ในภาพยนตร์ชุดสตาร์วอร์สมีการกล่าวถึงบุคคลตามคำทำนายของเหล่าเจได ที่จะนำ 'ความสมดุลแห่งพลัง' คืนมาอยู่เนืองๆ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่...
ในภาพยนตร์ชุดสตาร์วอร์สมีการกล่าวถึงบุคคลตามคำทำนายของเหล่าเจได ที่จะนำ 'ความสมดุลแห่งพลัง' คืนมาอยู่เนืองๆ
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันเสมอคือไอ้ 'สมดุล' เนี่ย หมายถึงอะไร ?
มันคือการมีจำนวนผู้สังกัดในนิกายเจไดกับซิธ ที่ใช้พลังด้านสว่างกับด้านมืดเท่าๆ กันหรือเปล่า ?
หรือคือการเข้าสู่ยุคที่ใครก็ตามซึ่งสัมผัสพลังได้ ควรใช้ทั้งด้านมืดและสว่างปนๆ กัน แล้วมันจะสร้างสรรค์กว่า
หรือว่าแค่กำจัดผู้ใช้พลังด้านมืดให้หมดไปเป็นพอ เพราะ 'พลังด้านมืด' นั้นเปรียบเสมือน 'มะเร็ง' ร้ายที่คอยทำลายสมดุลแห่งพลัง
ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด, จะเพราะเขาเคยคิดว่ารอเฉลยเคลียร์ๆ ตอนสร้าง Ep.7-9 เองหรือไม่
แต่จอร์จ ลูคัส ก็ไม่เคยให้คำตอบประเด็นนี้แบบกระจ่างชัด
อย่างไรก็ตาม เขาเคยพูดถึงธรรมชาติของพลังและความสมดุล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของมหากาพย์ชุดนี้หลายครั้ง ตลอดช่วงเวลาหลายสิบปี
จึงจะขอแปลคำพูดของบิดาแห่งสตาร์วอร์สเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด ที่ผมค้นพบว่าเคยมีผู้รวบรวมไว้ให้ก่อนในเว็บบอร์ดต่างประเทศแล้ว ดังนี้
"ปรัชญาที่สำคัญสุดใน Episode I และในหนัง Star Wars ทุกภาคนั้น คือความสมดุลระหว่างด้านสว่างและด้านมืด (balance between good and evil)" -จอร์จ ลูคัส, Star Wars: The Making of Episode I, 1999
"เราทุกคนมีอารมณ์หลากหลายและต้องคอยสร้างสมดุลให้พวกมัน, ทุกสิ่งในมหากาพย์ Star Wars เองก็ควรมีสมดุลเช่นกัน, ความสมดุลเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องราว" -จอร์จ ลูคัส, บทความของนิตยสาร Times, 2002
"ผมอยากใส่แนวคิดเกี่ยวกับด้านบวกและด้านลบลงในหนัง, 2 สิ่งนี้มีตัวตนอยู่ด้วยกัน เหมือนการดึงเข้าและผลักออก, หยินและหยาง, ทั้งสองด้านต่างเป็นองค์ประกอบของธรรมชาติ" -จอร์จ ลูคัส, จดหมายเหตุของบทภาพยนตร์ (Star Wars: The Annotated Screenplays)
"พลังมีสองด้าน [สว่างและมืด] เนื้อแท้ของพวกมันไม่ใช่ทั้งความดีงามหรือชั่วร้าย
ด้านแย่แค่มาจากความเกลียดหรือกลัว ส่วนด้านดีก็เกี่ยวข้องกับความรัก, ความกรุณา, ความยุติธรรม และความหวัง" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 1980
"ผมสร้างปกรณัมของตัวเองบนพื้นฐานของแนวคิดว่าพลังมี 2 ด้าน, ด้านสว่าง, ด้านมืด และทั้งสองจำเป็นต้องมีอยู่ทั้งคู่
ศาสนาส่วนใหญ่เองก็สร้างขึ้นโดยใช้เรื่องนี้เป็นพื้นฐาน, บ้างเรียกหยินกับหยาง, บ้างเรียกพระเจ้ากับปีศาจ
ทุกสิ่งสร้างขึ้นจากความตึงเครียดที่แรงดึง-แรงผลักระหว่างทั้ง 2 ด้าน ผลิตขึ้นอย่างสมดุล
มันคือกุญแจสำคัญของ Star Wars มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 2002
คำพูดต่อไปด้านล่างคือจุดที่ทำให้หลายคนตีความผิด คิดว่าพลังด้านมืดเป็นดั่งมะเร็งที่ทำร้ายตัวพลัง
ความจริงจอร์จ ลูคัส จะสื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างซิธกับพลังและสิ่งต่างๆ
คือความสัมพันธ์ที่เปรียบได้กับตัวมะเร็ง ซึ่งสักแต่ทำร้ายสิ่งรอบข้างต่างหาก
และต้องขอบอกเพิ่มเติมไว้ก่อนด้วยว่าคำพูดตรงจุดนี้ ไม่เกี่ยวกับพลังด้านมืด
แต่เกี่ยวกับพวกผู้ใช้พลังด้านมืดเพียวๆ โดยทอดทิ้งด้านสว่างไปแบบไม่แยแส
"แนวคิดคือเราต้องพยายามต่อต้านสิ่งเย้ายวนใจ และสิ่งยั่วยวนใจดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่ไหนนอกจากด้านมืด
ธีมหนึ่งซึ่งภาพยนตร์หลายภาคต้องการสื่อ คือพวกซิธลอร์ดเริ่มโอบกอดด้านมืดมาตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน
พวกเขาต่างละโมบและยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง พวกเขาต้องการครอบครองทุกอย่างเลยฆ่ากันเองจนเหลือแค่คนเดียว แล้วคนที่เหลือก็รับลูกศิษย์ 1 คน
จากนั้นวัฏจักรอาจารย์สอนศิษย์, อาจารย์เสียชีวิต, ศิษย์กลายเป็นอาจารย์คนใหม่แล้วสอนคนอื่นต่อ ก็วนเวียนอยู่แบบนั้นอีกหลายพันปี
แต่ไม่เคยมีพวกซิธมากกว่า 2 คน เพราะถ้ามีเยอะเกินขึ้นมา, พวกเขาจะพยายามสังหารผู้นำเสมอ
เหมือนที่จักรพรรดิกับเวเดอร์พยายามทำ จักรพรรดิพยายามกำจัดเวเดอร์ และเวเดอร์ก็พยายามกำจัดจักรพรรดิอยู่เรื่อยๆ
นั่นแหละคือการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงต่อต้านกันของพวกเขา
การทำเช่นนั้นเปรียบเสมือนมะเร็ง ที่สุดท้ายการมีตัวตนของมันจะทำให้ทุกสิ่งรอบข้างและร่างของเจ้าบ้านต้องตาย" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 26 เมษายน 1999
ครั้งสุดท้ายที่จอร์จ ลูคัสบอกเรื่องพลัง ก่อนวางมือขายกิจการบริษัทให้ดิสนีย์ คือตอนเขาบอกผ่านคำพูดตัวละครหนึ่งในบทมอร์ทิส (Mortis arc) ของอนิเมชั่นซีรีส์ชุด the Clone Wars ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการผลิตอย่างมาก
"มีแค่ที่นี่เท่านั้นซึ่งข้าสามารถควบคุมครอบครัวแห่งสมดุลได้
แสงสว่างกับความมืด, กลางวันกับกลางคืน, การทำลายล้างอันนำมาซึ่งการสร้างใหม่...
แสงสว่างหรือความมืดที่มากไป จะทำให้ชีวิตที่เจ้ารู้จักต้องถึงจุดจบ"
บทมอร์ทิสคือเนื้อหาของซีรีส์ช่วงที่โอบีวัน, อนาคิน กับลูกศิษย์หญิงชื่ออโศกา เข้าไปติดในมิติลี้ลับ และพบกับครอบครัวของเหล่าบุคคลผู้เป็นดั่งเทพแห่งพลัง
สมาชิกครอบครัวประกอบด้วยตัว 'บิดา', 'ลูกสาว' และ 'ลูกชาย' พวกเขาเปรียบได้กับตัวแทนของพลัง, พลังด้านสว่าง และพลังด้านมืด ตามลำดับ
เหตุการณ์ช่วงนี้สามารถนำไปตีความ และอ้างอิงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์กับซีรีส์เรื่องอื่นได้หลายจุด
แต่จุดที่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสมดุลและคำทำนายสุด
คือฉากอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ใช้พลังทั้งด้านสว่างและด้านมืด สยบทั้ง 'ลูกสาว' และ 'ลูกชาย' พร้อมกัน
มันทำให้เราตีความได้ว่าเขาคือบุคคลตามคำทำนายอย่างแท้จริง
[สรุป] 'พลัง' (The Force) มีทั้งด้านสว่างอันเกิดจากอารมณ์ด้านบวก และด้านมืดซึ่งเกิดจากอารมณ์ด้านลบ
ทั้งสองอย่างเป็นองค์ประกอบของธรรมชาติ ที่ไม่ได้ทำลายสิ่งใด
"สมดุลแห่งพลัง" (The Balance of the Force) หมายถึงการมีทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืดอยู่ในเวลาเดียวกัน (แต่ไม่ใช่ว่าต้องมีอยู่เยอะเท่ากัน)
ทว่าการใช้พลังด้านมืดเน้นๆ โดยไม่ใช้ด้านสว่าง
เพื่อสนองตัณหาส่วนตนและพยายามทำเรื่องผิดธรรมชาติของพวกซิธต่างหากที่เป็นปัญหา
พฤติกรรมดังกล่าวของซิธเหมือนกับเซลล์มะเร็ง ที่รังแต่จะสร้างความวิบัติแก่ทุกสิ่งเรื่อยไป
ฉะนั้นการกำจัดซิธตัวพ่อจอมแสบแบบจักรพรรดิ จึงจัดเป็นเป้าหมายสำคัญสุดของการทวงคืนสมดุลให้พลังนั่นเอง
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันเสมอคือไอ้ 'สมดุล' เนี่ย หมายถึงอะไร ?
มันคือการมีจำนวนผู้สังกัดในนิกายเจไดกับซิธ ที่ใช้พลังด้านสว่างกับด้านมืดเท่าๆ กันหรือเปล่า ?
หรือคือการเข้าสู่ยุคที่ใครก็ตามซึ่งสัมผัสพลังได้ ควรใช้ทั้งด้านมืดและสว่างปนๆ กัน แล้วมันจะสร้างสรรค์กว่า
หรือว่าแค่กำจัดผู้ใช้พลังด้านมืดให้หมดไปเป็นพอ เพราะ 'พลังด้านมืด' นั้นเปรียบเสมือน 'มะเร็ง' ร้ายที่คอยทำลายสมดุลแห่งพลัง
ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด, จะเพราะเขาเคยคิดว่ารอเฉลยเคลียร์ๆ ตอนสร้าง Ep.7-9 เองหรือไม่
แต่จอร์จ ลูคัส ก็ไม่เคยให้คำตอบประเด็นนี้แบบกระจ่างชัด
อย่างไรก็ตาม เขาเคยพูดถึงธรรมชาติของพลังและความสมดุล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของมหากาพย์ชุดนี้หลายครั้ง ตลอดช่วงเวลาหลายสิบปี
จึงจะขอแปลคำพูดของบิดาแห่งสตาร์วอร์สเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด ที่ผมค้นพบว่าเคยมีผู้รวบรวมไว้ให้ก่อนในเว็บบอร์ดต่างประเทศแล้ว ดังนี้
"ปรัชญาที่สำคัญสุดใน Episode I และในหนัง Star Wars ทุกภาคนั้น คือความสมดุลระหว่างด้านสว่างและด้านมืด (balance between good and evil)" -จอร์จ ลูคัส, Star Wars: The Making of Episode I, 1999
"เราทุกคนมีอารมณ์หลากหลายและต้องคอยสร้างสมดุลให้พวกมัน, ทุกสิ่งในมหากาพย์ Star Wars เองก็ควรมีสมดุลเช่นกัน, ความสมดุลเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องราว" -จอร์จ ลูคัส, บทความของนิตยสาร Times, 2002
"ผมอยากใส่แนวคิดเกี่ยวกับด้านบวกและด้านลบลงในหนัง, 2 สิ่งนี้มีตัวตนอยู่ด้วยกัน เหมือนการดึงเข้าและผลักออก, หยินและหยาง, ทั้งสองด้านต่างเป็นองค์ประกอบของธรรมชาติ" -จอร์จ ลูคัส, จดหมายเหตุของบทภาพยนตร์ (Star Wars: The Annotated Screenplays)
"พลังมีสองด้าน [สว่างและมืด] เนื้อแท้ของพวกมันไม่ใช่ทั้งความดีงามหรือชั่วร้าย
ด้านแย่แค่มาจากความเกลียดหรือกลัว ส่วนด้านดีก็เกี่ยวข้องกับความรัก, ความกรุณา, ความยุติธรรม และความหวัง" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 1980
"ผมสร้างปกรณัมของตัวเองบนพื้นฐานของแนวคิดว่าพลังมี 2 ด้าน, ด้านสว่าง, ด้านมืด และทั้งสองจำเป็นต้องมีอยู่ทั้งคู่
ศาสนาส่วนใหญ่เองก็สร้างขึ้นโดยใช้เรื่องนี้เป็นพื้นฐาน, บ้างเรียกหยินกับหยาง, บ้างเรียกพระเจ้ากับปีศาจ
ทุกสิ่งสร้างขึ้นจากความตึงเครียดที่แรงดึง-แรงผลักระหว่างทั้ง 2 ด้าน ผลิตขึ้นอย่างสมดุล
มันคือกุญแจสำคัญของ Star Wars มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 2002
คำพูดต่อไปด้านล่างคือจุดที่ทำให้หลายคนตีความผิด คิดว่าพลังด้านมืดเป็นดั่งมะเร็งที่ทำร้ายตัวพลัง
ความจริงจอร์จ ลูคัส จะสื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างซิธกับพลังและสิ่งต่างๆ
คือความสัมพันธ์ที่เปรียบได้กับตัวมะเร็ง ซึ่งสักแต่ทำร้ายสิ่งรอบข้างต่างหาก
และต้องขอบอกเพิ่มเติมไว้ก่อนด้วยว่าคำพูดตรงจุดนี้ ไม่เกี่ยวกับพลังด้านมืด
แต่เกี่ยวกับพวกผู้ใช้พลังด้านมืดเพียวๆ โดยทอดทิ้งด้านสว่างไปแบบไม่แยแส
"แนวคิดคือเราต้องพยายามต่อต้านสิ่งเย้ายวนใจ และสิ่งยั่วยวนใจดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่ไหนนอกจากด้านมืด
ธีมหนึ่งซึ่งภาพยนตร์หลายภาคต้องการสื่อ คือพวกซิธลอร์ดเริ่มโอบกอดด้านมืดมาตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน
พวกเขาต่างละโมบและยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง พวกเขาต้องการครอบครองทุกอย่างเลยฆ่ากันเองจนเหลือแค่คนเดียว แล้วคนที่เหลือก็รับลูกศิษย์ 1 คน
จากนั้นวัฏจักรอาจารย์สอนศิษย์, อาจารย์เสียชีวิต, ศิษย์กลายเป็นอาจารย์คนใหม่แล้วสอนคนอื่นต่อ ก็วนเวียนอยู่แบบนั้นอีกหลายพันปี
แต่ไม่เคยมีพวกซิธมากกว่า 2 คน เพราะถ้ามีเยอะเกินขึ้นมา, พวกเขาจะพยายามสังหารผู้นำเสมอ
เหมือนที่จักรพรรดิกับเวเดอร์พยายามทำ จักรพรรดิพยายามกำจัดเวเดอร์ และเวเดอร์ก็พยายามกำจัดจักรพรรดิอยู่เรื่อยๆ
นั่นแหละคือการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงต่อต้านกันของพวกเขา
การทำเช่นนั้นเปรียบเสมือนมะเร็ง ที่สุดท้ายการมีตัวตนของมันจะทำให้ทุกสิ่งรอบข้างและร่างของเจ้าบ้านต้องตาย" -จอร์จ ลูคัส, นิตยสาร Times, 26 เมษายน 1999
ครั้งสุดท้ายที่จอร์จ ลูคัสบอกเรื่องพลัง ก่อนวางมือขายกิจการบริษัทให้ดิสนีย์ คือตอนเขาบอกผ่านคำพูดตัวละครหนึ่งในบทมอร์ทิส (Mortis arc) ของอนิเมชั่นซีรีส์ชุด the Clone Wars ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการผลิตอย่างมาก
"มีแค่ที่นี่เท่านั้นซึ่งข้าสามารถควบคุมครอบครัวแห่งสมดุลได้
แสงสว่างกับความมืด, กลางวันกับกลางคืน, การทำลายล้างอันนำมาซึ่งการสร้างใหม่...
แสงสว่างหรือความมืดที่มากไป จะทำให้ชีวิตที่เจ้ารู้จักต้องถึงจุดจบ"
บทมอร์ทิสคือเนื้อหาของซีรีส์ช่วงที่โอบีวัน, อนาคิน กับลูกศิษย์หญิงชื่ออโศกา เข้าไปติดในมิติลี้ลับ และพบกับครอบครัวของเหล่าบุคคลผู้เป็นดั่งเทพแห่งพลัง
สมาชิกครอบครัวประกอบด้วยตัว 'บิดา', 'ลูกสาว' และ 'ลูกชาย' พวกเขาเปรียบได้กับตัวแทนของพลัง, พลังด้านสว่าง และพลังด้านมืด ตามลำดับ
เหตุการณ์ช่วงนี้สามารถนำไปตีความ และอ้างอิงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์กับซีรีส์เรื่องอื่นได้หลายจุด
แต่จุดที่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสมดุลและคำทำนายสุด
คือฉากอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ใช้พลังทั้งด้านสว่างและด้านมืด สยบทั้ง 'ลูกสาว' และ 'ลูกชาย' พร้อมกัน
มันทำให้เราตีความได้ว่าเขาคือบุคคลตามคำทำนายอย่างแท้จริง
[สรุป] 'พลัง' (The Force) มีทั้งด้านสว่างอันเกิดจากอารมณ์ด้านบวก และด้านมืดซึ่งเกิดจากอารมณ์ด้านลบ
ทั้งสองอย่างเป็นองค์ประกอบของธรรมชาติ ที่ไม่ได้ทำลายสิ่งใด
"สมดุลแห่งพลัง" (The Balance of the Force) หมายถึงการมีทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืดอยู่ในเวลาเดียวกัน (แต่ไม่ใช่ว่าต้องมีอยู่เยอะเท่ากัน)
ทว่าการใช้พลังด้านมืดเน้นๆ โดยไม่ใช้ด้านสว่าง
เพื่อสนองตัณหาส่วนตนและพยายามทำเรื่องผิดธรรมชาติของพวกซิธต่างหากที่เป็นปัญหา
พฤติกรรมดังกล่าวของซิธเหมือนกับเซลล์มะเร็ง ที่รังแต่จะสร้างความวิบัติแก่ทุกสิ่งเรื่อยไป
ฉะนั้นการกำจัดซิธตัวพ่อจอมแสบแบบจักรพรรดิ จึงจัดเป็นเป้าหมายสำคัญสุดของการทวงคืนสมดุลให้พลังนั่นเอง
ที่มา reddit
COMMENTS