ซูเปอร์แมนคนแสดง ปรากฏตัวบนจอเงินครั้งแรก ณ หนังแบบซีรีส์ (Serial film) แถวปี 1948 หลังเคิร์ก อลิน (Kirk Alyn) รับบทบุรุษเหล็ก, บุตรคนสุด...
ซูเปอร์แมนคนแสดง ปรากฏตัวบนจอเงินครั้งแรก ณ หนังแบบซีรีส์ (Serial film) แถวปี 1948
หลังเคิร์ก อลิน (Kirk Alyn) รับบทบุรุษเหล็ก, บุตรคนสุดท้ายแห่งคริปตัน ยังคงได้ปรากฏตัว ต่อมาอีกหลายยุคสมัย
ทั้งในแอนิเมชั่น ไลฟ์แอ็กชั่น, รวมถึงรายการโทรทัศน์ ฉบับที่ได้รับความนิยม อีกหลายเรื่อง
และเนื่องในโอกาส ที่จะมี "Superman" ของค.ศ. 2025 (ถ้าไม่มีไร ผิดพลาดหนักหนา)
จึงอยากนำเสนอ บทความที่พาไป รำลึกวันวานบนแผ่นฟิล์ม
ซึ่งแทนที่จะแค่ แจกแจงว่า, เคยมีหนังเฮียซุป ฉบับไหนมาก่อนบ้าง
ขอถือวิสาสะ แปลคอนเทนท์ จากเว็บภาษาอังกฤษ ของทาง [screenrant] เอา
เพราะแม้การจัดอันดับ และวิจารณ์ ดูจะตามใจเค้า, จนเราไม่เห็นด้วย หลายจุด
แต่ก็เลือกหยิบมา เนื่องจากลง รายละเอียดคร่าว ๆ เกี่ยวกับตัวหนัง, ได้ค่อนข้างครอบคลุม ตรงความต้องการ (ส่วนบุคคลน่ะนะ)
Superman and the Mole Men
ที่อันดับต่ำนี่ ไม่ได้เพราะจะย่ำยี บทบาทที่น่าจดจำ ของจอร์จ รีฟส์, ใน Adventures of Superman ตลอด 6 ซีซั่น
แต่เหมือนเอาตั้งไว้ แยกต่างหาก, เนื่องจาก Superman and the Mole Men อันเผยแพร่ค.ศ. 1951
เป็นเพียง บทนำร่อง ของรายการทีวี ที่เคยได้รับการยกย่อง, และตอนนำร่องนั่น เคยเข้าโรงฉายด้วยอยู่
แทนที่จะต่อสู้ กับเหล่ามนุษย์ตุ่น (Mole Men) ตามชื่อเรื่อง
ซุปฯ กลับปกป้องพวกมัน จากชาวเมืองที่ถือคราด, เพราะหวาดกลัว สิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์
แม้ว่าจอร์จ รีฟส์ จะทำได้ดี, แต่ภาพยนตร์ขาวดำเรื่องนี้ ยาวไม่ถึง 60 นาที และไม่ควรถูกเปรียบเทียบ กับหนังซุปเรื่องอื่น
Justice League
คงไม่เหลืออะไร ให้พูดถึง Justice League (2017), ถ้าจะคัดเฉพาะจุดที่ ยังไม่เคยมีคน วิพากษ์วิจารณ์
แซ็ค สไนเดอร์และ จอสส์ วีดอน ต่างเป็นคนทำหนัง ผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะ, โดยแทบไร้จุดร่วม
ภาพยนตร์ที่เชื่อมกัน อย่างยุ่งเหยิง น่าอึดอัด ขาดความสอดคล้อง
เกิดจากวิสัยทัศน์ ที่ขัดแย้งกัน 2 แบบ, และไม่ควรนำมา ผนึกรวมแต่แรก
และน่าเศร้าตรง ภาพจำสูงสุด ของซุปภาคนี้
ผูกติดกับ คางของคาวิลล์ ซึ่งแอบพิลึก, เพราะต้องลบหนวด ของดาราออก ด้วยเทคนิคซีจียอดแย่
Superman IV: The Quest for Peace
ช่างชวนใจสลาย ที่ต้องจัดอันดับ การสวมชุดผ้าคลุมแดง ของคริสโตเฟอร์ รีฟ ครั้งสุดท้าย, ไว้เกือบรั้งท้าย
โดยเฉพาะเมื่อ เรื่องราวของภาพยนตร์ มีความหมายยิ่ง, ต่อตัวนักแสดง
รีฟเคยหวังว่า จะนำบุรุษเหล็ก กลับมาอยู่ในลู่ในทาง, หลังจากเป๋ไปตอน Superman III
แม้ความตั้งใจเขาดี แต่ลงท้าย Superman 4 ก็แย่สุด, ในฉบับรีฟสี่ภาค
การกำจัด อาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลก ถือเป็นความพยายาม อันสูงส่ง
เช่นเดียวกับ การสร้างภาพยนตร์ ที่ส่งเสริมสันติภาพโลก อย่างชัดเจน
น่าเสียดายที่ ผลงานปี 1987 เรื่องนี้, ประสบกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่
และมีตัวร้าย ผู้น่าผิดหวัง แบบคุณมนุษย์นิวเคลียร์ (Nuclear Man)
Batman v Superman: Dawn of Justice
แม้ว่าแฟน ๆ เคยตื่นเต้น ที่จะได้เห็น, อัศวินรัตติกาล ปะทะ บุรุษเหล็ก
แต่ BvS กลับเป็นภาพยนตร์ ขาดความสนุก, ยากจะรู้สึก อยากชอบหรือเชียร์ ฮีโร่ทั้งสอง
หนังเรื่องที่ 2 ของสไนเดอร์ ใน DCEU ซึ่งออกฉายปี 2016, มีผู้ปกป้องอยู่บ้าง
แต่ตัวผลงาน ขาดความยุติธรรม ต่อตัวละครทั้ง 2
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ควรส่งผลเสีย ต่อคาวิลล์ หรือเบน แอฟเฟล็ก, ทั้งคู่ดูจะ ทำดีที่สุดแล้ว ตามบทที่ได้รับ
หนังเรื่องนี้ มาก่อน Justice League, และไม่ว่าดีหรือร้าย ก็มีความเรียบลื่น รู้สึกเป็น 1 เดียว ตามวิสัยทัศน์ผกก.
BvS ไม่ใช่ หนังซูเปอร์แมน 100%, แม้ว่าเป็น ภาคต่อโดยตรงของ Man of Steel ก็ตาม
มันฉายแสงแก่ กัล กาด็อท, ให้โลกรู้จักหล่อน ในฐานะวันเดอร์วูแมน
แต่เพราะ ความที่ยาวจัด (151 นาที), เล็กซ์ ลูเธอร์ ของเจสซี ไอเซนเบิร์ก,
และช่วงเวลาแห่ง "มาร์ธา!" อันโด่งดัง จวบจนปัจจุบัน, ทำให้ BvS โดยรวม นั้นน่าผิดหวัง
Zack Snyder's Justice League
Justice League ของสไนเดอร์, ลบปัญหาบางอย่าง ของฉบับฉายโรง (2017)
และตอบหลาย คำถามคาใจ, เกี่ยวกับโครงเรื่อง และจักรวาลหนัง (ยุคโน้น) ในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม แก่นของตัวปัญหา บางประการ, ยังหลงเหลือ ในผลงาน
คือการถ่ายทอด หลายสิ่งอย่าง แบบขาดความสอดคล้อง, ซึ่งคงเพราะ หนังมีโจทย์ที่ จะต้องตอบ มากเกินไป
เช่นการแนะนำฮีโร่ใหม่ ๆ, การก่อตั้งทีมยอดมนุษย์, หรือปูทางสู่ การทำสงครามกับดาร์คไซด์ (Darkseid)
ในภาพรวม JL ฉบับสไนเดอร์, ถือเป็นการพัฒนา จากฉบับปี 2017
ช่วยเพิ่มน้ำหนัก และเสน่ห์ให้กับ ตัวภาพยนตร์ทั้งหมด ได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่อาจ ข้ามผ่าน สารพัดอุปสรรค, ที่ตัวหนัง จำเป็นต้องเคลียร์ได้
แม้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ จะวาดลวดลาย ออกท่าอลังการ มากเพียงไหน
Superman III
ภาพยนตร์ปี 1983 ให้ความรู้สึกเหมือน ใครบางคน, กะว่านำซูเปอร์แมน
โคจรมาพบ ริชาร์ด ไพรเออร์ (ดาวตลกฝรั่ง) คงจะดี, โดยไม่ได้คิดเนื้อเรื่อง แบบลงรายละเอียด ไว้ล่วงหน้า
แม้ว่าตัวภาพยนตร์ ค่อนข้างน่าขัน, แต่รีฟก็ยังถือว่า อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ
และไพรเออร์ ก็เป็นคนตลก อย่างไม่ต้องสงสัย, แม้ว่าตัวบทหนังเอง จะไม่ค่อยฮา
ภาคนี้เปลี่ยนนางเอก จาก ลูอิส เลน (ที่มาร์โก้ คิดเดอร์ เล่น) ซึ่งผู้คนชื่นชอบ
เป็นลาน่า แลง (แอนเน็ตต์ โอทูล) สาวที่คลาร์ก เคนท์ แอบชอบสมัยมัธยมปลาย
พูดได้ว่า คือตัวเลือกที่แปลก, แม้กระทั่งในหนัง ที่มีอะไรแปลกหลายอย่าง
ผู้กำกับ ริชาร์ด เลสเตอร์ เข้าเสียบแทน ริชาร์ด ดอนเนอร์ เต็มตัว, หลังฝ่ายหลัง ออกจากโครงการ Superman 2
ส่วนที่ดีของมันคือ การห้ำหั่นกัน ระหว่างซูเปอร์แมน กับคลาร์ก เคนท์
และแนวคิดว่าคอมพิวเตอร์ อาจเป็นภัยได้แค่ไหน, หากโปรแกรมเมอร์ฝีมือเทพ ละเลยด้านศีลธรรม
Man of Steel
การสำรวจด้านที่โดดเดี่ยว และแปลกแยก ของซูเปอร์แมน, ไม่ใช่เรื่องแย่
ว่าไปแล้วหัวข้อนี้ ซีรีส์ซูเปอร์แมนวัยหนุ่ม (Smallville) ก็เคยสำรวจ อย่างถี่ถ้วน
แต่ซูเปอร์แมนที่ มืดมนและ ชอบครุ่นคิด, ดูจะไม่ใช่แสงแห่งความหวัง สำหรับมนุษยชาติ อย่างที่แฟน ๆ หลายคนคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม การเป็นพระเจ้า ในหมู่มนุษย์นั้น, ไม่ใช่เรื่องง่าย
Man of Steel จึงไม่ควรถูกตำหนิ, ที่พยายามแสดง ด้านนี้ของฮีโร่ ให้ผู้ชมได้เห็น
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ปี 2013, ยังแนะนำตัว เฮนรี่ คาวิลล์ ผู้เล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ในบทบาทนี้
นักแสดงคนอื่น ๆ รวมถึงเอมี่ อดัมส์ (โลอิส เลน) และไดแอน เลน (มาร์ธา เคนต์) ก็ถือว่าเหมาะเช่นกัน
น่าเสียดายที่ Man of Steel ล้มเหลว ด้านการดำเนินเรื่อง
ไม่เพียงแต่ ตีความซูเปอร์แมนผิด, แต่ยังลามไปถึง ครอบครัวเคนท์อีก
ความคิดที่ว่า โจนาธาน เคนท์ (เควิน คอสต์เนอร์) อยากให้คลาร์ก เก็บความลับของเขาไว้
ถึงขั้นแลกกับ ชีวิตผู้บริสุทธิ์ รวมถึงชีวิตของ ตัวเขาเอง, ทำให้ตัวละครทั้งสอง ถูกบิดเบือน
ความคิดนั้น เมื่อรวมกับที่พี่ซุป, ทิ้งร่องรอยแห่ง การทำลายล้างและซากศพ ไว้เบื้องหลัง
ทำให้หนัง สร้างความแตกแยก ในหมู่แฟน ๆ อย่างมาก
อย่างไรซะ หนังมีหลายไอเดีย ที่น่าสนใจอยู่บ้าง, และยังถือว่า ดีกว่าผลงานเกี่ยวกับซุป ก่อนหน้านี้หลายเรื่อง
Superman Returns
หาก Superman Returns จะมีความผิด ในเรื่องใด
ก็คงเป็น ความรักใคร่, หนังของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ มากเกินไป
ซึ่งจัดว่าเข้าใจได้ เพราะแม้จะผ่านมา หลายปีดีดัก
แต่ Superman 1 ยังคงถือเป็น ความสำเร็จสูงสุด ในวงการภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่
ภาพยนตร์ปี 2006 นี่ เพิกเฉย Superman III กับ IV, และดำเนินเรื่อง ต่อจาก Superman II
โดยรวมแล้ว ผลงานของไบรอัน ซิงเกอร์, จัดว่า ตีความซุปได้ดี
แบรนดอน เราธ์, พิสูจน์ให้เห็นว่าเขา มีคุณสมบัติเพียงพอ ที่จะรับบทฮีโร่ในตำนาน
ก่อนหน้าการเป็น เรย์ พาล์มเมอร์ (ฮีโร่สมญาอะตอม) ใน Arrowverse นานอยู่
การแสดงของเขา ทั้งเรียบง่ายและดูมั่นคง, คารวะซุปฉบับรีฟ แต่ยังคงทำให้ตัวละครนี้ เป็นของเขาเองได้
เนื่องจาก Superman Returns สิ้นเปลืองเวลากับ การยกย่องมรดกของดอนเนอร์
จึงทำให้หนังเรื่องนี้ ไม่สามารถยืนหยัด ได้ด้วยลำแข้งตน
ผู้ที่ไม่ชอบหนัง มักจะยกเรื่องความเป็นไปได้ ที่ซูเปอร์แมนจะมีลูก, มาพูดถึง
แต่สำหรับคอนเทนท์ เกี่ยวกับเอเลี่ยน ผู้มีพลังพิเศษ, ความสมจริงบางอย่าง ก็ควรถูกมองข้ามซะบ้าง
Superman II
แม้ว่า Superman II จะประสบ ปัญหาในการผลิตมากมาย, แต่มันไม่ใช่แค่ หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีสุด ของบุรุษเหล็ก
แต่ยังเป็นหนึ่งใน ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ที่ดีที่สุด
แม้ว่ามันคือผลลัพธ์ จากการนำ วิสัยทัศน์ที่ขัดแย้งกัน 2 แบบ มาผสมรวม, เหมือน Justice League
ความตั้งใจดั้งเดิม ของผู้ผลิต, คือถ่ายทำ Superman 1 กับภาคต่อ ควบคู่กันไป
อย่างไรซะ ก็ต้องยอมใจ ผกก.เลสเตอร์ ที่เข้ามา เสียบแทนดอนเนอร์, แล้วยังทำหน้าที่ ได้ดีผิดคาด
Superman II เป็นภาพยนตร์ที่ มีความทะเยอทะยาน อย่างเหลือเชื่อ, ได้เพิ่มความเข้มข้น เพิ่มฉากแอ็คชั่น มากกว่าภาคแรก
และนำเสนอ ตัวร้ายที่น่าจดจำ อย่างนายพลซ็อด (เทอเรนซ์ สแตมป์) กับพวกพ้องของเขา
เท่านั้นไม่พอ เรื่องราวความรัก ระหว่างลูอิส กับคลาร์ก, ก็น่าดึงดูด
คริสโตเฟอร์ รีฟ ผู้รับบทนี้ ได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว, มีโอกาสสำรวจ ด้านมนุษย์ของซูเปอร์ฮีโร่เพิ่ม เมื่อบุรุษเหล็ก สูญเสียพลัง
Superman II จึงไม่เพียง น่าตื่นเต้นเร้าใจ, แต่ยังน่าประทับใจ อีกด้วย
Superman
Superman ของค.ศ. 1978, เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้โลก ได้รู้จักคริสโตเฟอร์ รีฟ ในฐานะบุรุษเหล็ก
เขายังคง เข้าถึงบทบาทนี้สุด แม้ว่าเวลา ผ่านไปนานมากแล้ว, และมีนักแสดง อีกหลายคน ผ่านมารับบทเฮียซุป
นอกจากนี้ Superman ยังทำให้แฟน ๆ สัมผัสได้ถึง, ความน่าอวยอันล้ำลึก ชวนจิกหมอน
ระหว่าง ซูเปอร์แมนของรีฟ, และลูอิส เลน นักข่าวสาวผู้กล้าหาญ
แถมดนตรีประกอบ อันยอดชะมัด ของจอห์น วิลเลียมส์, ก็เป็นอีก 1 องค์ประกอบ ที่ช่วยผลักดัน ให้ภาคนี้ขึ้นหิ้ง
หนังเรื่องนี้ ใช้เวลาพอสมควร ในการเล่าเรื่องต้นกำเนิด ของบุรุษเหล็ก
รีฟยังคงแสดง เป็นซูเปอร์แมนและคลาร์ก เคนต์ ได้เลิศสุด, ในฐานะตัวละคร ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เขาทำให้เรา เชื่อง่ายขึ้นว่า แว่นตาง่อย ๆ แค่อันเดียว ก็เพียงพอ, สำหรับใช้จำแนก ทั้ง 2 บุคลิก ออกจากกัน
หนังเรื่องนี้ยังให้เรา ได้เห็นบทบาท ที่ยอดเยี่ยม ของยีน แฮ็กแมน, ในฐานะเล็กซ์ ลูเธอร์ เป็นครั้งแรก
ซึ่งแบบว่า น่าจดจำ, แม้ว่าเขาไม่เคย ปล่อยออร่า ที่ทำเอารู้สึกว่า คือภัยคุกคามเบอร์ 1 ต่อฮีโร่ของเรา
COMMENTS