30 เมษายน ค.ศ. 2019 คือวันที่เม่นแคระ จะต้องถูกจดจำไปตลอดชีวิต เกมเมอร์หลายล้านคน ต่างตั้งตารอจะประสบ กับฝันที่กลายเป็นจริง แต่ดันเจอ ดวง...
30 เมษายน ค.ศ. 2019 คือวันที่เม่นแคระ จะต้องถูกจดจำไปตลอดชีวิต
เกมเมอร์หลายล้านคน ต่างตั้งตารอจะประสบ กับฝันที่กลายเป็นจริง
แต่ดันเจอ ดวงเนตร ที่เล็กดุจมนุษย์, ฟันอันแบนราบ จนสะดุดอารมณ์
และคำสองคำ ที่กลายเป็นมีม (meme) ภายหลังอย่าง "เอ่อ…เหมียว ?"
ตัวอย่างแรกของ Sonic the Hedgehog ของ Paramount
กลายเป็น 1 ในวิดีโอ ที่คนเกลียดหนักสุด, นับแต่ฮอลลีวูด อัปคลิป บนโลกออนไลน์
ด้วยความไว, เทียบเคียงได้กับ ตัวเจ้าสิ่งมีชีวิต ที่เร็วที่สุดเอง
วิดีโอ YouTube ทวีต และสื่อของนักวิจารณ์เกม, แพร่กระจายคำประณาม ทั่วเวิลด์ไวด์เว็บ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แสดงให้เห็นว่า เกมเมอร์ในโลกก่อนมี Detective Pikachu ขาดศรัทธา, ต่อหนังจากเกม ของฮอลลีวูด ปานไหน
สำหรับผู้กำกับภาพยนตร์ (เจฟฟ์ ฟาวเลอร์) มีสิ่งเดียวที่ต้องทำ, นั่นคือ การกู้ศรัทธา โดยไวปานลมกรด
"แฟน ๆ ต้องรู้ว่า เราได้ยินพวกเขา, และพวกเขาก็ต้องการ ได้ยินสิ่งนั้นจากผม"
ฟาวเลอร์กล่าวถึง ทวีตที่เขาส่งออกไป เพียง 2 วันหลังจาก ตัวอย่างแรกเผยแพร่
"ข้อความนั้นดัง และชัดเจน… คุณไม่พอใจ กับการออกแบบ และคุณต้องการ การเปลี่ยนแปลง มันจึงจะเกิดขึ้น"
2,059 วัน หลังจากทวีต ข้อความดังกล่าว เกมเมอร์ต่างตื่นเต้น กับ Sonic 3
ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะเป็นหนัง ทำรายได้สูงสุดของ Paramount ปี 2024
และเป็นภาพยนตร์ จากวิดีโอเกม ยอดนิยม เรื่องล่าสุด, แถมได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สามารถครองใจ เหล่าผู้ชม ผู้นิยมเสพสื่อจอเงิน, อย่างหายาก ณ ช่วงทศวรรษ 2020s
ความตื่นเต้นนั้น ยิ่งใหญ่แค่ไหน ? ก็ถึงขนาด ค่ายพาราเมาท์ มั่นหน้า
กล้าแจก "เสื้อสเวตเตอร์ คริสต์มาส หน้าโซนิคอัปลักษณ์"
เพื่อโปรโมตหนังภาค 3, และแฟนๆ ก็ดัน ตอบรับดี ชนิดล้นหลาม
ฟาวเลอร์มองว่า การที่แฟน ๆ มองย้อนกลับไป แล้วหัวเราะและยอมรับ "โซนิคอัปลักษณ์"
เป็นสัญญาณว่า เขาประสบความสำเร็จ, ในการสร้าง ความไว้วางใจ
ไม่เพียงต่อ เหล่าผู้ชม, แต่นับรวมพาราเมาท์ และทีมสร้างภาพยนตร์
หลายคนยังคง ทำงานร่วมกัน ตลอดไตรภาค และซีรีส์ภาคแยก Knuckles ของพาราเมาท์พลัส
ความไว้วางใจนั้นเอง ที่ทำให้ฟาวเลอร์ ไม่แค่เดินหน้า ออกแบบโซนิคใหม่
แต่ยังสามารถ ถ่ายทำภาคต่อ อีก 2 ภาคได้, ท่ามกลางการระบาดใหญ่
และการ หยุดงานประท้วง, ที่พลิกโฉม อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งหมด
"ผมทำงาน กับภาพยนตร์ หลายสิบเรื่อง, แต่หายากที่จะรู้สึก ตื่นเต้นกับการทำงาน ในแบบเดียวกับโครงการ Sonic"
นีล มอริตซ์ โปรดิวเซอร์, ซึ่งเคยร่วมวงศ์ไพบูลย์ กับชาวบ้าน ทั้งใน Fast & Furious และ 21 Jump Street กล่าวกับ TheWrap
"มีความรักต่อโลกนี้ และตัวละครเหล่านี้ อยู่ในทุก ๆ ฉาก
และผมยก ความดีความชอบ ให้กับเจฟฟ์, ซึ่งไม่เพียง กรำงานหนัก แต่ยังนิสัยดีด้วย”
บทความที่แปลจาก [thewrap] นี้ จะเผยถึง เบื้องลึกเบื้องหลัง
ว่าทำไม 1 ในหนังจากเกมที่ เคยถูกมองว่า, เป็นงานสาย ต้องคำสาป
จึงกลายเป็น แฟรนไชส์ที่ทำรายได้ 720 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การแปลงโฉม ของเม่นสายฟ้า
ถ้าจะมีอะไรดี สำหรับฟาวเลอร์ จากตัวอย่างเจ้าปัญหา, ก็คือทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ Sonic
ตั้งแต่พาราเมาท์ ไปจนถึงเซก้า ยันนีล มอริตซ์ (โปรดิวเซอร์), ต่างก็เห็นด้วยกับ การแปลงโฉม ชนิดฉับพลัน
"ไม่มีใครบอกว่า 'รอดูท่าทีก่อน' มันชัดเจนว่า ต้องทำอะไร" เขากล่าว
"พาราเมาท์เลื่อนวันฉาย จากพฤศจิกายน [2019] เป็นกุมภาพันธ์ [2020] ซึ่งทำให้เรา มีเวลาเพียงพอ เพราะมีงานต้องทำอีกมาก"
"พวกเราได้เข้าไปคุย กับผู้บริหารทุกคน ใน Paramount
และบอกพวกเขาว่า ต้องใช้เวลานานเท่าใด ในการแก้ไข และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
พวกเขาตอบทันทีว่า 'โอเค จัดการซะ'" มอริตซ์ว่า
โซนิคอัปลักษณ์ เป็นผลลัพธ์จากที่ ฟาวเลอร์ และทีมงานของเขา, ซึ่งรวมถึง เก็ด ไรท์ (หัวหน้าฝ่าย VFX)
พยายามหาวิธี ที่จะแปลงร่าง เม่นการ์ตูน, ซึ่งหลายคนมองว่า เป็น 1 ในตัวละครวิดีโอเกม ผู้มีเอกลักษณ์สูงสุด
ให้สามารถยืน เคียงบ่าเคียงไหล่ ตัวละครมนุษย์ เช่น ด็อกเตอร์เอ้กแมน ของจิม แคร์รีย์, ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“เราลงเอยด้วยการ เน้นความสมจริง มากเกินเหตุ, และแฟน ๆ ก็ทำถูกแล้ว ที่ตำหนิเรา" ฟาวเลอร์ยอมรับ
ขณะฟาวเลอร์และไรท์ เข้าพบทีม VFX ในแวนคูเวอร์
พวกเขานำตัว กูรูด้านเกม Sonic มาด้วย, นั่นคือ ไทสัน เฮสส์ นักวาดภาพประกอบ และแอนิเมเตอร์
ผู้เคยใช้เวลาหลายปี สร้างความบันเทิง ให้สาวก เม่นสายฟ้า
ด้วยตัวอย่างแอนิเมชั่น และภาพยนตร์สั้น สำหรับเกมสไตล์ย้อนยุค อย่าง Sonic Mania
แถมเป็นที่ปรึกษา, ฝ่ายสร้างสรรค์ผลงาน สำหรับภาพยนตร์
ฟาวเลอร์ยังประสาน กับทีมงานผลิต Sonic ในญี่ปุ่น, ซึ่งรวมถึง ทาคาชิ อิซึกะ หัวหน้าทีมออกแบบเกม
เฮสส์สร้างต้นแบบ ให้แก่ทีมงาน ด้านเอฟเฟกต์พิเศษของ "โซนิค", โดยอาศัย ประสบการณ์หลายปี ในการวาดเม่นสีน้ำเงิน
เพื่อหาจุดพอดี สำหรับการเปลี่ยนแปลง ที่ฟาวเลอร์มองหา, โดยเหลือ บางองค์ประกอบ ของโซนิคอัปลักษณ์ไว้
เช่น การใช้ขนสีน้ำเงินที่แขน แทนขนสีเนื้อ, และดวงตาที่ แยกกันสองข้าง
ต่างจาก "ดวงตาเดียว" เชื่อมกัน, อันเป็นเอกลักษณ์ ของโซนิคจากเซก้า, เพื่อให้แสดงอารมณ์ได้ง่ายขึ้น เมื่อทำแอนิเมชั่น
"สิ่งที่ยอดเยี่ยม เกี่ยวกับไทสัน คือเขาสามารถพูดคุย ในเชิงนามธรรม
และถ่ายทอด ออกมาเป็นภาพ, ด้วยทักษะของเขา ในฐานะนักวาดรูป" ฟาวเลอร์บอก
"เขาเปลี่ยนคำพูด ให้กลายเป็นภาพวาด และภาพนั้น ก็กลายมาเป็นต้นแบบ สำหรับทีมทรัพยากรของเรา
มีการถกเถียงเยอะ เกี่ยวกับลักษณะของโซนิค ที่สมจริง, และก่อนหน้านี้ ใช่ว่าทุกคน ชอบโซนิค ที่เคยออกแบบ
แต่แล้วเราก็ได้ วัตถุดิบล้ำค่ามา, เพราะความเข้าใจตัวละคร ของไทสัน"
เมื่อ Sonic the Hedgehog เข้าฉายกุมภาพันธ์ 2020, ภาพยนตร์ทำรายได้เปิดตัว สูงถึง 58 ล้านดอลลาร์
แฟน ๆ ต่างเห็นพ้องกันว่า หนังสนุกดี, แม้ว่าขาด
การอ้างอิงถึง รายละเอียดต่าง ๆ จากเกมต้นฉบับ, ตามความคาดหวัง
ดูท่ามันคงจะ ทำรายได้ ทะลุ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ... แต่ก็เกิดโรคระบาด สกัดดาวรุ่ง
ยามต้องเร่ง สวมหน้ากาก
เมื่อโลกเข้าสู่ ช่วงกักกันโรค ในช่วงต้นฤดูร้อนปี 2020, พาราเมาท์ประกาศว่า Sonic 2 ได้รับไฟเขียวแล้ว
หลังจากนั้น 4 เดือน สตูดิโอฮอลลีวูด และสหภาพแรงงาน
ก็ได้เริ่มใช้ มาตรการความปลอดภัย, สำหรับการ กลับมาทำงาน ในอุตสาหกรรม ที่กำลังน่ากังวล
โดยมีเจ้าหน้าที่ ด้านความปลอดภัย เกี่ยวกับโควิด19 คอยคุมโซนการผลิต
เพื่อให้แน่ใจว่า มีการเว้นระยะห่าง ทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในแผนกต่าง ๆ
เมื่อถูกถาม เกี่ยวกับความทรงจำ ช่วงเวลานั้น, มอริตซ์ท่าทางลังเล ที่จะขุดมันออกมา
"ตอนนี้มันรู้สึก เหมือนเป็น ประวัติศาสตร์โบราณ" เขากล่าว
"ผมชอบ อยู่ที่กองถ่าย แต่ผมไม่ชอบอยู่ ในช่วงโควิด, การติดต่อทางสังคม หลาย ๆ แบบ ถูกปิดกั้น
ถึงอย่างนั้น เราก็โชคดีที่ ได้ถ่ายทำหนัง ณ ช่วงดังกล่าว"
ขณะที่มอริตซ์ ทำงานกับ Paramount, เพื่อบริหารจัดการ ระบบใหม่ ในสภาวะโควิด19
ฟาวเลอร์ตัดสินใจ ใช้เวลาที่ต้องติด อยู่ในสภาพกักตัว, เป็นโอกาส เตรียมตัวให้ดีขึ้น
โดยตรวจเช็ค สตอรี่บอร์ด และงานแอนิเมชั่น สำหรับทุกฉากของภาคต่อ ที่จะมีตัวละคร CGI
ซึ่งงวดนี้ มิได้มาแค่ 1 แต่มีถึงสาม, ได้แก่ โซนิค เทลส์ และนักเคิลส์
การเตรียมพร้อมมากมาย ช่วยลดภาระของแผนก VFX ลง
ซึ่งเป็นการดี เพราะคราวนี้ มีเรื่องให้กังวล, มากกว่าแค่การ แปลงโฉมตัวละคร กะทันหัน
เนื่องจากเจ้าพนักงาน ด้านเทคนิคพิเศษ ของฮอลลีวูด, ประสบภาวะ ถูกเลิกจ้างครั้งใหญ่ ระหว่างการระบาดใหญ่
ทำให้เหล่า ผู้เหลือรอด ยังได้ทำงานเดิม, พลอยเจอสถานการณ์ งานล้นมือ ตามไปด้วย
"ในภาคแรก เราต้องเตรียมเยอะ แค่ฉากใหญ่ ๆ ของโซนิค เช่น ฉากภาพช้าที่โร้ดเฮาส์
แต่เมื่อมีเทลส์ และนัคเคิลส์ เข้าเสริมทัพ, ก็มีงานอีกมาก ที่ต้องจัดการ ก่อนถ่ายทำ
เพื่อให้ทุกคน สัมผัสได้ทั้ง จังหวะ ความลื่นไหล ความตลก
โดยฉากแอ็กชั่น ทั้งหมด ไม่ขาดตก บกพร่องในเรื่องใด" ฟาวเลอร์อธิบาย
เมื่อการถ่ายทำ เริ่มขึ้น ณ แวนคูเวอร์, ในเดือนมีนาคม 2021
ฟาวเลอร์และมอริตซ์ ระบุว่า, พวกเขาปรับตัว อย่างยากลำบาก ต่อมาตรการต้านโควิด
พร้อม ๆ กับที่รู้สึกโล่งใจ ว่าสามารถ ถ่ายทำภาพยนตร์ได้อีก, หลังจากต้องติด อยู่ในบ้านเกือบปี
ทุกคนต้องเรียนรู้ วิธีการทำงาน ในสภาพแวดล้อม ที่เข้มงวดมากขึ้น
โดยเฉพาะจิม แคร์รีย์, ซึ่งเช่นเดียวกับ นักแสดงตลกหลาย ๆ คน
เขาดิ้นรนสังเกต ผลตอบรับจาก ผู้กำกับและทีมงาน ที่ยลการแสดงของตน
เพื่อคอยประเมินว่า, เรียกเสียงฮา ได้ตามต้องการ หรือเปล่า
ระหว่างการถ่ายทำ Sonic 2 นี้เอง, ที่ฟาวเลอร์ได้เรียนรู้ ถึงคุณค่าของการ "หัวเราะด้วยสายตา"
โดยพยายามสื่อสาร กับแคร์รีย์ และดาราคนอื่น ๆ เช่น ลี มัจดูบ และเจมส์ มาร์สเดน, ว่าพวกเขาแสดงออก ถูกต้องหรือไม่
ซึ่งลงท้าย เขาเชื่อว่า ความท้าทาย ในการกำกับภาพยนตร์
โดยสวมหน้ากาก N95 และเฟซชิลด์, ช่วยให้เขา กลายเป็น ผกก.ที่ดีขึ้น
"ตอนจิมกับผม ผลิต Sonic 3, เรารู้สึกโล่งใจมาก ที่ได้กลับมาใช้ วิธีถ่ายทำตามปกติ
แต่ทักษะสื่อสาร แบบไม่ใช้คำพูด, ที่สั่งสมมา จากคราวทำ Sonic 2
ทำให้เรา เข้าใจอีกฝ่าย โดยสัญชาตญาณ ง่ายขึ้น, เมื่อถ่ายทำ ได้ตรงตามที่ต้องการ" เขาบอก
ชาโดว์ กับการสไตรค์ (หยุดงานประท้วง)
ประสบการณ์ ตอนทำภาค 2, มีประโยชน์ต่อสิ่ง ที่ทีมงานเจอ ในปี 2023
ขณะฟาวเลอร์ มอริตซ์ และโทบี้ แอสเชอร์ (โปรดิวเซอร์) กำลังพัฒนา Sonic 3
ควบคู่กับ "Knuckles" ซีรีส์ Paramount+ จำนวน 6 ตอน, ที่นำอีคิดนาของอิดริส เอลบา มาเป็นตัวชูโรง
Knuckles อยู่ระหว่างขั้นตอน หลังการผลิต, เมื่อ SAG-AFTRA (สหภาพของ ศิลปินและนักแสดง อเมริกัน) สไตรค์ในเดือนกรกฎาคม
ทำให้ทีมงาน Sonic ตัดสินใจที่จะ หันมาใส่ใจตรงนี้, ณ ช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการหยุดงาน อันนานถึง 118 วัน
ด้าน Sonic 3 ฟาวเลอร์ ขุดปรัชญา เตรียมพร้อมไว้ก่อน เป็นยอดดี, มาใช้ซ้ำ
โดยเฉพาะกับ ฉากต่อสู้ระหว่าง โซนิคและชาโดว์
ในฉากที่ถ่ายด้วย ซาวด์สเตจ (เวทีบันทึกเสียง), และขยายภาพ ด้วยระบบดิจิตอล ณ โตเกียว
เช่นเดียวกับ ฉากบนพื้นผิวดวงจันทร์ แถวองก์ 3
ขณะเดียวกัน มอริตซ์และแอสเชอร์ พยายามทำให้ ทุกอย่างยืดหยุ่น, เมื่อต้องถ่ายทำ นอกสถานที่ แถบลอนดอน
"ฉากที่ใช้ นักแสดงจริงเยอะสุด, คือฉากกลางวัน กลางลอนดอน กลางฤดูร้อน"
แอสเชอร์กล่าว โดยอ้างอิงถึง ฉากที่ทอมและแมดดี้ (รับบทโดย เจมส์ มาร์สเดน และติก้า ซัมป์เตอร์)
ช่วยโซนิค กะเพื่อน ๆ ในงานปล้น ที่คล้ายกับ Mission: Impossible, ด้วยการปลอมตัว แบบใช้โฮโลแกรม
ซึ่งทำให้ เชมาร์ มัวร์ และนาตาชา ร็อธเวลล์ (นักแสดงสมทบ), พลอยถูก เรียกตัวนอกรอบ
"เนื่องจาก วันเปิดกล้อง, เลื่อนไปเป็น ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
ต้นไม้เลยชัก โล่งเตียน, เราจึงต้องเปลี่ยนแผน อยู่เสมอ"
แอสเชอร์กล่าวต่อ "ผมจำได้ว่า ระหว่างการสไตรค์, เราจัดตารางงานใหม่ ทุกสัปดาห์
โดยคิดแผนสำรอง เผื่อล่วงหน้าตลอด, กรณีที่การหยุดงาน ไม่สิ้นสุด ตามวันที่กำหนด
เพื่อที่เราจะได้ ทำงานนอกโรงถ่าย, และออกฉาย ทันกำหนดหมด”
Sonic the Hedgehog 3 จึงพร้อมฉาย บนจอเงิน ตามกำหนด, โดยคำวิจารณ์เบื้องต้น บอกว่าเป็นภาคที่ดีสุด ณ เพลานี้
จึงถูกคาดหวัง ว่าจะทำรายได้แซง Sonic 2 (ซึ่งเคยจัดไป 405 ล้านเหรียญสหรัฐ)
นอกจากนี้ ภาคที่ 4 ยังอยู่ใน ขั้นตอนการพัฒนา เรียบร้อย, และจะเข้าฉาย ค.ศ. 2027
จู่ ๆ ภาพยนตร์ที่ ทำท่าจะคว่ำ ณ ปี 2019, กลับดูทรง จะอยู่ได้นาน เท่าแฟรนไชส์ Fast & Furious ของมอริตซ์ซะแล้ว
บางที หลังจากนี้, ฟาวเลอร์ มอริตซ์ และแอสเชอร์ อาจได้เลิก กังวลใจ
กับการคอยหาทาง รับมือการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในฮอลลีวูดอีก
แต่ถึงไม่เป็นดังนั้น ฟาวเลอร์ก็เชื่อมั่น, ว่าทีมงานของเขา จะรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ได้
"ผมคิดว่า มันน่าขำ, ที่งานที่เราทำ นั้นสะท้อนถึงสาร ของภาพยนตร์พวกนี้ ได้อย่างแท้จริง
คือเมื่อคุณ มีคนดี ๆ อยู่เคียงข้าง, และคุณเต็มใจ ที่จะรับฟัง ซึ่งกันและกัน
คอยสร้างเสริม จุดแข็งของกันและกัน, มันก็ไม่มีอะไร ที่คุณจะทำไม่ได้"
COMMENTS