ด้วยความที่ต้องการให้เว็บไซต์แห่งนี้ เป็นบันไดขั้นต้นอันช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เคยติดตามเฉพาะภาพยนตร์หรือซีรีส์คนแสดง ได้แจ้งชัดว่าเกิ...
ด้วยความที่ต้องการให้เว็บไซต์แห่งนี้ เป็นบันไดขั้นต้นอันช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เคยติดตามเฉพาะภาพยนตร์หรือซีรีส์คนแสดง
ได้แจ้งชัดว่าเกิดเรื่องราวสำคัญๆ ใดขึ้นบ้างแล้ว ในกาแล็คซี่อันกว้างใหญ่ของแฟรนไชส์ Star Wars หลังดิสนีย์เข้าซื้อกิจการของลูคัสฟิล์ม
ผมจึงใช้เวลาสักพักมองหาว่า มีเนื้อหาเสริมใดนอกจากอนิเมชั่นซีรีส์ The Clone Wars กับ Rebels ที่ควรสรุปเรื่องราวมาลงไว้ เพื่อเสริมสร้างฐานข้อมูลเบื้องต้นให้ครบถ้วน
ปรากฏว่าแม้จะเก่าเล็กน้อย แต่คอมมิคเรื่องยาวชุด Darth Vader: Dark Lord of the Sith ของชาร์ลส์ โซล (Charles Soule) ผู้แต่ง The Rise of Kylo Ren ซึ่งเผยแพร่เมื่อค.ศ. 2017-2018 นั้น ดูจะเหมาะสมที่สุด
เพราะเกี่ยวข้องกับตัวร้ายยอดนิยมโดยตรง, แนะนำองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ที่คุณจะเจอในเนื้อหาเสริมปลีกย่อย ซึ่งเดินเรื่องระหว่างภาพยนตร์ภาค Revenge of the Sith กับ A New Hope แบบค่อนข้างครบ, แถมสนุกเข้มข้นดีด้วย
คอมมิค Darth Vader: Dark Lord of the Sith แต่ละตอนมีประมาณ 20 หน้า และมีทั้งหมด 25 ตอนจบ
ซึ่งการเดินเรื่องก็เป็นไปตามแบบฉบับของซีรีส์เรื่องยาว คือน้ำเยอะบ้าง, น้ำน้อยบ้าง
บางครั้งคนเขียนเปลืองหน้ากระดาษกับการเล่าประวัติตัวประกอบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือฉากบู๊ซะบานเบอะ แต่บางครั้งก็มาแบบเนื้อๆ สาระเน้นๆ เต็มตอน
อีกอย่างคือเคยเห็นคนแปลถอดความเต็มๆ ลงเว็บอื่นแค่ตอนสองตอน แล้วหายจ้อยไปดื้อๆ
หรือสปอยล์รวบรัดขั้นสูง จนดูทรงแล้ว อาจมีแต่แฟนตัวจริงของแฟรนไชส์ Star Wars ที่รู้เรื่อง
ฉะนั้นเพื่อให้แปลกใหม่กว่าชาวบ้านนิด การสปอยล์คอมมิคเรื่องนี้เป็นภาษาไทยของผม
จึงจะเน้นคัดเอาเฉพาะเนื้อหาที่เห็นว่าน่าจับมาเล่า และตัดทอนเนื้อหาเรื่อยเปื่อยออกเยอะหน่อย
และแบ่งมันเป็นหลายบทความตามชอบใจ ในลักษณะที่ไม่ล็อคตามจำนวนตอน
หรือแบ่งบทตามที่คนเขียนคอมมิคระบุเอาไว้ในผลงานครับ
[ความเดิม]
สงครามโคลนจบลง, เจไดพบความวิบัติ, พัลพาทีนกลายเป็นจักรพรรดิ ที่ชี้นำความเป็นไปของกาแล็คซี่ได้ตามปรารถนา ด้วยมหาพลังแห่งซิธของเขา
อัศวินเจได/อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ร่วงหล่นสู่ห้วงแห่งด้านมืดของพลัง เขาถูกชักนำโดยคำสัญญาของพัลพาทีนที่ว่า สามารถช่วยให้แพดเม่/ภรรยาของอนาคินที่กำลังตั้งท้องอยู่ หลีกเลี่ยงความตายได้
สกายวอล์คเกอร์จึงทรยศนิกายเจได และกลายเป็นซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์
เวเดอร์พ่ายแพ้แก่สหายและอาจารย์เก่าอย่าง โอบีวัน เคโนบี
เขาถูกทิ้งให้ตายเพราะบาดแผลสาหัส อันเกิดจากการต้องความร้อนของลาวา บนดาวภูเขาไฟมุสตาฟา
ทว่าพัลพาทีนช่วยชีวิตทัน โดยการนำอนาคินไปสวมชุดเกราะที่มาพร้อมระบบพยุงชีพ
เวเดอร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นหลังเฉียดตาย ได้ทราบว่าภรรยาสิ้นชีพลง เขาจึงหลงเหลือเพียงความโกรธและเจ็บปวดในหัวใจ
[เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องทันที จากฉากหนึ่งในช่วงสุดท้ายของ Episode III]
ดาร์ธเวเดอร์ที่ทราบข่าวการตายของแพดเม่จากซีเดียส เผลอตัวระเบิดพลังกระจายออกไปสร้างความเสียหายรอบตัว รวมถึงซัดอาจารย์คนปัจจุบันจนกระเด็น ก่อนจะหันหน้าเข้าหาซีเดียส แล้วเริ่มต้นกล่าวโทษด้วยความผิดหวัง "ไหนท่านบอกข้าว่า ท่านช่วยนางได้!"
"เจ้าเองนั่นแหละที่ทำให้นางตายเพราะความโกรธ, สหายเอ๋ยแพดเม่จากไปแล้วและแม้กระทั่งด้านมืด ก็มิอาจพานางกลับมาได้
แต่ความตายของนาง มอบของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งแก่เจ้า นั่นคือความเจ็บปวด'"
ว่าแล้วคุณครูซีเดียสก็สอนให้รู้ว่าควรเคารพผู้อาวุโสกว่า เขาสาดสายฟ้าใส่และถามหาอาวุธประจำตัวของลูกศิษย์ "กระบี่แสงของเจ้าอยู่ที่ไหนลอร์ดเวเดอร์ ? ใช้พลังของมันป้องกันตัวสิ"
"หาย...ตอนสู้กับ...โอบีวัน...เขา...เอาไป"
"ไม่ใช่! ดาบนั่นเป็นของคนอื่น ของเจได, ตอนนี้เจ้า คือซิธ!"
เมื่อซีเดียสยุติการสอนมารยาทศิษย์ด้วยสายฟ้า เขาเดินนำเวเดอร์ไปรับชมพิธีเผาทำลายกระบี่แสงจำนวนมาก ที่หลงเหลือจากการกวาดล้างเจได ซึ่งจัดให้สาธารณชนรับรู้กันโดยทั่วไป และเริ่มบทสนทนากับอนาคิน/ซิธมือใหม่ อีกครั้ง "เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมดาบของพวกเรา 'สีแดง' ลอร์ดเวเดอร์ ?"
เวเดอร์ไม่ทราบเหตุผล เพราะเรื่องนี้ไม่มีอยู่ในบทเรียนของเหล่าเจได ฉะนั้นคุณครูพัลพาทีนจึงพูดต่อว่า "ไลท์เซเบอร์สีแดงแทบไม่แตกต่างจากกระบี่แสงอื่นๆ --ยกเว้นเรื่องที่มันเลือดออก (Bleed)
จะคริสตัลจากกระบี่แสงเจไดชิ้นไหน ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงได้
และอย่างที่เจ้าคงรู้แล้วว่า ไคเบอร์คริสตัลมันมีชีวิตในแบบของตัวเอง
พวกมันจึงรู้สึกถึง 'ความเจ็บปวด' ได้ เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ
เจ้าต้องส่งความเจ็บปวดของตัวเองสู่คริสตัล ผ่านพลังด้านมืด
และเมื่อมันพบความทุกข์ทรมานเกินรับไหว ในที่สุดก็จะกลายเป็นสีชาดสวยสดงดงาม... สีแห่งความบ้าคลั่งของเจ้า
เจ้าเข้าใจใช่ไหม ลอร์ดเวเดอร์ ?" อาจารย์ถามเพื่อเช็คว่าลูกศิษย์เก็ตหรือยัง ว่าต้องทำอะไร
"ใช่, ท่านแบ่งไลท์เซเบอร์ที่ถูกทำลายพวกนั้นมาให้ข้าบ้างก็ได้ แต่ไม่ทำ
หมายความว่าซิธไม่ควรรับไลท์เซเบอร์จากใคร แต่ต้องไป 'ช่วงชิง' มันมา"
เวเดอร์รับการบ้านชิ้นแรกจากคุณครูผู้ชั่วช้า และเริ่มต้นออกเดินทางเพื่อแสวงหาเจไดที่ยังรอดชีวิตหลังการล้างบาง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเหลืออยู่น้อยมากแน่
เขาจึงขับยานแวะไปที่สถานีทำการของพวกเจได ที่ในยุครุ่งเรืองเป็นทั้งจุดแวะพักระหว่างเดินทางไกลผ่านห้วงอวกาศ และใช้เก็บข้อมูลกับสมบัติล้ำค่าหลายอย่าง
แม้มีรหัสแสดงตนเพื่อผ่านเข้าสู่สถานี ซึ่งมีทหารโคลนจำนวนมากเฝ้าอยู่ โดยปลอดภัย
แต่เวเดอร์กลับไม่ยอมใช้ และเลือกจะต่อสู้บุกฝ่าเข้าไปเอาสิ่งที่ต้องการในฐานะผู้บุกรุก
เวเดอร์ใช้กลุ่มทหารโคลนแปลกหน้ามาลับคมฝีมือที่ยังทื่ออยู่ เพราะไม่ชินกับร่างกายกึ่งเครื่องจักร
อย่างไรก็ตาม เขายังคงสอยยานศัตรูร่วงกราว และสามารถสังหารหมู่เหล่าทหารผ่านศึกได้ แบบไม่บาดเจ็บมากนัก
เวเดอร์มาสถานี เพื่อตามหาเจไดผู้รับปฏิญญาบาราช (The Barash) จากฐานข้อมูลของที่นี่
เพราะเจไดที่รับปฏิญญา คือผู้อุทิศทั้งชีวิตแก่การบำเพ็ญเพียร เขาจะอุทิศตัวเองให้พลังเพียงอย่างเดียว โดยละทุกกิจกรรมทางโลก และตัดขาดสิ้นเชิงกับนิกายเจได
ขนาดที่แม้เกิดสงครามโคลนขึ้นจนวุ่นวายทั่วอวกาศ ก็ไม่มีทางทิ้งการทำตัวแบบฤๅษีไปช่วยใครชัวร์
แล้วเวเดอร์ก็เจอข้อมูลบุคคลที่ต้องการตามคาด เขาคือบุรุษนาม คิราค อินฟิล่า (Kirak Infi'la) เขาเป็นพวกหมกมุ่นกับ 'การต่อสู้' เขาฝึกโหดลูกเดียวมาหลายปีดีดัก
ตั้งแต่ก่อนแยกตัวจากนิกายไปบำเพ็ญตบะ และตั้งแต่ก่อนอนาคินเริ่มฝึกฝนในฐานะเจไดด้วยซ้ำ
COMMENTS