ความจริงตั้งใจจะเขียนบทวิจารณ์โดยอิงกับสิ่งที่ผู้สร้างหนัง Mission: Impossible ภาคล่าสุดอย่าง "คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่" เคยบอกไว้ว่...
ความจริงตั้งใจจะเขียนบทวิจารณ์โดยอิงกับสิ่งที่ผู้สร้างหนัง Mission: Impossible ภาคล่าสุดอย่าง "คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่" เคยบอกไว้ว่าต้องการนำเสนอ
แต่ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นการ 'ตีความ' ซะเกือบหมด ส่วนคำวิจารณ์มีแค่น้อยนิด (ประมาณว่าหนังบู๊ต่อเนื่องตลอดเรื่อง มันส์สะใจ อะไรทำนองนั้น :P)
เลยจะตัดการวิจารณ์ทิ้งไป และขอนำเสนอบทวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ของภาพยนตร์ตามหัวข้อบทความ (ค้อน, มีดผ่าตัด, ผลกระทบตกค้าง และการเสี่ยงโชค) ว่าสื่อความหมายอะไรบ้างแทนครับ
ภาพยนตร์ภาคนี้เต็มไปด้วยผลกระทบจากการตัดสินใจใช้ชีวิต
และวิธีปฏิบัติภารกิจของอีธาน ฮันท์ ตัวอย่างเช่น
- ฝันร้ายเรื่องการสูญเสียคนสำคัญ(จูเลีย)ตามหลอกหลอน เพราะเลือกจะจับกุมโซโลมอน เลน แทนการสังหาร
- เลือกช่วยเพื่อน(ลูเธอร์) จนภารกิจชิงพลูโตเนี่ยมล้มเหลว และผู้บริสุทธิ์มากมายต้องสังเวยชีวิต
- ช่วยชีวิตสายลับมือสังหารของซีไอเอ-ออกัสต์ วอล์คเกอร์ แล้วโดนทรยศ, เดือดร้อนหนักภายหลัง
- ไม่ยอมหนีตามกันไปกับอิลซา เลยต้องมาปะทะกัน(แม้เพียงชั่วคราว)
- ให้รัฐมนตรี(อลัน ฮันลีย์) ร่วมเล่นละครเปิดโปงวอล์คเกอร์ด้วย ส่งผลทางอ้อมให้เขาถูกวอล์คเกอร์ฆ่าตาย
เรียกว่าโดนจัดหนักชุดใหญ่ จึงไม่แปลกอะไรที่ภาคนี้อีธานเริ่มฉุกคิดเกี่ยวกับวิถีชีวิตของตัวเอง
การพยายามขอโทษจูเลียตอนท้ายเรื่องคือเครื่องยืนยัน มันเป็นการบอกว่าเขาโทษตัวเอง, คิดว่าตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคนสำคัญ....
แต่เรื่องร้ายทั้งหมดมันเกิดจากพวกผู้ร้าย และความชั่วร้ายในตัวมนุษย์ทั้งหลาย ตัวอีธานเองตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยความตั้งใจในทางดีเสมอ ความจริงเขาไม่ใช่สาเหตุของเรื่องร้ายใดๆ
และผลกระทบไม่ได้มีแค่เรื่องแย่ๆ ถ้าอีธานกับจูเลียไม่เคยรู้จักกัน ตอนท้ายเรื่องเธอคงไม่ไปช่วยลูเธอร์กู้ระเบิดนิวเคลียร์(ซึ่งยากจะกู้ระเบิดคนเดียวได้ทัน) ทุกคนอาจตายหมดตอนจบ
เธอจงใจส่งค้อนไปตามประกบ เพื่อจะได้มีโอกาสทุบทำลายมีดผ่าตัดทุกเมื่อ เนื่องจากตอนนั้นอีธานเพิ่งทำพลาดครั้งใหญ่ ความสงสัยในตัวสายลับ IMF คนนี้จึงกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่เขาเคยพิสูจน์ตัวเองด้วยเรื่องซินดิเคทไปแล้ว (ประมาณว่าถึงตอนนั้นไม่ทรยศ ตอนนี้อาจจะคิดทรยศขึ้นมาก็ได้ เพราะองค์กรรัฐบาลถีบหัวส่งบ่อย)
สาเหตุแรก 'การเห็นคุณค่าของหนึ่งชีวิตเท่าเทียมอีกหลายชีวิตคือความแข็งแกร่ง' อาจดูเป็นคำพูดโลกสวย ไร้เหตุผลรองรับยังไงพิกล เพราะเห็นกันอยู่ ว่าอีธานเลือกช่วยเพื่อนแล้วพลูโตเนี่ยมโดนฉกไประเบิดเมือง คนตายบานเบอะ
แต่เรื่องนี้มีเหตุผลรองรับ เพราะการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมมันสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสมาชิกทีมอย่างยิ่งยวด
ตัวอย่างเช่น เบนจี้ที่ภาคนี้โดนใช้ทำเรื่องเสี่ยงๆ หลายครั้ง ก็ยอมทำทุกครั้ง ด้วยความเชื่อใจอีธาน
เวลาอีธานรับปากว่าจะไม่ปล่อยให้เพื่อนมีอันตราย เขาไม่ได้พูดส่งๆ, เขาทุ่มสุดตัวช่วยเพื่อนร่วมทีม ไม่ทอดทิ้งกันแน่ๆ
พอความเชื่อใจมีมาก ประสิทธิภาพเวลาประสานงานกันทำตามแผน+ปฏิบัติภารกิจย่อมสูงขึ้น ต่อให้เจอเรื่องผิดแผน, ต้องด้นสดคิดวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แถมแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางแบบตอนท้ายเรื่อง(กู้ระเบิด 2 ลูกและชิงกุญแจปลดชนวน) ก็ยังทำงานสำเร็จ
หากเลือกเสียสละลูเธอร์ตอนต้นเรื่อง มันไม่ได้ชัวร์ 100% หรอกว่าไม่เสียพลูโตเนี่ยม เผลอๆ เพื่อนตาย, ของโดนฉก, คนตายบานเบอะตามเดิม แล้วยิ่งตอนท้ายเรื่องคนไม่พอ ต้องให้จูเลียช่วยดื้อๆ ด้วย ภารกิจท้ายเรื่องล้มเหลวแน่ๆ
(จูเลียรู้จักมักคุ้นกับลูเธอร์ เขาเลยเข้าขากับเธอตอนกู้ระเบิดได้ทันที และสมมติว่าเกณฑ์สายลับคนอื่นมาแทนหลังลูเธอร์ตาย เผลอๆ สายลับคนใหม่จะไม่ยอมให้จูเลียช่วยกู้ระเบิดด้วยซ้ำ กู้ระเบิดคนเดียวทำไม่ทัน จบเห่เอวังบรรลัยหมด)
สาเหตุที่สอง อีธาน 'เสี่ยงโชคสม่ำเสมอ' นี่ก็ฟังดูไร้สาระไม่เข้าท่ายังไงพิกล แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น! ความกล้าได้กล้าเสียคือสิ่งที่สายลับคนอื่นๆ ซึ่งเก่งทัดเทียมอีธานขาดไปอีกข้อ
- วิลเลี่ยม แบรนด์ท เคยไม่ยอมเตือนอีธานเรื่องมีคนจ้องเล่นงานเขากับจูเลียแม้ขัดคำสั่งเบื้องบน จนเลิกทำงานภาคสนาม แสดงให้เห็นชัดว่าแบรนด์ทขาดความกล้าทำเรื่องนอกกรอบแบบอีธาน (หลังรู้จักอีธานเขาถึงเริ่มทำตัวนอกกรอบมากขึ้น แต่ยังไม่มีโอกาสโชว์ฟอร์มเท่าไหร่)
- อิลซายังติดปล่อยใจตามอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวอยู่บ้าง เลยพลาดโอกาสฆ่าโซโลมอน เลน และโดนอีธานขับรถพุ่งชนใส่
- โซโลมอน เลนพ่ายแพ้อีธาน เพราะคาดไม่ถึงลูกไม้แปลกๆ และมีความเสี่ยงสูง อย่างการจดจำข้อมูลสำคัญไว้กับตัวแล้วทำลายอุปกรณ์เก็บข้อมูลทิ้งในหนังภาค 5
- วอล์คเกอร์ คาดไม่ถึงลูกบ้าของอีธานที่ถึงขนาดเสี่ยงตายเกาะเฮลิคอปเตอร์ไล่ตาม เลยต้องตายชดใช้ความประมาท (ประเมินอีธานต่ำไป มีปืนกลติดตัว ถ้าหันหลังกลับไปมองสักนิด ยิงอีธานตั้งแต่ตอนเริ่มตะเกียกตะกายขึ้นฮ. ให้ร่วงได้สบายๆ)
นั่นคืออีธานชนะเพราะความกล้าเสี่ยง, กล้าทำเรื่องนอกกรอบแบบที่คนเก่งกาจใกล้เคียงเขาหลายคนไม่กล้าทำ หรือคิดไม่ถึง
ดังนั้นการเลิกรากันของอีธานกับจูเลีย เพราะอีธานสมควรไปทำงานปกป้องโลก(ตามคำบอกเล่าของลูเธอร์) จึงไม่ได้ดูเป็นฮีโร่ขี้โม้แบบฟังไม่ขึ้นครับ (เนื่องจากอีธานเก่งกาจเหนือกว่าใครจริงๆ นั่นเอง)
แต่ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นการ 'ตีความ' ซะเกือบหมด ส่วนคำวิจารณ์มีแค่น้อยนิด (ประมาณว่าหนังบู๊ต่อเนื่องตลอดเรื่อง มันส์สะใจ อะไรทำนองนั้น :P)
เลยจะตัดการวิจารณ์ทิ้งไป และขอนำเสนอบทวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ของภาพยนตร์ตามหัวข้อบทความ (ค้อน, มีดผ่าตัด, ผลกระทบตกค้าง และการเสี่ยงโชค) ว่าสื่อความหมายอะไรบ้างแทนครับ
ผลกระทบตกค้าง (fallout)
เริ่มจากชื่อภาคที่มีหลายความหมายก่อน, fallout หมายถึง ฝุ่นผงตกค้างในบรรยากาศหลังนิวเคลียร์ระเบิด สื่อถึงภัยก่อการร้ายด้วยนิวเคลียร์ก็จริง
แต่ประเด็นหลักซึ่งทำให้ชื่อนี้เหมาะสมกับหนังคือความหมายอีกอย่าง 'ผลกระทบตกค้าง' ต่างหากภาพยนตร์ภาคนี้เต็มไปด้วยผลกระทบจากการตัดสินใจใช้ชีวิต
และวิธีปฏิบัติภารกิจของอีธาน ฮันท์ ตัวอย่างเช่น
- ฝันร้ายเรื่องการสูญเสียคนสำคัญ(จูเลีย)ตามหลอกหลอน เพราะเลือกจะจับกุมโซโลมอน เลน แทนการสังหาร
- เลือกช่วยเพื่อน(ลูเธอร์) จนภารกิจชิงพลูโตเนี่ยมล้มเหลว และผู้บริสุทธิ์มากมายต้องสังเวยชีวิต
- ช่วยชีวิตสายลับมือสังหารของซีไอเอ-ออกัสต์ วอล์คเกอร์ แล้วโดนทรยศ, เดือดร้อนหนักภายหลัง
- ไม่ยอมหนีตามกันไปกับอิลซา เลยต้องมาปะทะกัน(แม้เพียงชั่วคราว)
- ให้รัฐมนตรี(อลัน ฮันลีย์) ร่วมเล่นละครเปิดโปงวอล์คเกอร์ด้วย ส่งผลทางอ้อมให้เขาถูกวอล์คเกอร์ฆ่าตาย
เรียกว่าโดนจัดหนักชุดใหญ่ จึงไม่แปลกอะไรที่ภาคนี้อีธานเริ่มฉุกคิดเกี่ยวกับวิถีชีวิตของตัวเอง
การพยายามขอโทษจูเลียตอนท้ายเรื่องคือเครื่องยืนยัน มันเป็นการบอกว่าเขาโทษตัวเอง, คิดว่าตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคนสำคัญ....
แต่เรื่องร้ายทั้งหมดมันเกิดจากพวกผู้ร้าย และความชั่วร้ายในตัวมนุษย์ทั้งหลาย ตัวอีธานเองตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยความตั้งใจในทางดีเสมอ ความจริงเขาไม่ใช่สาเหตุของเรื่องร้ายใดๆ
และผลกระทบไม่ได้มีแค่เรื่องแย่ๆ ถ้าอีธานกับจูเลียไม่เคยรู้จักกัน ตอนท้ายเรื่องเธอคงไม่ไปช่วยลูเธอร์กู้ระเบิดนิวเคลียร์(ซึ่งยากจะกู้ระเบิดคนเดียวได้ทัน) ทุกคนอาจตายหมดตอนจบ
ค้อนกับมีดผ่าตัด
ค้อนหมายถึงออกัสต์ วอล์คเกอร์ เพราะเขาไล่ล่ากำจัดพวกซินดิเคทที่หลงเหลืออยู่ทิ้งอย่างเดียว ไม่จับเป็นไว้สอบสวนสักคน (ทุบทำลายแหลก)
มีดผ่าตัดหมายถึงอีธาน ฮันท์ เนื่องจากเขามีชื่อเสียงด้านการปฏิบัติภารกิจยากๆ ให้ประสบความสำเร็จด้วยวิธีสุ่มเสี่ยงแบบไม่กลัวความล้มเหลว แถมมีความแม่นยำสูง (แต่ก็ไม่ใช่ทำสำเร็จทุกครั้ง)
แล้วจู่ๆ ทำไมต้องเปรียบเทียบกันลักษณะนี้ ? คงเพราะหัวหน้าหญิงของซีไอเอ 'เอริก้า สโลน' อยากเตือนว่าคนของเธอที่จะส่งไปทำงานร่วมกับอีธานคือ 'มือสังหาร' ตั้งแต่แรกเลย
เธอจงใจส่งค้อนไปตามประกบ เพื่อจะได้มีโอกาสทุบทำลายมีดผ่าตัดทุกเมื่อ เนื่องจากตอนนั้นอีธานเพิ่งทำพลาดครั้งใหญ่ ความสงสัยในตัวสายลับ IMF คนนี้จึงกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่เขาเคยพิสูจน์ตัวเองด้วยเรื่องซินดิเคทไปแล้ว (ประมาณว่าถึงตอนนั้นไม่ทรยศ ตอนนี้อาจจะคิดทรยศขึ้นมาก็ได้ เพราะองค์กรรัฐบาลถีบหัวส่งบ่อย)
การเสี่ยงโชค
เท่าที่ทราบ แฟรนไชส์ Mission: Impossible ไม่เคยสร้างโดยวางแผนระยะยาวไว้แบบหนังแฟรนไชส์ยุคหลัง (ขนาดเจมส์ บอนด์ซึ่งสร้างแต่หนังจบในตัวมานาน พอมายุคพระเอก-แดเนี่ยล เครกก็วางเรื่ององค์กรร้ายควอนตัม/สเปคเตอร์ไว้) มีการกำหนดทิศทางใหม่กับใช้ผู้กำกับใหม่ทุกภาค
เพิ่งมีแม็คควอรี่นี่แหละที่ทำหนังให้ 2 ภาค และถึงแม้เขาจะไม่ได้วางแผนบทหนังไว้ชัดเจนล่วงหน้า (เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่าเคยคิดบทหนัง Fallout ฉบับที่อีธานคือจอห์น ลาร์ค, แกล้งทำตัวเป็นคนเลวอยู่ และล่าสุดก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้คิดบทหนังภาค 7)
แต่การใช้ผู้กำกับ+คนเขียนบทคนเดิมเพื่อเพิ่มความต่อเนื่องด้านความคิดสร้างสรรค์นั้น ได้สร้างการตีความที่ชัดเจนอย่างหนึ่งขึ้น
แต่การใช้ผู้กำกับ+คนเขียนบทคนเดิมเพื่อเพิ่มความต่อเนื่องด้านความคิดสร้างสรรค์นั้น ได้สร้างการตีความที่ชัดเจนอย่างหนึ่งขึ้น
ความชัดเจนนั้นคือ [สาเหตุที่อีธานดูจะเก่งกาจเหนือกว่าใครๆ เป็นเพราะเขาเห็นค่าชีวิตคนเท่าเทียมกัน(แบบไม่มองว่าฝั่งไหนจำนวนมากกว่า) และการเสี่ยงโชคอย่างสม่ำเสมอ]
ตอนหนัง 2-3 ภาคแรก ยังไม่มีตัวละครที่เก่งกาจเหมือนอีธาน(และน่าจดจำ) อารมณ์ประมาณว่า 'อีธานมันเก่งเพราะเป็นพระเอก' นั่นแหละ
แต่หลังภาค 4 เป็นต้นมา ตัวละครที่เก่งใกล้เคียงอีธานแถมบทบาทน่าจดจำนั้นมีหลายคน เช่น
แต่หลังภาค 4 เป็นต้นมา ตัวละครที่เก่งใกล้เคียงอีธานแถมบทบาทน่าจดจำนั้นมีหลายคน เช่น
- วิลเลี่ยม แบรนด์ท ซึ่งได้เล่นท่ายากแบบที่อีธานชอบทำในภาค 4
- โซโลมอน เลน ผู้คุมซินดิเคท ที่ชอบวางแผนซับซ้อนเพื่อรับประกันความสำเร็จ (อย่างการส่งคนไปลอบสังหารบุคคลสำคัญ แต่ก็ดักคอวางระเบิดรถเผื่อไว้อีกชั้น)
- อิลซา เฟาส์ท ผู้ตีสองหน้าเก่งกาจ เดาทางยากว่าเธอต้องการอะไรเสมอ
- ออกัสต์ วอล์คเกอร์ ผู้ทุบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ในเมื่อชัยชนะ+ความสำเร็จของภารกิจต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือต่อสู้ หรือไหวพริบ, ความชาญฉลาดด้านการวางแผนเสมอไป
ตัวละครอื่นๆ ซึ่งมีทักษะบางด้านโดดเด่นกว่าอีธาน ย่อมมีโอกาสคว้าชัยเหนือเขาตลอด
แต่ทำไมพอเผชิญหน้ากัน อีธานดูจะเหนือกว่าทุกคนอยู่ร่ำไปละ ? (ขอย้ำว่าให้ลืมกฎเรื่องพระเอกต้องชนะเสียก่อน)
แต่เรื่องนี้มีเหตุผลรองรับ เพราะการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมมันสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสมาชิกทีมอย่างยิ่งยวด
ตัวอย่างเช่น เบนจี้ที่ภาคนี้โดนใช้ทำเรื่องเสี่ยงๆ หลายครั้ง ก็ยอมทำทุกครั้ง ด้วยความเชื่อใจอีธาน
เวลาอีธานรับปากว่าจะไม่ปล่อยให้เพื่อนมีอันตราย เขาไม่ได้พูดส่งๆ, เขาทุ่มสุดตัวช่วยเพื่อนร่วมทีม ไม่ทอดทิ้งกันแน่ๆ
พอความเชื่อใจมีมาก ประสิทธิภาพเวลาประสานงานกันทำตามแผน+ปฏิบัติภารกิจย่อมสูงขึ้น ต่อให้เจอเรื่องผิดแผน, ต้องด้นสดคิดวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แถมแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางแบบตอนท้ายเรื่อง(กู้ระเบิด 2 ลูกและชิงกุญแจปลดชนวน) ก็ยังทำงานสำเร็จ
หากเลือกเสียสละลูเธอร์ตอนต้นเรื่อง มันไม่ได้ชัวร์ 100% หรอกว่าไม่เสียพลูโตเนี่ยม เผลอๆ เพื่อนตาย, ของโดนฉก, คนตายบานเบอะตามเดิม แล้วยิ่งตอนท้ายเรื่องคนไม่พอ ต้องให้จูเลียช่วยดื้อๆ ด้วย ภารกิจท้ายเรื่องล้มเหลวแน่ๆ
(จูเลียรู้จักมักคุ้นกับลูเธอร์ เขาเลยเข้าขากับเธอตอนกู้ระเบิดได้ทันที และสมมติว่าเกณฑ์สายลับคนอื่นมาแทนหลังลูเธอร์ตาย เผลอๆ สายลับคนใหม่จะไม่ยอมให้จูเลียช่วยกู้ระเบิดด้วยซ้ำ กู้ระเบิดคนเดียวทำไม่ทัน จบเห่เอวังบรรลัยหมด)
สาเหตุที่สอง อีธาน 'เสี่ยงโชคสม่ำเสมอ' นี่ก็ฟังดูไร้สาระไม่เข้าท่ายังไงพิกล แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น! ความกล้าได้กล้าเสียคือสิ่งที่สายลับคนอื่นๆ ซึ่งเก่งทัดเทียมอีธานขาดไปอีกข้อ
- วิลเลี่ยม แบรนด์ท เคยไม่ยอมเตือนอีธานเรื่องมีคนจ้องเล่นงานเขากับจูเลียแม้ขัดคำสั่งเบื้องบน จนเลิกทำงานภาคสนาม แสดงให้เห็นชัดว่าแบรนด์ทขาดความกล้าทำเรื่องนอกกรอบแบบอีธาน (หลังรู้จักอีธานเขาถึงเริ่มทำตัวนอกกรอบมากขึ้น แต่ยังไม่มีโอกาสโชว์ฟอร์มเท่าไหร่)
- อิลซายังติดปล่อยใจตามอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวอยู่บ้าง เลยพลาดโอกาสฆ่าโซโลมอน เลน และโดนอีธานขับรถพุ่งชนใส่
- โซโลมอน เลนพ่ายแพ้อีธาน เพราะคาดไม่ถึงลูกไม้แปลกๆ และมีความเสี่ยงสูง อย่างการจดจำข้อมูลสำคัญไว้กับตัวแล้วทำลายอุปกรณ์เก็บข้อมูลทิ้งในหนังภาค 5
- วอล์คเกอร์ คาดไม่ถึงลูกบ้าของอีธานที่ถึงขนาดเสี่ยงตายเกาะเฮลิคอปเตอร์ไล่ตาม เลยต้องตายชดใช้ความประมาท (ประเมินอีธานต่ำไป มีปืนกลติดตัว ถ้าหันหลังกลับไปมองสักนิด ยิงอีธานตั้งแต่ตอนเริ่มตะเกียกตะกายขึ้นฮ. ให้ร่วงได้สบายๆ)
นั่นคืออีธานชนะเพราะความกล้าเสี่ยง, กล้าทำเรื่องนอกกรอบแบบที่คนเก่งกาจใกล้เคียงเขาหลายคนไม่กล้าทำ หรือคิดไม่ถึง
ดังนั้นการเลิกรากันของอีธานกับจูเลีย เพราะอีธานสมควรไปทำงานปกป้องโลก(ตามคำบอกเล่าของลูเธอร์) จึงไม่ได้ดูเป็นฮีโร่ขี้โม้แบบฟังไม่ขึ้นครับ (เนื่องจากอีธานเก่งกาจเหนือกว่าใครจริงๆ นั่นเอง)
COMMENTS