Ghostbusters: Afterlife คือภาคต่อโดยตรงของ Ghostbusters ภาคแรกสุด (ค.ศ. 1984) กับ Ghostbusters II (1989) ส่วนหนังทีมปราบผีหญิงล้วน Ghostb...
Ghostbusters: Afterlife คือภาคต่อโดยตรงของ Ghostbusters ภาคแรกสุด (ค.ศ. 1984) กับ Ghostbusters II (1989)
ส่วนหนังทีมปราบผีหญิงล้วน Ghostbusters: Answer the Call (2016) ถูกตัดทิ้งออกจากสารบบเนื้อหาหลักแล้ว จึงไม่นำมาเล่า
Ghostbusters (1984)
ปีเตอร์ เวงค์แมน, เรย์ สแตนซ์ และอีกอน สเปงเลอร์ (Peter Venkman, Ray Stantz, and Egon Spengler)
คือศาสตราจารย์ด้านจิตศาสตร์อาถรรพณ์ (parapsychology) ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่ศึกษาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
พวกเขาพัฒนาอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อจับและกักกันผีขึ้น
ช่วงแรกน่ะงานไม่ค่อยมี ตามระเบียบ, แต่จู่ๆ นักดนตรีเชลโลหญิง ชื่อดาน่า บาร์เร็ตต์ (Dana Barrett) ก็โทรหาบริษัท
ที่เรียกเนี่ยเพราะหล่อนเห็นปีศาจหน้าตาคล้ายสุนัข ซึ่งเปล่งวาจาเป็นแค่คำว่าเดียวว่า "ซูล"
เรย์กับอีกอนพยายามสืบค้นข้อมูลของเจ้าปีศาจ และตึกที่ดาน่าอาศัย, ส่วนปีเตอร์พยายามจีบหล่อน แต่ล้มเหลว
หลังเหตุดังกล่าว บริษัทได้รับการจ้างวานให้ปราบผีที่มีเมือกลื่น (Slimer) ในโรงแรม, และดูดมันมากักกัน ในสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาสำเร็จ
จากนั้นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ก็ผุดขึ้นทั่วนิวยอร์ค ราวดอกเห็ด
จนทีม Ghostbusters ซึ่งมีผลงานจับต้องได้แล้ว (จากกรณีโรงแรม) กลายเป็นที่ต้องการของชาวเมือง
กิจการกำราบวิญญาณรุ่งเรือง และมีกะตังค์เหลือพอจะ จ้างพนักงานปราบผีคนที่ 4 มาเสริมทัพ (วินสตัน เซดเดมอร์/Winston Zeddemore)
ที่ผีโผล่ทั่วนคร มันมีสาเหตุเฉพาะเจาะจงอยู่, และนั่นเกี่ยวข้องกับซูลของดาน่า
สรุปว่าซูลคือกึ่งเทพ ที่เคยถูกบูชาในฐานะผู้รับใช้
ของ "โกเซอร์ เดอะ โกเซอเรียน" เทพแห่งการทำลายล้าง ซึ่งแปลงร่างได้
อาคารของดาน่าได้รับการออกแบบโดยผู้บูชาเทพโกเซอร์, เพื่อทำหน้าที่เป็นเสาอากาศ รวบรวมพลังทางจิตวิญญาณ
สำหรับใช้เรียกโกเซอร์มาโลกมนุษย์ และจุดประกายวันสิ้นโลก
เพราะบริษัทกำจัดผี เปิดกิจการไล่เลี่ยกับช่วงเกิดเหตุผีโผล่ทั่วนคร, จึงโดนหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สงสัยอยู่แล้ว
สาวกของโกเซอร์ฉวยโอกาสจากความสงสัยนั่น
ชักนำให้หน่วยบริหารงานอิสระของรัฐ อายัดถังเก็บผี (สิ่งประดิษฐ์ของพวกพระเอก) จากสถานีดับเพลิงเก่า
เหล่าโกสต์บัสเตอร์ถูกจับกุม, หน่วยคุ้มครองหยุดการทำงานของถังเก็บผี
วิญญาณมหาศาลซึ่งบริษัทจับมาสะสมไว้ จึงได้โอกาสกลับไปออกอาละวาดทั่วเมือง, พร้อมๆ กับที่ประตูมิติถูกเปิด เพื่อต้อนรับโกเซอร์
เมื่อภยันตรายเหนือธรรมชาติลุกลามบานปลาย, เจ้าพนักงานรัฐเลยขออภัยทีมปราบผี และปล่อยพวกเขาไปสัประยุทธ์
สี่สหายโกสบัสเตอร์ เผชิญหน้าโกเซอร์ที่มีรูปลักษณ์ของอิสตรี
ก่อนที่มันจะหายตัวไป แล้วพยายามเปลี่ยนร่างใหม่ เป็นสิ่งที่อริครั่นคร้าม
ด้วยการส่งโทรจิตถามว่า "ตัวแทนแห่งการทำลายล้างของพวกเจ้า คือสิ่งใด"
ทุกคนพยายามทำสมองให้ว่าง... แต่เรย์ สแตนซ์พลาด และข้อมูลที่ดันเหลือในหัวเขานั้น คือตัวมาสคอตที่ชื่นชอบสมัยเด็ก
โกเซอร์เลยแปลงกายเป็น เจ้ามนุษย์มาร์ชเมลโลว์ยักษ์ (Stay Puft Marshmallow Man) และเริ่มถล่มบ้านเรือน
อย่างไรก็ตาม สี่สหายยังสามารถเคลียร์เหตุวิญญาณอาละวาดทั่วนคร, ผลักโกเซอร์กลับต่างมิติ, ปิดประตูข้ามภพลง และกลายเป็นฮีโร่ของชาวนิวยอร์คได้
Ghostbusters II (1989)
แม้กอบกู้นิวยอร์คจากภัยพิบัติ แต่ฝ่ายบริหารบ้านเมืองไม่มองว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณสี่สหาย
บริษัทกำจัดผีถูกฟ้องในข้อหา สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของบ้านเมือง (ความจริงฝีมือโกเซอร์)
และถูกห้ามสืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ จนต้องปิดกิจการ
ดาน่า บาร์เร็ตต์คบกับปีเตอร์พักนึง แต่ไปไม่รอด, หล่อนแต่งงานกับชายอื่น ก่อนจะเลิกกะหมอนั่นทีหลัง
5 ปีหลังภาคแรก, เรย์ สแตนซ์กลายเป็นเจ้าของร้านหนังสือแนวไสยศาสตร์ และทำงานพิเศษเป็นตัวตลกปลายแถว ร่วมกับวินสตัน เซดเดมอร์
อีกอน สเปงเลอร์ อยู่ในแล็บที่ทดลองกับอารมณ์ของมนุษย์
ปีเตอร์ เวงค์แมน จัดรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์ เกี่ยวกับพลังจิต
ส่วนดาน่า เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวให้ลูกชายวัยทารก ผู้เกิดจากอดีตสามี, และทำความสะอาดงานศิลป์ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่ง
ที่พิพิธภัณฑ์, ภาพวาดของวีโก้ เดอะ คาร์พาเทียน (Vigo the Carpathian) ซึ่งเป็นทรราชและผู้ใช้เวทมนตร์ ในยุโรปศตวรรษที่ 16
เกิดมีชีวิต และคิดใช้เด็กเป็นร่างสิงสู่ จึงพยายามลักพาตัวออสการ์ (บุตรของดาน่า)
รถเข็นเด็กของทารกน้อย วิ่งเองราวกับมือที่มองไม่เห็นเข็น และไปหยุดกลางทางแยกที่ผู้คนพลุกพล่าน
แม้ยังไม่เสียลูก แต่ดาน่าอดวิตกไม่ได้ เลยติดต่อหาพวกโกสต์บัสเตอร์
ทีมโกสต์บัสเตอร์ตรวจสอบทางแยกดังกล่าว และค้นพบแม่น้ำที่เต็มไปด้วยเมือก ในเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินเก่า
เรย์เก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ แต่เคราะห์ร้ายโดนผีเมือกจู่โจม และบังเอิญทำให้ท่อหล่นใส่สายไฟ, จนไฟฟ้าดับทั่วเมือง
เหล่าโกสต์บัสเตอร์โดนจับ แล้วพาขึ้นศาล, โทษฐานฝ่าฝืนข้อห้าม สืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ
ระหว่างพิจารณาคดี เมือกตัวอย่างที่เก็บมา, ตอบสนองต่ออารมณ์โกรธของผู้พิพากษา
มันก่อการระเบิด และอัญเชิญผีคู่พี่ชายน้องชาย ซึ่งเคยโดนโทษประหารในศาลมา
ทีมโกสต์บัสเตอร์จึงต่อรองว่า จะช่วยจับวิญญาณพี่น้องที่อาละวาดในศาลให้
ถ้ายอมปล่อยพวกเขา ดำเนินกิจการบริษัทกำจัดผีต่อ
บริษัทกำจัดผีเปิดกิจการอีกครั้ง, พวกเขาค้นพบว่าเมือกวิญญาณ เกี่ยวข้องกับวีโก้ และตอบสนองต่ออารมณ์มนุษย์
แถมตอนนี้มันค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะดูดซับความรู้สึกด้านลบของชาวนิวยอร์ค เข้าไปมากโขเรียบร้อย
ดาน่ากับลูกน้อยโดนผีต้อนเข้าพิพิธภัณฑ์ จากนั้นปิดขังด้วยม่านเมือกที่เหนียวแน่น จนพวกพระเอกผ่าเข้าไปช่วยไม่ได้
ทีมกำจัดผีจึงวางแผนปลุกอารมณ์ด้านบวก ให้คนทั้งมหานครในวันส่งท้ายปีเก่า (เพื่อลดความแกร่งเมือกวิญญาณฝ่ายวีโก้)
พวกเขาเลือก 'เทพีเสรีภาพ' เป็นสัญลักษณ์สำคัญ
ใช้เมือกที่อาบอารมณ์ด้านบวกมาก่อน ทำให้รูปปั้นเทพีขนาดยักษ์เคลื่อนไหว, จากนั้นก็พาเทพีเดินสายกลางเมือง
ทั้งวีโก้ และม่านเมือกอันเคลือบรอบพิพิธภัณฑ์ อ่อนกำลังลง, ส่งผลให้วีโก้แพ้พ่าย
ปีเตอร์รื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีกับดาน่า และชักเอ็นดูลูกติดของฝ่ายหญิง
ทีมกำจัดผี ไม่ลืมพาเทพีเสรีภาพเดินกลับ ไปสู่จุดที่รูปปั้นยักษ์เคยตั้งตระหง่าน
COMMENTS