ระดับความดึกดำบรรพ์ของบรรดาเทพอียิปต์ใน MCU รวมถึงต้นตอของพวกเขา (เช่น มาจากต่างดาว, ต่างมิติ, หรือประจำการแถวดาวเรา ตั้งแต่เมื่อใด) ยังไม่เ...
ระดับความดึกดำบรรพ์ของบรรดาเทพอียิปต์ใน MCU รวมถึงต้นตอของพวกเขา
(เช่น มาจากต่างดาว, ต่างมิติ, หรือประจำการแถวดาวเรา ตั้งแต่เมื่อใด) ยังไม่เป็นที่แน่ชัด
มูนไนท์ (ซีซั่นแรก ?) แจ้งเพียงคร่าวๆ ว่าพวกเขา เคยถูกบูชาโดยมนุษย์ชาวอียิปต์ เมื่อหลายพันปีก่อน
มีพลังอำนาจสูงส่ง ตามคำบอกเล่าในปกรณัม, และรวมตัวกันจัดตั้ง
สิ่งที่คล้าย "สภา" ของพวกเขาเองด้วย (เรียกว่าเอนเนียด/Ennead)
คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เหล่าพระเจ้าแห่งอียิปต์
และดูเหมือนทวยเทพพวกนี้จะ ไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อโลกเราได้ หากไร้ร่าง 'อวตาร'
ของมนุษย์ที่พวกเขาถูกใจ และยินยอมพลีร่าง เพื่อเป็นสื่อกลางให้
แต่นานไปเอนเนียด ซึ่งต่างคนต่างทำหน้าที่, เริ่มเปลี่ยนความเห็นต่าง สู่ความขัดแย้ง
อาทิเช่น กรณีของอัมมิต (Ammit) ผู้พิพากษามนุษย์, หล่อนมองเห็นบาปหมด ทั้งจากอดีตและ 'อนาคต'
จนกลายเป็นว่าคนที่เจออัมมิต ต้องตายก่อนวัยอันควร ด้วยโทษทัณฑ์จากสิ่งที่เขาไม่เคยก่อ
นอกจากไม้เบื่อไม้เมาอย่าง คอนชู (Khonshu) ผู้พิพากษา เฉพาะคนที่ก่อบาปเรียบร้อย
สมาชิกอื่นๆ ของเอ็นเนียด ก็เห็นชอบว่าช่วงนั้น อัมมิตออกจะลงทัณฑ์มนุษย์บ่อยไปหน่อย
จึงทำการผนึกวิญญาณหล่อนไว้ โดยได้รับความร่วมมือจากกษัตริย์นาม
'อเล็กซานเดอร์มหาราช' ผู้เป็นอวตารของอัมมิต ณ เวลาดังกล่าวด้วย
กรณีอัมมิตแค่น้ำจิ้ม, เพราะยิ่งแทรกแซงกิจ ของพวกปุถุชนนานวัน
พวกเขายิ่งบาดหมางกันเองบ่อยครั้ง, จำนวนเทพที่เอนเนียดผนึก ยิ่งเพิ่มพูน
ผนึกเทวรูป (อุชฮาบติ/Ushabti) กองสุม เต็มห้องลับของ 'มหาพีระมิดแห่งกีซา' อันเป็นห้องประชุมสภา
ถึงจุดหนึ่งพวกเขาจึงลงมติว่า สมควรยุติการพัวพันมนุษยชาติ เพียงเท่านั้น
และทำแค่จับตาดู อยู่ห่างๆ (อย่างไม่ค่อยจะห่วง) มาตลอด
แต่ใช่ว่าพระเจ้าอียิปต์ทุกผู้ เลิกแยแสมนุษย์
เพราะคอนชูมักเพิกเฉยต่อมติสภา แล้วหาร่างอวตารเหมาะๆ ชักใย
ให้ออกปฏิบัติการปราบอธรรม ในฐานะอัศวินจันทรา (มูนไนท์) ภายใต้ชุดคลุมสีขาว
ชายชื่อ อาเธอร์ ฮาร์โรว์ (Arthur Harrow) ก็เคยเห็นดีเห็นงาม กับอุดมการณ์ของเทพแตกแถว
และสวมบทมูนไนท์, ไล่เข่นฆ่าคนอื่น ตามการชี้นำของคอนชู
แต่เพราะคอนชู ชอบอาศัยจังหวะจิตใจอ่อนแอ
ชักจูงมนุษย์ให้ยอมเป็นอวตาร แล้วบงการด้วยความโอหัง
วันหนึ่งฮาโรว์ซึ่งเริ่มเบื่อการฆ่า จึงตระหนักว่าคอนชูแค่หลอกใช้เขา เป็นแรงงานทาสจนกว่าจะเข้าโลง
ฮาโรว์เลยตัดสัมพันธ์กะคอนชู, เปลี่ยนไปบูชาอัมมิต และก่อตั้งลัทธิขึ้น
ฮาโรว์ศรัทธาอย่างแรงกล้า ว่าควรปลดผนึกอัมมิต เพื่ออัญเชิญหล่อนมาพิพากษามนุษย์ทั้งมวล
เขาถึงกับบำเพ็ญทุกรกิริยา (ใส่เศษแก้วลงในรองเท้า) เพราะเชื่อว่าตนเองบาปหนา
เขาไม่แคร์ว่าตัวเองจะต้องตาย ตอนอัมมิตได้ฟื้นคืนชีพ
ลัทธิของฮาโรว์จึงมีผู้ยอมติดตาม เป็นสาวกมากมาย
เด็กชายมาร์ค สเปกเตอร์ (Marc Spector) เคยมีพ่อแม่และน้องชาย 1 คน, ครอบครัวของเขาอบอุ่น
แต่เพราะวันหนึ่งดันทะลึ่ง พาแรนดัลล์ (น้องชาย) มุดเข้าไปเล่นด้วยกัน ในถ้ำตอนฝนตก
ขากลับจึงออกไม่ได้เนื่องจากน้ำท่วม และลงเอยที่แรนดัลล์ จมน้ำเสียชีวิต
มารดาผู้ทำใจรับความสูญเสียไม่ไหว เปลี่ยนเป็นคนติดเหล้า
มารดากล่าวโทษมาร์ค ผู้ไม่รู้ความ ว่าเป็นคนฆาตกรรมแรนดัลล์
นานวันอาการซึมเศร้าเธอหนักข้อ ถึงขั้นเปลี่ยนสู่ความโกรธ แล้วทุบตีมาร์คอย่างไร้เหตุผล
เด็กชายทนรับไม่ไหว จึงสร้างบุคลิกใหม่ใสซื่อ ชื่อสตีเวน แกรนท์ (Steven Grant) มาใช้หนีความจริง
สตีเวนไม่รู้เรื่องมาร์ค, ไร้ความทรงจำเรื่องน้องชาย และมโนว่าแม่ยังรักใคร่เสมอ มิเคยแปรผัน
มาร์ควัยหนุ่ม พยายามหลุดพ้นจากมารดา ด้วยการสมัครเข้ากองทัพ
ลำดับเหตุการณ์ในชีวิตมาร์คช่วงนี้ ค่อนข้างคลุมเครือ
แต่เอาเป็นว่าหลังต่อสู้เพื่อชาติสักพัก เขาถูกคัดออก เพราะมักเกิดอาการสติวูบหาย
จึงต้องหันไปหา อาชีพอิสระ (ทหารรับจ้าง)
และมีอย่างน้อย 1 บุคลิกใหม่ ที่เกิดเพิ่มขึ้นมา (นอกจากสตีเวน) แต่เขาไม่รับรู้
มาร์คเคยเข้ารับการบำบัด โรคบุคลิกแตกแยก ในโรงพยาบาลจิตเวช, แต่รักษาไม่หาย
มาร์คเคยได้ทำงานร่วมกับ หัวหน้าทหารรับจ้างนาม ราอูล บุชแมน (Raul Bushman)
แล้วในภารกิจนึง ณ แหล่งขุดค้นของ โบราณสถานอียิปต์
ราอูลก็เกิดโลภมาก และสังหารคณะนักโบราณคดี ที่นั่นจนหมด
มาร์คพยายามช่วยนักโบราณคดี ทว่าล้มเหลวแถมถูก บุชแมนยิงใส่
แต่มาร์คผู้บาดเจ็บสาหัส ได้รับการติดต่อจากเทพแห่งจันทรา ผู้สถิตในโบราณสถาน
"คอนชู" เลือกช่วงที่ร่างกาย & จิตใจมาร์ค เปราะบางที่สุด
ยื่นข้อเสนอให้เขา กลายเป็นมูนไนท์คนใหม่
มาร์คที่หายเจ็บ มุ่งหน้าหา 'เลย์ล่า' ลูกสาวของนักโบราณคดี ที่เขาพยายามช่วยแล้วล้มเหลว, เพื่อแจ้งข่าวเศร้า
แต่ไปๆ มาๆ ก็ลงเอยที่ ตกล่องปล่องชิ้น แต่งงานกับสาวเจ้าเค้า
โดยไม่ยอมบอกเล่า เรื่องบุคลิกอื่นภายในตัวเขา
มาร์ครอดพ้น ภัยคนหายครึ่งจักรวาล ของค.ศ. 2018
ต่อมาคอนชูขู่ว่า ถ้าเอ็งเลิกเป็นอวตาร ข้าจะใช้เมียแก (เลย์ล่า) แทน
มาร์คผู้ต้องการให้ภรรยาปลอดภัย จึงหายไปจากชีวิตหล่อน โดยไร้คำอธิบาย
ค.ศ. 2025 บิดาแจ้งข่าวการสิ้นลม ของมารดา
มาร์คไม่ยอมเข้าไปร่วมงานศพ และทำแค่มองพิธีอยู่ห่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม นี่ทำให้ความขัดแย้งระหว่าง, ความรักกับความชัง ที่มีต่อมารดา มาถึงขีดสุด
สตีเวนเลยกลายเป็น บุคลิกหลักแทนมาร์ค เพื่อลดความเศร้าในระยะยาว
สตีเวนย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนท์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เขาเป็นคนชื่นชอบอารยธรรมอียิปต์ และหวังครองตำแหน่งมัคคุเทศก์ ประจำพิพิธภัณฑ์
แต่ดันไปไหวแค่ระดับ พนักงานเฝ้ากิ๊ฟต์ช็อป (ร้านขายของฝาก)
สตีเวนคิดว่าตัวเองเป็น ไอ้หนุ่มบ้านนอกเข้ากรุงธรรมดา
แม้มีโรคชอบเดินละเมอติดตัว, ตื่นมาทีไรมักอยู่ในสถานที่แปลกๆ
และแก้ไม่หาย จนต้องใช้เชือก ผูกขากะเตียงนอน
เพราะตอนกลางคืน 'มาร์ค' จะยึดร่างไปใช้ แปลงเป็นมูนไนท์พิพากษาคนชั่ว
เช้าวันหนึ่งสตีเวน ตื่นมาพบตัวเองแถวเทือกเขาแอลป์ แถบประเทศออสเตรีย
และกลายเป็นประจักษ์พยาน ในการใช้พลังอัมมิตบางส่วน พิพากษาชาวบ้านของฮาโรว์
เมื่อฮาโรว์ตระหนักว่า สตีเวนกำลังมอง, ก็ไม่รอช้าที่จะถามหา
วัตถุรูปแมลงปีกแข็ง (สคารับ/scarab) ซึ่งสตีเวน แกรนท์ถือครอง
ฮาโรว์กล่าวหาว่า สคารับนั่นสตีเวน เป็นคนขโมยไป, และให้เหล่าสาวก ใช้กำลังแย่งคืน
สตีเวนผู้จับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าเกิดอะไรขึ้น, ทำได้เพียงชิ่งหนี
ระหว่างโดนไล่ล่าเขามีอาการ สติขาดหายเป็นพัก ๆ
และรู้ตัวอีกทีก็กลับถึงอพาร์ตเมนท์ โดยสวัสดิภาพ
วันถัดมา ฮาโรว์บุกรุกเข้าพิพิธภัณฑ์, เพื่อข่มขู่คุกคามสตีเวน ขณะทำงานช่วงดึก
ฮาโรว์อัญเชิญสัตว์อสูร ที่ไม่ปรากฏบนกล้องวงจรปิด และมีเพียงสตีเวนที่มองเห็น
มันจู่โจม & ไล่กวดสตีเวนอย่างดุเดือด พังข้าวของพินาศ
'มาร์ค' จึงออกมาคุยกับสตีเวน (ผ่านเงาในกระจก) เพื่อขอใช้ร่าง
และเปลี่ยนเป็นมูนไนท์ จัดการสัตว์ประหลาดล่องหน
สตีเวนโดนไล่ออกจากงาน เพราะถูกเข้าใจว่าคือต้นเหตุ ของความเสียหายในพิพิธภัณฑ์
แต่ในที่สุดก็ได้รู้จัก 'มาร์ค' อีกบุคลิกของตัวเอง ผู้เป็นทหารรับจ้างอเมริกัน
และเจอหน้าผู้หญิงที่อ้างว่า เป็นภรรยาของเขา อย่างเลย์ล่า
เลย์ล่าเรียกสตีเวนว่ามาร์ค อีกทั้งมาถามหา เหตุผลที่คุณสามีหายหน้าลึกลับ, แต่แน่นอนว่ามิได้รับคำตอบ
ฮาโรว์ติดต่อสตีเวนซ้ำ งวดนี้เค้าพยายามใช้วาทศิลป์ สะสางปัญหา
อธิบายว่าต้องการสคารับ เพราะมันใช้สำหรับค้นหาสุสานของอัมมิต
ลองชักจูงให้ทั้งสตีเวน & เลย์ล่า ศรัทธาอัมมิตและผิดใจกับคอนชู, แต่ไม่สัมฤทธิ์ผล
จึงใช้กำลังยื้อแย่งวัตถุโบราณอีกครั้ง แล้วทำสำเร็จ
ฮาโรว์กับเหล่าสาวกลัทธิ บ่ายหน้าเยือนทะเลทรายอียิปต์ ตามการชี้นำของสคารับ
ส่วนสตีเวน & เลย์ล่า (ที่รู้เรื่องหลายบุคลิกละ) ต้องใช้วิธีอื่น ค้นหาสุสานอัมมิต
พวกเขาได้แผนที่โบราณ แต่มันอิงตามตำแหน่งดาว ของราว 2 พันปีก่อน
คอนชูจึงยอมละเมิดกฎ ห้ามสร้างปรากฏการณ์ที่อาจทำให้มนุษย์ ตระหนักถึงการมีอยู่ของเทพอียิปต์
ด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า กลับเป็นเหมือนเมื่อหลายพันปีก่อนชั่วคราว
สภาเทพ (เอนเนียด) ลงทัณฑ์คอนชู ผนึกวิญญาณลงเทวรูป
สตีเวน & เลย์ล่า เลยต้องวัดดวงที่สุสานอัมมิตกันเอง โดยไร้พลังเทพจันทรา
สตีเวนสามารถค้นพบ ผนึกของอัมมิตในโลงศพ ของอเล็กซานเดอร์มหาราช, ได้ก่อนพวกลัทธิ
แต่ไม่เร็วพอจะเอามันหนี ไปก่อนที่ฮาโรว์ชักปืนยิงใส่
ณ ยมโลกซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวช, วิญญาณสตีเวนกับมาร์ค (ที่ยังไม่รู้ตัวว่า มีบุคลิกอื่นอีก)
ได้พบทาเวเร็ต (Taweret) เทพีอียิปต์ที่หน้าตาเหมือนฮิปโป
หล่อนคือหนึ่งในเทพผู้นำทาง วิญญาณคนตายสู่สวรรค์ (ทุ่งแห่งรีดส์)
หล่อนอธิบายว่ายมโลกมีอยู่มากหลาย และเป็นมิติที่อยู่เหนือความเข้าใจมนุษย์
จึงปรากฏภาพตามที่ วิญญาณแต่ละดวง จะเข้าใจง่ายสุด
ทั้งสองจะไม่ไปสู่สุคติ หากยังค้นไม่เจอ หน้าที่และตัวตนแท้จริงของทั้งคู่
(อ้างอิงจากคำอธิบาย ของผู้เขียนบทซีรีส์ ในเว็บ thedirect)
มาร์ครู้อยู่แล้วว่า เขาคือคนบาปผู้ให้กำเนิดบุคลิกใหม่ และเป็นคนที่คอยดูแลสตีเวนเหมือนน้องชาย
แต่สตีเวนผู้ไม่เคยรู้อะไรเลย ต้องรับทราบอดีตของตนให้หมด และเผชิญหน้าความจริงอันโหดร้ายให้ได้
ทั้งสองผ่านบททดสอบ และไปถึงประตูแห่งโอไซริส (Gates of Osiris)
ซึ่งใช้ผ่านจากยมโลกสู่แดนสวรรค์ หรือมุ่งกลับโลกคนเป็นก็ได้
และงานนี้เดาไม่ยากว่า พวกเขาขอเลื่อนการ ไปสู่สุคติไว้ก่อน
ฮาโรว์บุกเข้าห้องลับของเอนเนียด, ไล่เจี๋ยนอวตารเทพอียิปต์แถวนั้น จนเกลี้ยง
ฮาโรว์ปลดปล่อยอัมมิต แต่เทพีเล็งเห็นความภักดี, จึงยกเว้นการลงทัณฑ์
เลย์ลาแอบเข้ามหาพีระมิดกีซ่าเช่นกัน และทำการปลดผนึกคอนชู
วิญญาณของสตีเวน & มาร์คคืนร่าง แล้วรวมตัวกะคอนชู, อัศวินจันทราจึงคืนชีพ
ทาเวเร็ตโทรจิตข้ามมิติหาเลย์ล่า เพื่อขอใช้เธอเป็นร่างอวตารชั่วคราว
เพราะการจะผนึกอัมมิต ต้องใช้เทพอียิปต์ จำนวน 2 องค์ขึ้นไป
สคาร์เล็ต สคารับ (ร่างรวมของเลย์ล่า กะทาเวเร็ต) ช่วยมูนไนท์สู้ฮาโรว์ กะอัมมิต
ทว่าฮาโรว์ & อัมมิต ทรงพลังจัด, ทีมผู้ร้ายเกือบเป็นฝ่ายชนะ
แต่หลังจากมูนไนท์สติวูบหาย, สตีเวน & มาร์คก็พบว่าพวกตน พลิกมากำชัยแล้วแบบงง ๆ
อัมมิตโดนผนึก แต่มาร์คไม่ยอมฆ่าอวตาร (ฮาโรว์) ตามคำสั่งของคอนชู
เพราะเหลืออดแล้วกับ เทพผู้จิกหัวใช้อยู่
มาร์คขอแยกทางกะคอนชู เนื่องจากชักรู้แกวแล้วว่า
เรื่องใช้เมียเป็นอวตารแทน น่ะแค่คำขู่, คอนชูยึดติดกับเขา
คอนชูยอมทำตามคำขอ ของมาร์ค อย่างว่าง่ายผิดคาด
สตีเวน & มาร์ค คิดว่าพวกเขาได้เลิกเป็นมูนไนท์ และสามารถใช้ชีวิตตามใจปรารถนา
โดยหารู้ไม่ว่าคอนชูแค่ยอมปล่อย "สตีเวนกับมาร์ค"
ยังหลงเหลือพันธสัญญา กับอีกบุคลิกนึงซึ่งชื่อว่า เจค ล็อคลีย์ (Jake Lockley) อยู่
บุคลิกที่ 3 ของมาร์ค ปลิดชีพฮาโรว์ภายหลัง, โดยอีกสองจิตในร่างเดียวกัน ไร้การตระหนักรับรู้
COMMENTS