32 ปีหลัง สตีเวน สปีลเบิร์ก, พลิกโฉมวงการ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แฟรนไชส์กำลังจะ ปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ ด้วยจูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่ (Ju...
32 ปีหลัง สตีเวน สปีลเบิร์ก, พลิกโฉมวงการ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
แฟรนไชส์กำลังจะ ปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ ด้วยจูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่ (Jurassic World Rebirth)
อันกำกับโดย แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์, ผู้เคยผลิต Rogue One: A Star Wars Story และ The Creator
ผลงานเรื่องนี้ ถูกยกให้เป็น จุดเริ่มต้นใหม่, ของโลกแห่ง สัตว์ดึกดำบรรพ์ คืนชีพ
แต่ในบางแง่นั้น มันจะย้อนกลับไปสู่, จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
เพราะว่าในที่สุด เดวิด โคเอปป์ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ (ซึ่งเคยเขียนบท ให้ Jurassic Park)
ก็ได้นำฉากเด็ด จากนวนิยาย (ต้นฉบับของไมเคิล ไครช์ตัน) ที่เคยตกหล่น, มาใส่ลงหนังคนแสดง
ในบทความที่ เผยแพร่ครั้งแรก โดยนิตยสาร Vanity Fair
โปรดิวเซอร์ แฟรงก์ มาแชลล์ ยืนยันว่า, ฉากไล่ล่าแพยาง อันโด่งดังของหนังสือ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (ที่โดนตัดออกไป ไม่ใส่แถวหนัง Jurassic Park ภาคแรก)
จะได้ฤกษ์ ถูกถ่ายทอด สู่จอใหญ่สักที, ณ ภาค Rebirth นี่
ในนวนิยาย ของไครช์ตัน, 'อลัน แกรนท์' กะหลาน ๆ ของจอห์น แฮมมอนด์ (ทิม และเล็กซ์ เมอร์ฟีย์)
พยายามล่องผ่าน แหล่งน้ำขนาดใหญ่ ด้วยแพยาง, โดยไม่ปลุก ที-เร็กซ์ ที่กำลังหลับเพลิน
พวกเขาล้มเหลวอย่างยับเยิน ทำให้เกิดความโกลาหล ตามมา, นิยายบรรยาย ฉากนี้ไว้ว่า:
"ตอนนี้ เจ้าไทแรนโนซอร์ จมอยู่ในน้ำลึก ถึงหน้าอกแล้ว, แต่มันสามารถยกหัวโต ๆ ของมัน ขึ้นสูงเหนือผิวน้ำได้
จากนั้นแกรนท์ก็ตระหนัก ว่าสัตว์ตัวนี้ ไม่ได้กำลังแหวกว่าย, แต่กำลังย่างเท้า ต่างหาก
เพราะไม่กี่วินาทีต่อมา มีเพียงส่วนบนสุด ของศีรษะ, อย่างตาและจมูก เพียงเท่านั้น ที่โผล่ขึ้นมา
เมื่อถึงตอนนั้น มันก็ดูเหมือนจระเข้ และว่ายน้ำเหมือนจระเข้, โดยแกว่งหางเขื่องไปมา ทำให้น้ำไหลเชี่ยว อยู่ด้านหลังมัน"
Jurassic World Rebirth จะพยายามทำให้ ไดโนเสาร์น่ากลัวอีกครั้ง
Jurassic Park เป็นภาพยนตร์ทำเงิน สูงสุดตลอดกาล ในสมัยก่อน
และก่อกำเนิดแฟรนไชส์ ที่ทำรายได้ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ, ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษ
ไตรภาค Jurassic World (ซึ่งสืบต่อจาก ไตรภาค Jurassic Park ดั้งเดิม) มีช่วงเวลาที่ น่ากลัวอยู่บ้าง
แต่บรรยากาศของหนัง ส่วนมาก ก็สอดคล้องกับเรต PG-13 (ทุกวัยดูได้, แค่ถ้าอายุต่ำ 13 ควรมีคนคอยแนะนำ)
ไม่ได้หมายความว่า แนวทางดังกล่าว จะมีอะไรผิด
แต่หลังจากทำซ้ำ แนวทางนั่น ติดต่อกัน 3 ภาค, ชะรอยว่าการเปลี่ยนแปลง จะบังเกิด
ตัวเอ็ดเวิร์ดส์ คุณโคเอปป์ และพวกผู้อำนวยการสร้าง ของ Rebirth, ต่างต้องการ เปลี่ยนโทนของหนัง
โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ดส์ ที่บอก Vanity Fair ชัดเจนว่า, อยากนำเสนอความ สยองขวัญ:
"Jurassic Park คือหนังสยองขวัญ, อันอยู่ภายใต้ โครงการคุ้มครองพยาน
คนส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดกับมัน แบบนั้น, เพราะพวกเราต่างเคย รับชมกันสมัยยังเด็ก
แต่บอกตรง ๆ ผมกลัว_ี้แทบแตก ตอนเห็นทีเร็กซ์จู่โจม ในโรงหนัง
นั่นเป็นหนึ่งในฉาก ที่กำกับได้ดีที่สุด ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
ดังนั้นมาตรฐาน จึงถูกตั้งไว้สูง, สำหรับคนคิดลอง ทำสิ่งเดียวกัน"
เอ็ดเวิร์ดส์ เกี่ยวข้องยาวนาน กับหนังสัตว์ประหลาด
ก่อนหน้านี้ เขาเคยกำกับ Godzilla (2014), ซึ่งจุดชนวน จักรวาล MonsterVerse ของค่าย Legendary
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ยังเป็นงานไซไฟทุนต่ำ, อย่าง Monsters
ฉะนั้นถึงใครจะ มองว่าไดโนเสาร์ มีคุณสมบัติไคจู, น้อยปานไหน
เขาก็ดูจะมี คุณสมบัติมากพอ สำหรับการเป็น คนที่ใช่, ในงานนี้
นอกจากนี้ ผู้สร้างภาพยนตร์ ยังดูทรงจะเชื่อใน, แนวคิดที่ว่า
สัตว์ดึกดำบรรพ์ อันมนุษย์สร้างขึ้นเหล่านี้ น่าเกรงขาม, ยิ่งกว่าน่าอัศจรรย์
"สัญชาตญาณบางอย่าง ฝังลึกอยู่ในตัว ของเราทุกคน" เอ็ดเวิร์ดส์กล่าวเสริม
"ในฐานะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เราวิวัฒนาการมา พร้อมกับความขยาด สัตว์ตัวใหญ่กว่า
ที่สักวันหนึ่ง อาจบุกมา, ฆ่าตัวเรา หรือสมาชิกครอบครัว
ทันทีที่เรา เห็นสิ่งนั้น เกิดขึ้นบนหน้าจอ, คุณย่อมรู้สึกว่า
'ว่าแล้วเชียว ... เราใช้ชีวิตสงบสุข มานานเกินไปละ'"
Jurassic World Rebirth จะแสดงให้เห็น ไดโนเสาร์ที่ เปลี่ยนแปลงไป
หนังเรื่องนี้จะเน้น ตัวละครใหม่, ดังนั้น 'อย่า' คาดหวังว่า อาจได้เห็น โอเว่น เกรดี้ หรือ เอลลี่ แซทเลอร์โผล่มา
แต่เรามีนักแสดงนำ ที่คุณคงคุ้น ๆ หน้าบ้าง อันได้แก่
สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน (Avengers: Endgame), มาเฮิร์ซชาล่า อาลี (Moonlight) และโจนาธาน เบลีย์ (Wicked)
ที่รายงานของ Vanity Fair, ระบุเกี่ยวกับ สิ่งที่ตัวละครของพวกเขา จะทำว่า:
"เรื่องราวนี้ติดตาม สมาชิกทีมเก็บกู้ [...] ขณะที่พวกเขา ออกเดินทางไปยัง เกาะใกล้เส้นศูนย์สูตร
ซึ่งครั้งหนึ่งเคย เป็นสถานที่ตั้ง ห้องทดลองของ จูราสสิคปาร์กแห่งแรก"
และนี่ไม่ใช่แค่ การเดินทางสู่ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง, เพราะจริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกการวิจัย ที่สำเร็จตามแผน
"ไดโนเสาร์หลายตัว ใช้งานไม่ได้ เพราะมีการกลายพันธุ์บางส่วน" มาร์แชลล์ (โปรดิวเซอร์) อธิบาย
"พวกมันทั้งหมด ถูกสร้างขึ้น โดยอ้างอิงไดโนเสาร์จริง, แต่มีบางสิ่ง ผิดเพี้ยนไป"
มาร์แชลล์ยังแอบ กล่าวถึงสภาพของโลก (ในหนัง) ซึ่งไม่เหมือนเดิม ด้วยว่า
"[โคเอปป์] เสนอความคิดว่า, เหล่าไดโนเสาร์ จัดว่าล้าสมัยเรียบร้อย
ผู้คนเบื่อหน่ายพวกมัน, เห็นเป็นแค่ตัว สร้างความไม่สะดวก
ผู้คนเลิกไปพิพิธภัณฑ์ หรือสวนสัตว์ เพื่อดูพวกมัน, พวกมันกลายเป็นเพียง สิ่งรกหูรกตา
ภาวะโลกรวน ไม่ช่วยเพิ่มโอกาสอยู่รอด ของพวกมัน
ดังนั้นไดโนเสาร์ จึงเริ่ม เจ็บป่วยล้มตาย
แต่ยังมีพื้นที่หนึ่ง รอบเส้นศูนย์สูตร, ซึ่งสภาพอากาศ อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อม สมบูรณ์แบบสำหรับพวกมัน"
ที่มา: slashfilm
COMMENTS