เด็กชายไมเคิล มอร์เบียส ที่ป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม, จนติดแหงก ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ ได้พบเพื่อนข้างเตียงคนใหม่วัยไล่เลี่ย ชื่อลู...
เด็กชายไมเคิล มอร์เบียส ที่ป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม, จนติดแหงก ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ
ได้พบเพื่อนข้างเตียงคนใหม่วัยไล่เลี่ย ชื่อลูเชียน (Lucien) ตอนอายุ 10 ขวบ
มอร์เบียสตั้งชื่อเล่นให้เด็กชายข้างเตียงว่าไมโล (Milo) ซึ่งหมายถึงเกลอจ๋า, ที่รัก หรือทหารหาญ
น่าจะสื่อว่าจากนี้ทั้งสอง จะปลุกความกล้า เผชิญหน้าโรคเลือดหายากแต่กำเนิดร่วมกันเสมอ
เพราะทั้งสองกลายเป็นดั่ง พี่น้องร่วมสาบาน, แม้ต้องอาศัยอยู่ไกลห่างกันภายหลัง
พวกเขาจำแยกจาก เพราะพรสวรรค์ด้านสติปัญญามอร์เบียส ไปเตะตาผู้ใหญ่เข้า
จึงได้รับทุนการศึกษา ให้ข้ามน้ำข้ามทะเล สู่โรงเรียนแพทย์ในมหานครนิวยอร์ค
แต่ 25 ปีถัดมา ปรากฏว่าไมโล/ลูเชียนคือ ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีแหง
เพราะถึงไม่เห็นว่า ได้ทำงานทำการอะไร เขากลับเป็นสปอนเซอร์หลัก
ของโครงการวิจัยเพื่อหาวิธี รักษาโรคเลือดหายาก ซึ่งมอร์เบียสกำลังค้นคว้าซะนี่
มอร์เบียสวัยผู้ใหญ่ ถูกเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบล จากการคิดค้นโลหิตสังเคราะห์
เลือดเทียมมีคุณประโยชน์ด้านการแพทย์สูง, แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายแท้จริงของมอร์เบียส
เขาจึงไม่สนใจจะรับรางวัล และหันไปหมกมุ่นกับ
พวกค้างคาวแวมไพร์ ที่ดื่มเลือดเพื่อยังชีพต่อ
มอร์เบียสผู้ขาเป๋จ้างคน ให้พาไปประเทศคอสตาริกา
และจับค้างคาวดูดเลือด กลับอเมริกามาเป็นฝูง
ด็อกเตอร์มอร์เบียส ศึกษาจนเชื่อว่า การผสมดีเอ็นเอของพวกมัน
กับมนุษย์ที่ป่วยเป็นโรคเลือดแบบเขา คือหนทางแห่งการเยียวยา
ต่อมาเขาโน้มน้าวให้หมอหญิงเพื่อนร่วมงาน (และคนที่ปิ๊งรัก) อย่างมาร์ทีน แบนครอฟท์
ยอมช่วยทำการทดลองเถื่อน บนเรือบรรทุกสินค้า, ซึ่งลอยลำแถวน่านน้ำสากล เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย
การผสมดีเอ็นเอของค้างคาวกับมนุษย์ โดยใช้มอร์เบียสเป็นตัวทดลอง สัมฤทธิ์ผล
แต่กลุ่มทหารรับจ้าง (ที่จ้างมาดูแลเรือ และทำงานจิปาถะ)
ดันเปิดฉากยิงใส่ค้างคาวมนุษย์กะทันหัน (เพราะความหวาดกลัว)
พวกนี้จึงโดนมอร์เบียส (ที่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้) ไล่ฆ่าและสูบโลหิตจนหมดร่าง ตายเรียบ
มอร์เบียส & มาร์ทีน กลับสู่นิวยอร์ค, โดยมอร์เบียสค้นพบว่า ไม่เพียงตนหายพิการ
แต่เขามีทั้ง พละกำลัง, ความเร็ว, การตอบสนอง อันเหนือมนุษย์
การรับรู้ตำแหน่งวัตถุ จากเสียงสะท้อน (echolocation)
และพวกค้างคาวทั่วไปปฏิบัติด้วยเหมือน เขาเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน
ทว่ามันคือ "คำสาป" เนื่องจากเขาต้อง หันมากินเลือดเพื่อยังชีพ
มอร์เบียสพยายาม ต่อต้านสัญชาตญาณดิบ โดยดื่มโลหิตเทียม
แต่มันดับความกระหายของเขา ได้เพียงชั่วคราว, และช่วงระยะที่เว้นห่างก็สั้นลงเรื่อย ๆ
เมื่อไมโลรู้ว่าการทดลองสำเร็จ และต้องการหายเป๋แบบมอร์เบียสบ้าง จึงโดนปฏิเสธ
ไมโลไม่ยอมฟังคำมอร์เบียส และขโมยเซรุ่มดีเอ็นเอค้างคาว ไปฉีดเข้าร่าง
ไมโลไม่สนใจจะควบคุมตัวเอง แบบเพื่อนซี้, เขาเริ่มต้นออกอาละวาด
ดูดเลือดมนุษย์จนแห้งตาย โดยไม่แคร์ว่าทำร้ายใครบ้าง
ตำรวจสายสืบของเอฟบีไออย่าง ไซมอน สเตราด์ (Simon Stroud) กับคู่หูเริ่มการสอบสวน
แต่พวกเขาเข้าใจว่า ทั้งเหตุทหารรับจ้างเลวๆ บนเรือตายหมู่ และผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าในนิวยอร์ค
ล้วนเป็นฝีมือของ หมอมอร์เบียสผู้คลุ้มคลั่งหมด
มอร์เบียสกลายเป็นผู้ร้าย โดนตำรวจหมายหัว
แต่ด้วยตระหนักว่าควร หยุดการกระทำผิดของเพื่อนสมัยเด็กเอง
เขาจึงยึดรังของแก๊งพิมพ์แบงค์ปลอม และเปลี่ยนมันเป็นห้องแล็บชั่วคราว
สังเคราะห์ยาพิษสำหรับ ทำการสังหารแวมไพร์โดยเฉพาะขึ้น
ระหว่างนี้ปรากฏว่า มาร์ทีนโดนไมโลลักพาตัว เพื่อยั่วให้มอร์เบียสไปสู้
มอร์เบียสเลยรีบ มุ่งเข้าเผชิญหน้าเพื่อนรัก และถูกหมอนั่นหักเหลี่ยมโหด
ด้วยการสร้างบาดแผลฉกรรจ์ บนร่างของมาร์ทีน
มาร์ทีนขอให้มอร์เบียส ดูดเลือดจากหล่อน เพื่อเพิ่มพลังก่อนทำศึก
มอร์เบียสผู้ไม่อยากปล่อยชีวิตคนรักสูญเปล่า จำใจกินเลือดเธอ ก่อนตีจาก
เขาเผลอทำเลือดตัวเองปนเปื้อน ลงไปในร่างสาว, แถมไม่ได้สูบโลหิตหล่อนจนแห้งตาย
จึงไม่ตระหนักว่า นี่คือการเปลี่ยนหล่อน สู่สถานะแวมไพร์คนใหม่
ไมโลพยายามฆ่ามอร์เบียส, แต่อีกฝ่ายเรียกฝูงค้างคาวมาจู่โจมกดดัน และฉีดยาพิษใส่
มอร์เบียสที่ฆ่าไมโลแล้ว (นึกว่า) ตัวเองไม่เหลือคนสำคัญ
ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวต่อ ในฐานะผู้ร้ายหลบหนี
ตรงฉากแถมท้ายของภาพยนตร์, เอเดรียน ทูมส์ จาก MCU ถูกส่งมาจักรวาลของมอร์เบียส (และเวน่อม)
ช่วงเดียวกับที่คนทั้ง MCU ถูกทำให้ลืมว่าปีเตอร์ พาร์คเกอร์ = สไปเดอร์แมน
เจ้าตัวรู้แค่ว่า น่าจะเป็นผลกระทบจาก การทราบตัวจริงของไอ้แมงมุม
แต่ที่แน่ๆ คือเขาโผล่มาในเรือนจำ ของอีกจักรวาล
จึงหมายความว่า ไม่ใช่ผู้กระทำผิดกฎหมายของที่นี่, ไม่นานเลยได้รับการปล่อยตัว
หลังจากนั้น ณ ช่วงเวลาซึ่งมิทราบแน่ชัด
เอเดรียน ทูมส์ ผู้มีชุดแร้งไฮเทคใหม่แล้ว (ได้มาอีท่าไหนยังไม่ทราบ)
ติดต่อมอร์เบียส เพื่อชักชวนให้เป็นพวกเดียวกัน
COMMENTS