สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่กินเวลานานร่วม 3 ปี อีกทั้งปลายทางของมัน คือการพลิกโฉมรูปแบบการปกครองของกาแล็คซี่แห่งจักรวาล Star Wars และก่อกำเน...
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่กินเวลานานร่วม 3 ปี อีกทั้งปลายทางของมัน คือการพลิกโฉมรูปแบบการปกครองของกาแล็คซี่แห่งจักรวาล Star Wars
และก่อกำเนิดยุคสมัยที่จักรพรรดิซิธกับศิษย์เอกฉายา 'ดาร์ธเวเดอร์' ถือครองอำนาจสูงสุด
คงมีคนจำนวนมากซึ่งอยากทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในสงครามนี้บ้าง
ทว่าหากรับชมเพียงภาพยนตร์ เราจะพบแค่ช่วงประกาศสงคราม กับสถานการณ์ช่วงสุดท้ายของมันเท่านั้น
ส่วนสาเหตุหลักน่าจะเห็นๆ กันอยู่ คือเวลาไม่พอ
เพราะหนังไตรภาคต้น (Episode I-III) ต้องเน้นเรื่องของตัวละครสำคัญที่สุดแบบ 'อนาคิน สกายวอล์คเกอร์' มากกว่า
อย่างไรก็ดี ยุคที่หนังไตรภาคต้นฉาย, จอร์จ ลูคัส ได้อนุญาตให้ผู้ประพันธ์ผลงานด้านความบันเทิงมากหน้าหลายตา แต่งเนื้อหาเสริมเกี่ยวกับสงครามโคลนกันตามสบายพอสมควร
ช่วงนั้นมีทั้งนิยาย, อนิเมชั่น, การ์ตูนของสงครามโคลน เผยแพร่บานเบอะ
และที่โดดเด่นสุดของช่วงแรก คงหนีไม่พ้นอนิเมชั่น 2D บู๊แหลกลาญอย่าง Clone Wars (ซึ่งไร้คำว่า The นำหน้า) ของปีค.ศ. 2003
ไม่รู้ลูคัสเกิดอาการคันไม้คันมือ อยากควบคุมทิศทางการนำเสนอสงครามโคลนให้มากขึ้น หลังเริ่มว่างเพราะเสร็จกิจจากการผลิตภาพยนตร์ภาค Revenge of the Sith หรือคิดว่าเนื้อหาเสริมบางอันมันน่าขัดใจ
เขาจึงดำริว่าต้องการให้บริษัทลูคัสฟิล์ม ผลิตเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามโคลนออกมาด้วยตนเอง
ซึ่งในเมื่อเรื่องราวมันเยอะ ก็ควรจะเป็นซีรีส์เรื่องยาวนั่นแหละ
แต่การผลิตซีรีส์คนแสดงเวลานั้น คงยากเข็ญและสิ้นเปลืองงบประมาณด้านเทคนิคพิเศษมากเกินไปชัวร์
ลูคัสเลยตัดสินใจตั้งแผนกเฉพาะสำหรับอนิเมชั่นซีรีส์เรื่องใหม่ขึ้นในบริษัท และชักชวน 'เดฟ ฟิโลนี่' ผู้เป็นแฟนตัวยงของ Star Wars
รวมถึงเคยมีส่วนร่วมในการสร้างอนิเมชั่นซีรีส์ ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากเรื่อง Avatar: The Last Airbender มาเป็นผู้ดูแลหลัก
สำหรับการผลิต 3D อนิเมชั่นซีรีส์เรื่อง 'The Clone Wars'
การมาของ The Clone Wars ก่อให้เกิดความสับสน ว่าตกลงนี่คือเรื่องราวเดียวกันกับฉบับอนิเมชั่นปี 2003 หรือเป็นภาคต่อของอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าว ?
แต่เดฟ ฟิโลนี่ ก็เคยให้คำตอบที่ชัดเจนพอสมควรว่า The Clone Wars ของเขา [ไม่เกี่ยวข้อง] กับการ์ตูนเคลื่อนไหวได้ ของผู้สร้าง Samurai Jack
เนื่องจากระดับความสามารถของตัวละครหลายคนในเรื่องนั้น ทรงพลังเวอร์วังอลังการเกินเหตุ
"เมซ วินดู ถล่มดรอยด์สู้รบจำนวนหลายร้อยด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก, มิฉะนั้นสังเวียนต่อสู้บนจีโอโนซิสคงถูกกวาดเรียบ, พวกเจไดชนะแบบเด็ดขาด และไม่เกิดสงครามโคลนขึ้นด้วยซ้ำ
เนื้อหาเสริมสตาร์วอร์สหลายเรื่องยอดเยี่ยม แต่ผลงานเรามิได้เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับเนื้อหาพวกนั้น
เราผูกโยงตัวเองกับภาพยนตร์ที่เหตุการณ์เกิดก่อนแบบ Attack of the Clones และภาพยนตร์ที่เหตุการณ์เกิดหลังแบบ Revenge of the Sith เป็นหลัก"
ตัวอย่างการโชว์อภินิหารของ เมซ วินดู โดยผู้สร้างอนิเมชั่นเรื่อง Samurai Jack
The Clone Wars ของเดฟ ฟิโลนี่ เปิดตัวด้วยการมีฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อเดียวกัน ออกฉายตามโรงหนัง
ซึ่งผลลัพธ์จัดว่าดี เพราะรายรับรวมทั่วโลกคือ 68.3 ล้านดอลลาร์ ทั้งที่ทุนสร้างแค่ 8.5 ล้าน
แม้จะน่าน้อยใจแทนผู้จัดจำหน่ายผลงานในประเทศไทย เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจไปดู
เนื้อหา The Clone Wars ฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ฉายเมื่อปี 2008 อาจแลดูขาดความสำคัญสำหรับผู้ชมทั่วไป
เพราะจะว่าไปมันก็แค่ภารกิจหนึ่งในสงครามโคลน ของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ กับโอบีวัน เคโนบี
แต่นี่คือการแนะนำให้รู้จักตัวละครหญิงคนใหม่
ซึ่งจะกลายเป็นขวัญใจของแฟนคลับสตาร์วอร์สบางคนภายหลัง
อโศกา ทาโน (Ahsoka Tano) คือเด็กผู้หญิงตัวจ้อย ที่อนาคินไม่ค่อยแฮปปี้กับการปรากฏตัวของหล่อนเท่าไหร่
เนื่องจากปรมาจารย์โยดาส่งหล่อนมาเป็นพาดาวัน (ลูกศิษย์) ของเขา แบบไม่ถงไม่ถามความสมัครใจ
เพื่อให้อนาคินที่เลื่อนระดับขั้น สู่ชั้นอัศวินเจได (Jedi Knight) เรียบร้อย มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
(แต่ตอนสงครามโคลน เจไดอายุน้อยจะถูกผลักดันให้เข้าสู่สนามรบหรือเลื่อนขั้นไวบ่อย เพราะจำนวนอัศวินเจไดไม่เพียงพอสำหรับการทำสงคราม)
อนาคินผู้ไม่ต้องการศิษย์หรือฝึกฝนใคร ยอมรับในศักยภาพของอโศกา และตกลงใจจะให้เธอเป็นพาดาวันของเขา
แล้วหลังจากนั้นเมื่อซีรีส์เริ่มต้นเผยแพร่รายตอนจริงๆ
สาวน้อยที่มีกระแสยี้หล่อนตอนปรากฏตัวแรกๆ ได้ค่อยๆ เอาชนะใจคนดู และจำนวนผู้ชมที่ยอมรับหล่อนก็เพิ่มพูนขึ้น
ตัวซีรีส์ซึ่งซีซั่นแรกๆ งานซีจีกับการเคลื่อนไหวยังขาดความสวยงามบ้าง ก็ได้รับการยกระดับคุณภาพ
เช่นเดียวกับความเข้มข้นของเนื้อหา ซึ่งช่วงแรกยังออกแนวการ์ตูนเด็กเน้นบันเทิงอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ถูกเพิ่มความมืดมนขึ้นเรื่อยๆ
จนบางตอนค่อนข้างชัดว่านี่คือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ แต่เด็กยังดูได้และแค่ใช้การนำเสนอด้วย 3D อนิเมชั่นเฉยๆ
The Clone Wars ซึ่งเนื้อหาจับประเด็นหลากหลาย เช่น นักล่าเงินรางวัลที่รับงานลอบสังหาร, การเมืองของสาธารณรัฐกับฝ่ายแบ่งแยก, วิธีต่อสู้ของกองทัพประชาชนบนดวงดาวพันธมิตรของสาธารณรัฐ, โจรสลัดกับองค์กรอาชญากรรมที่แสวงหาผลประโยชน์บนความวุ่นวาย, ภารกิจบนสนามรบของเจได, สอนวิธีประดิษฐ์ไลท์เซเบอร์, ทำให้เห็นว่าเหล่าทหารโคลนมีความเป็นปัจเจกบุคคล, ยลอาวุธสงครามกับดรอยด์รุ่นใหม่ๆ, ไปจนถึงแสดงความขัดแย้งภายในระหว่างพวกซิธด้วยกันเอง เป็นต้น
ได้รับความนิยมมากพอจะสร้างต่อเนื่อง จนซีรีส์ยาวเกิน 100 ตอน
และวางแผนจะสรุปจบเรื่องราวลงแบบไม่รีบร้อนตอนซีซั่น 8
แต่ต่อมาความเปลี่ยนแปลงขนานหนักบังเกิด
เมื่อดิสนีย์ที่ซื้อกิจการลูคัสฟิล์มพร้อมสิทธิ์เหนือแฟรนไชส์ Star Wars
ประกาศตัดเนื้อหาขยายความเกือบทั้งหมดออกจากสารบบหลัก และอัญเชิญสู่หิ้งประดับสุดหรูชื่อ Legends
เหตุการณ์ใน Clone Wars (2003) กับเนื้อหาเสริมหลายอย่างของแฟรนไชส์ จึงไม่เคยเกิดขึ้นจริงในจักรวาลหลัก (Canon) อีกต่อไป (อย่างน้อยก็ตอนนี้)
อาทิเช่น การแสดงความเก่งกาจระดับซัดอาจารย์เจไดหลายคนพร้อมกัน
ซะจนพวกเขาหมดท่าได้ของกรีฟวัส ตอนโผล่หน้าครั้งแรก
หรือการที่กรีฟวัสถูกวินดูใช้พลังบีบหัวใจ จนบาดเจ็บตกค้าง และออกอาการไอค่อกแค่กตลอดใน Revenge of the Sith
The Clone Wars มิได้โดนยกขึ้นหิ้ง เหมือน Clone Wars (2003) กับเนื้อหาเสริมของแฟรนไชส์จำนวนมาก
แต่ก็ไม่วายโดนลูกหลงจากความต้องการสิ่งใหม่ๆ ของดิสนีย์ และถูกตัดจบกลางอากาศตรงซีซั่น 6
The Clone Wars ห้าซีซั่นแรกยาวราว 20-22 ตอนและเผยแพร่ทางช่อง Cartoon Network
แต่ซีซั่น 6 โดนหั่นเหลือแค่ 13 ตอน และต้องระหกระเหินไปลงฉายทาง Netflix แทนเมื่อปี 2014
โดยมีเสียงก่นด่าจากแฟนๆ ต่อเนื่องตามหลังมาอีกหลายปี
แม้เนื้อเรื่องที่ไม่ถูกสร้างบางตอนของซีรีส์ จะได้ย้ายไปเล่าต่อบนหนังสือนิยายและการ์ตูนหลายเล่มแล้ว
ไม่รู้เพราะกระแส #SaveTheCloneWars ช่างทรงพลัง หรือดิสนีย์แค่อยากได้คอนเทนท์ (content) โดนๆ มาลงเพิ่ม เพื่อดึงดูดผู้คนให้สมัครสมาชิกแบบเสียสตางค์ บนช่องสตรีมมิ่งซึ่งเพิ่งให้บริการของสตูดิโอเยอะๆ
แต่จู่ๆ ในงานคอมมิคคอนปี 2018 ก็มีประกาศว่า The Clone Wars จะออกอากาศซีซั่น 7 ทาง Disney+ ซะงั้น
ด้านเดฟ ฟิโลนี่ ผู้มีส่วนในความสำเร็จของซีรีส์คนแสดงสตาร์วอร์สเรื่องแรก อย่าง 'The Mandalorian' ภายหลัง
ก็สารภาพว่าตอนโดนตัดจบ ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะมีโอกาสกลับมาทำ The Clone Wars อีก
แม้ The Clone Wars ซีซั่น 7 กลับมาทิ้งทวนความสำเร็จบน Disney+ ด้วยจำนวนเพียง 12 ตอน
แต่การคืนสู่เหย้าซึ่งมีกำหนดคร่าวๆ ว่าจะเริ่มต้นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และจบลงในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2020 นี้จะสมการรอคอยของแฟนๆ หรือไม่ ?
การดวลของอโศกา/ศิษย์ผู้เดียวของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
กับ [ดาร์ธมอล] ผู้เคยโดนโอบีวันหั่นตัวขาดสองท่อน จะน่าดูชมแค่ไหน ? เป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไปอีกสักหน่อย
ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก
COMMENTS