70% ของโบราณคดี คือการค้นคว้าที่ในห้องสมุด, แต่สำหรับคุณศาสตราจารย์ นามสกุลโจนส์, ผู้สอนวิชานี้ ดูทรงแล้ว 70% ของชีวิตเขา จะเป็นการไขปริศนา ...
70% ของโบราณคดี คือการค้นคว้าที่ในห้องสมุด, แต่สำหรับคุณศาสตราจารย์ นามสกุลโจนส์, ผู้สอนวิชานี้
ดูทรงแล้ว 70% ของชีวิตเขา จะเป็นการไขปริศนา และผจญภัย (ในแบบบู๊ปนตลก) มากกว่า
"อินเดียน่า โจนส์" ชำนาญทางอำนาจลึกลับ และค้นพบวัตถุโบราณล้ำค่า (ซึ่งผู้อื่นหาบ่เจอ) อยู่ประจำ
แถมแรงจูงใจหลัก ยังหล๊อหล่อ, คือเพราะต้องการ ชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่สนมูลค่าทางการเงิน ของขุมทรัพย์
สำหรับประชากร แห่งประเทศสารขัณฑ์ โดยทั่วไป
คงเข้าใจว่าคอนเทนท์เกี่ยวกับ อินเดียน่าโจนส์ ก่อนยุคของดิสนีย์ (ที่ซื้อกิจการลูคัสฟิล์ม)
มีแค่ภาพยนตร์สี่ภาค (Raiders of the Lost Ark, The Temple of Doom, The Last Crusade, Kingdom of the Crystal Skull) เนี่ยแหละ
แต่ความจริงแล้วจักรวาลอินดี้ กว้างใหญ่กว่านั้น
บทความจะพาคุณสำรวจ ตรวจสอบต้นกำเนิด ของปู่นักล่าสมบัติ
กับที่มาที่ไป, เบื้องหลังการพัฒนาหนัง แต่ละภาค (1-4)
เมียงมอง เนื้อหาเสริมต่างๆ ของแฟรนไชส์ (อย่างพอสังเขป)
และส่ององค์ประกอบ กะระดับความเป็น "จักรวาล" ของเรื่องราว, อันรายล้อมรอบตัว ชายชื่อ "เฮนรี่ โจนส์ จูเนียร์"
**คำเตือน** เนื้อหาบางส่วน สปอยล์หนังเก่า
ต้นกำเนิด, เบื้องหลัง และที่มาที่ไป
"จอร์จ ลูคัส" เลี้ยงเจ้าตูบ ชื่ออินเดียน่า และเขาคงชอบมันมาก
ถึงเอาไปตั้งชื่อตัวละครเอก ในบทประพันธ์ ที่กำลังแต่งเมื่อปี 1973 อย่าง
การผจญภัยของอินเดียน่า.. 'สมิธ' (The Adventures of Indiana Smith)
เขาปรึกษากับฟิลิป คอฟแมน (ผกก.และนักเขียนบทอีกราย) หลายสัปดาห์
ก่อนได้ข้อสรุปว่า ควรใช้หีบศักดิ์สิทธิ์ (Ark of the Covenant) ที่สาบสูญ
เป็นแมกกัฟฟิน (เป้าหมายแห่ง การแย่งชิงมาครอบครอง ของเหล่าตัวละคร)
ต่อมาโครงการชะงัก เพราะคลินท์ อีสต์วูด, จ้างคอฟแมนไปทำอย่างอื่น
แต่ดูเหมือน เทพีแห่งโชคชะตา คือสาเหตุ
เนื่องจาก อินเดียน่าสมิธ วิ่งไม่ถึงเส้นชัย
ลูคัสจึงมีโอกาส ได้คุยเรื่องอินดี้ กะผู้กำกับฮอลลีวูดอีกราย, อย่างนาย "สตีเวน สปีลเบิร์ก"
พฤษภาคม ค.ศ. 1977 ลูคัสซึ่งตั้งใจ หนีพวกนายทุน
หลบไปอยู่เกาะเมาวี (Maui) ที่ฮาวาย, เผื่อกรณี Star Wars (ต้นตำรับ) ฉายแล้วเจ๊งยับ
ได้เจอะมิตรร่วมวงการ (สปีลเบิร์ก) ผู้กะลังพักร้อนแถวนั้น หลังทำ Close Encounters of the Third Kind เสร็จ
สปีลเบิร์กฝอย กะเกลอว่า, ข้าอยากผลิตหนัง James Bond สักภาค
ลูคัสจึง เกทับว่า, อั๊วะมีไอเดียที่ "เจ๋งกว่าเจมส์ บอนด์" อยู่นาเหวย
เมื่อสปีลเบิร์กได้อ่าน, ฉบับร่างของ Raiders of the Lost Ark ก็ตกหลุมรัก
เรียกมันว่า "หนังเจมส์ บอนด์ ฉบับไร้ของเล่นสายลับ" และหลังการปรึกษา, นามสกุลอินดี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็น "โจนส์"
สปีลเบิร์กกะลูคัส ทำข้อตกลงเรื่องหนังอินดี้ ไว้กับค่ายพาราเมาท์ 5 ภาค
แล้วภาพยนตร์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า อันฉายค.ศ. 1981, ทุน 18 ล้านดอลลาร์
ก็ประสบ ความสำเร็จล้นหลาม กวาดทรัพย์ทั่วโลกา 389.9 ล้าน
คุณอาจคิดว่า งานนี้ภาคสองต้องมา, แต่ความจริงเรากลับได้ "ภาคต้น"
เหตุการณ์ใน Temple of Doom เกิดก่อน Raiders of the Lost Ark (ตามไทม์ไลน์)
สาเหตุเพราะลูคัส ยังไม่อยากให้พระเอก เจอนาซีซ้ำ ตามรอยภาคแรก, และสนใจเรื่องปราสาทผีสิง
อีกทั้งช่วงนั้นสปีลเบิร์ก เลิกกับแฟน, แถมลูคัส เจอปัญหาหย่าร้าง
โทนของ Indiana Jones and the Temple of Doom (โปรดสังเกตว่า มีอินเดียน่าโจนส์ ปนอยู่ในชื่อหนังละจ้า)
จึงดาร์กขึ้น น่ากลัวขึ้น, ตามอารมณ์ ของเหล่าคนอกหัก
แม้ภาคต้นที่ คลอดปี 1984 แผ่วลงบ้าง (ทุน 28 ล้าน รายรับรวม 333 ล้าน)
แต่เห็นๆ กันจะๆ ว่ามันสมควร ออกภาคต่อ (คราวนี้ของแท้)
ลูคัสเสนอว่า ขุมทรัพย์งวดนี้ ควรเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์
ทีแรกสปีลเบิร์กปฏิเสธ เพราะไอเท็มดังกล่าว เชื่อยากว่ามีจริง (ผิดกับหีบบรรจุบัญญัติ 10 ประการ ?)
แต่นึกออกทีหลังว่า สามารถใช้การตามหา, สิ่งไร้ตัวตน
นำเสนอเชิงอุปมา แทนปมของพ่อกะลูกชาย, ที่ความสัมพันธ์เหินห่าง
ทว่าต่างฝ่าย ต่างก็รู้สึก, อยากคืนดีกันได้
Indiana Jones and the Last Crusade ปล่อยของ ค.ศ. 1989
แม้ทุน 48 ล้าน รายได้ทั้งหมด 474 ล้าน, มันฟังแล้วน่า เข็นออกมาต่อ
แต่ลูคัสชักนึก พล็อตดีๆ ไม่ออก เลยแว่บออกนอกเส้นทาง
ไปอำนวยการผลิต ซีรีส์อินดี้วัยหนุ่ม (The Young Indiana Jones Chronicles)
แฮริสัน ฟอร์ดผู้ครองบท อินดี้วัยเก๋า, มีส่วนร่วมรับเชิญ อยู่ 1 ตอนถ้วน
ขณะลูคัส ถ่ายฉากของฟอร์ด, ในเดือนธันวาคม 1992
เขาพลันนึกออกว่า น่าลองทำภาพยนตร์อินดี้ ที่ใช้เซ็ตติ้งเป็นยุค 1950s
(ก่อนหน้านี้ ใช้เซ็ตติ้งเป็นก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2 มาตลอด)
เพราะอยากใส่เอเลี่ยนเข้ามา และล้อหนังไซไฟเกรดบี ของสมัยโน้น
ฟอร์ดกับสปีลเบิร์ก ไม่ถูกใจแนวคิดนี้ (ณ เวลาโน้น) แต่ลูคัส มิได้นำพา
ยิ่งเมื่อรู้ว่าโจเซฟ สตาลิน (อดีตผู้นำโซเวียต) เคยสนใจ เรื่องสงครามพลังจิต
เขายิ่งแน่ใจว่า ควรใช้พวกรัสเซียเป็นอริ (ของพระเอก) และเอเลี่ยนต้องมี พลังจิต
ลูคัสจ้างคนมาผลิตบท หลากหลายเวอร์ชั่น, ก่อนที่ Independence Day จะถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศปี 1996
ช่วงนั้นสปีลเบิร์ก (ที่กำกับหนังอินดี้ประจำ) บ่นว่าไม่ขอทำ หนังมนุษย์ต่างดาวอีก (ก่อนเปลี่ยนใจ ปล่อย War of the Worlds ปี 2005)
ลูคัสเลยหันเหความสนใจ ไปที่โครงการไตรภาคต้น ของ Star Wars แทน
ค.ศ. 2000 ลูกชายสปีลเบิร์ก ถามหา Indiana Jones ภาค 4
การได้พบพวกเพื่อนเก่า (เหล่าผู้สร้างหนัง) ในปีเดียวกัน, ช่วยทำให้แน่ใจว่า ถึงกาลคืนชีพอินดี้
นักเขียนบทอีกหลายราย ถูกเรียกใช้บริการ (หนึ่งในนั้นมี เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน)
แต่กว่าจะมาโอเค ที่เดวิด โคเอปป์, ก็ปาไปแถวปี 2005
โคเอปป์ วางบุคลิกมัตต์ (ลูกชายอินดี้) ไว้เป็นเด็กเนิร์ด
แต่ลูคัสเห็นต่าง, มัตต์ควร "เป็นอย่างที่ พ่อของอินเดียน่า โจนส์ มอง [เขา] – คำสาปซึ่งกลับมา ในร่างลูกชายของเขา – เขาคือทุกอย่างที่ป๊ะป๋า จะต้องส่ายหน้า"
Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (ชื่อยาวแฮะ)
ฉายค.ศ. 2008 เก็บแต้มบุญ 790.65 ล้าน (จากทุน 185) จัดว่าเข้าข่าย ประสบความสำเร็จแหละ
ทั้งดาราผกก.ชุดดั้งเดิม ผมหงอกชักเยอะ เกินต้านทาน
เรื่องมันจึงน่าจบไปแล้ว, ถ้าไม่ใช่เพราะ ค.ศ. 2012 ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการ ลูคัสฟิล์ม
คาดว่าคนรุ่นใหม่ แห่งดินแดนสารขัณฑ์ จ้องตาเป็นมันสู่โปรเจ็คท์ Star Wars
ทว่าถ้าอาวุโสหน่อย คงหวังเล็กๆ (หรือเปล่า ?) ว่าจะเห็น Indiana Jones ภาค 5
แม้ลิขสิทธิ์ด้านจัดจำหน่าย (และรายได้) ยังพัวพันกะพาราเมาท์, จนเจ้าของมิกกี้เมาส์ อาจขี้เกียจยุ่งยาก
แต่ลงท้ายดิสนีย์ ก็มองว่ายังคุ้ม ที่จะลงทุนกับปู่อินดี้, ยอมญาติดี กะค่ายอื่น
Indiana Jones and the Dial of Destiny จึงมาเยือน ณ ปี 2023
เจมส์ แมนโกลด์ (The Wolverine, Logan, Ford v Ferrari) กำกับ, สปีลเบิร์กกะลูคัส อำนวยการสร้าง
เนื้อหาเสริมต่าง ๆ ของแฟรนไชส์
เมื่อหนังภาคแรก (Raiders of the Lost Ark) ฮิต, โลกของอินดี้ถูกขยาย ผ่าน 'นิยาย' เด็ก นับสิบเล่ม
ก่อนเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย สู่วัยรุ่น (young adult) และผู้ใหญ่ ในยุค 90s
หรือก็คือตอนเข้าช่วง ภาพยนตร์เว้นระยะนาน, หลังภาค 3 จบ
และลูคัสหันเหความสนใจ สู่รายการโทรทัศน์ เกี่ยวกับอินดี้วัยหนุ่ม
การ์ตูนฝรั่ง (คอมมิค) ของค่าย 'มาร์เวล' ก็มีออกมาเรื่อยๆ ตั้งกะยุค 1980s ยัน 2000s
ฝั่งวิดีโอเกม ที่มีเนื้อเรื่องของตัวเอง, ก็ถูกเข็นออกมาประจำ แบบเป็นพัก ๆ
ธีมปาร์คสำหรับสวนสนุก (ของดิสนีย์) ปล่อยอะไรเกี่ยวกะอินดี้ เฉลี่ย 5 ปีครั้งได้มั้ง ?
ถ้าถามว่าทำไม ต้องร่ายเรียง เรื่องพวกนี้, คำตอบคือจะชี้ว่า
อินเดียน่าโจนส์ เหมือนแฟรนไชส์อื่นๆ ของฝรั่งมังค่า
ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ (กรณีนี้หลักๆ คงต้องให้เครดิตลูคัส) เขาคอยปล่อย ไอ้โน่นไอ้นี่
ออกมาย้ำเตือนว่า คุณ (คนฝรั่ง) อนุญาตให้อินดี้ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตได้นะ, อย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด
ภาพรวมแฟรนไชส์ Indy จริงๆ จึงคล้าย Alien กะ Predator
คือถ้าอยาก ถวายตัวเป็นสาวก, คุณมีคอนเทนท์เยอะแยะ ระดับแร่ในเหมืองอันอุดม ให้ขุดคุ้ย
ทุกสิ่งถือเป็นเนื้อหาหลัก (Canon) ...หรือจะไม่ก็ได้, ตามความพึงพอใจ รายบุคคล
จนกว่ามี สิ่งที่ขัดแย้งแบบกระจ่างแจ้ง กับทาง "ภาพยนตร์" ปรากฏ
จักรวาล Indiana Jones
อย่างที่พิมพ์บอกข้างบน, คือจักรวาล Indiana Jones กว้างใหญ่เพียงไหน มันแล้วแต่ใจคุณปรารถนา (อย่างน้อยก็ตอนนี้ละ)
เพราะฉะนั้นนี่จะเป็น บทคัดย่อ เกี่ยวกับพวกหนัง (ซึ่งความ Canon นอนมา)
เท่าที่รู้ตอนนี้, ดาวโลกใน Indiana Jones ไม่เคยมี [มนุษย์ต่างดาว] โผล่
สิ่งมีชีวิตชั้นสูง ที่เยือนพิภพมนุษย์ เมื่อ 5 พันปีก่อนคริสตกาล
"สิ่งมีชีวิตระหว่างมิติ" คือพวกที่อาศัยอยู่ บนพื้นที่ ระหว่างอวกาศต่างหาก
คาดว่าพวกเขาคือต้นตอ อารยธรรมศิวิไลซ์ ทั่วโลกา ของมนุษยชาติ
อาจถึงขั้นเป็นแหล่งกำเนิด บรรดาเรื่องเล่า เกี่ยวกับพระเจ้า (ตามหลักพหุเทวนิยม)
แต่นั่นคือก่อน "พระเจ้า" เพียงหนึ่งเดียว ของชาวคริสต์ (ในหนังเด้อ) จะแย่งซีน
เมื่อราว 1,300 ปีก่อนคริสตกาล, พระองค์ทรงวิดีโอคอล สนทนากับผู้ชาย ชื่อโมเสส
พิมพ์แมสเสจส่ง 'กฎหมาย' ยุคเริ่มแรก ที่เรียกกันว่าบัญญัติ 10 ประการมา
บัญญัติถูกบรรจุใส่หีบ, พระเจ้า (ตามหลักเอกเทวนิยม)
ส่งเวทมนตร์ทรงพลัง อะไรสักอย่าง ทางสตรีมมิ่ง, สถิตลงหีบ
เปลี่ยนมันเป็น หีบศักดิ์สิทธิ์ ที่ห้ามเปิด, ถ้าคุณยังรักชีวิต
ค.ศ. 30 จอกศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า ถือกำเนิด
ภายหลัง, กลุ่มผู้ศรัทธาถึงขนาด จัดตั้งองค์กรลับขึ้น เพื่อปกป้อง
เห็นว่า ภราดรภาพ แห่งดาบกางเขน, มีระยะทำการ นานหลายร้อยปี
คนพวกนี้คอยเจี๋ยน มนุษย์ทุกผู้ที่คิด ควานหาจอก, เพื่อสนองกิเลส
ทีนี้กระโดดข้ามเพลา สู่ช่วงเวลาก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2
จักรวาลอินดี้ (เรียกจักรวาลได้เต็มปาก เพราะเคยมีเอเลี่ยนโผล่มาด้วย)
มีศูนย์กลางอยู่ที่ นักผจญภัยชาย สายล่าสมบัติ ชื่อ "เฮนรี่ โจนส์ จูเนียร์"
เขาสอนหนังสือ วิชาโบราณคดี ณ มหาวิทยาลัย มาร์แชล
แต่ตามคำบอกเล่า ของเจ้าตัว (ในหนังสักภาค) การอบรมคนรุ่นใหม่ ก็แค่ 'อาชีพเสริม'
เฮนรี่ โจนส์ ซีเนียร์ ผู้เป็นบิดาของเขา คือนักวรรณคดี, บุตรชายเขาชื่อ เฮนรี่ โจนส์ ที่สาม (อาชีพช่างซ่อมรถ ละมั้ง ?)
เฮนรี่ โจนส์ จูเนียร์ เกลียดชื่อตัวเอง เลยเปลี่ยนสู่อินเดียน่า ตามหมาตัวโปรด
เฮนรี่ โจนส์ ที่สาม ก็เอาอย่างป๊า, ขอขนานนาม ตัวข้าเอง ว่ามัตต์
อินเดียน่า โจนส์ ปะทะนาซี (หลายรอบ) พิชิตลัทธิบูชาเจ้าแม่กาลี,
ค้นหาหีบแห่งพันธสัญญา, ค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ และก่อวีรกรรมอีกสารพัด
เขารับใช้ชาติใน สงครามโลกครั้งที่ 2 กวาดเหรียญเกียรติยศ กลับไปนอนกอดเพียบ
แต่เมื่อล่วงเข้า ยุคสงครามเย็น, ซึ่งชาวมะกัน ทุกหย่อมหญ้า
หวาดระแวงว่าจะมี สายลับโซเวียตแฝงเร้น ในประเทศตัวเอง
ขนาดวีรบุรุษแบบ อินเดียน่า โจนส์ ก็เคยถูกสงสัย ว่าเป็นจารชน, ถึงขั้นโดน สั่งพักงาน (ที่มหาลัย)
เขาได้งานคืน หลังเสาะหาเอเลี่ยน ร่วมกับลูกชาย
แต่คงเพราะต้นสังกัด สั่งย้ายค่าย (ไม่ได้หมายถึง บริการโทรศัพท์มือถือ) ลูคัสฟิล์มขยับมาอยู่ ใต้ร่มบุญของดิสนีย์
ปู่อินดี้ที่ควรเกษียณแล้ว จึงกำลังจะต้อง ไล่ตื้บนาซีอีก, แม้ตามไทม์ไลน์ออกจะ ผิดยุคสักหน่อย
แต่น่าจะเพราะ นาซี, เปลี่ยนสถานะสู่ ภัยซ่อนเร้น
แอบลับๆ ล่อๆ กะทำมิดีมิร้าย ใส่สังคมอเมริกา รอบใหม่, ในหนังภาค 5 (Indiana Jones and the Dial of Destiny)
COMMENTS