หลังทาร์คินติดค้างเวเดอร์เพราะยุทธนาวีที่มอน คาลา, นักรบเกราะดำมิรอช้าในการลำเลิกบุญคุณ แต่สิ่งที่ลอร์ดเวเดอร์ร้องขอ ทำให้พ่อทหารต้องฉงน เ...
หลังทาร์คินติดค้างเวเดอร์เพราะยุทธนาวีที่มอน คาลา, นักรบเกราะดำมิรอช้าในการลำเลิกบุญคุณ
แต่สิ่งที่ลอร์ดเวเดอร์ร้องขอ ทำให้พ่อทหารต้องฉงน เพราะท่านลอร์ดดันบอกให้มา 'ล่าหัว' ตัวเองที่
ก่อนเป็นทหาร ทาร์คินเคยเป็นนักล่ามือฉมัง ดังนั้นคำขอนี้จึงอาจไม่ยากเกินกำลัง แม้เหยื่อของเขาจะโคตรอันตราย
ทาร์คินตกปากรับคำ แล้วทำการว่าจ้างเหล่านักล่าเงินรางวัลมือดีจากทั่วทุกสารทิศ โดยพิจารณาสมาชิกและกลยุทธ์ที่เหมาะสมล่วงหน้า
ก่อนพาตัวเองกับพวกลูกทีมรวมทั้งสิ้นจำนวน 20 คน สู่ดวงดาวสุดกันดาร ซึ่งภูมิประเทศส่วนใหญ่แห้งแล้งแข็งกระด้าง และสภาพอากาศมืดครึ้มมีฟ้าผ่าตลอดเวลา
ทาร์คินประเดิมด้วยการให้นักล่า 4 คนใช้เครื่องพ่นไฟ เพราะมองว่าไลท์เซเบอร์สะท้อนหรือปัดป้องเปลวเพลิงมิได้
แต่เวเดอร์ก็แค่ลำบากในการบุกเข้าระยะประชิดเพียงนิดหน่อย ก่อนใช้ 'พลัง' ทำลายเครื่องพ่นไฟ และทั้ง 4 ก็โดนฆ่าตายอย่างง่ายดาย
กลยุทธ์ถัดไปของทาร์คินใช้วิธีสามัคคีคือพลัง เอานักล่าหลายคนบุกใส่พร้อมกัน แล้วหาโอกาสขโมยไลท์เซเบอร์จากมือของเวเดอร์
พวกเขาลงมือในวันที่ 4 ของการล่าและประสบผลสำเร็จ ทว่าสูญเสียคนของฝ่ายตนอีก 6 นาย
แม้เสียบุคลากรจำนวนมาก แต่ทาร์คินยังใจเย็นเสมอ
เขาคอยสังเกตยามเวเดอร์ปะทะเหล่านักล่า (ที่จ้างมา) จากระยะไกล และมองหาจุดอ่อนของนักรบเกราะดำตลอด
หลังเสียคนเพิ่มอีกสอง เขาก็พอกะเกณฑ์ออกได้เลาๆ ว่า เวลาเวเดอร์จะใช้ 'พลัง' ต้องใกล้ไกลจากศัตรูแค่ไหน
รวมถึงเล็งเห็นว่า 'เสียงหายใจ' แรงๆ ของท่านลอร์ด คือจุดบอดใหญ่หลวง
ทาร์คินจึงเริ่มทำศึกแบบถ่วงเวลาและทิ้งระยะห่าง โดยให้นักล่าที่ประสาทหูไวขั้นเทพ 2 นาย ผลัดกันเฝ้าระวังเสียงหายใจของเวเดอร์ตลอด 24 ชั่วโมง
จนเมื่อเวเดอร์เข้าใกล้เขากับลูกทีมเมื่อไหร่ ทุกคนจะจรลีหนีจากไปได้ไกล ก่อนถูกบุกประชิดตัว
เหตุการณ์ยืดเยื้อนานเกินสัปดาห์ แต่ผลลัพธ์จัดว่าเข้าท่า
เพราะขนาดล่วงเข้าวันที่ 9 ของการล่า, ทาร์คินกับลูกทีมทั้งหมด 8 คน ก็ยังคงอยู่ครบ และใกล้เดินทางถึงจุดหมายที่เขาตั้งใจเต็มทน
ทว่าขณะเหลือระยะทางอีกเพียงนิด, จู่ๆ ทั้งทีมดันถูกเวเดอร์จู่โจมกะทันหันแบบไม่มีใครทราบล่วงหน้า
เพราะเวเดอร์ซึ่งควรหายใจหนักๆ ผ่านเครื่องจักรพยุงชีพในชุดเกราะตลอดเวลา
ยอมลิดรอนชีวิตของตัวเอง, กลั้นหายใจแอบย่องเข้าใกล้กลุ่มนักล่า, ชิงไลท์เซเบอร์กลับมา แล้วเริ่มการสังหารหมู่
งานนี้ทาร์คินจึงใส่เกียร์หมาโกยแหลก และปล่อยให้พวกลูกจ้างตายแทนเขาจนเกลี้ยง เพื่อถ่วงเวลา
เมื่อทาร์คินถึงจุดหมาย เขาแสร้งทำเป็นคุกเข่ายอมแพ้ด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
ฟากเวเดอร์เดินอาดๆ ไม่รีบร้อนจะสังหารผู้ล่าของตน เนื่องจากเชื่อมั่นว่าชนะเรียบร้อย
โดยหารู้ไม่ว่าติดกับแผนเด็ดของทาร์คินเข้าเต็มๆ เพราะในจุดซึ่งภูมิอากาศมีสายฟ้าฟาดแปลบปลาบมากที่สุดแห่งนี้
คนที่ยืน 'สูงกว่า' จะโดนฟ้าผ่าใส่ได้ง่ายกว่า
หลังขับเคี่ยวกันสุดกำลัง, ทาร์คินจึงมองออกว่าเวเดอร์ต้องการอะไร แม้อีกฝ่ายไม่ยอมอธิบายก่อนหน้า
ทาร์คินตระหนักในที่สุดว่า เวเดอร์กระหายการต่อสู้และต้องการรู้ว่ายังมีคนที่ท้าทายเขาได้อยู่
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของศึกกระชับมิตรสุดโหดนี่คือ 'เสมอ' เนื่องจากเอาเข้าจริง เวเดอร์ยังเหลือแรงพอจะบีบคอฆ่าทาร์คินอยู่ (แต่ไม่ทำ เพราะถูกใจนายทหารผู้นี้แล้ว)
หลังเคลียร์หนี้ค้างชำระกับทาร์คิน, ดาร์ธเวเดอร์ร่วมทำภารกิจล่าเจไดกับแก๊งค์ผู้ไต่สวนอีกครั้ง
งวดนี้เขาต้องปะทะกับอดีตสมาชิกสภาเจได ที่เปลี่ยนไปทำอาชีพบาทหลวงและมีภรรยาแล้ว
ขณะภรรยาบาทหลวงเพิ่งคลอดลูกสาวออกมาได้หมาดๆ, ดาร์ธเวเดอร์ที่ดูจะขาดมารยาทและความเกรงอกเกรงใจ เข้าไปท้าสู้ในทันใด
จนอดีตเจไดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิญหน้านักรบเกราะดำทันที เพื่อเปิดโอกาสให้เมียหอบลูกหนี
ระหว่างเวเดอร์ประดาบกับศัตรู, หน้าที่ไล่ล่าบุตรของเจไดอันมีพรสวรรค์ด้านพลังติดตัวมาตั้งแต่เกิด ก็ตกไปเป็นของกลุ่มไต่สวนโดยปริยาย
เมื่อจนมุม, มารดาของทารกอ้อนวอนให้อินควิซิเตอร์เพศหญิงเห็นอกเห็นใจ
ซึ่งปฏิกิริยาที่เธอตอบสนอง ก็เกินความคาดหมายของอินควิซิเตอร์ชายอีกคนที่อยู่ด้วยกัน
เพราะอินควิซิเตอร์สตรียอมปล่อยให้มารดาคนดังกล่าว อุ้มลูกสาวขึ้นยานพาหนะสำหรับหลบหนี
ทว่าอินควิซิเตอร์หญิงแค่ปั่นหัวแม่ของเด็กเล่น และใช้ 'พลัง' ดึงเอาตัวทารกเข้าสู่อ้อมอกทีหลัง
เธออธิบายกับอินควิซิเตอร์ชายว่าเหตุผลที่ทำดังนี้ ก็เพื่อให้มารดาของทารกไม่เชื่อใจผู้อื่นอีกตลอดชีพ
ภารกิจดูจะเสร็จสิ้นตามปกติ เนื่องจากเวเดอร์ปลิดชีวิตอดีตเจไดสำเร็จตามคาด และทารกที่มีพรสวรรค์ก็จะถูกชุบเลี้ยง เพื่อให้รับใช้จักรวรรดิในอนาคตต่อไป
ทว่าระหว่างอินควิซิเตอร์หญิงกับชายกำลังนั่งก๊งเหล้าหลังเลิกงานกันอยู่
จู่ๆ เวเดอร์กลับบุกเข้าประชิดตัวทั้งคู่กะทันหัน
และพลันเปิดกระบี่แสงสีแดงฟาดใส่อินควิซิเตอร์หญิง
อินควิซิเตอร์ชายรีบเปิดไลท์เซเบอร์ของตัวเองเข้ารับดาบของเจ้านายทันที ซึ่งถึงแม้ไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไร
แต่ทั้งสองก็รีบร้อนกุลีกุจอหนีโดยพลัน เนื่องจากทราบดีว่าไม่มีทางเอาชนะนักรบเกราะดำไหว
ส่วนผู้ไต่สวนคนอื่นๆ ทำได้เพียงมึนงง นึกสาเหตุที่เวเดอร์ลงดาบใส่พวกเดียวกันไม่ออก (แต่แน่นอนว่าไม่มีคนไหนกล้าขัดขวางพี่แกหรอก)
อินควิซิเตอร์ดวงกุดทั้งสองหนีไปพลางต่อสู้ไปพลาง และปรึกษากันว่าจะลองเสี่ยงตายสู้ดูสักตั้ง
เผื่อฟลุ้คชนะขึ้นมาจะได้เป็นอิสระ และใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคู่รักสมดังใจหมาย (พวกเขาแอบคบกันโดยไม่บอกใครอยู่)
คู่รักผู้ไต่สวนกระโดดเกาะตามรถลอยฟ้า บนเส้นทางจราจรแสนคับคั่งของดาวคอรัสซัง
และช่วยกันใช้พลังทุ่มรถของชาวบ้าน กับปากระบี่แสงใส่เวเดอร์ ที่ตามไล่หลัง
ฉะนั้นกว่าเวเดอร์จะสังหาร 2 คนนี้สำเร็จ, ประชาชนตาดำๆ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็โดนลูกหลงเพียบ
พัลพาทีนเรียกตัวศิษย์เอกเข้าพบ เพื่อรายงานสาเหตุของการไล่ล่าป่วนเมือง
เวเดอร์ชี้แจงว่าเพราะอินควิซิเตอร์หญิงไม่ยอมฆ่าเมียของเจไดทิ้ง และแค่เอาตัวเด็กทารกมาเฉยๆ
เขาเลยสงสัยว่าเธอเริ่มกระด้างกระเดื่อง และคิดหาโอกาสทรยศองค์กร
แถมหล่อนยังล่อลวงอินควิซิเตอร์ชาย ให้กลายเป็นแนวร่วมได้แล้วอีกต่างหาก
จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ฆ่าทั้งสองคนทิ้งเสีย
พัลพาทีนยอมรับว่าเหตุผลฟังขึ้น และเวเดอร์ไม่ระแวงเกินสมควร
แต่เขาตำหนิลูกศิษย์ว่าการซี้ซั้วเปิดศึกบนดาวเมืองหลวง โดยไม่ตริตรองให้รอบคอบเสียก่อน ช่างมิบังควรอย่างยิ่ง
พัลพาทีนค่อนข้างของขึ้น เพราะหนึ่งในผู้โดนลูกหลงจากเหตุการณ์ล่าสุด คือวุฒิสมาชิกที่เป็นผู้สนับสนุนของเขา
"หากข้ารักษาระเบียบที่นี่ไม่ได้ ฐานอำนาจจะสั่นคลอน และเริ่มมีคนมองว่าข้าคงไม่มีปัญญารักษาอำนาจบนดาวอื่นด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้
ข้าจะย้ายศาลไต่สวนไปตั้งฐานใหม่บนพิภพห่างไกล, เหตุการณ์แบบนี้จะได้ไม่เกิดซ้ำรอย บนดาวของข้า"
อย่างไรก็ตาม พัลพาทีนหัวเสียเพียงไม่นาน
เพราะยังไงเสียเวเดอร์ก็จัดการทั้งเจไดและคนทรยศสำเร็จ
ดาร์ธซีเดียสเปลี่ยนประเด็นสนทนา ไปว่าด้วยเรื่องภารกิจที่เขาต้องการให้ศิษย์เอกทำต่อ นั่นคือเยือนดาวอัลเดอราน เพื่อ 'ปรับทัศนคติ' คนใหญ่คนโตชื่อเบล ออร์กาน่า (พ่อเลี้ยงของเลอา) ทว่า
"ไม่" พ่อลูกศิษย์ดันปฏิเสธ
"ไม่หรือ ?" อาจารย์เคือง
"ข้ากำจัดพวกเจไดตามที่ท่านสั่งไปแล้ว และจะทำทุกอย่างตามที่ท่านขอต่อไป
แต่ก่อนหน้านั้น ข้าขอดาวสักดวงจากท่าน... มุสตาฟาร์"
COMMENTS