อาชีพเจได ในความคิดของผู้คนส่วนใหญ่คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร ทว่าความจริงพวกเขามิได้ใช้เวลาส่วนมาก ไปกับการสู้เหล่าซิธลอร์ด หรือ...
อาชีพเจได ในความคิดของผู้คนส่วนใหญ่คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร
ทว่าความจริงพวกเขามิได้ใช้เวลาส่วนมาก ไปกับการสู้เหล่าซิธลอร์ด หรือช่วยสาธารณรัฐทำสงคราม
ชีวิตของนักบวชควบผู้พิทักษ์สันติพวกนี้ โดยปกติไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลกสักเท่าไหร่
แถมตารางเวลายังแน่นเอี้ยดแบบผิดคาด เนื่องจากนโยบายลัทธิที่บีบให้ต้องฝึกฝนร่างกาย, แสวงหาความรู้ รวมถึงคอยขัดเกลาจิตใจตนเองอยู่เสมอ
บทความแปลนี้ จะสำรวจกิจวัตรประจำวันของเจไดในระดับชั้นต่างๆ
โดยมองช่วงยุครุ่งเรืองที่สุดของพวกเขา (ไตรภาค Episode I-III)
เวลานั้นเด็กที่ถูกพบว่ามีพรสวรรค์ด้าน 'พลัง' จากทั่วทั้งกาแล็คซี่ จะถูกนำตัวไปเข้านิกายตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ซึ่งยิ่งเจอตัวตอนอายุน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี (ต่อให้เป็นทารกก็ตามที)
เพราะวิถีเจไดยุคดังกล่าวเน้นตัดขาดเรื่องทางโลก เพื่อตัดปัญหาการโดนพลังด้านมืดเข้าครอบงำ
[ปล.] สำหรับผู้สงสัยด้านความถูกต้อง ของข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในหนังหรือซีรีส์
ขอแจ้งว่าบทความต้นทาง อ้างอิงมาจากหนังสือซึ่งวางขายในต่างประเทศเป็นหลัก
วันธรรมดาๆ ของเจไดเด็กในขั้นแรกสุดจะเกี่ยวข้องกับการศึกษา เป็นต้นว่า ทฤษฎีด้านพลัง หรือระเบียบปฏิบัติของลัทธิเจได
โดยครูผู้สอนซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเจได และแนะแนววิธีเชื่อมต่อ (+ใช้) พลังให้
เท่านั้นไม่พอ พวกเด็กๆ ยังต้องเรียนรู้เรื่องกฎหมาย, การเมืองการปกครอง, วัฒนธรรม, ภาษา และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ในระดับกาแล็คซี่
เพื่อให้พร้อมที่จะเผชิญทุกสถานการณ์ในวันข้างหน้า
ถัดจากลับสมอง ก็ต้องฝึกฝนร่างกาย (หลังได้ทานมื้อเที่ยงเพิ่มพละกำลัง)
การฝึกอย่างนึงคือวิธีใช้ไลท์เซเบอร์ต่อสู้ ซึ่งเราจะเห็นในภาพยนตร์ Episode II: Attack of the Clones
หนังแสดงฉากปรมาจารย์โยดา สอนบรรดาลูกศิษย์ตัวจ้อยใช้กระบี่แสงให้ดูจะๆ
แต่นั่นก็แค่ส่วนนึงของการขัดเกลาตน เพราะนอกจอภาพยนตร์เหล่าเด็กๆ จะมีกิจกรรมออกกำลัง สร้างความกระฉับกระเฉงให้ร่างกายมากกว่านั้นอีกเยอะ
เรื่องยากสุดสำหรับเด็กอาจเป็นการอยู่นิ่งๆ ... แต่พวก Younglings จะโดนจับนั่งสมาธิ 5 รอบต่อวัน
เหตุผลคือสมาธิสำคัญต่อเจไดนัก, มันช่วยเสริมการควบคุมตัวเอง และยกระดับความสัมพันธ์กับ 'พลัง' ได้ดียิ่ง
และก็ราวกับชีวิตเด็กน้อยยังไม่ยากพอ เพราะวิหารเจไดบนดาวคอรัสซังช่างกว้างใหญ่ไพศาล
Younglings จำเป็นต้องจดจำแผนผัง+เส้นทางทั้งหมดให้ได้
บางครั้งก็ถูกมอบหมายให้ค้นคว้าข้อมูล ตามบันทึกและสิ่งของเก่าๆ เป็นการบ้าน
เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการเดินทางและออกสำรวจ ของเหล่าอนาคตเจได
Younglings จึงไม่มีงานอดิเรกหรือเวลาเล่นสนุกใดๆ แบบเด็กทั่วไป
แค่จดจำเส้นทางในวิหาร, นั่งสมาธิหลายรอบ, เรียนหนังสือ, ออกกำลัง ก็ใช้เวลาหมดวันแล้ว
อย่างไรก็ตาม, พวกเจไดเด็กมีกลุ่มเพื่อนที่ความสัมพันธ์แน้นแฟ้นปานครอบครัวอยู่
เนื่องจากพวกเขาจะโดนแบ่งเป็นหลายๆ กลุ่ม เพื่อความง่ายต่อการสอน (อารมณ์เดียวกับการแบ่งห้องนักเรียนของเรา)
กลุ่มนึงจะมีสมาชิกประมาณ 10-20 คน ทุกคนจะกิน, นอน, ฝึกฝนร่วมกัน และช่วยติววิชาที่เพื่อนไม่ถนัดให้
หลังจบการศึกษาจากสถาบัน, กิจวัตรประจำวันของเจไดจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่หลงเหลือตารางเวลาที่แน่นเอี้ยดจนชวนอึดอัดอีก
เจไดพาดาวันจะโดนจับคู่กับเจไดระดับอัศวิน (Knight) หรือระดับอาจารย์ (Master) เรียนรู้สรรพวิชาผ่านการสอนแบบตัวต่อตัว
แต่ถ้าเห็นว่าตัวเองไม่เหมาะกับวิถีนักสู้, เจไดเด็กที่เรียนจบสามารถเลือกเส้นทางชีวิตอีกแบบได้
คือไปอยู่หน่วยสนับสนุนเจได (The Jedi Service Corps.) ซึ่งมี 4 แผนก
จะถนัดสำรวจ, ทำการเกษตร, รักษาพยาบาล หรือย้ายไปแผนกวิชาการ เพื่ออบรม Younglings รุ่นถัดๆ จากตัวเอง ก็เลือกเอาตามสบาย
พาดาวันที่ครูของเขาเห็นว่าผ่านการอบรมมากพอ จนคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว
จะต้องผ่านด่านทดสอบหลายประการ ที่จะพิจารณาพื้นฐานการทำงานร่วมกันเป็นทีม
การรับมือความโดดเดี่ยว, ความกลัว, ความโกรธ, การทรยศ
ทดสอบสมาธิ, สัญชาตญาณ, การรู้จักให้อภัย และการปกป้อง
ที่ตัวของพาดาวันนั้นมีอยู่ ก่อนเลื่อนขั้นสู่ระดับชั้นอัศวิน และโผบินสู่โลกภายนอกด้วยตัวเอง
อัศวินเจไดจะสามารถเลือกสายงานตามความถนัดของตนได้
ซึ่งมีอยู่ 3 สาย ได้แก่ผู้พิทักษ์ (Guardian), กงสุล (Consular) และอารักขา (Sentinel)
สายงานที่เป็นหน้าเป็นตาของอาชีพเจได คอยตระเวนไปทั่วกาแล็คซี่, ยุติความขัดแย้งต่างๆ และพิทักษ์ผู้อ่อนแอ
พวกเขาคล้ายตำรวจอวกาศที่คอยรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายสาธารณรัฐ และทำให้หลายพิภพในจักรวาลสงบสุข ด้วยทักษะพะบู๊+ควงกระบี่แสงชั้นเลิศ
การเป็นเจไดผู้พิทักษ์ค่อนข้างเปลืองพลังงาน (เดินทางสลับกับต่อสู้ตลอด)
การหมั่นบริหารร่างกายวันละหลายชั่วโมงให้ตนฟิตปั๋ง จึงขาดมิได้
ผู้เชื่อมสัมพันธ์/นักการทูตของสภาเจได, พวกเขาใช้เวลาฝึกสมาธิเพื่อการเข้าถึงพลัง มากกว่าลับคมทักษะด้านต่อสู้
คนเหล่านี้คือนักเจรจา และความรับผิดชอบหลักคือภารกิจด้านการเมือง
พวกเขาเป็นเหมือนตัวแทนของสาธารณรัฐและสภาเจได ที่ไปเยือนดาวต่างๆ และพยายามยุติข้อพิพาทด้วยสันติวิธี
อีกหน้าที่ของเจไดกงสุล คือค้ำจุนภูมิความรู้ของนิกาย และแสวงหาความก้าวหน้าใหม่ๆ ด้านวิชาการ
กิจวัตรประจำวันของกงสุลขึ้นอยู่กับภารกิจที่เจ้าตัวกำลังทำ ฉะนั้นจึงยืดหยุ่นและยากจะอธิบาย
แต่เอาเป็นว่าเจไดสายงานนี้ มักใช้เวลาส่วนใหญ่ค้นคว้าเรื่องโน่นนี่ และนั่งสมาธิฝึกจิตใจเยอะกว่าเจไดสายงานอื่นนั่นแหละ
วิธีใช้ชีวิตของเจไดอารักขาอยู่ตรงกลางระหว่าง ผู้พิทักษ์กับกงสุล
พวกนี้เน้นค้นคว้าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 'พลัง' และเรียนรู้ทักษะสำหรับจัดการปัญหาในลักษณะลงมือทำ
จนมักได้รับภารกิจที่ต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหรือติดตามบางอย่าง และอาจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันตรงหน้างาน
กิจวัตรของพวกเขาคือเกณฑ์คนหน้าใหม่เข้าลัทธิ, ไล่ล่าผู้หลงผิดใช้พลังด้านมืด, ปกป้องกฎระเบียบภายในนิกาย หรือไม่ก็อยู่กับเหย้า ยืนเฝ้าอารักขาวิหาร
ทว่าความจริงพวกเขามิได้ใช้เวลาส่วนมาก ไปกับการสู้เหล่าซิธลอร์ด หรือช่วยสาธารณรัฐทำสงคราม
ชีวิตของนักบวชควบผู้พิทักษ์สันติพวกนี้ โดยปกติไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลกสักเท่าไหร่
แถมตารางเวลายังแน่นเอี้ยดแบบผิดคาด เนื่องจากนโยบายลัทธิที่บีบให้ต้องฝึกฝนร่างกาย, แสวงหาความรู้ รวมถึงคอยขัดเกลาจิตใจตนเองอยู่เสมอ
บทความแปลนี้ จะสำรวจกิจวัตรประจำวันของเจไดในระดับชั้นต่างๆ
โดยมองช่วงยุครุ่งเรืองที่สุดของพวกเขา (ไตรภาค Episode I-III)
เวลานั้นเด็กที่ถูกพบว่ามีพรสวรรค์ด้าน 'พลัง' จากทั่วทั้งกาแล็คซี่ จะถูกนำตัวไปเข้านิกายตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ซึ่งยิ่งเจอตัวตอนอายุน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี (ต่อให้เป็นทารกก็ตามที)
เพราะวิถีเจไดยุคดังกล่าวเน้นตัดขาดเรื่องทางโลก เพื่อตัดปัญหาการโดนพลังด้านมืดเข้าครอบงำ
[ปล.] สำหรับผู้สงสัยด้านความถูกต้อง ของข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในหนังหรือซีรีส์
ขอแจ้งว่าบทความต้นทาง อ้างอิงมาจากหนังสือซึ่งวางขายในต่างประเทศเป็นหลัก
เจไดเด็ก (Younglings)
วันธรรมดาๆ ของเจไดเด็กในขั้นแรกสุดจะเกี่ยวข้องกับการศึกษา เป็นต้นว่า ทฤษฎีด้านพลัง หรือระเบียบปฏิบัติของลัทธิเจได
โดยครูผู้สอนซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเจได และแนะแนววิธีเชื่อมต่อ (+ใช้) พลังให้
เท่านั้นไม่พอ พวกเด็กๆ ยังต้องเรียนรู้เรื่องกฎหมาย, การเมืองการปกครอง, วัฒนธรรม, ภาษา และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ในระดับกาแล็คซี่
เพื่อให้พร้อมที่จะเผชิญทุกสถานการณ์ในวันข้างหน้า
ถัดจากลับสมอง ก็ต้องฝึกฝนร่างกาย (หลังได้ทานมื้อเที่ยงเพิ่มพละกำลัง)
การฝึกอย่างนึงคือวิธีใช้ไลท์เซเบอร์ต่อสู้ ซึ่งเราจะเห็นในภาพยนตร์ Episode II: Attack of the Clones
หนังแสดงฉากปรมาจารย์โยดา สอนบรรดาลูกศิษย์ตัวจ้อยใช้กระบี่แสงให้ดูจะๆ
แต่นั่นก็แค่ส่วนนึงของการขัดเกลาตน เพราะนอกจอภาพยนตร์เหล่าเด็กๆ จะมีกิจกรรมออกกำลัง สร้างความกระฉับกระเฉงให้ร่างกายมากกว่านั้นอีกเยอะ
เรื่องยากสุดสำหรับเด็กอาจเป็นการอยู่นิ่งๆ ... แต่พวก Younglings จะโดนจับนั่งสมาธิ 5 รอบต่อวัน
เหตุผลคือสมาธิสำคัญต่อเจไดนัก, มันช่วยเสริมการควบคุมตัวเอง และยกระดับความสัมพันธ์กับ 'พลัง' ได้ดียิ่ง
และก็ราวกับชีวิตเด็กน้อยยังไม่ยากพอ เพราะวิหารเจไดบนดาวคอรัสซังช่างกว้างใหญ่ไพศาล
Younglings จำเป็นต้องจดจำแผนผัง+เส้นทางทั้งหมดให้ได้
บางครั้งก็ถูกมอบหมายให้ค้นคว้าข้อมูล ตามบันทึกและสิ่งของเก่าๆ เป็นการบ้าน
เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการเดินทางและออกสำรวจ ของเหล่าอนาคตเจได
Younglings จึงไม่มีงานอดิเรกหรือเวลาเล่นสนุกใดๆ แบบเด็กทั่วไป
แค่จดจำเส้นทางในวิหาร, นั่งสมาธิหลายรอบ, เรียนหนังสือ, ออกกำลัง ก็ใช้เวลาหมดวันแล้ว
อย่างไรก็ตาม, พวกเจไดเด็กมีกลุ่มเพื่อนที่ความสัมพันธ์แน้นแฟ้นปานครอบครัวอยู่
เนื่องจากพวกเขาจะโดนแบ่งเป็นหลายๆ กลุ่ม เพื่อความง่ายต่อการสอน (อารมณ์เดียวกับการแบ่งห้องนักเรียนของเรา)
กลุ่มนึงจะมีสมาชิกประมาณ 10-20 คน ทุกคนจะกิน, นอน, ฝึกฝนร่วมกัน และช่วยติววิชาที่เพื่อนไม่ถนัดให้
ลูกศิษย์ (Padawan)
หลังจบการศึกษาจากสถาบัน, กิจวัตรประจำวันของเจไดจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่หลงเหลือตารางเวลาที่แน่นเอี้ยดจนชวนอึดอัดอีก
เจไดพาดาวันจะโดนจับคู่กับเจไดระดับอัศวิน (Knight) หรือระดับอาจารย์ (Master) เรียนรู้สรรพวิชาผ่านการสอนแบบตัวต่อตัว
แต่ถ้าเห็นว่าตัวเองไม่เหมาะกับวิถีนักสู้, เจไดเด็กที่เรียนจบสามารถเลือกเส้นทางชีวิตอีกแบบได้
คือไปอยู่หน่วยสนับสนุนเจได (The Jedi Service Corps.) ซึ่งมี 4 แผนก
จะถนัดสำรวจ, ทำการเกษตร, รักษาพยาบาล หรือย้ายไปแผนกวิชาการ เพื่ออบรม Younglings รุ่นถัดๆ จากตัวเอง ก็เลือกเอาตามสบาย
อัศวินเจได (Jedi Knights)
พาดาวันที่ครูของเขาเห็นว่าผ่านการอบรมมากพอ จนคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว
จะต้องผ่านด่านทดสอบหลายประการ ที่จะพิจารณาพื้นฐานการทำงานร่วมกันเป็นทีม
การรับมือความโดดเดี่ยว, ความกลัว, ความโกรธ, การทรยศ
ทดสอบสมาธิ, สัญชาตญาณ, การรู้จักให้อภัย และการปกป้อง
ที่ตัวของพาดาวันนั้นมีอยู่ ก่อนเลื่อนขั้นสู่ระดับชั้นอัศวิน และโผบินสู่โลกภายนอกด้วยตัวเอง
อัศวินเจไดจะสามารถเลือกสายงานตามความถนัดของตนได้
ซึ่งมีอยู่ 3 สาย ได้แก่ผู้พิทักษ์ (Guardian), กงสุล (Consular) และอารักขา (Sentinel)
ผู้พิทักษ์สันติ (Guardians)
สายงานที่เป็นหน้าเป็นตาของอาชีพเจได คอยตระเวนไปทั่วกาแล็คซี่, ยุติความขัดแย้งต่างๆ และพิทักษ์ผู้อ่อนแอ
พวกเขาคล้ายตำรวจอวกาศที่คอยรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายสาธารณรัฐ และทำให้หลายพิภพในจักรวาลสงบสุข ด้วยทักษะพะบู๊+ควงกระบี่แสงชั้นเลิศ
การเป็นเจไดผู้พิทักษ์ค่อนข้างเปลืองพลังงาน (เดินทางสลับกับต่อสู้ตลอด)
การหมั่นบริหารร่างกายวันละหลายชั่วโมงให้ตนฟิตปั๋ง จึงขาดมิได้
กงสุล (Consulars)
ผู้เชื่อมสัมพันธ์/นักการทูตของสภาเจได, พวกเขาใช้เวลาฝึกสมาธิเพื่อการเข้าถึงพลัง มากกว่าลับคมทักษะด้านต่อสู้
คนเหล่านี้คือนักเจรจา และความรับผิดชอบหลักคือภารกิจด้านการเมือง
พวกเขาเป็นเหมือนตัวแทนของสาธารณรัฐและสภาเจได ที่ไปเยือนดาวต่างๆ และพยายามยุติข้อพิพาทด้วยสันติวิธี
อีกหน้าที่ของเจไดกงสุล คือค้ำจุนภูมิความรู้ของนิกาย และแสวงหาความก้าวหน้าใหม่ๆ ด้านวิชาการ
กิจวัตรประจำวันของกงสุลขึ้นอยู่กับภารกิจที่เจ้าตัวกำลังทำ ฉะนั้นจึงยืดหยุ่นและยากจะอธิบาย
แต่เอาเป็นว่าเจไดสายงานนี้ มักใช้เวลาส่วนใหญ่ค้นคว้าเรื่องโน่นนี่ และนั่งสมาธิฝึกจิตใจเยอะกว่าเจไดสายงานอื่นนั่นแหละ
หน่วยอารักขา (The Sentinels)
วิธีใช้ชีวิตของเจไดอารักขาอยู่ตรงกลางระหว่าง ผู้พิทักษ์กับกงสุล
พวกนี้เน้นค้นคว้าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 'พลัง' และเรียนรู้ทักษะสำหรับจัดการปัญหาในลักษณะลงมือทำ
จนมักได้รับภารกิจที่ต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหรือติดตามบางอย่าง และอาจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันตรงหน้างาน
กิจวัตรของพวกเขาคือเกณฑ์คนหน้าใหม่เข้าลัทธิ, ไล่ล่าผู้หลงผิดใช้พลังด้านมืด, ปกป้องกฎระเบียบภายในนิกาย หรือไม่ก็อยู่กับเหย้า ยืนเฝ้าอารักขาวิหาร
อาจารย์เจได (Jedi Masters)
เมื่ออาวุโส, ประสบการณ์ หรือผลงานเป็นที่ประจักษ์
เจไดบางคนจะได้รับเลือกให้อยู่ในตำแหน่งสุดพิเศษของสภา
อาจารย์เจไดเหล่านี้จะมีหน้าที่บริหารจัดการ, สอนพวก Younglings และออกคำสั่งสมาชิกนิกายคนอื่นๆ เพิ่มเติมขึ้นมา
พวกเขามักกระจายตัวกันออกไปทั่วจักรวาล เพราะขอบเขตรับผิดชอบในงานกว้างขวางกว่าตอนเป็นอัศวินมาก
ที่มา https://www.ranker.com/list/daily-life-of-a-jedi/nathan-gibson
COMMENTS