เจมส์ กันน์ สร้างชื่อจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ Guardians of the Galaxy ของค่ายมาร์เวลสองภาค ก่อนพฤติกรรมสมัยเป็นเกรียนคีย์บอร์ดนิสัยทรามจะถูกต...
เจมส์ กันน์ สร้างชื่อจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ Guardians of the Galaxy ของค่ายมาร์เวลสองภาค
ก่อนพฤติกรรมสมัยเป็นเกรียนคีย์บอร์ดนิสัยทรามจะถูกตีแผ่ จนดิสนีย์ขับออกจากตำแหน่งผู้กำกับ Guardians of the Galaxy ภาค 3 และดูเหมือนอนาคตดับวูบแหง
ทว่าเพราะค่ายคู่แข่งเล็งเห็นความสามารถ ประกอบกับเจ้าตัวแสดงอาการสำนึกผิดอย่างชัดแจ้ง
สุดท้ายแล้วเขาจึงได้นั่งแท่นกำกับ (ภาคต่อกึ่งยกเครื่องใหม่) ของทีมพลีชีพมหาร้าย (Suicide Squad) ที่คือส่วนหนึ่งของจักรวาลภาพยนตร์ DC, ผลิตซีรีส์ภาคแยกจากหนัง (Peacemaker)
แถมได้โอกาสกลับไปทำ Guardians ภาค 3 อีกต่างหาก
บทสัมภาษณ์นี้แปลจากของทาง Variety มีการตัดต่อเนื้อหาตามวิจารณญาณส่วนตัว
นอกจากประเด็นตามชื่อบทความ ก็มีความเห็นต่อวงการสตรีมมิ่งของเจมส์ กันน์ด้วย ในช่วงท้ายสุดของเนื้อหา
คุณเปิดฉากด้วยการเชือดเกือบทุกตัวละคร ที่ออกมาแนะนำตัวช่วงแรกของภาพยนตร์, ได้คิดเรื่องนี้ไว้แต่ต้นไหม ?
ใช่, ตั้งแต่เริ่ม สมัยเข้าไปคุยกับวอร์เนอร์ครั้งแรกโน่นเลย
พวกเขายังไม่รู้ว่าแบล็คการ์ด (Blackguard) เป็นใครด้วยซ้ำ ผมจึงเอาภาพจากคอมมิคไปนำเสนอ
ผมแผ่รูปจำนวนมากบนโต๊ะ แล้วเล่าพล็อตหนังที่คิดไว้
พวกเขานึกว่าทั้งหมดคือสมาชิกทีมพลีชีพ ซึ่งจะมีบทบาทตลอดทั้งภาพยนตร์... จนกระทั่งเห็นสตอรี่บอร์ดที่ตัวละคร โดนฆ่าตัดตอนตายเกลี้ยง
เคยนึกจะให้ฮาลีย์ ควินน์ หรือบลัดสปอร์ต (ไอดริส เอลบาร์) ถึงฆาตมั้ย ? หรือไม่ก็ปล่อยทุกตัวละครตายหมดจริง ?
ไม่, ไม่เคยสักนิด แต่มีการเปลี่ยนตัวคนตายบ้างอยู่ เช่น จากที่ผมตั้งใจให้ตอนจบมีตัวละครที่รอดแบบเซอร์ไพรส์ 1 กับตัวละครที่ตายกะทันหัน 1
เดิมทีคนตายต้องเป็นแรทแคทเชอร์ 2 (สาวผู้บงการฝูงหนู) แต่เธอน่ารัก จนถ้าดับดิ้นแล้วหนังจะดาร์คเกินทน
หวยเลยไปลงตรงโพลคา-ด็อตแมน แทน... แม้ผมไม่ได้เกลียดชังอะไรนายโพลกา-ด็อตเขา
คุณแจ้งวอร์เนอร์ไว้ชัดเจนแต่เนิ่นๆ ว่าเงื่อนไขที่จะทำให้ยอมกำกับ The Suicide Squad คือมันต้องเรต R
นี่เป็นเพราะเรื่องที่เดวิด เอเยอร์ ขัดแย้งกับสตูดิโอ ตอนผลิต "Suicide Squad" ภาคแรกหรือเปล่า ?
ผมไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งอยู่ที่แอตแลนต้า เพื่อเริ่มการผลิตภาพยนตร์
ทันทีที่มีการประกาศว่าผมจะสร้างหนังเรื่องนี้, เดวิด เอเยอร์ก็มีท่าทียินดี
ช่วงนั้นผมมิได้เล่นทวิตเตอร์ หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นเท่าไหร่
แต่ตอนไปถึงแอตแลนต้า เดวิดได้เล่าประสบการณ์ทำงานในหนังเรื่องก่อนหน้าให้ฟัง
เขาเล่าถึงกระบวนการสร้างสรรค์ ทำให้ผมมองภาพใหญ่และวิธีที่ควรใช้ผลิตผลงานออก หลังสนทนา
ผมคิดว่าผู้คนรอบตัวเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นปีเตอร์ ซาฟรานหรือชาร์ลส์ โรเวน (ผู้อำนวยการผลิต), ผมมั่นใจในตัววอลเทอร์ ฮามาดะ (ผู้นำการผลิตหนังดีซี)
เวลานั้นพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง ในการสร้างหนังของเดวิด เอเยอร์
ช่วงต้นของภาพยนตร์, ทีมที่นำโดยบลัดสปอร์ต สังหารหมู่ทหารกองโจร (ส่วนใหญ่คือฝีมือบลัดสปอร์ตกับพีซเมคเกอร์ ซึ่งแข่งกันโชว์เหนือ) ก่อนตระหนักว่าที่เชือดทิ้งหมดนั่นคือคนดี
จากนั้นริค แฟล็คก็สิ้นหวัง เพราะได้รู้ว่าการทดลองสยองขวัญอันเกี่ยวพันกับเอเลี่ยนปลาดาว (Starro) และชีวิตผู้คนหลายร้อย มีรัฐบาลอเมริกันคอยชักใยเบื้องหลัง
รู้สึกว่าหนังเล่นท่ายากอยู่ คุณมีปัญหาในการพยายามนำเสนอบ้างไหม ?
มีสิครับ, กรณีบลัดสปอร์ตกับพีซเมคเกอร์นี่ก็ยุ่งยากนะ
ผมชอบฉากนั้นเพราะมันตลกและแสดงหัวใจของภาพยนตร์ ออกมาได้อย่างโดดเด่น
สำหรับผม หนังคือเส้นทางเรียนรู้ วิถีลูกผู้ชายและผู้นำของนายบลัดสปอร์ต หลังจากเคยเป็นแค่คนเลวมาตลอด
ทางเดียวที่จะทำสำเร็จคือต้องก้าวข้าม ความอ่อนแอภายใน
ซึ่งฉากผลัดกันเล่นท่ายาก วางเขื่องใส่กันของทั้งสอง บอกวิธีที่ล้มเหลวได้ดี
แต่ขนาดผมถ่ายทำเอง ตอนรับชมจริงยังอดคิดไม่ได้เลยว่า "บ้าเอ๊ยทำเกินไปเปล่าวะ ?"
ผมจึงเติมฉากอแมนด้า วอลเลอร์สั่งพวกนั้นไปแคมป์และฆ่าทุกคน ลงในหนัง
จะได้กลายเป็นว่าเหตุเกิดเพราะคำสั่งของเธอ (ซึ่งเป็นเหมือนผู้ร้ายตัวจริงของภาพยนตร์)
ส่วนเหตุการณ์เกี่ยวกับการทดลองเอเลี่ยน ที่ต้องระวังคือไม่ควรให้พาร์ทการเมือง ดึงความสนใจคนดูจากเนื้อเรื่องมากเกินไป
ฉะนั้นฉากที่เห็นภาพโรนัลด์ เรแกน (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ) จับมือกับอดีตประธานาธิบดีของคอร์โต มอลทีส (Corto Maltese) ชัดเจน จึงโดนตัดทิ้ง
คุณพาฮาลีย์ ควินน์ผ่านการผจญภัยที่น่าสนใจ, ฮาลีย์เคยรักกับโจ๊กเกอร์ และแยกทางกับเขาก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ Birds of Prey (2020) เล็กน้อย
จากนั้นก็มาตกหลุมรักจอมเผด็จการในเรื่องนี้ ก่อนฆาตกรรมเขาเพราะตระหนักว่า หมอนี่คล้ายโจ๊กเกอร์หลายอย่าง
ขอบอกอย่างซื่อสัตย์ว่า ผมไม่ทราบเนื้อหาของ Birds of Prey ระหว่างเขียนบทหนังเรื่องนี้ และไปรู้เรื่องเธอแยกทางกับโจ๊กเกอร์ทีหลัง
ผมแค่รู้ว่า ฮาลีย์มีความสัมพันธ์อันยากจะตัดขาดกับโจ๊กเกอร์ และต้องการให้เธอตัดมันขาดสำเร็จด้วยดี (ดีในแบบของเธอน่ะนะ)
เธอจะได้มีชีวิตของตัวเอง ในแบบที่อิสระจากพวกผู้ชาย
ตอนฮาร์ลีย์อาละวาดเพื่อหนีจากอาคารที่จองจำ, ภาพความรุนแรงกลายเป็นลายการ์ตูนรูปสัตว์กับดอกไม้ สีสันจัดจ้าน
คุณได้แรงบันดาลใจในการสร้างภาพ มาจากไหน ?
ก็จากหลายแหล่ง, การหลบหนีที่ฮาลีย์โชว์ลีลาต่อเนื่อง ประกอบด้วยฉากย่อย 4 ฉาก แต่ละฉากค่อยๆ เพิ่มดีกรีความแปลกและใหญ่โต ตามลำดับ
ผมแค่ต้องการทำให้เห็นเหมือนว่า แต่ละฉากแป๊บๆ ก็จะจบ แต่เหตุการณ์กลับไม่จบและยังดำเนินต่อเนื่อง เพราะฮาลีย์ไม่ยอมหยุด
ถ้าให้พูดจริงๆ แรงบันดาลใจคงมาจากคลาสสิค Mary Poppins ที่ผสมความเป็นการ์ตูนเข้ากับภาพยนตร์คนแสดง
สไตล์นั้นถูกถ่ายทอดบนภาพยนตร์ต่อจนจบ
อย่างไรก็ตาม เราไม่ยอมให้ตัวละครทะลุมิติที่ 4
พวกเขาติดดินและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวเสมอ ไม่มีการหันมามองกล้องและเล่าเรื่องโจ๊กเด็ดขาด
แต่เราเพิ่มลูกเล่นเพื่อให้เข้าใจเหตุการณ์ ในสายตาตัวละครมากขึ้นได้ เช่นที่โพลกา-ดอตเห็นทุกคนเป็นแม่ตัวเอง
ซีรีส์ของ Peacemaker มีกำหนดเผยแพร่บน HBO Max เดือนมกราคม 2022 คุณมองตัวละครนี้อย่างไร ?
พีซเมกเกอร์มีชุดความคิดเฉพาะตัว บางแนวคิดช่างร้ายกาจ แต่บางแนวคิดก็มีเหตุผลแม้ขัดต่อหลักศีลธรรม
ริค แฟล็กหวาดกลัวการกระทำของรัฐบาล และพีซเมกเกอร์เองก็หวาดกลัวอยู่ แต่เขามองว่า "ถึงโลกรู้ความจริงก็ไม่ช่วยอะไร"
การถกเถียงทางศีลธรรมนี้ สามารถดำเนินไปได้เรื่อยๆ แบบไร้จุดสิ้นสุด
สมัย Peacemaker ประกาศสร้าง มีรายงานว่าซีรีส์จะเล่าความเป็นมาของตัวละคร
แต่ในตอนจบ The Suicide Squad เราเห็นว่าเขารอดจากคอร์โต มอลทีส และคงกลับสู่เส้นทางตัวร้ายกู้โลก
ตกลงเหตุการณ์ในซีรีส์เกิดหลังจากภาพยนตร์ หรือเล่าเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังภาพยนตร์กัน ?
เรื่องราวจะทำให้ผู้ชมทราบว่า พีซเมกเกอร์เป็นใครมาจากไหน
มันมีฉากบลัดสปอร์ตกล่าวถึงพ่อตัวเอง และพ่อของเขาเคยเป็นอย่างไร ก่อนกล้องตัดไปเห็นพีซเมกเกอร์พยักหน้า
ฉากนั้นของหนังปูทางสู่ 'Peacemaker' เราจะได้เห็นพีซเมกเกอร์กับพ่อ, พฤติกรรมของเขา, สิ่งที่มีความหมายต่อเขา และหนทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปหลังจากนี้
เขาคือวายร้าย แต่เขามิใช่ปีศาจ, ในหนังเขาไม่พบความหวังใดๆ แต่ผมเชื่อว่ามีอะไรในตัวหมอนี่มากกว่านั้น
ใน The Suicide Squad เราไม่มีโอกาสให้เขาพบความหวังของชีวิต เหมือนที่ตัวละครอื่นๆ ประสบ
ก็ขอไปเล่าเรื่องนี้ที่รายการสตรีมมิ่งละกัน ของหมอนี่ต้องใช้เวลาเยอะหน่อย คือซีรีส์ 8 ตอน
เขาโดนบลัดสปอร์ตยิงทะลุคอตอนจบ เพราะสิ่งที่เลือกกระทำ, ซีรีส์จะพูดถึงประเด็น ผลลัพธ์จากการกระทำนั่นต่อหรือไม่ ?
ไม่กล่าวถึงผลลัพธ์ แต่บอกให้ว่าพีซเมกเกอร์รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนนอก
ตอนเขาได้เต้นกับเพื่อนร่วมทีมในบาร์ ทุกคนตระหนักถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพวกพ้องเป็นครั้งแรก--นั่นแปลกใหม่มากสำหรับพีซเมกเกอร์
ทีนี้พอเขาเลือกอุดมการณ์สุดโต่งส่วนตัว ไม่ใช่สายสัมพันธ์, มันแปลว่าเขาให้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
ซีรีส์จะเล่นประเด็นตรงนั้น
Peacemaker และ The Suicide Squad เปิดตัวบน HBO Max ทั้งคู่ คุณอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง
ผู้คนเริ่มสับสนว่าภาพยนตร์ควรฉายทางไหน, คำนิยามของภาพยนตร์คืออะไร
คุณมองว่าจุดยืนของตัวเองในยุคสตรีมมิ่งเฟื่องฟู อยู่ตรงไหน ?
[หยุดคิดนาน] ผมไม่แคร์เรื่องนี้เท่าไหร่ ผมแค่ใส่ใจกับโครงการที่อยากนำเสนอ
The Suicide Squad ถูกสร้างมาเพื่อรับชมผ่านจอใหญ่ แต่ดูในโทรทัศน์ก็คงไม่ถือว่าผิด
ฟังนะ, ภาพยนตร์ไม่ได้อยู่มาถึงวันนี้เพราะโรงหนัง ภาพยนตร์อยู่ยั้งยืนยงเพราะฉายบนโทรทัศน์
Jaws ไม่ได้เป็นหนังฉลามอมตะ เพราะผู้คนได้ดูในโรง, ผมไม่เคยดู Jaws ในโรง แต่มันก็ยังเป็นหนังโปรดเรื่องหนึ่ง
ผมไม่อยากให้โรงภาพยนตร์สูญพันธุ์ และไม่คิดว่านั่นเป็นไปได้ด้วย แต่เราไม่มีทางรู้อนาคตล่วงหน้า
เรายังมีโควิด เพราะผู้คนอีกมากไม่ยอมฉีดวัคซีน ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะยอม และหวังอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ จะไม่แย่ยาวอีกนานแรมปี
COMMENTS