ในค.ศ. 1968 ไอริส แคมป์เบลล์ และพอล (แฟนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ของหล่อน), เข้าร่วมพิธีเปิดของ สกายวิว ซึ่งเป็นหอคอยสูง ที่มีร้านอาหารตั้งอยู่...
ในค.ศ. 1968 ไอริส แคมป์เบลล์ และพอล (แฟนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ของหล่อน), เข้าร่วมพิธีเปิดของ สกายวิว
ซึ่งเป็นหอคอยสูง ที่มีร้านอาหารตั้งอยู่ ณ บนยอด
ระหว่างงานปาร์ตี้เต้นรำ ไอริสเห็นนิมิตว่า พื้นกระจกใต้เท้าเหล่าแขก ที่วาดลวดลายเต้นสะบัด, จะแตกออก
และขณะผู้คน แตกตื่นโกลาหล, จะมีแก๊สรั่ว จนก่อให้เกิดเหตุระเบิด อันทำหอคอยถล่ม แล้วทุกคนเสียชีวิต
ณ ปัจจุบัน, นางเอก (สเตฟานี เรเยส) นักศึกษาหญิง ชีวิตกำลังจะพัง
เพราะนาง นอนไม่ค่อยหลับ, จนเกรดตก แถมถูกสั่งพักการเรียน
สเตฟานี เอาแต่ฝันร้าย, เห็นการถล่มของสกายวิว ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ 2 เดือน
กระทั่งตระหนักชัดว่า ควรจัดการฝันร้ายที่ เชื่อมโยงกับไอริส (ยายของเธอ) ให้จบ ๆ
เธอจึงกลับบ้าน เพื่อหาคำตอบ, และได้รับการต้อนรับ จากมาร์ตี้ (พ่อ) และชาร์ลี (น้องชาย)
แม้ระยะหลัง ความสัมพันธ์ห่างเหิน, แต่สเตฟรื้อฟื้นสายใย
โดยชวนชาร์ลี ไปเยี่ยมฮาวเวิร์ด (พี่ชายของแม่ หรือก็คือ ลุงของพวกเขา) ป้าเบรนดา
และลูกพี่ลูกน้องอย่าง เอริค จูเลีย และบ็อบบี้ (ชาย หญิง ชาย เรียงตามลำดับอายุ)
เมื่อสเตฟานีถามฮาวเวิร์ด เกี่ยวกับไอริส เขาก็อธิบายว่า
หลังคุณตา (พอล) ตาย, ไอริสกลายเป็นเหมือน คนโรคจิตหวาดระแวง
เลี้ยงดูเขา และดาร์ลีน (แม่ของสเตฟ) อย่างปกป้องมากเกินเหตุ, โดยขังไว้ ไม่ให้ออกไปไหน
นักสังคมสงเคราะห์ เลยทนไม่ไหว, ต้องเข้าแทรกแซง จับแยก
และแม้ฮาวเวิร์ด โตมาเป็นปกติ, ทว่าดาร์ลีนถูกอิทธิพล จากการเลี้ยงดูของไอริส
ทำให้ชอบคิด ระแวงโน่นนี่ ขี้กลัว, จนทำให้ต้อง หย่าสามี แยกจากกับลูก ๆ
หลังอาการ หวาดวิตก กลับมากำเริบ, เมื่อลูกหญิงชายของเธอ เริ่มเติบโตขึ้น...
ฮาวเวิร์ดอยากปิดผนึก เรื่องยายไอริส, แต่ป้าเบรนดายอม ช่วยสเตฟานี
นางเอกจึงได้ไปสู่ กระท่อมป้อมปราการ, ที่คุณยายหมกตัวอยู่นั่น ไม่กล้าก้าวพ้นประตูบ้าน มานานหลายสิบปี
ยายไอริสแถลงไขว่า เธอมองเห็นภาพอนาคต (ที่กลายเป็น ฝันร้ายของหลานสาว), และแทรกแซงจน
ผู้คนจำนวนมากรอด จากสกายวิว, แถมได้มีลูกมีหลาน ซึ่งไม่ควรเกิดมา
แต่ไอ้เจ้า "ความตาย" ไม่ชอบให้เรา ทำลายแผนของมัน
ถึงได้ตามเก็บกวาด ขนานใหญ่, ไล่ฆ่าผู้คนหลายร้อย ต่อมาหลายต่อหลายครั้ง
(จนเกิดเหตุการณ์ ในหนัง Final Destination ภาค 1-5)
คุณยายว่า ความตายนั้นไล่ล่า เรียงลำดับ, ตามคนที่ชีพดับก่อนหลัง นิมิตสกายวิวถล่ม (สำหรับผู้อยู่ ในเหตุการณ์)
โดยสำหรับเหล่าทายาท ของผู้โกงตาย, จะไล่ตามอาวุโส ของผู้ให้กำเนิดทายาท
(ตัวอย่างคือ "ความตาย" จะเล็งกวาดลุงฮาวเวิร์ด กับลูก ๆ ก่อน, ค่อยไล่เก็บ ดาร์ลีน สเตฟ ชาร์ลี)
ยายจึงจากครอบครัว มาขังตัวเองในกระท่อม, เพราะตราบใดยายยังอยู่ ลูกหลานยายย่อมรอด
ไอริสป้องกันทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายความตาย ก็หาทางเล่นงานได้
คือทำให้เธอ ป่วยเป็นมะเร็ง เมื่อ 2 เดือนก่อน (เวลาเดียวกับที่ สเตฟเริ่มเห็นนิมิต)
ไอริสจึงคิดว่า ความตายคงไล่เก็บ เหล่าคนโกงตาย และทายาทสืบสาย, เกือบครบแล้ว
ไอริสที่อยู่ในลำดับ เกือบสุดท้าย (ของคนที่ควรตาย บนสกายวิว), เลยโดนเพ่งเล็ง เต็มพิกัด
แล้วยายก็เตือน สเตฟว่า, ในเมื่อหลานเห็นนิมิต แสดงว่าเจ้าต้อง รับช่วงปกป้องครอบครัวต่อ
ยายมอบ "สมุด" ที่บันทึกเกี่ยวกับ, การกระทำของความตาย ที่ผ่าน ๆ มา (ในหนังภาคก่อน ๆ) แก่สเตฟ
แต่เมื่อพยายาม จะส่งมอบข้อมูล แก่คุณหลาน มากกว่านี้, ก็เจอปฏิเสธ
ไอริสตระหนักว่า สเตฟยังไม่ยอมเชื่อ เรื่องกฎการตายโน่นนี่
จึงก้าวพ้น ออกจากประตูบ้าน เพื่อพิสูจน์ด้วยการ ตายด้วยเหตุแปลกประหลาดทันที, ต่อหน้าหลานสาว
หลังงานศพ ของไอริส, ดาร์ลีนกลับมา หาครอบครัวตัวเอง
แต่ระหว่าง งานปาร์ตี้บาร์บีคิว ของครอบครัว, ที่จัดขึ้นภายหลัง
ลุงฮาวเวิร์ดถึงฆาต เพราะปฏิกิริยาลูกโซ่ จากมือที่มองไม่เห็น (ของความตาย)
สเตฟพยายาม เตือนทุกคน เรื่องที่ยายเล่า ก่อนแกลาลับ, แต่ยังไม่มีใครฟัง
ไม่นานต่อมา ร้านสักที่เอริค ทำงานอยู่, ก็เกิดไฟไหม้
แม้เขา รอดชีวิตมาได้, แต่ไม่ทันไร จูเลียก็โดนรถเก็บขยะ บี้สยอง
ป้าเบรนดา ยอมบอกความลับว่า, เอริคคือ ลูกของชายชู้ (จึงถูกข้ามลำดับพี่น้อง)
เท่ากับเรื่องกฎ เรื่องลำดับการตาย น่าเชื่อถือแล้ว, สำหรับเหล่าผู้สืบสกุล ของไอริสทั้งหมด
เพื่อปกป้องตัวเอง และครอบครัว, สเตฟคิดว่าควรยกโขยง ไปพบ "เจบี"
ซึ่งในสมุด ระบุว่า, รู้จักคนที่รอดชีวิต จากเงื้อมมือของความตาย
โดยปรากฏว่าเจบี (JB) ทำงานอยู่โรงพยาบาล, และเขาแนะนำตัวว่า
ชื่อวิลเลียม จอห์น บลัดเวิร์ธ (William John Bludworth)
บลัดเวิร์ธเล่าว่า เขาคือเด็กผู้ชาย ที่ตายช้าสุด (ตามนิมิตสกายวิว)
และเพราะไอริส ช่วยชีวิตไว้, เขาจึงช่วยเธอ เปลี่ยนกระท่อม เป็นป้อมปราการ (ป้องกันความตาย)
อีกทั้งคอยแนะนำ แลเก็บข้อมูล ของผู้โกงตายคนอื่น ๆ (ในหนังภาคก่อน ๆ) มาตลอด
เพื่อหาหนทาง พิชิตการตามล่า ของความตาย, อย่างได้ผลชะงัด
บลัดเวิร์ธเผยว่า มี 2 วิธีสำหรับโกงตาย, ได้แก่พรากชีวิตผู้อื่น เพื่อช่วงชิงอายุขัย
หรือไม่ก็ ทำให้ตาย (ชั่วคราว) แล้วฟื้นคืนชีพมา จนเท่ากับได้ชีวิตใหม่
แต่ทั้ง 2 วิธี ต่างมีความเสี่ยง, คือเราบอกไม่ได้ ว่าคนที่จะฆ่า เหลืออายุขัยกี่ปี
และถึงแม้ คิมเบอร์ลี คอร์แมน (นางเอกหนังภาค 2) ทำสำเร็จ, แต่การฟื้นชีพ มันทำยาก เกิดพลาดก็จบ
บลัดเวิร์ธเสริมว่า ข้าช่วยได้แค่นี้, เพราะตอนนี้เขาเอง ก็ป่วยหนัก
หลังให้คำแนะนำ พวกนางเอกเสร็จนี่, คือว่าจะเกษียณ จากงานสัปเหร่อในโรงพยาบาล
แล้วรอรับความตาย อย่างสงบ (กรณีทายาทไอริส สิ้นหมด)
เอริคกล่อมบ๊อบบี้ ให้ใช้ทางเลือก ตายแล้วฟื้น
โดยจะรอคืนชีพน้องชาย หลังได้กินเนยถั่ว แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรง
แต่ความตายก็พัง เครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging = เครื่องมือการแพทย์ ที่สร้างภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
ทำให้แม่เหล็กทำงาน เกินขนาด, ดูดโลหะทุกชนิดรอบ ๆ เข้าหาตัวเครื่อง ด้วยแรงสูง
จนโลหะพุ่งแรง ดุจขีปนาวุธได้, และทำบ็อบบี้ ซี้ม่องเท่ง
เอริคเองก็เท่งทึง ในเหตุการณ์เดียวกัน, นางเอกคิดว่า
เพราะญาติรายนี้ พยายามแทรกแซงความตาย มากเกินไป, จึงโดนลูกหลง...
สเตฟานี ชาร์ลี และดาร์ลีน, ตัดสินใจขับรถ มุ่งสู่กระท่อมของไอริส
โดยคุณแม่ดาร์ลีน ตั้งใจจะเลียนแบบยาย, คือซ่อนตัวจากความตาย
มิออกสู่นอกบ้านอีก จวบจนหาไม่, เพื่อความปลอดภัยของ ลูกทั้งสอง
ความตายปล่อยของ ถาโถมปฏิกิริยาลูกโซ่ พิลึกพิลั่นใส่, ดาร์ลีนกับลูก ๆ
จนดาร์ลีนตาย ก่อนได้เข้า กระท่อมป้อมปราการ, และสเตฟจมน้ำ ในสระใกล้ ๆ
แต่ชาร์ลี ได้กู้ชีพ ช่วยชีวิตพี่สาวไว้สำเร็จ
สองศรีพี่น้อง กลับไปใช้ชีวิตปกติ เพียงไม่นาน, ก่อนคนรู้จัก ที่เป็นหมอ
เขาทักว่า ตามหลักทางการแพทย์นั้น, ถ้าหัวใจยังไม่หยุดเต้น ถือว่าแค่สลบ
เท่ากับตอนชาร์ลี กู้ชีพ, คือสเตฟยังไม่ตาย
ว่าแล้วรถไฟขบวนหนึ่ง ก็ตกรางกะทันหัน, พุ่งเข้าเขตตึกรามบ้านช่อง
ดับชีวิต ทายาท 2 คนสุดท้าย, ของไอริส แคมป์เบลล์
COMMENTS