28 วันให้หลัง เชื้อเขมือบคน (28 Days Later) เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ในโลกสมมติ ที่เกิดหายนะซอมบี้, ของค.ศ. 2002 กำกับโดย แดนนี่ บอยล์, เขียนบ...
28 วันให้หลัง เชื้อเขมือบคน (28 Days Later) เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ในโลกสมมติ ที่เกิดหายนะซอมบี้, ของค.ศ. 2002
กำกับโดย แดนนี่ บอยล์, เขียนบทโดย อเล็กซ์ การ์แลนด์ และนำแสดงโดยคิลเลียน เมอร์ฟีย์
ที่รับบท พี่ไรเดอร์ (คนส่งของด้วยจักรยาน) ผู้ฟื้นจากอาการโคม่า
ตื่นมาพบว่า แดนอังกฤษซึ่งเคยคลาคล่ำ ด้วยผู้คน, นั้นสังคมถึงกาล ล่มสลาย
เพราะไวรัสที่ติดต่อง่าย, ทำให้มนุษย์คลุ้มคลั่ง อยากกินเนื้อคนด้วยกัน
หนังทุนแค่ 8 ล้านดอลลาร์, ทำเงินทั่วโลก 84.6 ล้านดอลลาร์
ฉะนั้นมันจึงมี ภาคต่อตามมา นั่นคือ, มหันตภัย เชื้อนรกถล่มเมือง (28 Weeks Later)
ซึ่งผลลัพธ์ของหนังภาค 2 (ค.ศ. 2007) ที่ต้นทุน 15 ล้าน จัดว่าไม่ขี้เหร่, เพราะสุดท้ายแล้ว ทำเงิน 65.8 ล้าน
...และหลังจาก โครงการภาค 3, ดันไปตกอยู่ใน นรกแห่งการพัฒนา (development hell)
28 ปีให้หลัง เชื้อเขมือบคน (28 Years Later) ก็ถูกสร้างจนได้, และมีกำหนดฉาย ค.ศ. 2025 นี่
[1] เชื้อไวรัสที่ ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ (แบบยังมีชีวิต, ไม่ใช่ตายแล้ว กลายเป็นศพเดินได้) ของหนังชุดนี้
มีที่มาจาก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (ลิงชิมแปนซี), อันถูกกักขัง ในศูนย์วิจัย
มันถูกเรียกว่า เชื้อบ้า (Rage Virus), เพราะสาเหตุที่ เห็น ๆ กันอยู่
ตัวเชื้อจะแฝงใน น้ำลายกับเลือด อย่างเข้มข้น, ของเหลวเพียงหยดเดียว จากร่างพาหะ
สามารถทำให้ผู้อื่น ติดเชื้อตาม, แล้วแสดงอาการวิปริตได้ ภายในแค่ 10-20 วินาที
ส่งผลให้ (ตามปกติ) เราสามารถแยกแยะ ว่าใครติดเชื้อได้ง่าย (เพียงอดใจรอ อย่างเสียวไส้สักนิด)
แต่ก็ยากเหลือหลาย ที่จะควบคุม การแพร่ระบาด
[2] ในกรณีหายาก, มนุษย์บางคนมีสิทธิ์ ติดเชื้อบ้าแล้ว ทว่าไม่แสดงอาการ
เหตุเพราะความผิดปกติของยีน, ที่ "ดูเหมือน" จะเป็น ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ...
อย่างไรก็ตาม, ไวรัสยังคงอยู่ใน เลือดและน้ำลาย จึงไม่นับว่าคือภูมิคุ้มกัน
เลยยังจัดเป็นเพียง พาหะ, ซึ่งสามารถทำให้ผู้อื่น ติดเชื้อได้
[3] ภาพยนตร์ภาคแรก ถ่ายทำจริง, ในสถานที่ที่ปกติแล้ว คึกคักในลอนดอน (เมืองร้างส่วนใหญ่ ไม่ใช่ซีจีไอ)
เช่น สะพานเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Bridge) จัตุรัสใจกลางนคร (Piccadilly Circus) สนามสำหรับสวนสนาม (Horse Guards Parade) หรือถนนออกซ์ฟอร์ด
เพื่อให้สถานที่เหล่านี้ ดูรกร้าง ทีมงานจึงปิดถนนบางช่วง, เป็นเวลาหลายนาที (เน้นเช้าวันอาทิตย์)
และโดยทั่วไป พวกเขามีเวลาประมาณ 45 นาที หลังรุ่งสาง ในการถ่ายทำ, เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน และการจราจรอันติดขัด
อนึ่ง เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน (หรือ 9/11) เกิดขึ้นระหว่าง การถ่ายทำ
แดนนี่ บอยล์ กล่าวว่าทีมงานอาจ ไม่ได้รับอนุญาต
ให้ทำการ ปิดบางสถานที่จริง ๆ, หากคิวงานดันอยู่ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้าย
[4] ความจริง, หนังภาคแรก มีตอนจบ มากถึง 4 แบบ
เพราะ (ดูท่าทาง) เดิมที ผกก.แดนนี่ บอยล์, อยากจะดาร์ค
หลัก ๆ แล้วตอนจบแต่ละแบบ ต่างกันตรงที่ พวกตัวละครหลัก, ใครตายใครรอด
แต่เพราะมีทั้ง รู้สึกไอเดียนั้น ๆ ไม่โดน, หรือตอนจบมันมืดมนเกิน จนผลตอบรับ (เมื่อทดลองฉาย) ไม่สู้ดี
หนังซอมบี้ ทุนต่ำเรื่องนี้, จึงได้รับ งบประมาณจากสตูดิโอ เพิ่มอีกนิด
เพื่อไปถ่ายทำฉากจบ แบบที่ถูกตัดต่อ ใส่เข้าสู่หนังฉบับฉายโรง
[5] 28 วันให้หลัง เชื้อเขมือบคน, มีออกนิยายภาพ (คอมมิค)
ซึ่งเสริมแต่งเรื่องราว ทั้งก่อนหน้าหนังภาค 1, และหลังภาค 1
คอมมิคชุดนึง ตีพิมพ์โดย BOOM! Studios และมีชื่อเหมือนหนัง (28 Days Later)
ขณะที่อีกชุดนั้น จัดจำหน่ายโดย Fox Atomic Comics, มีชื่อว่า 28 Days Later: The Aftermath
28 Days Later (2009-2011) ของ Boom! Studios เล่าเรื่องเซลีน่า (นางเอกหนังภาคแรก)
หลังจากเหตุการณ์ใน 28 Days Later และดำเนินเรื่องไป จนถึงตอนจบของ 28 Weeks Later
แต่เนื่องจาก บางสิ่งที่นำเสนอ ในคอมมิค, ขัดแย้งกับ ข้อมูลของ 28 Years Later ที่ถูกปล่อยมา
ทำให้ความเป็นเนื้อหาหลัก จักรวาลเดียวกัน ของฝั่งคอมมิค, จัดว่าน่ากังขา
[6] มีการผลิตหนังสั้น หลายเรื่อง, ในช่วงที่ 28 Weeks Later สร้าง
โดยบางเรื่องใช้ฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก และฟุตเทจจาก ภาพยนตร์หลัก
ภาพยนตร์สั้นเหล่านี้ ได้รับอนุมัติ อย่างเป็นทางการ, และผลิตภายใต้ Fox Atomic
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ การตลาดส่งเสริมการขาย (สำหรับการเผยแพร่โฮมวิดีโอของ 28 Weeks Later)
ทว่าหนังสั้นพวกนี้ ได้รับการว่าจ้าง จากภายนอก
และผลิตด้วย งบประมาณที่จำกัด โดยผู้สร้างภาพยนตร์อิสระ
แบบไม่ได้รับการดูแล ด้านความคิดสร้างสรรค์, จากทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง ภาพยนตร์หลักทั้งสองเรื่อง
ดังนั้นสถานะความเป็น จักรวาลเดียวกัน ของพวกหนังสั้นนี่, จึงยังน่ากังขาเหมือนกัน
[7] 28 Years Later ถูกนำมาเสิร์ฟ โดยตั้งใจให้เป็น, จุดเริ่มต้น ของหนังไตรภาค
หากผลตอบรับดีพอ ทุกอย่างไปได้สวย ก็จะมี
28 Years Later: Part II - The Bone Temple, กับ 28 Years Later: Part III ตามมา
[8] แม้ฟ้าเรียกร้อง แผ่นดินเรียกหา ผู้คนเรียกร้องว่า, อยากเห็นจิม (ตัวละครของ คิลเลียน เมอร์ฟีย์) อีก
ขนาดที่ถูกล้อว่า อาจเกิดการเข้าใจผิด (ตอนตัวอย่าง 28 Years Later มาแรก ๆ)
ว่าซอมบี้ ในตัวอย่าง, คือคิลเลียน เมอร์ฟีย์
แต่แดนนี่ บอยล์ ยืนกรานว่าไม่ใช่, โดยบอกว่า — ‘อย่าเหลวไหลน่า (don't be silly)’
และมีการเผยให้สบายใจ (หรือไม่ก็ หลอกล่อให้ไปดูหนัง), ว่าแม้คิลเลียน ยังไม่โผล่มาแถว 28 Years ภาคแรก
แต่มีแผนจะให้ กลับมามีบทบาท, ณ 28 Years ภาคสองหรือสาม
[9] สำหรับ 28 Years ภาคแรก, บอยล์จะเน้นเรื่องราว ของผู้รอดชีวิตกลุ่มเล็ก ๆ
ที่ดิ้นรนต่อสู้ เพื่อดำรงชีวิตอยู่ บนเกาะลินดิสฟาร์น (Lindisfarne) หรือเกาะศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยทางเดินที่น้ำขึ้นน้ำลง จะกลบมันทุกคืน
[10] ตัวละครของ แอรอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน, จะพาลูกชายของเขา
ร่วมเดินทาง ในพิธีเปลี่ยนผ่าน ของผู้เยาว์
เพื่อแสดงให้เห็นว่า เกิดอะไรขึ้น บนแผ่นดินใหญ่ (สหราชอาณาจักร)
[11] ใน 28 Years ภาคแรก, ส่วนที่เหลือของโลก (นอกสหราชอาณาจักร ที่ถูกตัดขาด) จัดว่าปลอดเชื้อบ้า
ซึ่งว่าไปแล้ว ดูจะตรงข้ามกับ, สิ่งที่ฉากจบของ 28 Weeks Later นำเสนอไว้
อย่างไรซะ อเล็กซ์ การ์แลนด์ ยืนยันว่า, เนื้อหา 28 Years Later จะไม่ขัดแย้งกับ 28 Weeks Later
แหล่งข้อมูล: inverse, reddit, theplaylist, empire, screenrant
COMMENTS