้ายคนแรกที่ใช้กระบี่แสงแบบ 2 ด้าน และมีลวดลายสีดำแดงบนใบหน้ากับเขาเล็กๆ หลายอันบนศีรษะ
แรกเริ่มเดิมที ดาร์ธมอลมีบทบาทเพียงในหนังภาคเดียว (Episode I) แต่น่าจดจำ เพราะลักษณะเฉพาะตัวของเขา กับวีรกรรมสังหารไควกอน-เจไดระดับสูงได้ แม้ประมาทลูกศิษย์ไควกอน จินน์-'โอบีวัน เคโนบี' จนเพลี่ยงพล้ำโดนกระบี่แสงฟันตัวขาดครึ่ง
หากรับชมเพียงสตาร์วอร์สฉบับภาพยนตร์ก่อนได้ยล Solo: A Star Wars Story ไม่ว่าใครก็คงนึกว่าดาร์ธมอลซี้แหงแก๋ไปตั้งแต่ตอนร่างกายขาด 2 ท่อน
ซึ่งความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่... เพราะภาพยนตร์ Solo ดันมีฉากคีร่า (นางเอก) สนทนาสื่อสารกับภาพฉาย (โฮโลแกรม) ของดาร์ธมอล
เผยเรื่องมอลคือผู้บงการเหนือตัวร้ายประจำหนัง Solo-ไดรเด็น วอส
แล้วคนตัวขาดครึ่งกลับมามีบทในหนังภาคแยกสตาร์วอร์สได้อย่างไร ? เหตุผลหลักคงไม่พ้นความนิยมของแฟนคลับสตาร์วอร์สต่างประเทศในตัวละครนี้สูง
ดาร์ธมอลจึงถูกคนของบริษัทลูคัสฟิล์มคืนชีพให้, นำตัวเขากลับมาโลดแล่นตามเนื้อหาขยายความจักรวาลสตาร์วอร์สต่อ เช่น ในคอมิค, ซีรีส์อนิเมชั่น The Clone Wars, ซีรีส์อนิเมชั่น Rebels และพอสบช่องเหมาะๆ เข้า มอลเลยได้โอกาสโผล่ในหนัง Solo
ดาร์ธมอลเหมาะจะปรากฏตัวบนจอเงินเวลาดังกล่าว เพราะในเนื้อหาขยายความเขา [แผ่อำนาจปกครองเหนือโลกอาชญากรรมใต้ดินอยู่] และเป็นศัตรูกับจักรพรรดิ+ดาร์ธเวเดอร์
มอล หรือดาร์ธมอล เป็นสมาชิกเผ่าพันธ์ุรูปร่างคล้ายมนุษย์ 'Zabrak-ซาบรัค' ที่มีบ้านเกิดอยู่ ณ ดาวดาโธเมีย (Dathomir) ซึ่งเผ่าพันธุ์ซาบรัคเพศหญิงกับเพศชายจะใช้ชีวิตแยกกันเสียส่วนใหญ่
พวกผู้หญิงรวมตัวสร้างกลุ่มชุมชนที่เรียกว่า 'Nightsisters-ไนท์ซิสเตอร์ส' พวกเธอหลายคนเข้าถึงพลังบนดาว และนำมาใช้ได้ในรูปแบบคาถามนตร์ดำ โดยตำแหน่งแม่มดระดับสูงสุด/ผู้นำเผ่าไนท์ซิสเตอร์สเรียกว่า 'Mother-มาเธอร์'
ส่วนพวกผู้ชายรวมตัวกันเป็นเผ่านักรบ 'Nightbrothers-ไนท์บราเธอร์ส' และทั้งสองเผ่าจะพบปะกันเท่าที่จำเป็น อย่างเช่นเมื่อฝั่งไนท์ซิสเตอร์สต้องการสร้างทายาท (ดาวนี้ผู้หญิงคุม)
มอลคือลูกชายของมาเธอร์ทัลซิน (Talzin) เขาโดนดาร์ธซีเดียสขโมยตัวจากอ้อมอกแม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นำไปปลูกฝังทัศนคติเกลียดชังเหล่าเจได และฝึกฝนวิถีด้านมืดแห่งพลังให้จนแข็งแกร่ง
32 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย, ดาร์ธมอลเผชิญหน้าเจไดไควกอนกับศิษย์เอกนามโอบีวันบนดาวนาบู เขาสังหารไควกอนลงแต่โดนโอบีวันกำราบ
ดาร์ธมอลดูเหมือนพ่ายแพ้และสิ้นชีพไป, ซีเดียสรับศิษย์คนใหม่-เคาน์ทดูกู-อดีตอาจารย์เจไดของไควกอนผู้ล่วงลับเข้าแทนที่
แต่มอลผู้เหลือร่างกายครึ่งท่อนหาได้สิ้นชีวีจริงไม่, หลังร่วงหล่นสู่เบื้องล่างอุโมงค์ขนาดใหญ่, เขาใช้พลังยึดจับช่องระบายอากาศไว้ก่อนตกกระแทกเบื้องล่าง, ตะเกียกตะกายสู่ที่ทิ้งขยะ ก่อนโดนนำไปทิ้งบนดาวกองขยะรอบนอกกาแล็คซี่พร้อมเศษขยะชิ้นอื่นๆ
มอลใช้พลังดึงเศษขยะรอบตัวมาสร้างท่อนล่างจักรกลคล้ายขาแมงมุม และทำข้อตกลงกับ 'Morley-มอร์ลีย์' เอเลี่ยนรูปร่างคล้ายงู ให้หลอกล่อสิ่งมีชีวิตอื่นมาหามอล แลกเปลี่ยนกับการที่มอร์ลีย์จะได้ 'ของเหลือ' รับประทานเป็นอาหาร...
มอลมีชีวิตอยู่ด้วยแรงแค้นต่อโอบีวัน แต่ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่กับชีวิตลำเค็ญผลักดันให้สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ เลือนหาย
ราว 10 กว่าปีต่อมา ณ ช่วงเวลาแห่งสงครามโคลน, ไนท์บราเธอร์สนาม ' Savage Opress-ซาวาจ โอเพรส' บุตรชายอีกคนของทัลซินออกเดินทางสู่ดาวกองขยะตามหาพี่ชาย และถูกมอร์ลีย์นำทางไปหามอล โดยหวังให้มอลสังหารซาวาจ เขาจะได้โอกาสกินของเหลือ
ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นดังคาดหมาย และสุดท้ายมอร์ลีย์โดนซาวาจสังหาร
ซาวาจพาพี่ชายไปหามาเธอร์ทัลซิน คุณแม่ของมอลจัดแจงบริกรรมคาถาฟื้นฟูสภาพจิตมอล และประกอบขาเทียมใหม่ให้
มอลรับน้องชายเป็นศิษย์ เริ่มดำเนินแผนสร้างฐานอำนาจของตัวเองเพื่อแก้แค้นซีเดียสผู้ทอดทิ้งเขา กับคอยหาโอกาสล้างแค้นเจไดโจทก์เก่า-โอบีวัน เคโนบี
มอลอาศัยจังหวะที่สงครามโคลนก่อความวุ่นวายทั่วกาแล็คซี่ รวบรวมพันธมิตรจากองค์กรอาชญากรรมใต้ดินหลายองค์กร ก่อตั้งกลุ่ม 'Shadow Collective-ชาโดว์ คอลเลคทีฟ' เข้ายึดครองอำนาจเหนือรัฐบาลแมนดาลอร์ (ดาวบ้านเกิดนักล่าเงินรางวัลแจงโก้ เฟตต์ ใน Episode II)
แต่เมื่ออำนาจและอิทธิพลของมอลใหญ่โตคับดาว, ซีเดียสเลยมองเห็นมอลเป็นอุปสรรคต่อแผนการสร้างจักรวรรดิซิธ ที่ตนจะรวบอำนาจเบ็ดเสร็จปกครองเพียงผู้เดียว
ซีเดียสเจ้าแห่งความมืดเดินทางเยือนถิ่นมอลด้วยตัวเอง และปะทะมอล+น้องชายแบบ 2 ต่อ 1
ผลลัพธ์คือซาวาจน้องชายมอลเสียชีวิต, มอลพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
แต่ซีเดียสคิดว่าน่าจะใช้ประโยชน์อะไรมอลได้ในอนาคตจึงไว้ชีวิตเขา
มอลหนีจากการจับกุมคุมขังของซีเดียส เขาพยายามทวงแค้นโดยขอความช่วยเหลือจากมาเธอร์ทัลซิน มอลเข้าเผชิญหน้าซีเดียสอีกครั้ง แต่ยังพ่ายแพ้เช่นเดิม
อย่างไรก็ตามมารดายอมสละชีวิตช่วยให้มอลหลบหนีสำเร็จ ส่วนซีเดียสก็ไม่เห็นมอลเป็นภัยที่ต้องเร่งกำจัดอะไรอีก
ช่วงท้ายสงครามโคลน, มอลกลับไปอยู่กับกลุ่มผู้ภักดีที่หลงเหลืออยู่ของชาโดว์ คอลเลคทีฟบนดาวแมนดาลอร์
เขาต้องปะทะอดีตลูกศิษย์อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ 'อโศกา ทาโน' กับกองทัพโคลน
แต่ตอนมอลคับขันคือช่วงจังหวะเดียวกับที่ซีเดียสสั่งเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างเจไดพอดี
มอลเลยมีโอกาสหนีเพราะอโศกาต้องรับมือปัญหาจากกองทัพโคลนแทน
มอลเริ่มต้นฟื้นฟูฐานอำนาจตัวเองใหม่ ก่อตั้งองค์กรอาชญากรรม 'Crimson Dawn-คริมสัน ดอว์น' เลิกปกครององค์กรแบบออกหน้าออกตาเหมือนสมัยชาโดว์ คอลเลคทีฟ, ใช้วิธีสั่งงานในเงามืด และมีสมาชิกระดับสูงไม่กี่คนรู้ตัวตนแท้จริงผู้นำสูงสุดอย่างเขา
ประมาณ 10 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย 'คีร่า' อดีตคนรักของฮาน โซโล ฆ่าแกนนำคริมสัน ดอว์น 'ไดรเด็น วอส' ตาย
และได้ติดต่อมอลผ่านโฮโลแกรมใน Solo: A Star Wars Story
หลายปีต่อมา มอลเดินทางสู่ดาวมาลาคอร์อันมีวิหารซิธเก่าแก่ตั้งอยู่เพื่อแสวงหาสุดยอดอาวุธโบราณ หวังใช้ทำลายเหล่าซิธภายใต้การนำของจักรพรรดิซีเดียส
แต่แผนการล้มเหลวตอนเจอ อโศกา ทาโน กับเจไดที่รอดชีวิตจากสงครามโคลนนาม 'เคนัน จาร์รัส' และลูกศิษย์ของเคนัน 'เอซร่า บริดเจอร์'
หลังจากนั้นมอลพยายามชักจูงเอซร่า บริดเจอร์เข้าด้านมืดมาเป็นศิษย์ตนอยู่เนืองๆ แต่ไม่สำเร็จ
แล้วในที่สุด 2 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย
มอลทราบว่าโอบีวัน เคโนบีรอดชีวิตจากการกวาดล้างเจไดช่วงสิ้นสุดสงครามโคลน
มอลตามหาโอบีวันจนเจอบนดาวทะเลทรายทาทูอีน, ทำการดวลกระบี่แสงนัดชี้ชะตา และสิ้นชีพคามือโอบีวัน, ปิดฉากชีวิตที่ได้ต่อลมหายใจมายาวนานกว่า 30 ปีในจักรวาลสตาร์วอร์สลง
คือนักรบเกราะดำหายใจแรงอย่างดาร์ธเวเดอร์ กับจักรพรรดิผู้สวมผ้าคลุมปล่อยสายฟ้า
ส่วนยุคถัดมาย่อมหนีไม่พ้น "Darth Maul-ดาร์ธมอล" ตัวร้ายคนแรกที่ใช้กระบี่แสงแบบ 2 ด้าน และมีลวดลายสีดำแดงบนใบหน้ากับเขาเล็กๆ หลายอันบนศีรษะ
แรกเริ่มเดิมที ดาร์ธมอลมีบทบาทเพียงในหนังภาคเดียว (Episode I) แต่น่าจดจำ เพราะลักษณะเฉพาะตัวของเขา กับวีรกรรมสังหารไควกอน-เจไดระดับสูงได้ แม้ประมาทลูกศิษย์ไควกอน จินน์-'โอบีวัน เคโนบี' จนเพลี่ยงพล้ำโดนกระบี่แสงฟันตัวขาดครึ่ง
หากรับชมเพียงสตาร์วอร์สฉบับภาพยนตร์ก่อนได้ยล Solo: A Star Wars Story ไม่ว่าใครก็คงนึกว่าดาร์ธมอลซี้แหงแก๋ไปตั้งแต่ตอนร่างกายขาด 2 ท่อน
ซึ่งความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่... เพราะภาพยนตร์ Solo ดันมีฉากคีร่า (นางเอก) สนทนาสื่อสารกับภาพฉาย (โฮโลแกรม) ของดาร์ธมอล
เผยเรื่องมอลคือผู้บงการเหนือตัวร้ายประจำหนัง Solo-ไดรเด็น วอส
แล้วคนตัวขาดครึ่งกลับมามีบทในหนังภาคแยกสตาร์วอร์สได้อย่างไร ? เหตุผลหลักคงไม่พ้นความนิยมของแฟนคลับสตาร์วอร์สต่างประเทศในตัวละครนี้สูง
ดาร์ธมอลจึงถูกคนของบริษัทลูคัสฟิล์มคืนชีพให้, นำตัวเขากลับมาโลดแล่นตามเนื้อหาขยายความจักรวาลสตาร์วอร์สต่อ เช่น ในคอมิค, ซีรีส์อนิเมชั่น The Clone Wars, ซีรีส์อนิเมชั่น Rebels และพอสบช่องเหมาะๆ เข้า มอลเลยได้โอกาสโผล่ในหนัง Solo
ดาร์ธมอลเหมาะจะปรากฏตัวบนจอเงินเวลาดังกล่าว เพราะในเนื้อหาขยายความเขา [แผ่อำนาจปกครองเหนือโลกอาชญากรรมใต้ดินอยู่] และเป็นศัตรูกับจักรพรรดิ+ดาร์ธเวเดอร์
ประวัติย่อของ Darth Maul
มอล หรือดาร์ธมอล เป็นสมาชิกเผ่าพันธ์ุรูปร่างคล้ายมนุษย์ 'Zabrak-ซาบรัค' ที่มีบ้านเกิดอยู่ ณ ดาวดาโธเมีย (Dathomir) ซึ่งเผ่าพันธุ์ซาบรัคเพศหญิงกับเพศชายจะใช้ชีวิตแยกกันเสียส่วนใหญ่
พวกผู้หญิงรวมตัวสร้างกลุ่มชุมชนที่เรียกว่า 'Nightsisters-ไนท์ซิสเตอร์ส' พวกเธอหลายคนเข้าถึงพลังบนดาว และนำมาใช้ได้ในรูปแบบคาถามนตร์ดำ โดยตำแหน่งแม่มดระดับสูงสุด/ผู้นำเผ่าไนท์ซิสเตอร์สเรียกว่า 'Mother-มาเธอร์'
ไนท์ซิสเตอร์ส, ตรงกลางคือมาเธอร์/ผู้นำกลุ่ม
ส่วนพวกผู้ชายรวมตัวกันเป็นเผ่านักรบ 'Nightbrothers-ไนท์บราเธอร์ส' และทั้งสองเผ่าจะพบปะกันเท่าที่จำเป็น อย่างเช่นเมื่อฝั่งไนท์ซิสเตอร์สต้องการสร้างทายาท (ดาวนี้ผู้หญิงคุม)
ไนท์บราเธอร์ส
มอลคือลูกชายของมาเธอร์ทัลซิน (Talzin) เขาโดนดาร์ธซีเดียสขโมยตัวจากอ้อมอกแม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นำไปปลูกฝังทัศนคติเกลียดชังเหล่าเจได และฝึกฝนวิถีด้านมืดแห่งพลังให้จนแข็งแกร่ง
เด็กชายมอล
32 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย, ดาร์ธมอลเผชิญหน้าเจไดไควกอนกับศิษย์เอกนามโอบีวันบนดาวนาบู เขาสังหารไควกอนลงแต่โดนโอบีวันกำราบ
ดาร์ธมอลดูเหมือนพ่ายแพ้และสิ้นชีพไป, ซีเดียสรับศิษย์คนใหม่-เคาน์ทดูกู-อดีตอาจารย์เจไดของไควกอนผู้ล่วงลับเข้าแทนที่
แต่มอลผู้เหลือร่างกายครึ่งท่อนหาได้สิ้นชีวีจริงไม่, หลังร่วงหล่นสู่เบื้องล่างอุโมงค์ขนาดใหญ่, เขาใช้พลังยึดจับช่องระบายอากาศไว้ก่อนตกกระแทกเบื้องล่าง, ตะเกียกตะกายสู่ที่ทิ้งขยะ ก่อนโดนนำไปทิ้งบนดาวกองขยะรอบนอกกาแล็คซี่พร้อมเศษขยะชิ้นอื่นๆ
มอลใช้พลังดึงเศษขยะรอบตัวมาสร้างท่อนล่างจักรกลคล้ายขาแมงมุม และทำข้อตกลงกับ 'Morley-มอร์ลีย์' เอเลี่ยนรูปร่างคล้ายงู ให้หลอกล่อสิ่งมีชีวิตอื่นมาหามอล แลกเปลี่ยนกับการที่มอร์ลีย์จะได้ 'ของเหลือ' รับประทานเป็นอาหาร...
มอลมีชีวิตอยู่ด้วยแรงแค้นต่อโอบีวัน แต่ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่กับชีวิตลำเค็ญผลักดันให้สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ เลือนหาย
มอลกับขาเทียมแบบแมงมุม
มอร์ลีย์
ราว 10 กว่าปีต่อมา ณ ช่วงเวลาแห่งสงครามโคลน, ไนท์บราเธอร์สนาม ' Savage Opress-ซาวาจ โอเพรส' บุตรชายอีกคนของทัลซินออกเดินทางสู่ดาวกองขยะตามหาพี่ชาย และถูกมอร์ลีย์นำทางไปหามอล โดยหวังให้มอลสังหารซาวาจ เขาจะได้โอกาสกินของเหลือ
ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นดังคาดหมาย และสุดท้ายมอร์ลีย์โดนซาวาจสังหาร
ซาวาจ โอเพรส
ซาวาจพาพี่ชายไปหามาเธอร์ทัลซิน คุณแม่ของมอลจัดแจงบริกรรมคาถาฟื้นฟูสภาพจิตมอล และประกอบขาเทียมใหม่ให้
มอลรับน้องชายเป็นศิษย์ เริ่มดำเนินแผนสร้างฐานอำนาจของตัวเองเพื่อแก้แค้นซีเดียสผู้ทอดทิ้งเขา กับคอยหาโอกาสล้างแค้นเจไดโจทก์เก่า-โอบีวัน เคโนบี
มอลอาศัยจังหวะที่สงครามโคลนก่อความวุ่นวายทั่วกาแล็คซี่ รวบรวมพันธมิตรจากองค์กรอาชญากรรมใต้ดินหลายองค์กร ก่อตั้งกลุ่ม 'Shadow Collective-ชาโดว์ คอลเลคทีฟ' เข้ายึดครองอำนาจเหนือรัฐบาลแมนดาลอร์ (ดาวบ้านเกิดนักล่าเงินรางวัลแจงโก้ เฟตต์ ใน Episode II)
แต่เมื่ออำนาจและอิทธิพลของมอลใหญ่โตคับดาว, ซีเดียสเลยมองเห็นมอลเป็นอุปสรรคต่อแผนการสร้างจักรวรรดิซิธ ที่ตนจะรวบอำนาจเบ็ดเสร็จปกครองเพียงผู้เดียว
ซีเดียสเจ้าแห่งความมืดเดินทางเยือนถิ่นมอลด้วยตัวเอง และปะทะมอล+น้องชายแบบ 2 ต่อ 1
ผลลัพธ์คือซาวาจน้องชายมอลเสียชีวิต, มอลพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
แต่ซีเดียสคิดว่าน่าจะใช้ประโยชน์อะไรมอลได้ในอนาคตจึงไว้ชีวิตเขา
มอลหนีจากการจับกุมคุมขังของซีเดียส เขาพยายามทวงแค้นโดยขอความช่วยเหลือจากมาเธอร์ทัลซิน มอลเข้าเผชิญหน้าซีเดียสอีกครั้ง แต่ยังพ่ายแพ้เช่นเดิม
อย่างไรก็ตามมารดายอมสละชีวิตช่วยให้มอลหลบหนีสำเร็จ ส่วนซีเดียสก็ไม่เห็นมอลเป็นภัยที่ต้องเร่งกำจัดอะไรอีก
ช่วงท้ายสงครามโคลน, มอลกลับไปอยู่กับกลุ่มผู้ภักดีที่หลงเหลืออยู่ของชาโดว์ คอลเลคทีฟบนดาวแมนดาลอร์
เขาต้องปะทะอดีตลูกศิษย์อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ 'อโศกา ทาโน' กับกองทัพโคลน
แต่ตอนมอลคับขันคือช่วงจังหวะเดียวกับที่ซีเดียสสั่งเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างเจไดพอดี
มอลเลยมีโอกาสหนีเพราะอโศกาต้องรับมือปัญหาจากกองทัพโคลนแทน
มอลเริ่มต้นฟื้นฟูฐานอำนาจตัวเองใหม่ ก่อตั้งองค์กรอาชญากรรม 'Crimson Dawn-คริมสัน ดอว์น' เลิกปกครององค์กรแบบออกหน้าออกตาเหมือนสมัยชาโดว์ คอลเลคทีฟ, ใช้วิธีสั่งงานในเงามืด และมีสมาชิกระดับสูงไม่กี่คนรู้ตัวตนแท้จริงผู้นำสูงสุดอย่างเขา
ประมาณ 10 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย 'คีร่า' อดีตคนรักของฮาน โซโล ฆ่าแกนนำคริมสัน ดอว์น 'ไดรเด็น วอส' ตาย
และได้ติดต่อมอลผ่านโฮโลแกรมใน Solo: A Star Wars Story
หลายปีต่อมา มอลเดินทางสู่ดาวมาลาคอร์อันมีวิหารซิธเก่าแก่ตั้งอยู่เพื่อแสวงหาสุดยอดอาวุธโบราณ หวังใช้ทำลายเหล่าซิธภายใต้การนำของจักรพรรดิซีเดียส
แต่แผนการล้มเหลวตอนเจอ อโศกา ทาโน กับเจไดที่รอดชีวิตจากสงครามโคลนนาม 'เคนัน จาร์รัส' และลูกศิษย์ของเคนัน 'เอซร่า บริดเจอร์'
เอซร่าและมอล
หลังจากนั้นมอลพยายามชักจูงเอซร่า บริดเจอร์เข้าด้านมืดมาเป็นศิษย์ตนอยู่เนืองๆ แต่ไม่สำเร็จ
แล้วในที่สุด 2 ปีก่อนเดธสตาร์ดวงแรกถูกทำลาย
มอลทราบว่าโอบีวัน เคโนบีรอดชีวิตจากการกวาดล้างเจไดช่วงสิ้นสุดสงครามโคลน
มอลตามหาโอบีวันจนเจอบนดาวทะเลทรายทาทูอีน, ทำการดวลกระบี่แสงนัดชี้ชะตา และสิ้นชีพคามือโอบีวัน, ปิดฉากชีวิตที่ได้ต่อลมหายใจมายาวนานกว่า 30 ปีในจักรวาลสตาร์วอร์สลง
Darth Maul vs Obi-Wan | Star Wars Rebels | Disney XD
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
COMMENTS