วิธีเรียงลำดับเหตุการณ์ กับการแก้ต่างให้แบทแมน

ไปดูเว็บ wiki ของหนังดีีซี (wiki เป็นสารานุกรมออนไลน์ - ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตร่วมกันรวบรวมข้อมูล สร้างบทความร่วมกัน) เพราะตั้งใจจะเขียนสรุปเ...

ไปดูเว็บ wiki ของหนังดีีซี (wiki เป็นสารานุกรมออนไลน์ - ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตร่วมกันรวบรวมข้อมูล สร้างบทความร่วมกัน) เพราะตั้งใจจะเขียนสรุปเรื่องก่อนดู Justice League แล้วเกิดสงสัยขึ้นมาว่าแฟนหนังฝรั่งเขาเรียงไทม์ไลน์ (Timeline = ลำดับเหตุการณ์)ยังไง เลยเลื่อนหาลงไปข้างล่างเจอความเห็นที่แฟน ๆถกกันเรียงไทม์ไลน์ รู้สึกว่าน่าสนใจดี จึงเอามาเล่าคร่าว ๆครับ

ที่มา : http://dcextendeduniverse.wikia.com/wiki/Timeline

Man of Steel

เริ่มจากหาภาพของหนังที่มีการบอกวันเวลาชัดเจน ใช้เป็นตัวกำหนดได้ว่าช่วงเหตุการณ์ตามภาพเกิดเวลาไหน

โลอิส เลนถ่ายภาพคลาร์ก เคนท์ก่อนไปเจอปราการแห่งความสันโดษ (ยานของชาวคริปตันที่มาตกบนโลกราว 16,000 ปีก่อนค.ศ. และเล็กซ์ ลูเธอร์ใช้สร้างดูมส์เดย์ภายหลัง) มีวันเวลาบอกในกล้องชัดเจน คือก่อนเที่ยงคืน 25 กันยายน ค.ศ. 2013

นั่นคือ แม้หนังฉายช่วงมิถุนายน 2013 แต่เหตุการณ์หลักในเรื่อง (ที่เกิดหลังเหตุการณ์นี้) อย่างศึกถล่มเมโทรโปลิส (ซุปเปอร์แมนสู้ตัดสินกับซ็อด)อยู่ช่วงปลายปี 2013

Batman v Superman: Dawn of Justice

ถัดมาคือภาพบัตรเชิญเข้างานเลี้ยงการกุศลของเล็กซ์ ลูเธอร์ ที่บรูซ เวย์น(แบทแมน),คลาร์ก เคนท์(ซุปเปอร์แมน)และไดอาน่า พรินซ์(วันเดอร์วูแมน) มารวมตัวกันเป็นครั้งแรก ระบุไว้ว่างานจัดวันที่ 1 พฤศจิกายน

ซึ่งต้นเรื่อง หนัง BvS บอกว่า 18 เดือนต่อมา หลังศึกถล่มเมโทรโปลิส  (ราวปีครึ่ง) ดังนั้นงานการกุศลนี้ควรจัดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2015 และเนื้อหาหลักใน BvS คือช่วงปลายปีเหมือน Man of Steel

Suicide Squad

จากฉากย้อนความที่มาของฮาลีย์ ควินน์  เธอหนีการไล่ล่าของแบทแมนพร้อมโจ๊กเกอร์ แล้วโจ๊กเกอร์หนีสำเร็จ  ส่วนเธอโดนจับได้ มีภาพถ่ายนักโทษของเธอให้เห็นวันเดืิอนปีที่ถูกจับด้วย (13 ตุลาคม 2014)

แสดงว่าลำดับเหตุการณ์ในหนังทั้งสามเรื่องที่ยืนยันได้ชัดเจน เกิดปลายปีทั้งหมด ตามลำดับดังนี้
1) ค.ศ.2013 โลก(และแบทแมน) ได้รู้ว่ามีเอเลี่ยนทรงพลังระดับพระเจ้าอย่างซุปเปอร์แมนจากศึกถล่มเมโทรโปลิส
2) ค.ศ.2014 แบทแมนจับกุมฮาลีย์ ควินน์
3) ค.ศ.2015 แบทแมนหันมาฆ่าอาชญากร และตั้งใจจะฆ่าซุปเปอร์แมน

แก้ต่างให้แบทแมน

แซ็ค สไนเดอร์ ผู้ดูแลเนื้อเรื่องหลักของหนังดีซีเวลานั้นเคยให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ที่โรบินถูกฮาลีย์กับโจ๊กเกอร์ร่วมกันลักพาตัวไปทรมานก่อนฆ่าทิ้ง(บอกใบ้ไว้ในหนัง BvS) เกิดก่อนหนัง BvS นานแล้ว

หมายความว่าแม้ผ่านเรื่องระทมทุกข์มากมาย พ่อแม่ตาย ,โรบินตาย ,ลูกน้องบริษัทเวย์นของตัวเองตายและพิการเพราะซุปเปอร์แมน ,ต่อสู้กับอาชญากรในก็อตแธมร่วม 20 ปีแต่ไม่มีอะไรดีขึ้น  แบทแมนก็ยังไม่ได้หันมาฆ่าผู้ร้ายทันที ไม่งั้นฮาลีย์ ควินน์คงตายแทนถูกจับกุมแน่ (แบทแมนปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ผายปอดช่วยหลังเธอจมน้ำตอนหนีได้)

แถมแบทแมนใน BvS เองนั้น ไม่เชิงฆ่าดะแบบเจอผู้ร้ายแล้วต้องฆ่ามันด้วย แม้แบทแมนไม่ปราณี เวลาผู้ร้ายสู้กลับจะจัดหนักไม่สนว่ามันตายไม่ตาย แต่ถ้าไม่สู้เขาจะซ้อมแล้วตีตราอาชญากรที่ตัวเองจับได้เท่านั้น  จาก BvS Ultimate Cut(หนังฉบับยาว 3 ชั่วโมง) เล็กซ์ ลูเธอร์เป็นคนให้ลูกน้องฆ่าผู้ร้ายที่โดนตีตราเพื่อสร้างภาพลักษณ์แย่ ๆให้แบทแมนหนักขึ้นต่างหาก

ความคิดเรื่องการตีตรา ,ฆ่าอาชญากร หรือการตั้งใจฆ่าซุปเปอร์แมนเป็นเพราะความรู้สึกไร้พลังครับ(คล้ายกับที่เล็กซ์ ลูเธอร์รู้สึก) สืบเนื่องจากการต่อสู้ยาวนาน พบความสูญเสียมากมาย  

พอเห็นพลังระดับพระเจ้าแล้วอาจตีความได้ว่าเขาเกิด อิจฉาหรือน้อยใจ ว่าหากตนเองมีพลังนั้นบ้างคงไม่ต้องทุกข์ระทมแบบที่เป็นอยู่ 

รวมกับ ความกลัว ว่าพลังระดับพระเจ้าสามารถกวาดล้าง ทำลายโลกได้

จึงเกิด ความเกลียดชัง ต้องการทำให้ซุปเปอร์แมนหายไป

(แถมโดนเล็กซ์ ลูเธอร์เสี้ยมสารพัดอย่างทั้งเรื่องด้วย)


ไม่ได้แปลว่าแบทแมนระทมทุกข์แล้วทำผิดได้ และสิ่งที่เขาทำใน BvS ก็ออกนอกเส้นทางอันเหมาะควรของซุปเปอร์ฮีโร่ แต่เขาได้พยายามยับยัั้งชั่งใจบ้างแล้ว อีกทั้งมีเหตุผลน่าเห็นใจรองรับอยู่

เมื่อพบว่าซุปเปอร์แมนมีแม่ ,คนรักเหมือนมนุษย์โลก เสียสละยอมตายปกป้องโลก เป็นแบบอย่างให้เขา  ความหวังในตัวแบทแมนก็กลับมา และพร้อมจะกลับมาทำตัวแบบฮีโร่ รวมทีมปกป้องโลกในที่สุด