[ความเดิม] ในบางช่วงของซีซั่น 1 ขณะพระเอกแวะทำธุระบางอย่าง บนดาวทะเลทรายทาทูอีน มีนักล่าเงินรางวัลมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ที่อยากได้ชื่อเสียงจ...
[ความเดิม] ในบางช่วงของซีซั่น 1 ขณะพระเอกแวะทำธุระบางอย่าง บนดาวทะเลทรายทาทูอีน
มีนักล่าเงินรางวัลมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ที่อยากได้ชื่อเสียงจนตัวสั่น มาขอให้เขาช่วยกันจับเฟนเนค แชนด์ (Fennec Shand)
ทหารรับจ้างหญิงผู้โด่งดัง จากวีรกรรมฆาตกรรมคนระดับสูง ในองค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ
และเสนอจะมอบค่าหัวทั้งหมดให้ หากภารกิจสำเร็จลงด้วยดี
อย่างไรก็ตาม นักล่ามือใหม่ทราบจากแชนด์ทีหลัง ว่าพระเอกเองก็ค่าหัวแพง แถมยังน่าจะสร้างชื่อเสียงให้เขาได้มากกว่า
เขาเลยตัดสินใจฆ่าเฟนเนค แชนด์ทิ้งเพื่อลดจำนวนศัตรู และจู่โจมพระเอก ก่อนจบชีวิตลงเพราะหาเรื่องผิดคน
ตอนถัดมา, ดิน จาร์รินไปหาลำไพ่ ด้วยการร่วมมือกับแก๊งค์นักเลง ที่มีอดีตพลแม่นปืนของทัพจักรวรรดิชื่อ เมย์เฟลด์ (Mayfeld) เป็นสมาชิก บุกยานขนส่งนักโทษของสาธารณรัฐใหม่
ก่อนเหตุการณ์จะลงเอยที่ต้องซัดเมย์เฟลด์ กับสมาชิกแก๊งค์คนอื่นๆ หมอบเกลี้ยง, แล้วแอบส่งตัวพวกนี้ให้ทางการ เอาไปยัดเข้าซังเต
โทษฐานพยายามทรยศ โยนความผิดเรื่องขโมยนักโทษ และสังหารยามเฝ้ายาน, ให้เขาเป็นคนรับเสียทั้งหมด
[เนื้อหาซีซั่น 2] แมนดาโลเรี่ยนนามดิน จาร์ริน ช่วยชีวิตเด็กสปีชีส์เดียวกับโยดาจากซากทัพจักรวรรดิ
และระหว่างตามหาหนทาง สร้างความปลอดภัยให้เด็กน้อย, ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อยๆ แน่นแฟ้นขึ้น
ปัจจุบันจาร์รินกะลังอยากเจอ 'เจได' เหล่าผู้ใช้ความสามารถพิเศษได้เช่นเดียวกับเด็ก (ที่เหลือน้อยยิ่งนักในจักรวาล)
เพื่อให้มารับตัวไอ้หนูไปดูแลต่อ แลสอนสั่งวิชาเหนือธรรมชาติ
เนื่องจากมีชนักปลอมๆ ติดหลัง (อันเกิดเพราะกรณี ที่เมย์เฟลด์เกี่ยวข้อง)
องค์กรรัฐบาลยุคนั้น (สาธารณรัฐใหม่) จึงมองจาร์รินเป็นอาชญากร
การสืบค้นเบาะแสของเจได เลยจำต้องทำโดยหลบหมาต๋าอวกาศไปพลาง, และพยายามหาเรื่องใส่ตัวให้น้อย
กรณีนี้จาร์รินมองว่า วิธีฉลาดสุด, คือเริ่มจากตามหา พวกพ้องร่วมลัทธินักบู๊แมนดาลอร์ แล้วขอความช่วยเหลือ
คาวบอยพ่อลูกอ่อนได้ข่าวว่า มีแมนดาลอร์ แกร่วอยู่แถวเมืองมอสเพลโก, อาณาเขตไร้ขื่อแป ไม่ปรากฏบนแผนที่ของดาวทาทูอีน
แต่เมื่อเยือนที่นั่นดันพบว่า ข่าวมันผิดความจริง, ผู้สวมเกราะเบสคาร์ มิใช่สาวกร่วมศาสนา
หากเป็นกระทาชายนาย "ค็อบบ์ แวนท์" ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านซอมซ่อ ต่างเรียกว่านายอำเภอ, ด้วยความนับถือ
เรื่องของเรื่องคือ เขาได้ชุดเกราะของ {โบบา เฟตต์} มาจากพวกเก็บซากของเก่า
และใช้มันต่อสู้กับ เหล่ามาเฟียท้องถิ่น ปกป้องราษฎรด้วยจิตอาสา
จาร์รินไม่สบอารมณ์ เขามองว่าไม่เหมาะสมที่คนไม่ศรัทธา, จะครอบครองสัญลักษณ์แห่งแมนดาลอร์ (เกราะ)
ซึ่งแม้เกราะเทพ เกื้อหนุนนายอำเภอได้มาก, แต่ค็อบบ์ แวนท์ ก็ยังมีปัญหาแก้ไม่ตกอยู่
นั่นคือมังกรยักษ์ทะเลทราย ไอ้เครย์ท ดราก้อน (krayt dragon) ที่พร้อมหม่ำชาวบ้านตาดำๆ ตลอด
แกเลยยื่นข้อเสนอให้พระเอก ช่วยปราบสัตว์ร้ายซะ, เสร็จแล้วจะยอม ยกเกราะให้โดยละม่อม
พระเอกได้รับเกราะสมใจ หลังภารกิจพิชิตมังกร สัมฤทธิ์ผล
จากนั้นก็รับงานแปลกๆ อย่างการพาเอเลี่ยนกบสตรี (เผ่าที่ใกล้สูญพันธ์ุ) ขึ้นยาน
เดินทางผ่านห้วงอวกาศพร้อมกัน ด้วยความเร็วต่ำกว่าแสง
เพื่อพาหล่อนพร้อมกับไข่ที่ยังมิได้ผสม ไปพบคู่ครอง ณ ดวงจันทร์ของดาวทราสค์
เนื่องจากมันคือเงื่อนไขที่ต้องผ่าน, หากอยากให้คุณพี่กบของแม่หญิงเปิดปาก บอกข้อมูลแมนดาโลเรี่ยน
การเดินทางพบอุปสรรค จนยาน 'ใบมีดโกน' ของพระเอกพังยับ
แต่นายช่างแมนโดก็ปะผุพาหนะ แบบแค่พอขยับได้ แล้วมุ่งสู่จุดหมายต่อ
แม่หญิงได้เจอกับ คู่บุพเพสันนิวาสของหล่อน สมปรารถนา
หมอนั่นขอบคุณพระเอกเป็นภาษากบ พร้อมชี้โบ๊ชี้เบ๊ว่า, เคยเห็นแมนดาโลเรี่ยน ณ โรงเตี๊ยม อันตั้งอยู่ไม่ห่างไกลเท่าไรนัก
โดยขณะเดียวกัน มีสตรีลึกลับคนหนึ่ง แอบเฝ้าดูอยู่
เบาะแสแมนดาลอเรี่ยนใหม่ ดันนำพระเอกไปสู่อุ้งมือมาร
กลุ่มชาวประมงที่โรงเตี๊ยม ซึ่งอาสาพาคาวบอยพ่อลูกอ่อน สู่อ้อมอกพวกพ้องร่วมลัทธิ
ดันอุตริทำตัวเป็นมิจฉาชีพ, คิดจะฆ่าจาร์ริน ชิงเกราะเบสคาร์ประจำกาย (เพราะราคามันแพงระยับไง)
พวกมันเล่นทีเผลอ จาร์รินเกือบสิ้นลาย, แต่สตรีลึกลับที่ระบุไว้ย่อหน้าก่อน
ก็ใส่เกราะแมนดาลอร์ โผล่มาพร้อม "โบ-คาธาน ครีซ" เพื่อช่วย
โบ คาธานกะเหล่าผู้ติดตาม คือชาวแมนดาลอร์ ที่อีตาพระเอกอยากเจอ
เมื่ออุณหภูมิของเรื่องร้อนลดลง, โบ-คาธานกับพรรคพวก ถอดหมวกออก เพราะหวังเสวนาแบบเห็นหน้าตา
แต่นั่นดันทำให้จาร์รินของขึ้น เนื่องจากการกระทำของทั้ง 3
ขัดกับจารีต ห้ามถอดหน้ากากซี้ซั้วของแมนดาโลเรี่ยน ที่เขายึดถือ
โบ-คาธาน ผู้เป็นทายาทคนสุดท้าย, ของขั้วอำนาจใหญ่ตระกูลหนึ่ง บนดาวแมนดาลอร์
จึงตระหนักว่าจาร์ริน คือบุตรแห่งกลุ่มผู้เฝ้ามอง (Child of the Watch)
อันหมายถึงสาวกของลัทธิย่อย ซึ่งแตกตัวออกจาก แมนดาลอร์กระแสหลัก
The Watch ศรัทธาในรากเหง้าดั้งเดิมของศาสนา เลยแยกกันอยู่กับแมนดาโลเรี่ยนทั่วไป
เป้าหมายของพวกนี้ คือฟื้นฟูวิถีโบร่ำโบราณ ให้รุ่งโรจน์ชัชวาลใหม่อีกคำรบ
แม้ไม่สบอารมณ์ แต่จาร์รินผู้เคยเชื่อว่าจารีตตัวเอง คือความถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวของแมนดาลอร์
ไม่ใช่ผู้ชายใจแคบพอ จะเมินเฉยใส่คนที่เพิ่งช่วยชีวิต
ทายาทครีซเริ่มเล่าว่า ทราสค์คือตลาดมืด ซึ่งสิ่งของมากมายของชาวแมนดาลอร์ (ที่เคยโดนจักรวรรดิยึดหน้าด้าน ๆ) จะถูกส่งต่อไปขายทอดตลาด
เธอกับพรรคพวกเลยกำลัง ทำตัวเป็น 'โจรสลัด' ไล่ตบเอาสินทรัพย์ดาวตัวเองคืน
โบ-คาธาน ทำเพราะหวังทวงคืนดาวบ้านเกิด และฟื้นฟูอารยธรรมของลัทธินักสู้
เธอชวนจาร์รินเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ระยะยาว แต่พระเอกสนแค่เรื่องหาเจได, เธอจึงเปลี่ยนไป ยื่นข้อเสนอแบบม้วนเดียวจบ
คือเขาต้องช่วยทำภารกิจ ปล้นชิงสินค้าบนยานขนส่งของจักรวรรดิลำนึง เพื่อแลกกับข้อมูลของเจได
เมื่องานลุล่วง โบ-คาธาน ครีซ ก็แจ้งที่อยู่ "อาโซก้า ทาโน่" ให้ ตามสัญญา
ทว่ายานใบมีดโกนของพระเอก สภาพชำรุด ถึงขั้นสุดทน
เขาจึงจำใจยอมล่าช้า ขับยานมุ่งหน้ากลับไปพึ่ง เหล่าสหายบนเนวาร์โร
ดาวของกิลด์นักล่าเงินรางวัลเก่า ที่จาร์รินเค้าเคยสังกัด, เปลี่ยนไปเยอะ
เพราะสหายสตรี (คาร่า ดูน) ไล่กระทืบคนชั่วทั่วทิศ จนประชาชนแถวนั้น (และสาธารณรัฐใหม่) ให้เกียรติในฐานะ 'นายอำเภอ' ประจำถิ่น
แหล่งซ่องสุมของกิลด์นักล่าทรัพย์ ก็กลับกลายสภาพเป็น 'โรงเรียน' สำหรับสอนหนังสือเยาวชน
'กรีฟ คาร์กา' หาช่างมาซ่อมยานให้สหาย แบบทันใจ
และขอจาร์รินว่าในระหว่างรอ, เอ็งยอมมาช่วยข้าทำภารกิจบางอย่าง แลกค่าซ่อมได้หรือไม่
ภารกิจที่กรีฟกับดูนอยากให้จาร์รินช่วย คือการทำลายฐานทัพเก่าของจักรวรรดิ
ระหว่างปฏิบัติการ ข้อมูลสำคัญพลันปรากฏ, นั่นคือนี่เป็นศูนย์วิจัยลับ ที่โจทก์เก่าคนสำคัญ (มอฟฟ์ กิเดียน) คุม
มันเป็นจุดทดลองสร้างร่างโคลน ของจักรพรรดิพัลพาทีนผู้ล่วงลับ, และกิเดียนก็ยังมิถึงฆาต ตามที่พวกพระเอกเคยคาดหมาย
หลังใบมีดโกนซ่อมเสร็จ, จาร์รินบ่ายหน้าสู่ 'คอร์วัส' ดาวแห่งไพรวัน
จากนั้นเมื่อได้พบ, อาโซก้า ทาโน่ เริ่มการสื่อสารด้วยโทรจิต กับเด็กน้อยอายุ 50 ปี
เธอจึงทราบว่าเด็กคนนี้ชื่อโกรกู (Grogu) เคยใช้ชีวิตอยู่ในวิหารเจไดบนดาวเมืองหลวง (คอรัสซัง) และผ่านการสอนสั่งโดยอาจารย์เจได (Jedi master) มาแล้วหลายคน
ณ ช่วงเวลาที่สาธารณรัฐล่มจม และจักรวรรดิเถลิงอำนาจ
โกรกูซ่อนตัวอยู่ และใครบางคนจากในวิหาร เป็นผู้พาเขาเผ่นหนี
ความทรงจำของโกรกูขาดช่วง รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่ตามลำพัง
หลบๆ ซ่อนๆ ปิดบังความสามารถ ด้านการใช้ 'พลัง' หลายต่อหลายปี, จนทักษะด้านนี้เสื่อมถอย
อาโซก้าสัมผัสได้ถึงความผูกพัน ระหว่างจาร์รินกับโกรกู จึงปฏิเสธที่จะรับตัวเด็กมาฝึกฝน
แต่เพราะจาร์รินช่วยเจไดหญิง โค่นล้มทรราชสตรีที่ดาวนั้น, เขาเลยได้รับของขวัญเป็นอาวุธใหม่ (คทาเบสคาร์)
และคำแนะนำที่ให้พาโกรกู สู่ซากปรักหักพังของวิหารเจไดเก่า บนดาวไทธอน (Tython)
อาโซก้าเชื่อว่า หากโกรกูสัมผัสกับพลังแถววิหาร เขาจะพบหนทางที่ตนควรเดินหน้าต่อ
หรือไม่ก็มีเจไดอื่นสักคน (แม้เหลือน้อยเต็มทน) ตระหนักถึงเด็ก และมุ่งหน้ามารับตัวไปเป็นลูกศิษย์
จาร์รินอำลาเจไดหญิง ทำตามคำชี้แนะของหล่อน, แล้วระหว่างโกรกูนั่งสมาธิ แถววัดโบราณของนิกายเจไดนั่น
"โบบา เฟตต์" เจ้าของเกราะที่พระเอก ได้จากค็อบบ์ แวนท์ ก็โผล่มาขอคุยด้วย
โบบา เฟตต์กับ "เฟนเนค แชนด์" ที่เคยช่วยชีวิตไว้ จนกลายเป็นผู้ช่วย คอยติดสอยห้อยตาม
ยื่นข้อเสนอจะการันตี ความปลอดภัยแก่โกรกู (เพราะรู้ว่ามีการตั้งค่าหัวเด็กคนนี้ โดยกิเดียนอยู่)
เพื่อแลกกับการ ขอเกราะแมนดาโลเรี่ยนของตัวเอง คืนจากจาร์ริน
บังเอิญจังหวะพอดี๊พอดี กับที่ มอฟฟ์ กิเดียนเจ้าเก่าบุกมา, ส่งกองทัพลิ่วล้อ (สตอร์มทรูเปอร์) เข้าโจมตี
เพื่อชิงตัวเบบี้โยดาไปดูดโลหิต สำหรับใช้ในการทดลอง โคลนนิ่งจักรพรรดิ
แม้โบบากะเฟนเนคร่วมบู๊ แต่สุดท้ายโกรกู ยังถูกลักพาตัว
ดิน จาร์ริน ผู้สูญเสียยานอวกาศของตัวเอง ระหว่างการต่อสู้
จึงใช้บริการโบบา เฟตต์แท็กซี่ ขอโดยสารไปลงที่ดาวเนวาร์โร
เมื่อพบสหาย (คาร่า ดูน), เขาขอให้หล่อนใช้อำนาจ ในฐานะ 'นายอำเภอ'
เบิกตัว "มิกส์ เมย์เฟลด์" ที่น่าจะทราบวิธีค้นหาตำแหน่ง ยานประจำตัวของกิเดียน, ออกนอกคุก
เมย์เฟลด์ชี้ว่า แก๊งพระเอกควรมุ่งสู่ เหมืองแร่ลับบนดาวมอแร็ค (Morak)
เพราะแถวนั้นมีเทอร์มินัลสำหรับ ใช้เข้าดูข้อมูลภายในต่างๆ ของกองทัพจักรวรรดิ
อนึ่ง ฝ่ายศัตรูมีระบบรักษาความปลอดภัย อันใช้การสแกนใบหน้า
จึงเกิดสถานการณ์ที่จาร์ริน ต้องถอดหมวกออก (ขณะปลอมตัวเป็นสตอร์มทรูเปอร์) ยอมให้ทหารแถวนั้นเห็นรูปโฉม
ปล่อยเครื่องสแกนทำงาน แล้วจัดการสอดแท่งบันทึกข้อมูล ดึงตำแหน่งยานของศัตรูออกมา
แม้ถือว่าเคยบาดหมางกับพระเอก แต่เมย์เฟลด์ให้ความร่วมมือโดยดี แบบผิดคาด
จาร์รินกะคาร่า จึงมอบอิสรภาพแก่หมอนี่, เมย์เฟลด์ไม่ต้อง หวนเข้าคุกซ้ำอีก
พระเอกรวมรวมสมัครพรรคพวก เพื่อบุกยานรบศัตรู ชิงตัวโกรกูกลับ
โบ-คาธาน ครีซ ก็โดนทาบทามให้มาร่วมวง, แต่เธอยื่นข้อแลกเปลี่ยนว่า
อยากจัดการกับกิเดียนเอง, และจบงานนี้แล้ว ขอกระบี่แสงสีดำที่เจ้านั่นถือครอง
แถมจาร์รินต้องพิจารณาเรื่องช่วยหล่อน ฟื้นฟูความรุ่งเรืองของชาวแมนดาลอร์ทั้งปวง ใหม่อีกรอบด้วย
ในปฏิบัติการทวงคืนโกรกู, โบบา เฟตต์รับงานสารถี คอยขับยานอวกาศประจำตัวเวียนวนอยู่ เพื่อรักษาช่องทางหลบหนี
ส่วนบนยานของกิเดียน, พวกพ้องของพระเอก (กับโบคาธาน) ดันหาตัวกิเดียนไม่เจอตามแผน และเจอแต่ลิ่วล้อวิ่งเข้าใส่ ให้เก็บแต้มเล่น
พระเอกเลยต้องงัดคทาเบสคาร์ ออกมาฟาดกันตัวๆ กับกิเดียน, ผู้ถือครองกระบี่สีดำเอง
การที่พระเอกชนะศึกดวลกับกิเดียน ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ของโบคาธาน
เนื่องจากมันทำให้เขากลายเป็น ผู้ถือครองอันชอบธรรมคนล่าสุด
ของกระบี่ที่เป็น สัญลักษณ์แห่งอำนาจ เหนือแมนดาโลเรี่ยนทั้งมวล
แม้ปราบบอส กับพวกสตอร์มทรูเปอร์แล้ว แต่ใช่ว่าทุกคนพ้นภัย
เพราะไอ้คุณกิเดียน มีกองทัพหุ่นยนต์มหาประลัย (ดาร์คทรูเปอร์) รอใช้สอยอีกเพียบ
หุ่นเหล็กพวกนี้ร้ายกาจถึงขั้น แก๊งพระเอกเหลือทางเลือกเพียง
ยอมหมดลมโดยไม่ขัดขืน หรือสิ้นชีพแบบไว้ลายเท่านั้น
แต่การมาของยานรบขนาดเล็ก ที่มีปีกรูปตัว X แค่ลำเดียว ทำให้สถานการณ์พลิก
ผู้โดยสารมันคือเจได ที่สัมผัสได้ถึงโกรกู, ตั้งกะเมื่อตอนนั่งสมาธิ บนดาวไทธอนนู่น
บุรุษในตำนาน 'ลุค สกายวอล์คเกอร์' ตีฝ่ากองกำลังหุ่นมหาโหด ด้วยความเทพโคตร ราวกับเป็นตัวละครที่อยู่ผิดเรื่อง
แล้วพวกเครื่องจักรสังหารทั้งหมด ก็กลายเป็นเศษเหล็กเกลี้ยง
ลุคที่เดินทางมา พร้อมดรอยด์สีฟ้าเงิน อาร์ทูดีทู, ยินดีจะรับโกรกูไปสอนสั่งวิถีเจได
จาร์รินบอกลากับโกรกู ด้วยความซึ้ง, จากนั้นโบบา เฟตต์ ซึ่งได้เกราะคืนโดยดี
ก็ไปถล่มรังเก่าของแจ๊บบา เดอะ ฮัตต์, ยึดอดีตฐานทัพของเจ้าแห่งอาชญากรรมบนทาทูอีน เป็นของตัวเองกับมือขวา (เฟนเนค แชนด์) แทน
COMMENTS