สมัยหนังรวมฮีโร่ค่ายดีซีฉบับคนแสดงออกฉายเมื่อค.ศ. 2017 เรื่องที่ตัวผลงานถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหนักมาก จากสิ่งที่คนขึ้นชื่อหราว่าเขาคือผู้กำกั...
สมัยหนังรวมฮีโร่ค่ายดีซีฉบับคนแสดงออกฉายเมื่อค.ศ. 2017 เรื่องที่ตัวผลงานถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหนักมาก จากสิ่งที่คนขึ้นชื่อหราว่าเขาคือผู้กำกับต้องการ เป็นเสมือนความมโนสุดเพ้อเจ้อสำหรับหลายๆ คน
แต่สุดท้ายสตูดิโอวอร์เนอร์เองดันประกาศยอมรับในหลายปีให้หลัง
ว่า Justice League ฉบับแซ็ค สไนเดอร์มีอยู่จริง มิใช่แค่เพียงภาพมายา
แล้วทำไมสถานการณ์ซึ่งไม่เคยบังเกิดมาก่อนบนโลกภาพยนตร์ จึงปรากฏขึ้นเช่นนี้ ?
บทสัมภาษณ์บรรดาผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย เช่น แซ็ค สไนเดอร์, ภรรยา รวมถึงผู้บริหารที่ไม่ประสงค์ออกนาม ที่สื่อต่างประเทศอย่าง Vanity Fair ไปถาม จะตีแผ่เหตุการณ์ให้กระจ่าง
ถึงการต่อสู้อันแสนบั่นทอนกำลังใจกับค่ายหนัง, โศกนาฏกรรมส่วนตัว, กลุ่มแฟนคลับผู้อยู่เหนือการควบคุม และสาเหตุที่บุรุษชื่อแซ็คยอมกลับมาผลิตภาพยนตร์ ตามวิสัยทัศน์ของตนจนเสร็จสมบูรณ์
* [ปล.] เนื้อหาต้นฉบับยาวจัด จึงขอแปลแค่บางส่วน แบบคัดเลือกตามวิจารณญาณส่วนตัว *
หลายเดือนหลังแซ็คแยกทางกะค่ายและปล่อย Justice League ไปตามเรื่องตามราว
เดโบราห์ สไนเดอร์/ภรรยาแซ็ค และผู้ดูแลการผลิตหนัง นั่งดูรอบทดลองฉายกับคริสโตเฟอร์ โนแลน (ผกก.ไตรภาคแบทแมนชุด The Dark Knight และนั่งแท่นผู้บริหารจักรวาลหนังดีซี)
พอดูจบ เธอได้เพียงถอนหายใจแล้วปลงตก และแนะนำสามีว่าอย่ารับชม Justice League เวอร์ชั่นฉายโรงเด็ดขาด
สิ่งที่เกิดกับ JL คือวิกฤตแห่งความเคลือบแคลงไร้ที่สิ้นสุด (crisis of infinite doubt): กลุ่มผู้บริหารหมดศรัทธาในตัวสถาปนิก ผู้ออกแบบอาณาจักรภาพยนตร์อันดัดแปลงจากคอมมิค,
ผกก.ประสบเหตุสลดในครอบครัวจนหมดไฟที่ต้องใช้เพื่อขัดขืน,
จอสส์ วีดอน/ผู้เคยผลิตหนังรวมฮีโร่จากอีกจักรวาล (มาร์เวล) วางมือหลังทำ Avengers สองภาค แล้วหนีมาซบไหล่ค่ายคู่แข่ง เพราะอยากทำหนัง Batgirl,
แต่ได้รับมอบหมายให้แก้ไข JL ตามใบสั่งของสตูดิโอ โดยเขียนบทใหม่หลายจุด แถมเร่งรีบถ่ายทำ
พฤศจิกายน 2017/แบทแมน, ซูเปอร์แมน, วันเดอร์วูแมน, ไซบอร์ก, อควาแมน, เดอะ แฟลช แผลงฤทธิ์ แต่เป็นชนิดที่แย่
นักวิจารณ์อารมณ์บ่จอย, เหล่าผู้ชมงงงันว่ามันอีหยัง, รายได้สัปดาห์แรกไม่ค่อยปัง และผู้กำกับยังไม่แยแส
วีดอน (ที่ภายหลังรู้กันว่าเขาแก้หนัง) ถูกกล่าวหาว่าขาดความเป็นมืออาชีพ และแสดงพฤติกรรมข่มเหงทีมงานระหว่างถ่ายซ่อม (เขาปฏิเสธการตามตื๊อถามเรื่องนี้โดย Vanity Fair)
วีดอนไม่อยากฝากนามเป็นผกก.ร่วมกับแซ็ค และชื่อของเขาก็โยกไปอยู่แถวผู้เขียนบท ข้างๆ คริส เทอร์ริโอ/ผู้เคยร่วมงานกับแซ็คมาก่อนใน Batman v Superman: Dawn of Justice (2016)
ผู้เกี่ยวข้องทุกคนเวลานั้นต่างปั้นหน้ายิ้มแย้มให้สาธารณชนเห็น แต่รายรับรวมทั่วโลก 657 ล้านดอลลาร์ ถือว่าน่าผิดหวัง
เพราะทุนสร้างปาไป 300 ล้าน (จำนวนนี้รวมค่าถ่ายซ่อม 25 ล้านของวีดอน) ไหนจะต้นทุนแฝงต่างๆ อีกประมาณ 100 ล้าน และค่าการตลาดราว 150 ล้าน
ฉะนั้นหลังหักส่วนแบ่งแก่เครือโรงภาพยนตร์ ผลลัพธ์ย่อมจัดว่า 'เข้าเนื้อ' โหดเอาการ
ไม่เหมือน Avengers: Infinity War ที่ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศแหลกลาญกว่า 2 พันล้าน ใน 6 เดือนให้หลัง
"พวกเขา (เดโบราห์กับโนแลน) มาหาผมและว่า 'อย่าได้ดูหนังเด็ดขาด'" แซ็คบอก ในขณะที่เดโบราห์เสริม "ฉันรู้ดีว่ามันจะทำเขาใจสลาย"
แซ็คเชื่อคำภรรยา ผ่านมาร่วม 3 ปีกว่า เขาก็ยังไม่เคยยล Justice League ฉบับวีดอน
ก่อนกุมบังเหียนจักรวาลภาพยนตร์ดีซี สไนเดอร์สะสมชื่อเสียงของตัวเองมาเรื่อยๆ ผ่านผลงานซอมบี้สุดเร้าใจเรื่อง Dawn of the Dead, สงครามกรีกโบราณเรื่อง 300 และงานดัดแปลงจากคอมมิคซูเปอร์ฮีโร่สุดดาร์คอย่าง Watchmen... จึงมีกลุ่มแฟนเดนตายของนายคนนี้ในต่างประเทศอยู่
ทีมแฟนคลับแซ็ค จู่โจมผ่านโลกของสื่อสังคมออนไลน์ รณรงค์ผ่าน #SnyderCut กดดันวอร์เนอร์ให้ปล่อย JL ตามวิสัยทัศน์ดั้งเดิมผกก.ออกมาซะ
แฟนคลับพฤติกรรมดีมี แต่ที่มารยาททรามก็เยอะ ทว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน คือต้องเรียกร้องต่อสตูดิโอ แบบต่อเนื่อง
ปกติพอนานวัน เหล่าแฟนที่ร้องขอเรื่องทำนองนี้จะอ่อนกำลังลงเอง แต่กับกรณี Snyder Cut ปรากฏว่าไม่
เคยมีสมาชิกบางส่วน ทุ่มทุนเช่าเครื่องบินเจ็ทแขวนป้ายที่เขียนว่า Release the Snyder Cut ไปบินวนเหนือตึกของวอเนอร์ที่เบอร์แบงค์ และงานคอมมิค-คอน แถวซานดิเอโก
แถมเมื่อปีก่อนก็มีคนซื้อป้ายบิลบอร์ดของย่านไทม์สแควร์ (ที่ราคาแพงระยับ) เพื่อแปะโฆษณาถามหา Snyder Cut ด้วย
การสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวผกก.สักคน แล้วปลดเขาออกจากหน้าที่ควบคุม คือเหตุธรรมดาสำหรับสตูดิโอระดับบิ๊ก
แต่การเรียกคนทำหนังซึ่งพวกเขาไล่ออกกลางคันกลับมา แล้วมอบอำนาจด้านการผลิตและดูแลทิศทางสร้างสรรค์ผลงานคืนให้เต็มที่ คือเรื่องไม่เคยมี
จะเพราะความกัดไม่ปล่อยของแฟนๆ , การมาร่วมรณรงค์ทีหลังของแซ็ค, การแสวงหาคอนเทนท์แม่เหล็กสำหรับ HBO Max (ที่สตูดิโอคงอยากดันให้ติดตลาด) หรือทั้งหมดรวมกันก็มิอาจทราบ
ตอน 2017 ลูกสาวอายุ 20 ปีของสไนเดอร์ชื่อ ออทัมน์ (Autumn) ปลิดชีพตน หลังดิ้นรนต่อสู้กับโรคซึมเศร้ามานาน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้แซ็คไม่เหลือพลังใจไปดื้อแพ่งใส่ค่ายหนัง เพื่อให้มันเป็นตามภาพในฝัน "นั่นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดใส่กลางเรื่องราวทั้งหมดนี่ มันส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งที่เราทำหลังจากนั้น"
ผัวเมียสไนเดอร์โฟกัสไปที่การเยียวยาครอบครัวประมาณ 2 ปี ก่อนจะกลับมาเต็มที่กับงานได้อีกคำรบ ตอนพวกเขาพบคนของ Vanity Fair คือระหว่างปรับแต่ง Army of the Dead/หนังส่งตรงลง Netflix ให้สมบูรณ์
Army of the Dead (2021) จะเป็นจักรวาลซอมบี้ย่อมๆ ของแซ็ค ซึ่งจะมีทั้งหนังภาคต้นและซีรีส์อนิเมชั่นคลอดตามหลัง
และเช่นกัน พวกเขากำลังทำ Justice League Snyder Cut ที่เป็นหนังความยาว 4 ชั่วโมงของ HBO Max โดยรายได้จากผลงาน จะถูกนำไปบริจาคแก่โครงการป้องกันการฆ่าตัวตาย
ออทัมน์กลายเป็นเหตุผลหลักที่แซ็คยอมกลับมาปิดงานอันคั่งค้าง "ในตอนจบของหนัง มันขึ้นคำว่า 'เพื่อออทัมน์' ถ้าขาดเธอไปเรื่องนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้น"
ชายวัย 54 มีครอบครัวใหญ่และออทัมน์อยู่กับเขามาตั้งแต่ช่วงแรกๆ สไนเดอร์กับเดนิส เวเบอร์/ภรรยาคนแรก รับเด็กกำพร้าคนนี้มาดูแลตั้งแต่เล็ก (ทั้งสองมีลูกอีกหลายคน จนถึงวันหย่าร้าง)
สไนเดอร์มีลูกชาย 2 คนกับภรรยาคนถัดมา ก่อนแต่งกับเดโบราห์/ภรรยาคนปัจจุบัน และยังคงอุปการะเด็กมาดูแลเพิ่ม
แซ็คกับเดโบราห์พยายามผลิต JL ต่ออีกสองเดือนหลังออทัมน์จบชีวิต ก่อนมีประกาศจากสตูดิโอว่าพวกเขาสมัครใจเดินออกจากโครงการ และแซ็คเลือกวีดอนมาสานงานต่อ แต่ทั้งหมดนี่เป็นความจริงแค่ครึ่งท่อน
ซูเปอร์แมนฉบับ Man of Steel (2013) ของแซ็ค ยอมฆ่าหากมีเหตุจำเป็น และนั่นคือสิ่งที่แฟนคลับตัวละคร อันโลดแล่นบนโลกคอมมิคมาก่อนยาวนาน พากันกุมขมับ
แต่รายรับรวม 668 ล้านดอลลาร์ มากพอจะทำให้สตูดิโอฝากฝังชะตาจักรวาลหนังดีซีไว้กับชายคนนี้
แซ็คไม่เพียงวางโครงสร้างเรื่องราวทั้งหมด เขามีอิทธิพลในด้านการเลือกตัวเหล่าดารานำด้วยเช่นกัน
เขาคือคนเลือก กัล กาด็อตที่ตอนนั้นคิดอำลาฮอลลีวูดไปทำมาหากินอย่างอื่น มารับบทวันเดอร์วูแมน
ให้เจสัน โมโมอา (ที่ไม่ได้ผมสีบลอนด์ตาสีฟ้าเหมือนในคอมมิค) มาเล่นเป็นอควาแมน ทั้งที่เดิมทีเขาเข้าคัดตัวเพื่อรับบทบรูซ เวย์น (แบทแมน)
"เขาเป็นชาวเกาะแปซิฟิค มีความเชื่อมโยงกับทะเล ให้เป็นอควาแมนละกัน" แซ็ครำลึกความหลัง "ทุกคนบอกว่าท่าจะบ้า มันเกี่ยวกันตรงไหน"
การที่สตูดิโอปล่อยสไนเดอร์ทำตามอำเภอใจ แล้วค่อยบอกแซ็คว่า "นี่มันเกินไปหน่อย" กลายเป็นรูปแบบประจำ ซึ่งก็จบเรื่องกันแบบขำๆ ไป
แต่เสียงวิจารณ์ด้านลบสุดโหดจากบรรดาแฟนๆ ของ BvS กลายเป็นชนวนเหตุให้ความขัดแย้งเริ่มลุกลาม
"ผลลัพธ์ในทางลบของ Batman v Superman ทำให้พวกเราทุกคนต่างท้อแท้" เกร็ก ซิลเวอร์แมน/อดีตหัวหน้าฝ่ายผลิตของวอร์เนอร์ กล่าว
ค่ายมาร์เวลประสบความสำเร็จจากการยึดรากฐานของคอมมิคเป็นสำคัญ นั่นคือใช้วิธีเล่าชีวิตสามัญของผู้คน ที่บังเอิญมีพลังเหนือปุถุชน
แต่จักรวาลดีซีฉบับสไนเดอร์นำเสนอขั้วตรงข้าม คือว่าด้วยการที่เหล่าเทพเจ้ากับพลังระดับมโหฬาร ถูกดึงลงมามีส่วนร่วมกับมนุษย์
ผู้กำกับมองว่ามันเหมือนโอเปร่าโศกนาฏกรรม และการเล่าเรื่องช่างท้าทาย แต่วอร์เนอร์ชักกังวลว่าพลังพิเศษดูเป็นคำสาป และฮีโร่ของพวกเขาอาจมืดมนเกิน
ระหว่างการถ่ายทำ Justice League ในปี 2016 เควิน สึจิฮาระ/ประธานและซีอีโอบริษัท เลยจัดแจงให้จอน เบิร์ก/หัวหน้าฝ่ายผลิตร่วม กับเจฟฟ์ จอห์นส์/หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ แวะเยือนกองถ่ายทุกวัน
เบิร์กที่ตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวอร์เนอร์แล้ว ยอมรับว่าไม่ได้ชอบการไปจับตามอง เพื่อให้ผลงานของแซ็คถูกใจเบื้องบนเท่าไหร่
ด้านแซ็คเองก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น "พวกเขามาเป็นพี่เลี้ยง แต่ไม่ใช่มาทำตัวกร่าง ผมเลยไม่อินังขังขอบมาก แค่ตะหงิดใจหน่อยตอนพวกเขาพยายามเพิ่มอารมณ์ขัน หรืออะไรคล้ายๆ กันลงในผลงาน"
สึจิฮาระ (ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์แก่ VF) ผู้ออกจากตำแหน่งประธานปี 2019 เพราะข่าวฉาวเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เป็นคนที่อยากให้หนังยาวไม่เกิน 2 ชั่วโมง ตามคำกล่าวอ้างของแซ็ค
แต่คำสั่งดังกล่าวย้อนแย้ง กับความพยายามแทรกอารมณ์ขันและความอบอุ่นลงในหนัง เพราะเท่ากับขาดเวลาสำหรับทำเรื่องพวกนั้น
อย่างฉากของเดอะ แฟลชกับไอริส/ว่าที่แฟนสาว ก็จะโดนหั่นออกทั้งยวง
สไนเดอร์เสริมเชิงประท้วงว่า "ผมจะแนะนำ 6 ตัวละคร กับผู้รุกรานที่จะล้างโลกใน 2 ชั่วโมงยังไง ? ไม่สิ คงทำได้แหละ มีคนทำไปแล้วนี่ (หมายถึงวีดอน) แต่ผมไม่ได้ดู เลยนึกภาพไม่ออกแฮะ"
เรื่องสไนเดอร์เลือกวีดอนเองกับมือ คือไม่จริง เพราะสไนเดอร์กับคนอื่นๆ ให้การสอดคล้องกัน ว่า 'เจฟฟ์ จอห์นส์' ต่างหากคือคนเสนอแนวคิด (จอห์นส์ปฏิเสธการสัมภาษณ์เหมือนสึจิฮาระ)
แซ็คไม่ได้มองว่านี่เป็นปัญหา แต่อย่างที่รู้กันว่าวีดอนมิใช่ผู้กอบกู้ของ Justice League อย่างที่หลายคนหวัง
"ตอนเราเห็นสิ่งที่จอสส์ทำ มันยังกับโดนคาถาสะกดนิ่ง" ผู้บริหารวอร์เนอร์ที่ไม่ประสงค์ออกนามเล่า "ทุกคนตระหนักว่า โจรบนดาดฟ้า--ดูทั้งโง่และงี่เง่า, ครอบครัวชาวรัสเซีย--ช่างไร้ประโยชน์และขาดความสำคัญ
บรรยากาศโคตรอึดอัด เพราะไม่มีใครอยากยอมรับว่าไอ้นั่นมันแย่แค่ไหน"
วีดอนยังโดนเรย์ ฟิชเชอร์/ดาราผู้รับบทฮีโร่ไซบอร์ค ร้องเรียนว่าข่มเหงน้ำใจกันตอนถ่ายทำ โดยผู้บริหารตอนนั้นบางคนรู้เห็นด้วย
กัล กาด็อตเองก็เคยบอกว่า เธอมีประสบการณ์แย่ๆ บางอย่างกับวีดอน
วอร์เนอร์ยุคหลัง ดำเนินการสืบสวนเรื่องนี้ และแจ้งว่าจะมีการเยียวยาปรากฏเมื่อสืบจบ
หลังประกาศไม่นาน HBO/ค่ายลูกของวอร์เนอร์มีเดีย ขอแยกทางกับวีดอน ที่กำลังปลุกปั้นซีรีส์ไซไฟเรื่อง The Nevers ให้ แต่ฟิชเชอร์ยังคงขัดแย้งกับสตูดิโอ และมองว่าผลลัพธ์ไม่ตรงตามหวัง
"เหล่านักแสดงต่างภักดีต่อแซ็ค และเจ็บปวดเพื่อเขา" เนลสัน/อดีตประธานดีซีเอนเตอร์เทนเมนต์กล่าว "ฉันเชื่อว่าสภาพแวดล้อมคงลำบากสำหรับผกก.คนถัดไป แต่จอสส์คือคนที่ต้องแบกรับการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ใครอื่น"
ด้านซิลเวอร์แมน ที่น่าจะเคยกินแหนงแคลงใจกับแซ็คอยู่บ้าง ก็แสดงความเห็นในทางบวกต่อสไนเดอร์
"เขาเป็นผู้ชายมหัศจรรย์ และสภาพแวดล้อมในกองถ่ายของเขาก็อัศจรรย์ เขาให้ความสำคัญต่อทั้งทีมงานและทีมดาราเป็นอย่างมาก"
พฤศจิกายน 2019 กระทั่งกาด็อตกับเบน แอฟเฟล็ค ก็ออกมาสนับสนุนการปลดปล่อย SnyderCut
ไม่กี่วันหลังจากนั้นโทบี้ เอ็มเมอริช/ประธานวอร์เนอร์ บราเธอร์ส กรุ๊ป ติดต่อหาแซ็ค สไนเดอร์ เพื่อยื่นข้อเสนอ
"ทั้งผมและคนมากมายในบริษัทเสียใจแทนแซ็คเสมอมา ที่ไม่ได้ทำหนังตามวิสัยทัศน์ของตัวเองจนสมบูรณ์" โทบี้บอก
"คงจะดีถ้ามีหนทางแก้ไข HBO Max น่าจะตอบโจทย์ทั้งในแง่โลจิสติกส์และการเงิน หากแซ็คยังมีไฟ มันจะเป็นชัยชนะสำหรับทุกฝ่าย"
ตอนสไนเดอร์ถอนตัว เขาหิ้วแล็ปท็อปที่บรรจุ JL ซึ่งยังทำไม่เสร็จไว้ภายในหน่วยความจำ ติดตัวไปเป็นของที่ระลึก โดยหวังว่าจะเปิดมันให้เพื่อนๆ หรือคนรู้จักดูตามโอกาส
แต่เขาไม่ได้ร่วมร้องเรียนเรื่องปล่อยหนังตัวเองกับแฟนๆ เพราะมัวทำใจเรื่องลูกสาว กับเยียวยาครอบครัวอยู่ ราว 2 ปี
และใช่ว่าก่อนโทบี้ยื่นข้อเสนอ HBO Max จะไม่มีใครในวอร์เนอร์เสนอให้เขาเผยแพร่ JL แบบดิบๆ จากในแล็ปท็อป แต่แซ็คตอบปฏิเสธเพราะ
"ผมบอกเหตุผลพวกเขา 3 อย่าง หนึ่งคือพวกคุณอาจสนใจ แค่การหลุดพ้นจากกระแสกดดันในอินเทอร์เน็ต
สอง, คุณอาจต้องการเพียงความยินดี ที่ได้ทำสิ่งถูกต้องเฉยๆ
สามคือคุณจะได้ชี้นิ้วมาที่หนังเวอร์ชั่นห่วยๆ แล้วว่า 'เห็นมะ ไอ้นี่ก็ใช่ว่าแจ๋ว ที่พวกเราเคยทำคือไม่ผิด'
ผมไม่เปิดโอกาสหรอก ขอเก็บ Snyder cut ไว้เป็นภาพมายาตลอดกาล ยังดีซะกว่า"
สไนเดอร์ประมาณการว่าต้องใช้สัก 70 ล้านดอลลาร์เพื่อจบงาน แต่เจ้าตัวว่า "ผมไม่ขอรับค่าตอบแทน"
เพราะเคยได้เงินค่าจ้างตอนทำหนังครั้งแรกไปแล้ว, ต้องการบริจาคเพื่อออทัมน์ และเพื่อสิทธิ์การชี้นำผลงานตามวิสัยทัศน์เต็มกำลัง "ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร จะได้คงอำนาจต่อรองไว้อย่างเข้มแข็ง"
JL ของแซ็คเลยจะดาร์คสะใจ, ไม่แคร์เนื้อเรื่องหนังจักรวาลดีซีอื่นๆ ที่ออกหลังปี 2017, ยาว 4 ชั่วโมง และอัตราส่วนภาพ 4:3 ตามที่เคยถ่ายทำ เพื่อรองรับการฉายจอใหญ่ของโรง IMAX
ผกก.ยังสอดแทรกองค์ประกอบทางอารมณ์ส่วนตัว ลงในผลงานด้วย เพราะเพลงตอนจบหนัง 'ฮัลเลลูยาห์' (Hallelujah) ขับร้องโดยอัลลิสัน คราว (Allison Crowe) ที่เคยร้องเพลงเดียวกันในงานศพของออทัมน์
และไม่ว่าคุณจะรู้สึกกับ Justice League ฉบับแซ็คแบบไหน มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะผู้คนหลากหลาย และความรักต่อลูกสาวของชายคนหนึ่ง
"ถ้าผมเป็นช่างปั้นหม้อ ก็คงแค่ปั้นงานศิลป์ขึ้นมาถ่ายทอดอารมณ์ แล้วนั่งจ้องจากหลายมุม แต่เพราะผมเป็นคนทำหนัง คุณเลยเห็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่นี่"
แซ็คอยากให้ผู้คนชื่นชอบมันแน่ แต่ต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้น... เขาก็พร้อมจะเดินหน้าต่อ หลังต้องพบความสูญเสียแล้ว
ที่มา: VF
COMMENTS