ในสงครามกับ จอมมารจากบรรพกาล (มอร์ก็อธ) มีทั้งมนุษย์ ที่เข้าข้างจอมมาร, และฝั่งที่ ถือหางเอล์ฟ โดยหลังมอร์ก็อธ พ่ายแพ้, พวกมนุษย์ผู้รอดตาย แ...
ในสงครามกับ จอมมารจากบรรพกาล (มอร์ก็อธ) มีทั้งมนุษย์ ที่เข้าข้างจอมมาร, และฝั่งที่ ถือหางเอล์ฟ
โดยหลังมอร์ก็อธ พ่ายแพ้, พวกมนุษย์ผู้รอดตาย แต่เคยฝักใฝ่ ผู้นำด้านมืด
ตั้งถิ่นฐานกันแถว แดนใต้ (เซาท์แลนด์ส) ของทวีปมิดเดิลเอิร์ธ
ส่วนพลพรรคมนุษย์ ผู้ร่วมรบเคียงบ่าเอล์ฟ, ได้อาศัยบนดินแดน (เกาะ) ที่ทวยเทพประทาน (เสก) ให้ แบบ "นูเมนอร์"
ทว่า แม้สงครามสะเทือนพิภพ สิ้นสุด, ข้ารับใช้เก่าของมอร์ก็อธ (เซารอน) ยังคงอยู่
บุรุษเอล์ฟนามว่า 'ฟินร็อด' ออกไล่ล่า เพื่อดับเชื้อไฟ, ที่อาจกลายเป็นอันตราย ต่อทั้งมิดเดิลเอิร์ธ
แต่น่าเศร้าตรง ฟินร็อดคือฝ่าย สิ้นชีพ, จนน้องสาวแบบ "กาลาเดรียล"
ตัดสินใจ ขีดลิขิตตนเอง, สาบานว่าจะตามหา และกำจัด เซารอนผู้หายสาบสูญ แทนพี่ชายให้จงได้
การว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร, กับถูกรั้งไว้ ที่นูเมนอร์
หลังการเดินทางค้นหา อันเนิ่นนานและยาวไกล จนอมตะชนคนอื่น ๆ ยังรู้สึกท้อ
กาลาเดรียลพบเบาะแส เป็นเครื่องหมายปริศนา ของเซารอน
ในป้อมปราการ ทางทิศเหนือ ที่โดนทอดทิ้ง, กลางแดนน้ำแข็งรกร้าง ของโฟโรดไวธ์ (Forodwaith)
อย่างไรซะ ร่องรอย เพียงน้อยนิดเช่นนี้, ไม่มากพอจะจูงใจ ให้เอล์ฟเพื่อนร่วมทาง ตนอื่น ๆ ร่วมลำบากต่อ
กาลาเดรียลจำใจ กลับเมืองหลวงของเอล์ฟ (ลินดอน), เพื่อรายงานว่าภารกิจล้มเหลว ต่อจอมราชัน (กิลกาลัด)
กษัตริย์พราย กับสหายสนิทของกาลาเดรียล (เอลด์รอน ลูกครึ่งเอล์ฟ)
เกรงว่าหล่อนโดน ความอาฆาตเซารอน ครอบงำ, จนสุ่มเสี่ยงต่อการ ร่วงหล่นสู่ด้านมืด
จึงกดดันให้เธอ ขึ้นนาวาที่ล่องสู่ แดนสุขาวดีนิรันดร์กาล (วาลินอร์)
แต่ความมุ่งมั่นดั้งเดิม ของกาลาเดรียล, หวนกลับมา เป็นฝ่ายมีชัย ในนาทีสุดท้าย
หล่อนกระโดด ลงจากนาวา, ณ หน้าปากทาง เข้าสู่วาลินอร์
ว่ายน้ำมาราธอน มุ่งหน้าย้อนสู่ มิดเดิลเอิร์ธ, และเจอแพของ พวกมนุษย์ที่เรือแตก
ก่อนคนอื่น ๆ โดนอสูรทะเล ตัวบักเอ้บ (ใหญ่) แดกหมด
เหลือรอดเพียงเธอ กะชายชาวเซาท์แลนด์ส ชื่อ "ฮัลด์บรันด์"
ทั้งคู่เกื้อหนุนกัน ขณะเจอพายุ กลางสมุทร, จนรอดผ่าน
ก่อนถูกช่วย พาขึ้นเรือลำใหญ่ ที่บังคับโดย กัปตันจากนูเมนอร์ (ชื่อเอเลนดิล)
ซึ่งบนอาณาจักรเกาะนั่น ผู้คนไม่ชอบเอล์ฟ (สาเหตุเช่น ถ้าได้อาศัยร่วมกัน เราก็กลัวโดนพวกที่ ไม่จำเป็นต้องกินต้องนอน, แย่งงานทำหมด)
ราชินีมีเรียล (Míriel) ผู้สำเร็จราชการ แทนพระราชบิดาอยู่, ต้องฟังเสียงพสกนิกร
พระองค์จึงไม่สบอารมณ์ ที่เอเลนดิล ดันหิ้วเอล์ฟมา
ทว่าก็ไม่อาจ ทำสิ่งที่จะเป็น การช่วยเหลือกาลาเดรียล (คือมอบเรือสำหรับ ล่องออกนอกเกาะ) ได้เช่นกัน
ระหว่างถูกรั้งไว้ ที่นูเมนอร์, กาลาเดรียลค้นคว้า ในห้องสมุดของราชวัง
และเจอคำตอบว่า เครื่องหมายเซารอน, แท้จริงนั้นคือ 'แผนที่' เซาท์แลนด์ (แปลว่าเซารอน วางแผนทำเรื่องชั่วร้าย ณ แดนใต้)
เธอยังพบว่า เพื่อนใหม่ (ฮัลบรันด์) คงเป็นราชาพลัดถิ่น แห่งเซาท์แลนด์ส
ผู้สืบสายเลือด ของราชวงศ์มนุษย์, ที่พ่ายแพ้ และสูญเสียดินแดน แก่เซารอน
กาลาเดรียลลอง ย่องไปหา ความลับของมีเรียล, หวังใช้ข่มขู่เจรจาต่อรอง
แล้วเจอว่า ผู้นำสูงสุดตัวจริง (ราชา ทาร์-พาลันเทียร์) บิดาของราชินี, กำลังนอนป่วยหนัก ในวัยชรา ที่ห้องลับ
มีเรียลถึง ยอมอธิบายว่า, องค์กษัตริย์ ส่องดูนิมิต ผ่านพาลันเทียร์ (ลูกแก้ววิเศษ) มากเกินไป
นอกจากเลอะเลือน เพราะแยกปัจจุบัน กับอนาคตไม่ออก
ยังเอาแต่ตรัสบอก ว่าเราต้องรื้อฟื้น ความสัมพันธ์กับเอล์ฟขึ้นใหม่, จนประชาชนต่อต้าน
มีเรียลลอง แตะลูกแก้วก่อนแล้ว, พระองค์เห็นนิมิตว่า กาลาเดรียลจะมา และนูเมนอร์ล่มสลาย จากซึนามิ (คลื่นน้ำมหึมา)
พระองค์เชื่อว่า กาลาเดรียลคือ ผู้นำกาลวิบัติ, สู่ประเทศเกาะ
...ทว่าเมื่อต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ (พฤกษาขาวแห่งนูเมนอร์) คู่บ้านคู่เมือง เริ่มโรยรา (โดยกาลาเดรียล เปล่าทำสิ่งใด)
มีเรียลฉุกใจคิดว่า มันคือสัญญาณ จากปวงวาลาร์ (เทพเจ้า)
เราควรเปลี่ยนใจ ช่วยกาลาเดรียล ในภารกิจกอบกู้แดนใต้, ซะมากกว่า
อะดาร์ แห่งเซาท์แลนด์ส
ณ แดนใต้ ของมิดเดิลเอิร์ธ, เอล์ฟตั้งป้อมสังเกตการณ์
คอยเฝ้ามองลูกหลาน ของพวกมนุษย์ ซึ่งเคยฝักใฝ่มอร์ก็อธ, จนถึงจุดที่ ชักจะเบื่อ
เมื่อมนุษย์ หงุดหงิดกับ การโดนจับตาหนัก, พวกพราย ใกล้ถอนตัวหมด จากพื้นที่เต็มที
อารอนเดียร์ (Arondir) จึงถือว่า ทำตัวแปลกแยก (สำหรับเอล์ฟ) สิ้นดี
ที่ดันไปปิ๊งรัก สาวแกร่งแม่ม่าย (บรอนวิน) ประจำหมู่บ้านเทียร์ฮารัด (Tirharad)
ทั้งคู่ตรวจสอบ สาเหตุของสภาพแวดล้อม อันจู่ ๆ ก็เสื่อมโทรม ผิดปกติ, และพบว่า หมู่บ้านใกล้เคียง พินาศเรียบร้อย
ขณะเดียวกัน ธีโอ (ลูกชายของบรอนวิน) เจอดาบหักที่ มีเครื่องหมายของเซารอน, อยู่ใต้ถุนบ้าน
อารอนเดียร์ ตรวจสอบหมู่บ้านพัง ๆ เพิ่มเติม, เจอะเครือข่าย อุโมงค์ใต้ดิน และโดนพวกออร์คจับ
ระหว่างบรอนวิน กลับบ้านไปหาลูก, แล้วโดนออร์คหลงฝูง จู่โจมใส่
บรอนวินกะธีโอ ช่วยกันฆ่าออร์ค ตัดหัวมันไปโชว์ เพื่อนร่วมหมู่บ้าน, เพื่อเตือนทุกคน ว่าภัยมา
ด้านอารอนเดียร์ โดนใช้แรงงานทาส อยู่ที่ค่ายขุดอุโมงค์ ของพวกออร์ค
เขาพบ "อะดาร์" (หมายถึงบิดา) ของเหล่าออร์ก, และตระหนักว่า
หมอนี่จับเอล์ฟคนอื่น ๆ มาอีกเพียบ, เพื่อจะสร้างทางใต้ดิน ไว้ลำเลียงพลกองทัพออร์ก (ที่กลัวแสงตะวัน)
ไล่บุกหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วเซาท์แลนด์ส, และค้นหา บางสิ่งบางอย่าง
ชาวเทียร์ฮารัดบางส่วน คิดว่ายอมศิโรราบ ต่อศัตรู, คงรอดง่ายกว่า
กลุ่มที่นำโดย ชายชราโฉดชื่อ "วัลเดร็ก" จึงหันไปร่วมกับ ฝั่งอะดาร์, ในค่ำคืน ซึ่งพวกออร์ค ยกพลถล่มหมู่บ้าน
วัลเดรกร่วมกับอะดาร์ ไล่ฆ่าอดีต เพื่อนร่วมถิ่น, และถึงอารอนเดียร์ หนีจากค่ายทาส มาช่วยบรอนวินสู้
แต่ชาวเทียร์ฮารัด กำลังจะโดนล้างบาง, และอะดาร์ก็ค้นพบ สิ่งที่ตามหา (คือดาบหัก ๆ นั่น)
อย่างไรก็ตาม กาลาเดรียลพร้อม ฮัลบรันด์ กับไพร่พลจากนูเมนอร์
ยกพลข้ามน้ำข้ามทะเล มาร่วมศึก ได้ทันกาล
ฝ่ายมนุษย์พลิกเกม กำชัย, อะดาร์ถูกจับกุม
ชาวเทียร์ฮารัด สรรเสริญฮัลบรันด์, ในฐานะเชื้อพระวงศ์ ผู้หวนคืนมา กอบกู้แผ่นดินเกิด
...ทว่ากว่าธีโอ จะสังเกตเรื่อง ดาบหัก ๆ ที่หายไป, ก็เมื่อสาย
ปรากฏว่าดาบหักนั่น แท้จริงคือ 'กุญแจ' สำหรับเปิดผนึกเขื่อน
ซึ่งสร้างอยู่ใกล้ ป้อมปราการเก่าแก่ (ออสทิริธ) ของมนุษย์ สายบูชามอร์ก็อธ
สายน้ำท่วมท้น หลั่งไหล, ผ่านอุโมงค์ใต้ดิน สู่ด้านใน ภูเขาไฟโอโรดรูอิน (Orodruin)
ผลลัพธ์ของการ ปล่อยวารีมหาศาล ลงบ่อลาวา, คือภูเขาไฟระเบิด ครั้งใหญ่
ชาวเทียร์ฮารัด กะกองทัพนูเมนอร์ จึงประสบภัยพิบัติ, บาดเจ็บล้มตาย กันเป็นอันมาก
มีเรียลพระเนตรบอด (สูญเสียการมองเห็น), เอเลนดิล 'คิดว่า' ตนเอง สูญเสียลูกชาย (อิซิลดูร์)
ฮัลบรันด์มี บาดแผลฉกรรจ์, ต้องใช้ ยาของเอล์ฟ (ที่คุณภาพคับแก้ว) รักษาเท่านั้น ถึงจะรอด
อะดาร์ฉวยจังหวะวุ่นวาย หนีรอด, แต่ตกลงเจ้านี่
คืออุรุก (เอล์ฟยุคดึกดำบรรพ์ ที่ถูกจอมมาร ลักพาตัวทรมาน, จนเปลี่ยนสู่ออร์ก) ไม่ใช่เซารอน
หมอกหนาปกคลุม ทั่วแดนใต้, ทำเอาท้องฟ้ามืดมิด ทั้งวันทั้งคืน
แผ่นดินเลย ตกใต้กองทัพออร์ค (กับอะดาร์) โดยปริยาย
ชื่อสถานที่นี้ จึงเปลี่ยนจากเซาท์แลนด์, สู่ "มอร์ดอร์"
มีเรียลจำต้อง ยกทัพ ถอยกลับนูเมนอร์, หล่อนสาบานว่า จะย้อนมาชำระแค้น
แต่พอถึงบ้าน ก็เจอเรื่องโศก, นั่นคือพระบิดา สวรรคตแล้ว
กำเนิดแหวนแห่งอำนาจ (บทต้น)
กิลกาลัดที่ไม่ตระหนักว่า กาลาเดรียลกะลัง ว่ายน้ำมาราธอน
ส่งคุณเอลด์รอน ไปช่วยช่างฝีมือเอล์ฟ (เคเลบริมบอร์) ที่อยากผลิต สิ่งประดิษฐ์ใหม่
แม้ไม่ได้รับ การอธิบายรายละเอียด ตื้นลึกหนาบางครบถ้วน, แต่เอลด์รอนยินดี น้อมรับพระบัญชา
และเดินทาง ไปเยี่ยมคนแคระเพื่อนเก่า (เจ้าชาย ดูรินที่ 4) ณ อาณาจักรเหมือง (คาห์ซัดดูม)
ทีแรกดูริน 4 งอนเอลด์รอน, เพราะหายหัว ไม่ยอมเจอหน้ากัน ตั้ง 20 ปี (แม้พริบตาเดียว สำหรับพวกพราย)
แต่ดีซา (Disa) ภรรยาดูริน 4, ช่วยประสานรอยร้าว
คนแคระจึงได้ เกื้อหนุนการสร้าง โรงหลอมสิ่งประดิษฐ์แห่งใหม่, ขึ้นในอาณาจักรเอเรกิออน (Eregion) ของพวกเอล์ฟ
เวลาผันผ่านสักพัก, ดูริน 4 แอบนำความลับ ของคนแคระ มาเล่าให้สหายเอลด์รอนฟัง
ว่าพวกเรา ขุดพบแร่ทรงคุณค่า ชนิดใหม่ (มิธริล) เข้า, แถวจุดที่ อันตรายต่อการทำเหมือง (หินถล่มง่าย)
เมื่อกลับลินดอน, กิลกาลัด เผยต่อเอลด์รอน
ว่าเผ่าพันธุ์เอล์ฟ (ณ มิดเดิลเอิร์ธ) กะลังสุ่มเสี่ยง จะตายหมู่ (วิญญาณโรยรา)
เนื่องจากมิธริล คือแร่ที่ส่องประกาย คล้ายมหามณี (ซิลมาริล) ในตำนาน
และเคเลบริมบอร์ เคยทดสอบแล้วว่า, มิธริลเยียวยา พวกเราได้จริง
ฉะนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำ (และเป้าหมายแท้จริง ของการแนะนำเอลด์รอน ให้รู้จักเคเลฯ แต่แรก)
คือขอมิธริล จากคนแคระเยอะ ๆ, เคเลฯ จะได้ประดิษฐ์ ของสำหรับกู้ชีพเอล์ฟ จำนวนมาก ๆ
ดูริน 4 อยากช่วยเอล์ฟ เรื่องมิธริลอยู่, ทว่าองค์ราชา ดูรินที่ 3 (พระบิดาของ 4) ไม่อนุญาต
ดูริน 3 มองว่าเอล์ฟ คือคู่แข่งความเจริญ, จะยกพวก ล่องสู่วาลินอร์ทั้งเผ่า หรือสูญพันธุ์ซะก็ดี
ประกอบกับ การขุดเหมืองต่อ ยิ่งอันตรายอยู่แล้ว, อุโมงค์สู่ แหล่งมิธริล จึงถูกปิดผนึก
โดยไม่มีใครทราบ ว่าลึกลงไปข้างใต้, มีอสูรร้ายบรรพกาล (บัลร็อก) สถิต
จอมราชันจึง สั่งตระเตรียม การล่องนาวา ขนานใหญ่
แต่ก่อนเอล์ฟ ทันได้ทิ้งมิดเดิลเอิร์ธ ไว้เบื้องหลัง, ตั้งกะยุคที่ 2 นี่
กาลาเดรียล พาฮัลบรันด์มาเยือน เอเรกิออน, พร้อมแจ้งว่ามี เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์
ฮาร์ฟุต กับคนแปลกหน้า
โนริ แบรนดิฟุต (Nori Brandyfoot) สาวชาวฮาร์ฟุต (ฮอบบิทแบบหนึ่ง) ขี้สงสัย ชอบสำรวจ ผิดจากฮาร์ฟุตอื่น
ในราตรีหนึ่ง เธอค้นพบ ผู้ชายปริศนา, ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า กระแทกพสุธา ดั่งอุกกาบาต
คนแปลกหน้า ความจำเสื่อม พูดจาไม่เป็นภาษา
แต่โนริเชื่อสัญชาตญาณ ของตัวเองว่า, หมอนี่คือคนพิเศษ และคนดี สมควรช่วยเหลือ
โนริหาอาหาร จัดสรรที่พัก สำหรับคนแปลกหน้า
เพื่อนร่วมเผ่า ชาวฮาร์ฟุต หวาดระแวงเขา ในช่วงแรก
ก่อนคล้อยตามโนริ เมื่อพี่แกโชว์การ, ใช้พลังพิเศษ คืนชีวิตให้ผืนป่า จนอุดมสมบูรณ์
บททดสอบมาเยือน เมื่อสตรีชุดขาว 3 นาง จากไหนไม่ทราบ, ปรากฏกายา
สามแม่มดคือ นักพรต ผู้เร่ร่อน และผู้พำนัก (The Ascetic, The Nomad, The Dweller)
ตัวตนลึกลับที่ เรียกคนแปลกหน้าว่า 'เซารอน', และชักจูงเขา เข้าด้านมืด
โนริกับแก๊งฮาร์ฟุต พยายามแยก คนแปลกหน้า, จาก 3 แม่มด
พวกเขาล้มเหลว เกือบตายเรียบ, แต่คนแปลกหน้า ที่ดูท่าจะซาบซึ้ง กับพลังมิตรภาพ
ปลุกพลังภายใน ขึ้นมาไล่ตะเพิด 3 แม่มด, จนพวกหล่อนหายลับ สู่โลกที่ตามองไม่เห็น
คนแปลกหน้า ฟื้นความจำ ได้เล็กน้อย, เขาเรียกตัวเองว่า 'พ่อมด'
เขาบอกโนริว่า ตนต้องมุ่งหน้าไกล สู่ดินแดนรูห์น (Rhûn) ทางตะวันออก
ชาวฮาร์ฟุตจึงผลักดัน ให้โนริแยกตัว จากครอบครัว, ไปร่วมผจญภัย กับคุณพ่อมดซะ
กำเนิดแหวนแห่งอำนาจ (บทปลาย)
ฮัลบรันด์ผู้อาการดีขึ้น แสดงความสนใจ งานของเคเลบริมบอร์
ฮัลบรันด์ให้คำแนะนำ ที่สร้างความหวัง, คือบอกว่าควร ผสมมิธริลกับโลหะอื่น อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพ
หากทำเช่นนั้น แม้มีมิธริล เพียงน้อยนิด
ก็สามารถสร้างวัตถุ ทรงอิทธิฤทธิ์ชิ้นเดียว ที่ส่องประกายมากพอ จะช่วยเอล์ฟทั้งเผ่าพันธุ์ได้
กาลาเดรียลเห็นฮัลบรันด์ ใช้คำพูดชักจูงคนอื่น ให้สร้างสิ่งประดิษฐ์, จึงพลันตระหนัก
ว่าที่ผ่านมาตนอาจ ตกเป็นเหยื่อนักต้มตุ๋น มาตลอด
กาลาเดรียลลอง หาบันทึกเอล์ฟ เกี่ยวกับกษัตริย์เซาท์แลนด์ส
และมันยืนยันว่า สายเลือดราชวงศ์แดนใต้ จบสิ้นนานแล้ว
กาลาเดรียล เผชิญหน้าฮัลบรันด์, หมอนั่นสารภาพว่า ข้าคือเซารอน
เซารอนชวน กาลาเดรียล ไปมอร์ดอร์, ขึ้นปกครอง มิดเดิลเอิร์ธด้วยกัน
กาลาเดรียลปฏิเสธ, และเลือกปิดบังเรื่องนี้ จากเอล์ฟอื่น (เพราะกลัวถูกมองว่า คือสหายเซารอน)
แต่วางมาตรการป้องกัน เผื่อไว้ โดยแนะให้เคเลฯ, สร้างแหวนวิเศษ 3 วง (แทนที่จะแค่ 1)
เพื่อให้เกิดการ ถ่วงดุลอำนาจ ในหมู่ผู้จะครอบครอง
COMMENTS