หากเป็นแฟนผลงานแนวสัตว์ประหลาดยักษ์ คงทราบกันดีว่าก็อดซิลลากับคิงคองคือไคจู (Kaiju) ชื่อก้องและโดดเด้งสุด ของทางตะวันออก (ญี่ปุ่น) กับตะวันต...
หากเป็นแฟนผลงานแนวสัตว์ประหลาดยักษ์ คงทราบกันดีว่าก็อดซิลลากับคิงคองคือไคจู (Kaiju) ชื่อก้องและโดดเด้งสุด ของทางตะวันออก (ญี่ปุ่น) กับตะวันตก (อเมริกา)
ฉะนั้นถึงมิใช่ครั้งแรกบนโลกแห่งแผ่นฟิล์ม (ญี่ปุ่นเคยทำ King Kong vs. Godzilla ฉบับคนสวมชุดยางออกมาฉาย เมื่อค.ศ. 1962)
แต่การตีกันของราชันแห่งวานรกะพี่ก็อดเขา ในฉบับฮอลลีวูดจัดเต็มซีจี ย่อมหมายถึงมวยระดับคู่หยุดโลก แบบเดียวกับที่แบทแมนเคยปะทะซูเปอร์แมนเลยทีเดียว
ไม่ว่าการตีกันของ 2 ซูเปอร์ฮีโร่ใน Batman v Superman: Dawn of Justice หรือตัวผลงาน ทำให้คุณๆ ที่รับชมพอใจหรือไม่ ?
แต่นั่นมิใช่ตัวตัดสินว่าแมตช์หยุดโลกเวอร์ชั่นมอนสเตอร์จะเป็นอย่างไร และ Godzilla vs. Kong กำลังจะได้เผยแพร่เดือนมีนาคม 2021 แน่นอนแล้ว (หลังเลื่อนเพราะโควิด-19)
เนื่องจากค่ายวอร์เนอร์ผลักดันให้ลงช่องสตรีมมิ่งโซนอเมริกา (HBO Max) แบบจำกัดเวลา พร้อมการฉายทางโรงภาพยนตร์ซึ่งเปิดทำการได้ใต้หล้า
อย่างไรก็ตาม จักรวาลสัตว์ประหลาด (MonsterVerse) เพิ่งมีหนังออกมาก่อนแค่ 3 เรื่อง
บางคนอาจนึกมิออกว่าการโคจรมาพบกันของ 2 สัตว์ประหลาด ช่างน่าจับตามองเพียงไร ?
จึงขอแปลประวัติย่อของก็อดซิลลาและคิงคอง ที่มีคนเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษไว้เรียบร้อย มาให้อ่านเล่น (แต่แอบเพิ่มลดบางอย่าง และไม่ได้แปลถอดความตรงเป๊ะนะเอ้อ)
King Kong ดั้งเดิมคือหนังปี 1933 ซึ่งสำนักทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ (National Film Registry) ของสหรัฐฯ จัดให้เป็นของต้องเก็บรักษาตอน 1991 เพราะส่งอิทธิพลต่อผลงานอีกมากเหลือคณนาภายหลัง
มันผลิตโดย Radio Pictures เนื้อหาเกี่ยวกับกองถ่ายหนังที่ไปถ่ายทำกันบนเกาะตกสำรวจแถบแปซิฟิค
ตัวละครหลักผู้ไปเยือนเกาะกะโหลก ได้แก่แอนน์ แดโรว์, คาร์ล เดนแฮม และแจ็ค ดริสคอลล์
ความตื่นเต้นเริ่มต้นเมื่อแอนน์ แดโรว์ โดนชาวพื้นเมืองลักพาตัว เพื่อเอาไปเป็นเหยื่อบูชายัญให้เทพเจ้าประจำเกาะ ซึ่งคือคอง/มหาวานรสูง 28 ฟุต (ราว 8.5 เมตร)
ภาพนี้คือสมจริงนะ ถ้าเป็นสมัยโน้นน่ะ
ภารกิจช่วยเหลือแอนน์จากโลกดึกดำบรรพ์พลันดำเนิน จนกระทั่งเดนแฮมพาแอนน์ไปหาดริสคอลล์สำเร็จ โดยมีคองไล่ตามหลัง
ดริสคอลล์ใช้แก๊สสยบคองลง แล้วเอามันไปแสดงโชว์หาเงินบนแผ่นดินใหญ่
แต่ในเวทีที่นิวยอร์ค, คองหลุดพ้นการจองจำและทำให้เกิดความเสียหายตามมา คองหิ้วแอนน์ขึ้นตึกเอมไพร์สเตท (Empire State) แล้วเหตุการณ์ก็ยุติด้วยวาระสุดท้ายของอสูร
อย่างไรก็ดี, สิ่งที่มีอิทธิพลต่อภาพยนตร์หลังจากนั้นมิใช่เนื้อหา หากแต่เป็นเรื่องเทคนิคพิเศษ
วิลลิส โอไบรอัน (Willis O’Brien) ผู้รังสรรค์ชีวิตแก่คอง ผลักดันเทคนิคสต็อปโมชั่น (stop-motion) ไปสุดขอบเขตแห่งความสามารถ, ไหนจะยังเล่นกับกล้อง พร้อมทั้งคิดค้นเทคนิคเชิดหุ่นเด็ดๆ ขึ้นอีก
เรียกว่าคนทำหนังไม่รู้เท่าไหร่ ได้ประโยชน์จากเทคนิคที่เขาพัฒนาขึ้นใช้ ก่อนเข้ายุคแห่งคอมพิวเตอร์กราฟิก
King Kong ดั้งเดิมมีภาคต่อของแท้ (แต่เร่งทำให้เสร็จใน 9 เดือน) ชื่อ Son of Kong ซึ่งคุณภาพแย่แบบไม่ต้องสงสัย
ส่งผลให้กว่าหนังของวานรระดับตำนานตนนี้ จะมีโอกาสถูกเผยแพร่และจัดจำหน่ายใหม่ ก็ปาไปร่วม 30 ปี
แล้วหลังโตโฮ (Toho) บริษัทยุ่นปี่, ทำ King Kong vs. Godzilla (1962) ออกมา
กระแสความนิยมคิงคองก็หวนคืน มีหนังฉายทีวี, อนิเมชั่น, ภาพยนตร์อยู่เนืองๆ ถึงวาระปัจจุบัน
ขณะคองห่างจอใหญ่ประมาณ 3 ทศวรรษ มนุษย์ได้รับการแนะนำให้รู้จักมอนสเตอร์อีกตน ซึ่งขอบเขตเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมันกว้างขวางกว่า
นั่นคือโกจิรา (Gojira) ที่ฝรั่งเรียกเพี้ยนเป็นก็อดซิลลา (Godzilla) และเชื่อเถอะว่าแม้ MonsterVerse จะบอกความหมายโกจิราไว้เท่แค่ไหน (ผู้ล่าสูงสุดยุคแรกเริ่ม อะไรเทือกนั้น)
แต่ความจริงมันเกิดจากการผสมคำระหว่างกอริลลา (Gorilla) กับปลาวาฬ (Kujira) ในภาษาญี่ปุ่น เพราะสื่อถึงสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ, ขนาดมโหฬาร แลทรงพลัง
Gojira ภาคแรกสุดคือภาพยนตร์ขาวดำ ที่สะท้อนการมาเยือนของรุ่งอรุณแห่งอาวุธนิวเคลียร์
โกจิราประจำค.ศ. 1954 สูง 50 ฟุต (15 เมตรนิด ๆ) รูปลักษณ์ภายนอกดูแล้วเหมือนเอาไดโนเสาร์พันธุ์สเตโกซอรัส มาผสมกับทีเร็กซ์
เป็นอาวุธนิวเคลียร์มีชีวิตที่ดุร้ายเกรี้ยวกราด ทำลายล้างทุกอย่างไม่เลือกหน้า ราวกับภัยพิบัติเคลื่อนที่
ประวัติตามเนื้อเรื่องคือไดโนเสาร์จำศีลที่กลายพันธุ์เพราะรังสี เลยมีขนาดบิ๊กเบิ้มและพ่นลมหายใจอะตอมได้
ภาพยนตร์ฉายหลังญี่ปุ่นเจอนิวเคลียร์ถล่ม และยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เก้าปี จึงมีโทนดาร์คสุดขั้ว+สะท้อนมุมมองของคนแดนปลาดิบต่ออาวุธปรมาณูเต็มพิกัด
ซึ่งเช่นเดียวกับ King Kong..., Gojira มาพร้อมความก้าวหน้าด้านเทคนิคพิเศษตามยุคสมัย อย่างการให้คนใส่ชุดยาง ทำลายล้างแบบจำลองตึกรามบ้านช่อง
มันจึงน่าประทับใจถึงขนาดมีคนลงทุนเอาไปตัดต่อใหม่, เพิ่มตัวละครฝรั่ง แล้วจัดจำหน่ายฝั่งตะวันตกในฐานะ Godzilla
อนิจจา, ก็อดซิลลาประสบชะตากรรมเดียวกับคิงคอง
เพราะภาคต่อเร่งทำแบบ Godzilla Raids Again (1955) เป็นแค่หนังที่หาอสูรยักษ์อีกตัวมาฟัดกับพี่ก็อด ทว่าขาดความลุ่มลึกในเนื้อหา
จึงกลายเป็นแม้ทำเงินมากกว่าภาคแรก แต่ก็ต้องเว้นช่วงไปก่อนออกตอนใหม่ นานหลายปี เพราะผลตอบรับมิบรรเจิด
ถ้าเปรียบกับชีวิตคน ก็คงบอกได้ว่าดวงของพี่ก็อดกับพี่คองเค้าสมพงศ์กัน
เพราะยุคที่หนังไซไฟกับสัตว์ประหลาดยักษ์ จัดเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คน
โตโฮสัมฤทธิ์ผลในการซื้อลิขสิทธิ์ King Kong... และนั่นส่งผลให้ก็อดซิลลาพบโอกาสคืนชีพเช่นกัน
King Kong vs. Godzilla มาปี 1962, คิงคองที่ตัวใหญ่ขึ้นจนเท่าก็อดซิลลา ปะทะกับลูกครึ่งกอริลลา/ปลาวาฬ
สัตว์ประหลาดระดับตำนานทั้งสองปรากฏพร้อมกันบนภาพยนตร์แบบมีสีสัน (ไม่ใช่หนังขาวดำ) เป็นครั้งแรก มันประสบความสำเร็จทั้งในญี่ปุ่น และแผ่นดินอีกฟากของมหาสมุทรใน 1 ปีให้หลัง
ตามที่แจ้งแล้วว่าอเมริกามีผลงานเกี่ยวกับคอง ออกมาอีกเป็นระยะจวบจนปัจจุบัน (ดีบ้างแย่บ้าง) หนึ่งในนั้นคือหนังปี 2005 ของปีเตอร์ แจ็คสัน/ผู้กำกับ The Lord of the Rings ซึ่งดูเหมือนคารวะผลงานดั้งเดิมได้ดีที่สุด
ส่วนก็อดซิลลาก็งานชุก, ทุกวันนี้ (ค.ศ. 2021) มีหนังฉบับญี่ปุ่นผลิตราว ๆ 30 กว่าภาค
เดินสายไปเจอมาหมดแล้วทั้งศัตรูจากนอกโลกและในโลก เคยพบสารพัดไม่ว่าจะสัตว์ประหลาดแนวพืชขยับได้, หุ่นเหล็ก, มนุษย์ต่างดาว, มังกรสามหัว หรือคุณผีเสื้อยักษ์ ฯลฯ
ที่มา universalmonstersuniverse.com
COMMENTS