ภาพยนตร์มหาสงครามอัญมณีล้างจักรวาล 'Avengers: Infinity War' ใช้รูปแบบเดินเรื่องเหมือนกับที่เคยคาดการณ์ มันเป็นเพียงช่วงหนึ่ง, ตอนหน...
ภาพยนตร์มหาสงครามอัญมณีล้างจักรวาล 'Avengers: Infinity War' ใช้รูปแบบเดินเรื่องเหมือนกับที่เคยคาดการณ์ มันเป็นเพียงช่วงหนึ่ง, ตอนหนึ่งของเรื่องยาวจริงๆ ไม่มีการแนะนำตัวละคร หรือทบทวนอะไรถึงสิ่งที่เคยเล่ามาก่อนในหนังมาร์เวลเรื่องใดทั้งสิ้น ผิดจากหนังเรื่องอื่นๆ โดยสิ้นเชิง ซึ่งคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะตัวละครเยอะจัด แถมต้องเคลียร์เรื่องราวอันปูทางไว้ยาวกว่า 10 ปีในหนัง 18 เรื่องอีก ขนาดฉากธานอสเก็บมณีเม็ดแรกยังไม่มีเลย
อินฟินิตี้วอร์เปิดเรื่องโดยการดำเนินเรื่องต่อจากฉากจบของ Thor: Ragnarok แบบตัดเหตุการณ์ข้ามไปไม่มากนัก ให้เราเห็นความพ่ายแพ้ของธอร์กับฮัลค์, เห็นชาวแอสการ์ดนอนล้มตายเกลื่อนกลาด, เห็นตัวละครหลักอย่างไฮม์ดัลกับโลกิตาย
คนดูจึงรับรู้ว่าครั้งนี้เหตุการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงต่างจากที่ผ่านมา และผู้สร้างหนังจัดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังให้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
* กลุ่มตัวละครจากหนัง Thor: Ragnarok เช่น วัลคิรี่, ชาวแอสการ์ดบางส่วน(และอาจรวมถึงคอร์กกับมี้ค) ขึ้นยานเล็กหลบหนีไปก่อนฉากเปิดเรื่องอินฟินิตี้วอร์ (หากยังจำกันได้ ท้ายเรื่องหนังธอร์ มีฉากแสดงให้เห็นว่ายานเล็กของแกรนด์มาสเตอร์จอดอยู่บนยานอพยพลำใหญ่ คงใช้ยานลำนี้แหละ) ตามสไตล์หนังทั่วไป คือไม่เห็นศพจงอย่าเชื่อว่าตายจริง
พวกลูกสมุนธานอสโหดราวๆ ผู้ร้ายตามหนังเดี่ยว ความร้ายกาจเหมาะกำลังดี มีความลุ้นผลการต่อสู้เล็กน้อย ไม่ได้อ่อนแอแพ้ง่ายชวนหงุดหงิด แต่แพ้เพราะบทส่ง คือ โดนเล่นงานแบบคาดไม่ถึงบ้าง(คนนึงหลุดออกนอกอวกาศ), เจอคู่ต่อสู้ชนะทางบ้าง(สายบ้าพลังแพ้เพราะเกราะยักษ์+ลูกเล่น/ สายบู๊ประชิดตัวอีกสองตัวเจอทั้งฮีโร่บู๊เก่งรุมบวกกับฮีโร่พลังโหดอย่างสกาเล็ตวิชจัดการ ซึ่งถ้าสลับตัวละครสู้ พวกฮีโร่แพ้แน่)
แต่มันอาจดูสูสีเพราะฮีโร่ตัวโหดๆ โดนตัดกำลังนั่นแหละ เช่น ธอร์แพ้ตั้งแต่ก่อนเปิดเรื่องจนต้องหลบไปตีค้อนใหม่ยาว, ฮัลค์แพ้ต้นเรื่องแล้วทำตัวดื้อแพ่งไม่ยอมกลับมาสู้อีก, วิชั่นผู้มีพลังมณีโดนลอบโจมตีเจ็บแผลเป็นตัวถ่วงแทบทั้งเรื่อง
และไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ ตัวละครเด่นสุดในหนัง 'ธานอส' วายร้ายชั้นเลิศ ลบทุกคำสบประมาทเกี่ยวกับ
ตัวร้ายมาร์เวลก่อนหน้า คุ้มค่าแก่การยอมเสียเวลาบอกเล่าเรื่องของธานอสในหนังมากพอสมควร
เพราะโดดเด่นทั้งด้านพละกำลัง(ขนาดชนะฮัลค์แบบไม่พึ่งมณี) และไหวพริบสติปัญญา(ใช้พลังมณีหลายเม็ดสลับกันอย่างเหมาะเหม็งกับสถานการณ์)
บวกกับแรงจูงใจอันส่งผลให้กระทำการล้างบางชีวิตครึ่งจักรวาล คือแนวคิดแบบเผด็จการที่สามารถทำความเข้าใจได้ กลายเป็นตัวละครมีมิติ ไม่ใช่ชั่วร้ายนิสัยไม่ดีไปวันๆ
หลายคนอาจมองว่าแรงจูงใจในการลบคนครึ่งจักรวาลของธานอสมันเข้าถึงยาก อยากได้อะไรบ้านๆ เหมือนตัวร้ายหนังทั่วไปอารมณ์ประมาณชิงรักหักสวาท, ต้องการล้างแค้น, โลภโมโทสันอยากร่ำรวยหนักหนา หรือบ้าอำนาจต้องการปกครองทุกสิ่ง
แต่ผมว่าการทำเพื่ออุดมการณ์มันเป็นแรงจูงใจซึ่งเชื่อถือได้เหมือนกัน ชีวิตจริงคงอารมณ์ประมาณทหารออกรบ เข่นฆ่าผู้คนเพื่อปฏิวัติ สร้างบ้านเมืองที่ดีกว่าเก่า หรือนักรบคลั่งศาสนาผู้ยึดมั่นในศรัทธา
ด้านบริหารจัดการเฉลี่ยบทตัวละครยังมาตรฐานดีเช่นเดิม ทุกคนได้มีบทบาทของตัวเองหมดมากบ้างน้อยบ้างลดหลั่นกันไปตามความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง การตัดสินใจไม่เอาตัวละครฮีโร่ทั้งหมดมาใส่ในเรื่องนั้นรับได้ (ดูยังไงแอนท์-แมนกับฮอว์คอายไม่น่ามีบทแต่แรก นอกจากจะยอมให้หนังยาวสัก 3 ชั่วโมง หรือโผล่มาแบบตัวประกอบสุดๆ) การเล่าเรื่องก็ราบรื่นไม่ขาดตกบกพร่องเพราะหนังไม่มีจังหวะที่รู้สึกโดดไปมาตรงไหน
แม้ตัวละครมากมายทว่านิสัยตัวละครไม่เปลี่ยน เช่น ตอนตัวละครนิสัยหยิ่งๆ อย่างโทนี่ สตาร์คกับสตาร์ลอร์ดประจันหน้ากันก็ไม่วายหาเรื่องชวนทะเลาะไร้สาระ หรือทีมการ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็คซี่ยังคงปล่อยมุกกันตลอดการสนทนา
ความจริงเนื้อเรื่องหนังค่อนข้างตึงเครียดและสิ้นหวังเนื่องจากพวกฮีโร่แพ้บ่อย ตัวละครตายเยอะ แต่มาร์เวลไม่ลืมปล่อยมุกตามสไตล์ไว้ประปรายเพื่อแก้เครียด ลดความสิ้นหวัง
ทว่าไม่ปล่อยมุกทั้งเรื่องเหมือนคราว Thor: Ragnarok ซึ่งความจริงเนื้อหาเครียดจัดไม่แพ้กัน
แต่คราวของธอร์ปล่อยมุกหนักเสียโทนเรื่องเปลี่ยน
ตรงนี้ต้องชื่นชมว่าวิสัยทัศน์คนสร้างค่อนข้างดี(เควิน ไฟกีนี่แหละมั้ง) เนื่องจากเนื้อหาหนังของธอร์เรียบง่ายจนเบื่อง่ายกว่า ยิ่งเครียดๆ ตอนดูยิ่งอาการหนัก จึงต้องการความตลกเพลิดเพลินเพื่อตรึงคนดูไว้กับหนังมากกว่าอินฟินิตี้วอร์
ขณะที่อินฟินิตี้วอร์เนื้อหาน่าสนใจ, ฉากบู๊จัดหนักกว่า(หนังรวมตัวละคร ต้องเล่นใหญ่กว่าเป็นธรรมดา) ตรึงคนดูไว้กับหนังง่าย และหากตลกเกินเหตุจะลดทอนความร้ายกาจสมราคาบอสใหญ่ของธานอสเอา
ธานอสใช้พลังมณีต่อสู้สื่อออกมาเข้าใจง่ายเกินคาด มีการสลับสีของแสงให้รู้ว่าใช้พลังมณีอันไหนอยู่
ฉากประสานงานต่อสู้ของพวกฮีโร่ทำได้ดี แถมมีตลอดทั้งเรื่อง ประทับใจเป็นพิเศษกับฉากบู๊ตอนพยายามถอดถุงมือธานอสออก คือสลับกันจู่โจมและสนับสนุนเพื่อนฮีโร่ สร้างความปั่นป่วน ตรึงร่างศัตรู หยุดธานอสก่อนกำมือเพื่อใช้พลังมณี
(ส่วนที่ตกม้าตายตอนจะเผด็จศึกเพราะสตาร์ลอร์ด นั่นมองข้ามไปเหอะ คนรักโดนฆ่าเหตุผลพอรับได้ แล้วแต่มุมมองคนดูเหมือนอุดมการณ์ธานอสน่ะแหละ)
ตอนจบอาจขัดใจหลายคน ทว่าผมกลับเห็นมันเป็นความแปลกใหม่ เพราะหนังฮีโร่มักมาพร้อมสูตรสำเร็จ คือฮีโร่เจออุปสรรคชีวิต, เผชิญหน้าวายร้าย, ปราบอธรรม, แยกย้ายกันกลับบ้านฉลองชัย
เคยคิดเล่นๆ มั้ย ทำไมไม่มีหนังฮีโร่ยอมให้ตัวร้ายทำตามเป้าหมายสำเร็จ ชนะตอนจบแบบสวยๆ บ้าง ?
มาร์เวลเคยทำคล้ายกันคราว Civil War แต่ตอนจบหนังบารอนซีโม่ตัวร้ายก็โดนจับ ถ้าจบสวยจริงๆ ต้องแบบธานอส คือได้รับชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ
การมองว่าหนังไม่จบในตัวเป็นเพราะรู้ๆ กันอยู่เรื่องเค้ามีภาคต่อรอท่าต่างหาก
ถ้าพิจารณาเฉพาะประเด็นหลักเกี่ยวกับการรวบรวมมณีให้ครบเพื่อล้างบางครึ่งจักรวาลนั้นจบบริบูรณ์เรียบร้อย
แต่จบแบบนี้มีชุบชีวิตหมู่แน่นอน ในฉากนึงดร.สเตรนจ์บอกว่ามองเห็นทางชนะล่วงหน้าแล้ว และคงไม่พ้นการปล่อยให้ธานอสรวมมณีครบลบคนครึ่งจักรวาลก่อน จากนั้นค่อยรวมกำลังพวกฮีโร่ที่เหลือ(น่าจะรวมถึงกัปตันมาร์เวลด้วย) ขโมยถุงมืออินฟินิตี้กลับมาชุบชีวิตคนตายหรือย้อนคืนเหตุการณ์ เพียงแต่อาจไม่ได้ชุบชีวิตครบหมด หรือมีคนตายเพิ่มภาคหน้า
อินฟินิตี้วอร์เปิดเรื่องโดยการดำเนินเรื่องต่อจากฉากจบของ Thor: Ragnarok แบบตัดเหตุการณ์ข้ามไปไม่มากนัก ให้เราเห็นความพ่ายแพ้ของธอร์กับฮัลค์, เห็นชาวแอสการ์ดนอนล้มตายเกลื่อนกลาด, เห็นตัวละครหลักอย่างไฮม์ดัลกับโลกิตาย
คนดูจึงรับรู้ว่าครั้งนี้เหตุการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงต่างจากที่ผ่านมา และผู้สร้างหนังจัดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังให้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
* กลุ่มตัวละครจากหนัง Thor: Ragnarok เช่น วัลคิรี่, ชาวแอสการ์ดบางส่วน(และอาจรวมถึงคอร์กกับมี้ค) ขึ้นยานเล็กหลบหนีไปก่อนฉากเปิดเรื่องอินฟินิตี้วอร์ (หากยังจำกันได้ ท้ายเรื่องหนังธอร์ มีฉากแสดงให้เห็นว่ายานเล็กของแกรนด์มาสเตอร์จอดอยู่บนยานอพยพลำใหญ่ คงใช้ยานลำนี้แหละ) ตามสไตล์หนังทั่วไป คือไม่เห็นศพจงอย่าเชื่อว่าตายจริง
พวกลูกสมุนธานอสโหดราวๆ ผู้ร้ายตามหนังเดี่ยว ความร้ายกาจเหมาะกำลังดี มีความลุ้นผลการต่อสู้เล็กน้อย ไม่ได้อ่อนแอแพ้ง่ายชวนหงุดหงิด แต่แพ้เพราะบทส่ง คือ โดนเล่นงานแบบคาดไม่ถึงบ้าง(คนนึงหลุดออกนอกอวกาศ), เจอคู่ต่อสู้ชนะทางบ้าง(สายบ้าพลังแพ้เพราะเกราะยักษ์+ลูกเล่น/ สายบู๊ประชิดตัวอีกสองตัวเจอทั้งฮีโร่บู๊เก่งรุมบวกกับฮีโร่พลังโหดอย่างสกาเล็ตวิชจัดการ ซึ่งถ้าสลับตัวละครสู้ พวกฮีโร่แพ้แน่)
แต่มันอาจดูสูสีเพราะฮีโร่ตัวโหดๆ โดนตัดกำลังนั่นแหละ เช่น ธอร์แพ้ตั้งแต่ก่อนเปิดเรื่องจนต้องหลบไปตีค้อนใหม่ยาว, ฮัลค์แพ้ต้นเรื่องแล้วทำตัวดื้อแพ่งไม่ยอมกลับมาสู้อีก, วิชั่นผู้มีพลังมณีโดนลอบโจมตีเจ็บแผลเป็นตัวถ่วงแทบทั้งเรื่อง
และไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ ตัวละครเด่นสุดในหนัง 'ธานอส' วายร้ายชั้นเลิศ ลบทุกคำสบประมาทเกี่ยวกับ
ตัวร้ายมาร์เวลก่อนหน้า คุ้มค่าแก่การยอมเสียเวลาบอกเล่าเรื่องของธานอสในหนังมากพอสมควร
เพราะโดดเด่นทั้งด้านพละกำลัง(ขนาดชนะฮัลค์แบบไม่พึ่งมณี) และไหวพริบสติปัญญา(ใช้พลังมณีหลายเม็ดสลับกันอย่างเหมาะเหม็งกับสถานการณ์)
บวกกับแรงจูงใจอันส่งผลให้กระทำการล้างบางชีวิตครึ่งจักรวาล คือแนวคิดแบบเผด็จการที่สามารถทำความเข้าใจได้ กลายเป็นตัวละครมีมิติ ไม่ใช่ชั่วร้ายนิสัยไม่ดีไปวันๆ
หลายคนอาจมองว่าแรงจูงใจในการลบคนครึ่งจักรวาลของธานอสมันเข้าถึงยาก อยากได้อะไรบ้านๆ เหมือนตัวร้ายหนังทั่วไปอารมณ์ประมาณชิงรักหักสวาท, ต้องการล้างแค้น, โลภโมโทสันอยากร่ำรวยหนักหนา หรือบ้าอำนาจต้องการปกครองทุกสิ่ง
แต่ผมว่าการทำเพื่ออุดมการณ์มันเป็นแรงจูงใจซึ่งเชื่อถือได้เหมือนกัน ชีวิตจริงคงอารมณ์ประมาณทหารออกรบ เข่นฆ่าผู้คนเพื่อปฏิวัติ สร้างบ้านเมืองที่ดีกว่าเก่า หรือนักรบคลั่งศาสนาผู้ยึดมั่นในศรัทธา
ด้านบริหารจัดการเฉลี่ยบทตัวละครยังมาตรฐานดีเช่นเดิม ทุกคนได้มีบทบาทของตัวเองหมดมากบ้างน้อยบ้างลดหลั่นกันไปตามความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง การตัดสินใจไม่เอาตัวละครฮีโร่ทั้งหมดมาใส่ในเรื่องนั้นรับได้ (ดูยังไงแอนท์-แมนกับฮอว์คอายไม่น่ามีบทแต่แรก นอกจากจะยอมให้หนังยาวสัก 3 ชั่วโมง หรือโผล่มาแบบตัวประกอบสุดๆ) การเล่าเรื่องก็ราบรื่นไม่ขาดตกบกพร่องเพราะหนังไม่มีจังหวะที่รู้สึกโดดไปมาตรงไหน
แม้ตัวละครมากมายทว่านิสัยตัวละครไม่เปลี่ยน เช่น ตอนตัวละครนิสัยหยิ่งๆ อย่างโทนี่ สตาร์คกับสตาร์ลอร์ดประจันหน้ากันก็ไม่วายหาเรื่องชวนทะเลาะไร้สาระ หรือทีมการ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็คซี่ยังคงปล่อยมุกกันตลอดการสนทนา
ความจริงเนื้อเรื่องหนังค่อนข้างตึงเครียดและสิ้นหวังเนื่องจากพวกฮีโร่แพ้บ่อย ตัวละครตายเยอะ แต่มาร์เวลไม่ลืมปล่อยมุกตามสไตล์ไว้ประปรายเพื่อแก้เครียด ลดความสิ้นหวัง
ทว่าไม่ปล่อยมุกทั้งเรื่องเหมือนคราว Thor: Ragnarok ซึ่งความจริงเนื้อหาเครียดจัดไม่แพ้กัน
แต่คราวของธอร์ปล่อยมุกหนักเสียโทนเรื่องเปลี่ยน
ตรงนี้ต้องชื่นชมว่าวิสัยทัศน์คนสร้างค่อนข้างดี(เควิน ไฟกีนี่แหละมั้ง) เนื่องจากเนื้อหาหนังของธอร์เรียบง่ายจนเบื่อง่ายกว่า ยิ่งเครียดๆ ตอนดูยิ่งอาการหนัก จึงต้องการความตลกเพลิดเพลินเพื่อตรึงคนดูไว้กับหนังมากกว่าอินฟินิตี้วอร์
ขณะที่อินฟินิตี้วอร์เนื้อหาน่าสนใจ, ฉากบู๊จัดหนักกว่า(หนังรวมตัวละคร ต้องเล่นใหญ่กว่าเป็นธรรมดา) ตรึงคนดูไว้กับหนังง่าย และหากตลกเกินเหตุจะลดทอนความร้ายกาจสมราคาบอสใหญ่ของธานอสเอา
ธานอสใช้พลังมณีต่อสู้สื่อออกมาเข้าใจง่ายเกินคาด มีการสลับสีของแสงให้รู้ว่าใช้พลังมณีอันไหนอยู่
ฉากประสานงานต่อสู้ของพวกฮีโร่ทำได้ดี แถมมีตลอดทั้งเรื่อง ประทับใจเป็นพิเศษกับฉากบู๊ตอนพยายามถอดถุงมือธานอสออก คือสลับกันจู่โจมและสนับสนุนเพื่อนฮีโร่ สร้างความปั่นป่วน ตรึงร่างศัตรู หยุดธานอสก่อนกำมือเพื่อใช้พลังมณี
(ส่วนที่ตกม้าตายตอนจะเผด็จศึกเพราะสตาร์ลอร์ด นั่นมองข้ามไปเหอะ คนรักโดนฆ่าเหตุผลพอรับได้ แล้วแต่มุมมองคนดูเหมือนอุดมการณ์ธานอสน่ะแหละ)
ตอนจบอาจขัดใจหลายคน ทว่าผมกลับเห็นมันเป็นความแปลกใหม่ เพราะหนังฮีโร่มักมาพร้อมสูตรสำเร็จ คือฮีโร่เจออุปสรรคชีวิต, เผชิญหน้าวายร้าย, ปราบอธรรม, แยกย้ายกันกลับบ้านฉลองชัย
เคยคิดเล่นๆ มั้ย ทำไมไม่มีหนังฮีโร่ยอมให้ตัวร้ายทำตามเป้าหมายสำเร็จ ชนะตอนจบแบบสวยๆ บ้าง ?
มาร์เวลเคยทำคล้ายกันคราว Civil War แต่ตอนจบหนังบารอนซีโม่ตัวร้ายก็โดนจับ ถ้าจบสวยจริงๆ ต้องแบบธานอส คือได้รับชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ
การมองว่าหนังไม่จบในตัวเป็นเพราะรู้ๆ กันอยู่เรื่องเค้ามีภาคต่อรอท่าต่างหาก
ถ้าพิจารณาเฉพาะประเด็นหลักเกี่ยวกับการรวบรวมมณีให้ครบเพื่อล้างบางครึ่งจักรวาลนั้นจบบริบูรณ์เรียบร้อย
แต่จบแบบนี้มีชุบชีวิตหมู่แน่นอน ในฉากนึงดร.สเตรนจ์บอกว่ามองเห็นทางชนะล่วงหน้าแล้ว และคงไม่พ้นการปล่อยให้ธานอสรวมมณีครบลบคนครึ่งจักรวาลก่อน จากนั้นค่อยรวมกำลังพวกฮีโร่ที่เหลือ(น่าจะรวมถึงกัปตันมาร์เวลด้วย) ขโมยถุงมืออินฟินิตี้กลับมาชุบชีวิตคนตายหรือย้อนคืนเหตุการณ์ เพียงแต่อาจไม่ได้ชุบชีวิตครบหมด หรือมีคนตายเพิ่มภาคหน้า
COMMENTS