ค.ศ. 1964, เอ๊ดกับลอร์เรน วอร์เรน วัยหนุ่มสาว สืบสวนคดีเหนือธรรมชาติ เกี่ยวกับกระจกผีสิง ที่มีกรอบเป็นงานศิลป์ ของร้านขายของเก่า แต่เพราะย...
ค.ศ. 1964, เอ๊ดกับลอร์เรน วอร์เรน วัยหนุ่มสาว สืบสวนคดีเหนือธรรมชาติ เกี่ยวกับกระจกผีสิง ที่มีกรอบเป็นงานศิลป์ ของร้านขายของเก่า
แต่เพราะยังอ่อนด้อยประสบการณ์ พวกเขาเลยถูกปีศาจตัวแรก ที่เผชิญหน้าด้วย, เล่นงาน
ลอร์เรนผู้กำลังตั้งครรภ์ ปวดท้องคลอดกะทันหัน (คาดว่าเป็นฝีมือ ของปีศาจ), พวกเขาจึงวิ่งหนีจากมัน
หลังถึงมือแพทย์ ณ โรงพยาบาล, เด็กหญิงจูดี้ (ทารกที่คลอดออกมา) หัวใจไม่เต้นนาน 1 นาที แต่ก็รอดมาได้
ค.ศ. 1986, ครอบครัวสเมิร์ลย้ายไปอยู่ บ้านในเพนซิลเวเนีย และอาศัยร่วมกันใต้ชายคาเดียว ในลักษณะแออัด (มีพ่อแม่ปู่ย่า และลูกสาว 4)
โดยผู้พ่อซื้อกระจกงานศิลป์ (บานเดียวกันกับ ของปี 1964 นั่นละ) ให้เฮเธอร์ (ลูกสาวคนนึง), เพื่อเป็นของขวัญสำหรับ พิธีศีลกำลัง (Confirmation) ทางศาสนาคริสต์
แล้วจากนั้นเหตุการณ์ ชวนเสียวสะท้าน ปรากฏการณ์ผีหลอก วิญญาณหลอนต่าง ๆ, ก็บังเกิด
เฮเธอร์รู้ตัวว่า มันเริ่มต้นหลังเธอได้รับ กระจกเจ้าปัญหา, เลยเอามันไปทิ้ง แถวกองขยะ
ด้านเอ๊ดกับลอร์เรน เดี๋ยวนี้พักทำคดียาว, หันไปเน้นเขียนหนังสือขาย และทำงานบรรยาย เกี่ยวกับไสยศาสตร์
เนื่องจากยุคสมัยนั้น ผีเฮี้ยนชักน้อยลง (อาจเพราะสามีภรรยา นักปราบผี พิชิตวิญญาณแล้วเป็นพันคดี), จนพวกคนรุ่นใหม่มองว่า มันเป็นเรื่องตลก
อีกทั้งเอ๊ดยัง ประสบปัญหาด้านสุขภาพ (ป่วยด้วยโรคหัวใจ)
จูดี้แนะนำโทนี่ (แฟนที่กำลังคบกัน) ให้รู้จักพ่อกับแม่, ในงานวันเกิดของเอ๊ด
โทนี่ได้สนทนาพาที กับพ่อแม่ผู้หญิง, รวมถึงบรรดาอดีตผู้ร่วมงาน (เรียกผี) ของเอ๊ดกับลอร์เรน เช่นหลวงพ่อกอร์ดอน
ก่อนจะขอจูดี้แต่งงาน โดยได้รับอนุญาต จากว่าที่พ่อตาแม่ยาย
ฝ่ายครอบครัวสเมิร์ล แม้ทิ้งกระจกแล้ว แต่ผี 3 ตัว ซึ่งประกอบด้วยผีอีป้า ผีผู้หญิง (ที่ดูอายุน้อยกว่า) และผีผู้ชาย (ที่ถือขวาน), ยังไม่เลิกรังควาน
พวกเขาจึงไปหานักข่าว ยอมให้มีการป่าวประกาศเรื่องนี้, เพราะหวังว่าจะมีใคร มาช่วยเหลือ
เมื่อทางโบสถ์มัว ชักช้าร่ำไร, คุณพ่อกอร์ดอนที่เห็นข่าว ได้ลองแวะบ้านสเมิร์ล เพื่อตรวจสอบ
กอร์ดอนค้นพบบางสิ่งที่ชั่วร้าย และร้อนใจเป็นอย่างมาก, หลวงพ่อดิ่งไปหา คนใหญ่คนโตของศาสนจักร
อย่างไรก็ตาม ปีศาจร้ายลงมือไวกว่า, มันครอบงำกอร์ดอน ทำให้บาทหลวงฆ่าตัวตาย ก่อนจะได้ติดต่อคนระดับบิชอป
ที่งานศพคุณพ่อกอร์ดอน, จูดี้ใช้พลังจิตสัมผัส รับรู้ได้ว่าบาทหลวง ไปตรวจสอบบ้านสเมิร์ลก่อนตาย เลยแอบเดินทางสู่เพนซิลเวเนีย เพียงลำพัง
ลอร์เรนเองก็ใช้ จิตสัมผัสได้เช่นกัน ว่าลูกสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย และหายหน้าไปไหน
เอ๊ด ลอร์เรน โทนี่ จึงยกโขยงมุ่งหน้าสู่ บ้านสเมิร์ล, เพื่อตามตัวจูดี้กลับ
แต่จูดี้กลับสามารถ กล่อมให้พ่อแม่ (และว่าที่เจ้าบ่าว) ยอมเสี่ยงภัยอมนุษย์ ช่วยเหลือครอบครัวสเมิร์ล
เมื่อตรวจสอบอาคาร ครอบครัววอร์เรนพบว่า กระจกต้องคำสาป อันควรถูกโยนทิ้งแล้ว
มาอยู่ในห้องใต้หลังคา บ้านสเมิร์ล โดยไม่มีใครรู้ตัว, ได้ยังไงไม่ทราบ
อีกทั้งวิญญาณ 3 ดวง อันหลอกหลอนครอบครัวสเมิร์ล, ก็ปรากฏว่าเป็นเพียงตัวหลอก
ปีศาจตัวแรกที่ เอ๊ดกับวอร์เรน เคยวิ่งหนีจากมัน (แล้วไม่ยอม กลับไปเผชิญหน้าอีก) ต่างหาก, ที่ชักใยเบื้องหลัง
คอยควบคุมพวกนี้ และสร้างนิมิตหลอกล่อ ให้ “จูดี้” เห็น, เพื่อล่อลวงเธอมาเป็นเหยื่อ
แต่ด้วยการผนึกพลังครอบครัว ของพวกวอร์เรน (กับคุณว่าที่ลูกเขย), เจ้าปีศาจตัวนั้น (ซึ่งต้องการตัวจูดี้ไม่เลิก แม้ผ่านมา 22 ปี) จึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
อมนุษย์ถูกขับไล่, ความสงบสุขของครอบครัวสเมิร์ล หวนคืนมา, เช่นเดียวกับครอบครัววอร์เรน ที่จูดี้ได้เข้าพิธีวิวาห์ กับนายโทนี่
ส่วนกระจกต้องสาป ถูกนำเข้าห้องเก็บของอาถรรพ์ ของเอ๊ดกับลอร์เรน, เช่นเดียวกับวัตถุปีศาจ เครื่องราง และสื่อกลางวิญญาณชิ้นอื่น ๆ อีกนับพัน



COMMENTS