แม้เวเดอร์ไว้ใจผีไม่ลง (โมมินเล่นฆ่านักออกแบบอาคารคนเก่า แล้วเสนอตัวมาสร้างตึกต่อให้งี้ ดูยังไงมันก็กะจะแย่งงานเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแ...
แต่ใช่ว่านักรบเกราะดำเหลือทางเลือกอื่น ในการหาหนทางเข้าถึงโลกแห่งพลังด้านมืด เขาจึงต้องยอมรับข้อเสนอของวิญญาณซิธวิปริตแบบเสียมิได้
ทว่าไม่ทราบเพราะโมมินคือศิลปิน เลยขาดองค์ความรู้ในการผลิตอสังหาที่แท้จริงแบบพวกสถาปนิกหรือกระไร
การสร้างปราการส่วนตัวของเวเดอร์ เพื่อใช้เปิดทางสู่โลกของพลัง จึงมิใคร่ราบรื่นสักเท่าไหร่
ความพยายามในการแหกบานประตูสู่ดินแดนลี้ลับ กลับล้มเหลวรัวๆ
ยามเวเดอร์ลองเปิดประตูดูทีไร, กระแสพลังบนมุสตาฟาร์จะแปรปรวน จนเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ตามมาเสมอ (เป็นต้นว่า ฟ้าผ่า หรือลาวาเดือด)
ฉะนั้นบริเวณก่อสร้างอาคารเลยโดนสัตว์ท้องถิ่น คอยจู่โจมเนืองๆ เนื่องจากพวกมันสัมผัสได้ว่าสภาพแวดล้อมของดาวที่แย่อยู่แล้ว กำลังจะแย่หนักยิ่งกว่าเดิม
เรื่องนี้เดือดร้อนเหล่าลิ่วล้อสตอร์มทรูเปอร์ที่ถูกเกณฑ์มาป้องกันเอาการ
แม้เวเดอร์ไม่สนใจความทุกข์ยากของพวกทหาร แต่ในเมื่อทุกครั้งที่ลองเปิดประตูแล้วล้มเหลว
เขาจะโดนกระแสพลังตีกลับเล่นงานให้เจ็บตัว แถมตึกซึ่งอุตส่าห์เสียเวลารอให้สร้างเสร็จจะพังพินาศย่อยยับ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ประจำ
ฉะนั้นเวเดอร์จึงฆ่าร่างที่โมมินใช้สิงประจำด้วย เพื่อเป็นการแก้เครียด (บรรดาตัวประกอบคนไหนที่เจอแจ็คพอต โดนบังคับใส่หน้ากากผี ก็ซวยไปครับพี่น้อง)
ความพยายามของโมมินสำเร็จใน 'ครั้งที่ 9' คราวนี้เวเดอร์ใกล้พบหน้าภรรยาอีกครั้งสมใจอยาก
ทว่าขณะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม, พวกคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนดาวภูเขาไฟ และคอยระวังภัยธรรมชาติจากการกระทำของเวเดอร์มาตลอด ก็ยกพลกองทัพประชาชนเข้าตีค่ายจักรวรรดิ
งานนี้ไม่หมูเหมือนพวกสัตว์ท้องถิ่น แค่ลิ่วล้อมิอาจรับมือไหว เวเดอร์เลยจำใจต้องไปช่วยทำศึก
เมื่อประตูสู่ด้านมืดพร้อมและเวเดอร์ไม่ว่าง, ซิธนอกรีตย่อมสบโอกาสทรยศทันที
โมมินเปิดรอยต่อระหว่างโลกกายหยาบกับแดนสนธยา และได้พบร่างกายอันสูญหายไปนานนับพันปี
วิญญาณโมมินคืนร่างเก่า, เจ้าประติมากรจิตหลุด ฟื้นคืนชีพโดยสมบูรณ์
แม้กองทัพจักรวรรดิที่ร่วมรบตายเกลี้ยง แต่เวเดอร์ก็ล้างบางกองทัพประชาชนบนมุสตาฟาร์สำเร็จ
เขารีบร้อนกลับไปหน้าก้อนหินที่เป็นจุดทำพิธีเบิกทางเข้าโลกแห่งพลัง และลอร์ดโมมินในสภาพฟิตปั๋งก็รอท่าอยู่
ลอร์ดเวเดอร์ผู้เหน็ดเหนื่อยจากการกรำศึกต่อเนื่อง เสียเปรียบเสียจนเพลี่ยงพล้ำ แถมยังไร้กำลังหนุนช่วยเหลือ
ทว่านักรบเกราะดำก็แสดงไหวพริบให้เห็น
เขาชวนโมมินสนทนา เพื่อยืนยันว่าเอ็งเปล่าโกหกเรื่องคืนชีพแพดเม่ได้ใช่ไหม ? นั่นทำให้ศัตรูเผลอการ์ดตกชั่วครู่
เวเดอร์ฉวยโอกาส ใช้พลังยกศิลาก้อนเบ้อเริ่มพุ่งใส่จากมุมอับสายตา บดขยี้ร่างอีกฝ่ายกับฝาผนังจนตายคาที่
ก่อนสิ้นชีวี โมมินบอกว่าไม่ได้โกหก
เวเดอร์เลยถอดร่าง, พาวิญญาณของตนข้ามประตูท่องโลกแห่งด้านมืด เพื่อทวงคืนภรรยา
ระหว่างนั้นอนาคินเห็นภาพหลอนมากมาย ทั้งจากอดีตและอนาคต เป็นต้นว่า
- ภาพซีเดียสใช้พลังรังสรรค์ชีวิตขึ้นในครรภ์มารดาของเขา
- เหล่าเจไดคุ้นหน้าจำนวนมากเข้ามาขวางทาง จนต้องสังหารทิ้งให้หมด
- ภาพการดวลกับอาโซก้า/ศิษย์รักเพียงหนึ่งเดียว
หลังผ่านฝันร้ายนานัปการ, อนาคินก็เจอวิญญาณของแพดเม่ เขาเรียกหาสตรีสุดที่รักโดยตั้งใจว่ามิปล่อยเธอหลุดมือแน่
แต่ปรากฏว่าแพดเม่ไม่ยอมตามสามีออกนอกแดนสนธยา และเลือกหนีจากอนาคินผู้ทำตัวน่าอดสู เช่นเดียวกับเมื่อช่วงสุดท้ายของชีวิตในโลกกายหยาบ
ไม่ทราบอนาคินต้องการป้องกันมิให้ซีเดียสใช้ประโยชน์จากดินแดนลี้ลับ หรือผิดหวังกับการมิอาจขัดขืนชะตากรรมซึ่งถูกกำหนดไว้
เขาจึงตัดสินใจใช้พลังทำลายประตูเชื่อมสองโลกทิ้งตอนขากลับ
อย่างไรก็ตาม เขาพบคำตอบของคำถามที่ตัวเองเฝ้าแสวงหามาตลอด ตั้งแต่ตอนรู้ว่าภรรยาสิ้นชีพแล้ว
[ส่งท้าย]
- ชาร์ลส์ โซล/ผู้แต่ง เคยให้สัมภาษณ์ว่า
ภาพต่างๆ ที่แสดงในโลกแห่งพลังด้านมืด คือ 'ฝันร้ายของอนาคิน'
ฉะนั้นโดยปกติ สิ่งที่เห็นในมิตินี้จะไม่ใช่ความจริง
ทฤษฎีว่าซีเดียสเสกเด็กเข้าท้องฉมี สกายวอล์คเกอร์ (= เป็นพ่ออนาคิน) ซึ่งคุณอาจผ่านตามาบ้าง ตามที่สื่อหลายเจ้าชอบป่าวประกาศ จึงผิด... มันเป็นแค่ความกลัว, ความกังวลของคนไม่มีพ่อแบบลอร์ดเวเดอร์เฉยๆ
- อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งแอบปั่นหัวคนอ่าน ด้วยการใส่ภาพซึ่งบอกอนาคตของแท้ไว้ด้วย
นั่นคือฉากต่อสู้ของอนาคินกับอาโซก้าจากซีรีส์อนิเมชั่น Rebels ที่เกิดหลังตอนจบคอมมิคชุด Dark Lord of the Sith นี่หลายปี ตามลำดับเหตุการณ์
- คนออกแบบงานศิลป์ของภาพยนตร์ Rogue One ไม่ได้วางประวัติการสร้างป้อมปราการไว้
เขาบอกว่าตอนดีไซน์แค่จินตนาการถึงฐานทัพ ที่เหมาะให้ดาร์ธเวเดอร์แวะมาฟื้นสภาพร่างกาย หรือนั่งสมาธิวิปัสสนาบ่อยๆ
และมโนว่าป้อมเป็นสิ่งปลูกสร้างใหม่ ที่ก่อร่างทับอยู่บนปราสาทหรือโบราณสถานเก่าแก่บางอย่าง
ชาร์ลส์ โซล ดู Rogue One แล้วอยากแต่งประวัติป้อมของเวเดอร์ มาเสริมทีหลัง
- ชาร์ลส์ โซล ชี้ว่าคอมมิคชุดนี้คือการเดินทางของ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เขายอมรับชะตาฟ้าลิขิตมา ในฐานะ 'ดาร์ธ เวเดอร์'
ช่วงต้นคนอ่านจึงเห็นเขาลำบากเพราะชุดเกราะสีดำกับเครื่องพยุงชีพ และเรียนรู้วิถีแห่งพลังด้านมืด กระเสือกกระสนปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ในฐานะซิธ
นิยายภาพยังเริ่มด้วยการให้อนาคินโวยวายปฏิเสธความจริง ว่าสูญเสียแพดเม่ไป
และจบด้วยการให้เขาพบคำตอบของชีวิต ว่าเค้ามิอาจพาแพดเม่กลับจากความตาย หรือหนีจากการเป็น 'ดาร์ธ เวเดอร์' พ้นหรอก
โมมินปลุกชีพตนให้ดู และยืนยันแล้วว่าการคืนชีวินแพดเม่ก็เป็นไปได้
แสดงว่าที่เวเดอร์ทำไม่สำเร็จ เหตุอาจมาจากเจตจำนงของโลกแห่งพลังไม่ยินยอม
เพราะการที่เวเดอร์เลิกคิดกำหนดชะตาของเมีย หรือของตัวเอง มันสำคัญ
เนื่องจากเขามีลิขิตบางประการ รอให้เติมเต็มอยู่ ณ ปลายทาง ของการก้มหน้าก้มตา สวมบทบาทนักรบเกราะดำไปเรื่อยๆ (คือปราบซีเดียสในอนาคตนั่นแหละ)
ที่มา: starwars.com, syfywire
COMMENTS