ผู้กำกับของพรีเดเตอร์ แดนเถื่อน (Predator: Badlands) แดน แทคเทินเบิร์ก (Dan Trachtenberg) คาดหวังว่าเราจะตกหลุมรักกับ, เอ่อ, พรีเดเตอร์ ซึ...
ผู้กำกับของพรีเดเตอร์ แดนเถื่อน (Predator: Badlands) แดน แทคเทินเบิร์ก (Dan Trachtenberg) คาดหวังว่าเราจะตกหลุมรักกับ, เอ่อ, พรีเดเตอร์
ซึ่งคือเดค (Dek) นักรบชาวย๊วตจา (Yautja) ตัวเอกของภาพยนตร์ภาคล่าสุด ที่จะแตกต่างจากเพื่อนร่วมสายพันธุ์ รายอื่น ๆ ผู้ปรากฏก่อนหน้า, ในแฟรนไชส์ไซไฟ อันอุบัติมาตั้งแต่ ค.ศ. 1987
เดคที่แสดงโดย ดิมิทรีอุส ชูสเตอร์-โคโลอามาตังกิ (Dimitrius Schuster-Koloamatangi)
ถูกอธิบายว่าเป็น คนตัวเล็ก ชั้นปลายแถว ในเผ่าของเขา, จึงต้องทำอะไรมากมาย เพื่อการพิสูจน์ตนเอง
“แต่ความตึงเครียด ที่เขาต้องเผชิญ ก็ไม่ได้มีเพียงการ พิสูจน์ตัวเอง” แทคเทินเบิร์กบอก Entertainment Weekly
อีกทั้งเสริมว่า “เพราะยังมีแผลใจ กับความรุนแรง จากสิ่งที่เจ้าตัวประสบ, และเขาก็พบว่าตน อยู่บนดาวเคราะห์ที่ทุกสิ่งอย่าง พยายามจะฆ่าเขา”
แนวคิดที่จะให้ พรีเดเตอร์แดนเถื่อน มุ่งเน้นการเล่าเรื่องโดยมี มนุษย์ต่างดาวเป็นตัวเอก
แถมเหตุการณ์ยังดำเนิน บนจักรวาลบ้านเกิดของเขา (ต่างจากที่ก่อนหน้า มักใช้ดาวโลก), นั้นถือว่าค่อนข้างฉีกแนว
แทคเทินเบิร์ก ผู้เคยนำความสดใหม่มาสู่แฟรนไชส์ ด้วยภาคต้นแบบ Prey (2022), และกลับมาพร้อม คนเขียนบทอย่าง แพทริค ไอสัน (Patrick Aison)
ได้ระบุว่ามันจุดประกายจาก ปัญหาเล็ก ๆ ข้อเดียวคือ, พวกพรีเดเตอร์ ไม่เคยชนะ
“นั่นคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ในหนัง Predator” แทคเทินเบิร์กกล่าว
“พรานอวกาศไม่เคยชนะ, ถ้างั้นมันจะยังคง เป็นภาพยนตร์ที่งดงาม ได้อย่างไร
แต่การเป็นแค่หนังที่ เล่าเรื่องจากมุมมองของตัวร้าย ก็ไม่พอ
แล้วเราจะสร้างประสบการณ์ ที่ครบเครื่อง ด้วยวิธีไหน ?, ความคิดพวกนี้ละ ที่นำพาเราสู่ Badlands”
เพื่อบรรลุเป้าประสงค์, ผู้กำกับพูดว่าพวกเขา จำเป็นต้องวางแนวทางที่เหมาะสม ให้กับเดค
“ในแง่หนึ่ง เราต้องหาทางให้ผู้ชม ผูกพันทางอารมณ์กับเขา, รู้สึกเชื่อมโยงกับเขาได้ และต้องการเอาใจช่วย
ในอีกด้าน เราห้ามลืมว่าหมอนี่คือ สัตว์ประหลาด, เขาดุร้าย, แต่ไม่วายจะเท่สัส ๆ”
เพื่อทำเช่นนั้น แทคเทินเบิร์กดึงเอาแรงบันดาลใจ มาจากหลายตัวละครในหนังคลาสสิคที่ “ไม่ค่อยพูดจา แต่บุคลิกน่าเกรงขาม”
อารมณ์ราว ๆ พวกหนังคลินต์ อีสต์วุด, Mad Max ใน The Road Warrior (ภาค 2), และโคแนน ยอดคนแดนเถื่อน (Conan the Barbarian)
พูดง่าย ๆ คือ “ตัวละครที่ ระดับความยึดมั่นในศีลธรรมคลุมเครือ
ดูเหมือนจะเป็นแอนตี้ฮีโร่, แต่ก็ยังต้องฝ่าฟัน สารพัดอุปสรรค”
อีกวิธีที่น่าแปลกใจกว่า ในการถ่ายทอดตัวละคร คือการถอดภาพจำของเขาออก (หมายถึงหน้ากาก)
แทคเทินเบิร์กโม้ว่า ทีมผลิต Badlands ได้พัฒนาหน้ากากที่ ‘จ๊าบมาก’ ขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์, …แต่อย่าได้หวังว่า จะเห็นเดคสวมมันบ่อย เท่าพรีเดเตอร์คนก่อน ๆ
“เรารู้สึกว่าโดน, แต่ประเด็นก็คือ, คุณจะเข้าใจสัตว์ประหลาด ด้วยหนทางไหน ?”
ผกก.อธิบาย “เชร็คเปล่าสวมหมวกอัศวิน ตลอดทั้งเรื่อง, เพราะแบบว่า จุดขายหนังคือ หมอนั่นเป็นยักษ์ ประมาณนั้นละ
คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ ที่เค้าต้องเผชิญ และตกหลุมรักตัวละคร
มันคือวิธีที่ เราจะทำตาม: บอกกันตรง ๆ ซะว่า ใช่, เขาคือสัตว์ประหลาด, และใช่ เราหวังว่าคุณจะ ตกหลุมรักเขา”
แน่นอนว่าเดค เปล่าหัวเดียวกระเทียมลีบ บนเส้นทาง (แอนตี้) ฮีโร่
เขาเจอพันธมิตรที่ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างเธีย (Thea), ที่รับบทโดยแอล แฟนนิง (Elle Fanning)
สิ่งมีชีวิตสังเคราะห์อันผลิตโดย บริษัทเวย์แลนด์-ยูทานิ, องค์กรดังจากแฟรนไชส์ Alien
แต่ก็อย่าได้หวัง ว่านี่จะเป็นการครอสโอเวอร์ระหว่าง Predator กับ Alien เต็มรูปแบบ
“มันน่าตื่นเต้นตรง หนังเรื่องนี้เป็นเพียงจุดเชื่อมโยงเล็ก ๆ ของสองแฟรนไชส์” แทคเทินเบิร์กยั่ว
“มันมีความหมายต่อผม, แม้ผมมั่นใจว่าผู้คน คาดหวังสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก
บางทีภาพยนตร์ และคอนเทนท์จักรวาลหนังอื่น ๆ อาจเชื่อมถึงกัน แข็งขันกว่านี้
แต่ผมไม่อยาก เอาเหล่าตัวละครเด็ดทั้งหมด มาตั้งเรียง แล้วคั่วรวมกัน, ผมต้องการเล่าเรื่องราว ที่มันจะเจ๋งจริง ๆ”
เพื่อทำเช่นนั้น แทคเทินเบิร์กบอกว่า เดคจำเป็นต้องมี เพื่อนร่วมทาง, ทว่าการทำให้ เธอเป็นมนุษย์ จะไม่ดีต่อใครหน้าไหน
ไม่ว่าผู้ชม หรือพวกโปรดิวเซอร์ เพราะพวกเขา “จะเริ่มถูกดึงดูดโดย เรื่องราวของมนุษย์ และหันไปเอาใจช่วย”
จึงต้องทำให้หล่อน เป็นหุ่นยนต์แทน “แล้วความคิดถัดมาก็คือ, เดี๋ยวก่อนนะ, ผมรู้จักบริษัทผลิตหุ่นยนต์ และนั่นนำเราไปสู่ซินธ์ (เอไอ) ของเวย์แลนด์-ยูทานิ”
ผกก.ยังอธิบายว่า สำหรับตัวละคร เธียกับเดคนั้น “พวกเขาเป็นการจับคู่ ที่น่าสนใจและแปลกประหลาด
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง คือส่วนสำคัญของความสนุก ในภาพยนตร์เรื่องนี้”




COMMENTS