กาลครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน, ชายชื่อ 'เดวิด มอร์เรลล์' (David Morrell) ที่สอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอว่า (Universi...
กาลครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน, ชายชื่อ 'เดวิด มอร์เรลล์' (David Morrell) ที่สอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอว่า (University of Iowa) ประเทศสหรัฐอเมริกา นึกอยากเขียนนิยายขึ้นมาสักเล่ม
ขณะกำลังมองหาแรงบันดาลใจ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับนักศึกษาในชั้นเรียนของเขาผู้นึงซึ่งเคยผ่าน 'สงครามเวียดนาม' มา
และหลังจากเหลือบเห็นแอปเปิ้ลพันธุ์ 'แรมโบ้' ตอนพยายามนึกชื่อตัวละครหลัก
อดีตทหารผ่านศึกผู้มีอาการประสาทหลอน และโด่งดังถึงขั้นขึ้นทำเนียบ 1 ใน 5 ของตัวเอกเรื่องราวแนวระทึกขวัญที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้มากที่สุด (เชอร์ล็อก โฮมส์, ทาร์ซาน, เจมส์ บอนด์, แฮรี่ พอตเตอร์) จึงถือกำเนิด
เดวิด มอร์เรลล์เริ่มต้นเขียนนิยายชื่อ 'First Blood' เมื่อปี 1968 และหนังสือที่แรมโบ้เป็นตัวเอกเรื่องนี้ก็วางขายตอนค.ศ. 1972
นิยายประสบความสำเร็จระดับทำให้ผู้เขียนแจ้งเกิดในวงการ และแม้มอร์เรลล์ยังมีผลงานดีๆ ตามมาอีกมาก
แต่หนังสือเล่มแรกของเขาก็ยังคงเป็นผลงานที่ผู้คนจดจำมากที่สุด
ในฐานะ 'บิดาแห่งนิยายแอ็คชั่นสมัยใหม่'
สำหรับนิยายดังย่อมมีคนในฮอลลีวูดสนใจเอาไปสร้างหนัง แต่ชะตาของแรมโบ้ช่วงแรกไม่ดีเท่าไหร่
มีหลายต่อหลายคนและหลายค่ายหนัง พยายามผลักดันให้ First Blood กลายเป็นภาพยนตร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่น่าพอใจสักที
ทว่าเมื่อ 'ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน' ดาราที่เวลานั้นโด่งดังจากบทร็อคกี้/นักมวยในตำนาน เข้าร่วมพัฒนาโครงการ
First Blood จึงหาหนทางกลายเป็นภาพยนตร์อย่างน่าพอใจได้ในที่สุด
หนังเรื่อง First Blood (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rambo หรือ Rambo: First Blood นอกประเทศสหรัฐอเมริกา) อันออกฉายปี 1982 ได้รับความนิยมจนคลอดภาคต่อตามมาเรื่อยๆ
ปัจจุบันแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Rambo นั้นมีดังนี้
[1] First Blood (1982)
[2] Rambo: First Blood Part II (1985)
[3] Rambo III (1988)
[4] Rambo (2008)
[5] Rambo: Last Blood (2019)
พวกเขามองว่านี่คือการหาเรื่องแบบหนึ่ง, การรังแกนักโทษจึงเริ่มต้นขึ้น
ระหว่างที่แรมโบ้กำลังจะถูกเอามีดมาโกนหนวดแห้งๆ แบบไม่ใช้ครีมทารองหน้า
ความทรงจำอันเลวร้ายสมัยโดนจับไปทรมานในสงครามได้ย้อนกลับมา
แรมโบ้เลยเริ่มคลุ้มคลั่ง, ทำร้ายตำรวจหลายนายในโรงพัก ก่อนขโมยรถมอเตอร์ไซค์ของคนแถวนั้นขับหนีเข้าป่า
ทีเซิลสั่งให้ตำรวจทั้งกรมออกล่าแรมโบ้เต็มกำลัง จัดเต็มใช้ทั้งอาวุธปืน, สุนัขดมกลิ่น และเฮลิคอปเตอร์ แต่ก็ไม่เป็นผล
แรมโบ้ใช้ยุทธวิธีซุ่มโจมตีและทำกับดัก สยบกลุ่มคนที่พยายามตามล่าเขาได้หมดโดยไม่ฆ่าใคร (แม้มีตำรวจ 1 นายตายเพราะอุบัติเหตุ) แล้วเตือนว่าให้เลิกหาเรื่องเค้าสักที
การตามล่ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่สื่อหันมาจับตามองทำข่าว
'พันเอกซามูเอล เทราท์แมน' ชายผู้เคยเกณฑ์แรมโบ้, ฝึกฝน และบัญชาการเขาในสงครามเวียดนามจึงเดินทางมาเจรจากับตำรวจ
เทราท์แมนแจ้งให้ทีเซิลทราบ ว่าแรมโบ้คืออดีตทหารผ่านศึกมือหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญสงครามแบบกองโจร และพวกตำรวจไม่มีทางชนะได้
แต่ทีเซิลก็ยังคงกอดทิฐิเอาไว้แน่น หันไปตะแบงสั่งคนเข้าป่าล่าตัวแรมโบ้ต่อ
แรมโบ้หลบหนีเข้าเมือง เขาระเบิดปั๊มน้ำมันกลางดึกก่อความวุ่นวาย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจส่วนใหญ่
ทีเซิลเห็นท่าไม่ดีเลยประกาศเสียงตามสายสั่งคนในเมืองอพยพหนี
แรมโบ้รุกคืบเข้าประชิดโจทก์ของเขา ด้วยวิธียิงปืนทำลายเสาไฟฟ้าดับแสงสว่างยามค่ำคืน
และระเบิดร้านขายปืนใกล้สถานีตำรวจ เพื่อล่อทีเซิลให้โจมตีผิดทิศทาง
จนมีโอกาสเข้าใกล้มากพอจะลงมือสังหารทีเซิลได้
เคราะห์ดี, เทราท์แมนผู้เปรียบเหมือนบิดาของแรมโบ้เข้าห้ามทัน
เนื่องจากขณะนั้นกำลังตำรวจไหวตัวทัน หันมาล้อมสถานีไว้เรียบร้อย
เทราท์แมนรับฟังการระบายความในใจของแรมโบ้ ที่ต้องอยู่อย่างเศร้าเสียใจเพราะได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากสังคม, พบอาการทางประสาทหลังสงคราม
และเจอความอ้างว้างในฐานะผู้เหลือรอดคนสุดท้าย จากหมู่เพื่อนพ้องทั้งหมดที่เคยรู้จักกันสมัยทำสงคราม
สุดท้ายเทราท์แมนกล่อมให้แรมโบ้ยอมไว้ชีวิตทีเซิลและมอบตัว เพื่อไม่ให้โดนวิสามัญฆาตกรรม และแรมโบ้ก็ยอมทำตาม
ขณะแรมโบ้เหลือเวลาทำงานหนักในค่ายกักกันเพื่อชดใช้ความผิดอีก 5 ปี
เทราท์แมนเดินทางเข้าเยี่ยม เพื่อขอให้แรมโบ้ปฏิบัติภารกิจลับ แลกกับการได้พ้นโทษก่อนกำหนด
โดยภารกิจคือการลอบเข้าพื้นที่แถบตะวันออกไกล ตามหาเชลยสงครามชาวอเมริกาที่มีข่าวว่ายังคงถูกจับกุมตัวอยู่ แม้สงครามเวียดนามสิ้นสุดลงนานแล้ว
แรมโบ้ซึ่งคุณสมบัติเหมาะสมสุด เนื่องจากรู้จักพื้นที่ซึ่งเชลยน่าจะโดนจับอยู่ดี+มีฝีมือสูง
ยอมรับงานและได้รับการพาไปพบ มาร์แชล เมอร์ด็อค/เจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้ดูแลปฏิบัติการ
แรมโบ้ได้รับการอธิบายจากมาร์แชลว่าให้สังเกตการณ์ และถ่ายรูปค่ายศัตรูที่เชลยน่าจะถูกจับไว้พอ
อย่าลงมือช่วยเหลือเองโดยพลการจนกว่าจะส่งกำลังเสริมตามไป
แต่แค่ช่วงเริ่มต้นภารกิจก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เนื่องจากร่มชูชีพทำงานผิดปกติจนแรมโบ้ที่กำลังจะหย่อนตัวลงจากเครื่องบินแทบเอาชีวิตไม่รอด
หลังลงถึงพื้น, แรมโบ้พบหญิงสาวชื่อโค เบา/เจ้าหน้าที่ผู้รอสนับสนุนภารกิจอยู่ และเดินทางร่วมกันไปสู่จุดหมายของปฏิบัติการ
แรมโบ้ลอบเข้าค่ายทหารเวียดนามตอนกลางดึก และฝ่าฝืนคำสั่งช่วยเชลยนายนึงออกมาด้วยกัน
พอรุ่งเช้าเหล่าทหารเวียดนามก็รู้ตัวเรื่องโดนลอบบุกค่าย เลยเริ่มต้นออกไล่ล่าพวกเขา
กลุ่มแรมโบ้รีบหนีสุดกำลังสู่จุดที่นัดพบกับเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ
ทว่าเมอร์ด็อคดันสั่งเฮลิคอปเตอร์วนกลับ และกล่าวโทษว่าแรมโบ้ฝ่าฝืนคำสั่ง
เทราท์แมนเหลืออดเข้าเผชิญหน้ากับเมอร์ด็อค เลยทราบความจริงจากอีกฝ่ายว่าภารกิจนี้รัฐบาลแค่ยอมทำ เพื่อลดเสียงต่อต้านจากประชาชนเรื่องทิ้งทหารไว้หลังสงครามจบ
เมอร์ด็อคตั้งใจจะให้ภารกิจจบ โดยรายงานว่าไม่พบเชลยศึกตั้งแต่แรก
โค เบาหนีสำเร็จ แต่แรมโบ้กับเชลยโดนจับกลับค่าย
แรมโบ้ได้ทราบว่าทหาร 'โซเวียต' คอยชักใยเบื้องหลังพวกทหารเวียดนาม
และโดนทรมานเพื่อบังคับให้ยอมส่งข้อความทางวิทยุเตือนกองบัญชาการสหรัฐฯ ในประเทศไทย มิให้ส่งทหารมาทำภารกิจเพิ่มในพื้นที่นี้อีก
แรมโบ้ไม่ยอมทำตามคำสั่งทหารโซเวียต และได้รับการช่วยเหลือจากโค เบา ที่ย้อนกลับมา
ความรักระหว่างแรมโบ้กับโคเริ่มก่อตัว ทว่าเธอกลับถูกยิงตาย
งานนี้แรมโบ้จึงไม่คิดหนีอีกต่อไป และเปลี่ยนใจเข้าเผชิญหน้ากับกองกำลังเวียดนาม
แรมโบ้ลอบจู่โจมสังหารทหารเวียดนามในป่าทีละคน ตามด้วยหลอกล่อให้กองทัพศัตรูเข้าสู่พื้นที่ซึ่งจุดไฟเผาได้ง่าย แล้วใช้ธนูระเบิดที่พกมา ย่างสดพวกทหาร
แรมโบ้ชิงเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ, ฆ่าทหารโซเวียต และใช้มันถล่มค่ายเวียดนาม ก่อนพาพวกเชลยสงครามบินหนีสู่กองบัญชาการ
เทราท์แมนออกตามหาแรมโบ้ในประเทศไทย, พันเอกพบเขาต่อสู้ในสังเวียนใต้ดินหาเงินใช้ และอาศัยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง
เทราท์แมนมาพร้อมกับจนท.ภาคสนามของสถานทูต เพื่อกล่อมให้แรมโบ้เข้าร่วมภารกิจสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นที่ต่อต้านโซเวียต ณ แคว้นแห่งหนึ่ง แถวประเทศอัฟกานิสถาน
เทราท์แมนตั้งใจจะทำภารกิจนี้ด้วยตนเองและชวนแรมโบ้ไปร่วมวง แต่บุรุษผู้เบื่อหน่ายสงครามตอบปฏิเสธ
ทว่าพอทราบข่าวเทราท์แมนโดนทหารโซเวียตจับกุม จากจนท.ภาคสนามภายหลัง
แรมโบ้ก็อดนิ่งเฉยไม่ได้ และขอเดินทางตามไปช่วยเหลือพันเอก
แรมโบ้เดินทางสู่แคว้นที่เกิดปัญหา เขาผูกมิตรกับกองทหารท้องถิ่น, ร่วมกันต่อสู้กับเหล่าทหารโซเวียตแม้อาวุธยุทโธปกรณ์ด้อยกว่า และบุกค่ายศัตรูกู้ชีพเทราท์แมนสำเร็จ
ณ ประเทศพม่า ที่รัฐบาลทหารทำสงครามกลางเมืองกับชาวกะเหรี่ยงยืดเยื้อยาวนานกว่า 60 ปี
มีหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่งที่ชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยให้กับความรุนแรง, วัยรุ่นชายโดนจับไปล้างสมองเพิ่มจำนวนทหาร, ผู้หญิงถูกจับไปทำเป็นทาสบำเรอกามอย่างต่อเนื่อง
ไมเคิล เบอร์เน็ต/ผู้นำคณะมิชชันนารี ซึ่งหวังทำภารกิจอาสา ช่วยเหลือผู้คนด้านมนุษยธรรม พร้อมกับเผยแพร่คริสต์ศาสนา
จึงอยากว่าจ้างแรมโบ้ ที่ทำอาชีพคนจับงูอยู่แม่สอด (ประเทศไทย) และขับเรือส่งคนหาเงินเลี้ยงชีพ
ให้นำทางคณะอาสา สู่สถานที่ซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กำลังเกิดขึ้น
ทีแรกแรมโบ้ปฏิเสธ แต่ก็เปลี่ยนใจยอมรับงาน เพราะซาราห์ มิลเลอร์/มิชชันนารีหญิง แสดงความมุ่งมั่นว่าตนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เห็น
แรมโบ้ส่งคณะอาสาเสร็จก็กลับไทย แต่บาทหลวงคริสต์คนหนึ่งเดินทางมาแจ้งข่าวพวกเขาโดนทหารพม่าจับทีหลัง
บาทหลวงแจ้งว่าเค้าติดต่อกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว และร้องขอให้แรมโบ้ช่วยเหลือ ขับเรือพาพวกทหารรับจ้างเข้าพม่า
หลังสิ้นสุดเส้นทางแม่น้ำ กลุ่มทหารรับจ้างออกเดินเท้าสู่จุดหมายต่อ ตามคำแนะนำของทหารปลดแอกกะเหรี่ยงนายนึง ซึ่งทราบสถานที่คุมขังคณะอาสา
ระหว่างทางพวกเขาเจอทหารพม่า ขับรถบรรทุกพาคนมาฆ่าเล่นแถวหมู่บ้านร้าง
พวกทหารรับจ้างดูอยู่เฉยๆ เพราะกลัวเสี่ยงไม่คุ้มค่าจ้าง
ทว่าแรมโบ้ที่แอบตามมาไม่ยอมนิ่งเฉย และยิงธนูอย่างรวดเร็วแม่นยำ เก็บทหารพม่าแถวนั้นรวดเดียวหมด
แรมโบ้กล่อมให้ทหารรับจ้างยอมรับธรรมชาติในฐานะนักฆ่าของพวกตน และสู้เพื่อบางสิ่งแทนที่จะอยู่อย่างว่างเปล่า
ทั้งหมดจึงหันมาร่วมมือกัน เดินแผนย่องตอดเข้าค่ายศัตรูตอนกลางคืน แล้วลักลอบพาตัวพวกคณะอาสาออกมา
รุ่งเช้า ทหารพม่ารู้ตัวเลยเรียกระดมพลออกตามล่าทุกคน ก่อนจับตัวทหารรับจ้าง+คณะอาสาส่วนใหญ่ได้
แต่ขณะพวกเขากำลังจะโดนฆ่า, แรมโบ้ทำการยึดปืนกลบนรถจี๊ปของศัตรูคันนึง และกราดยิงกระสุนใส่เหล่าทหารพม่าแบบไม่ยั้ง
อีกทั้งเมื่อกองกำลังปลดแอกกะเหรี่ยงเข้าสมทบภายหลัง กองกำลังทหารพม่าจึงโดนกวาดเสียเกลี้ยง
เวลาต่อมา, แรมโบ้ผู้ทำใจยอมรับในสิ่งที่ตนเป็นได้แล้ว ก็เดินทางกลับอเมริกา เยือนบ้านเกิดของเขาที่เมืองโบวี่ รัฐแอริโซนา
แรมโบ้เดินทางผ่านพรมแดนอเมริกา-เม็กซิโก และปะทะกับแก๊งค์ค้ามนุษย์สุดโฉด เพื่อนำลูกสาวเพื่อนที่โดนลักพาตัวกลับบ้าน
- ในการต่อสู้นั้น หากฝ่ายไหนเรียกเลือดศัตรูได้ก่อน (drew first blood) ย่อมได้เปรียบ
'First Blood' ที่เป็นชื่อหนังภาคแรก จึงหมายถึงการลงมือก่อน
เพราะแรมโบ้พูดประโยคว่า "พวกเค้าเริ่มก่อน" (They drew first blood) กับเทราท์แมนในหนัง เพื่อบอกว่าพวกตำรวจคือฝ่ายเริ่มหาเรื่อง
- ภาพยนตร์ First Blood กับนิยายเนื้อเรื่องเหมือนกันมาก แต่ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง อยู่ตรงการกระทำของแรมโบ้กับตอนจบ
เพราะในนิยายต้นฉบับ แรมโบ้ฆ่าตำรวจตายเป็นเบือ ตอนจบเลยโดน 'เทราท์แมน' สังหาร
ผู้ผลักดันให้แรมโบ้ไม่ลงมือฆ่าใครตรงๆ สักคนในหนังภาค 1 (ส่งผลให้ไม่โดนวิสามัญฆาตกรรมตอนจบ) คือตัวนักแสดงนำอย่างซิลเวสเตอร์ สตอลโลนเอง
ทีแรกผู้สร้างหนังคนอื่นๆ ลังเล แต่ก็ยอมรับว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่ทีหลัง
ตอนฉายหนังฉบับแรมโบ้ตายในรอบทดลองครั้งแรก แล้วเหล่าคนดูออกอาการรับไม่ได้
- เดวิด มอร์เรลล์/ผู้แต่งนิยาย First Blood ยังเขียนนิยายเกี่ยวกับแรมโบ้ไว้อีกสองเล่ม แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ดำเนินต่อจากนิยายเล่มแรก และดัดแปลงจากบทหนังภาค 2-3
- ยุคหลังๆ ทหารอเมริกาได้รับการยกย่องจากบ้านเกิดเสมอไม่ว่าชนะหรือแพ้ศึก
แต่สมัยหลังสงครามเวียดนามจบใหม่ๆ ไม่มีใครอยากยอมรับความพ่ายแพ้ และชาวบ้านก็อยากกล่าวโทษทหารผ่านศึก
ในหนังภาค 2 แรมโบ้เลยตัดพ้อตอนจบ ว่าอยากให้ประเทศชาติรักทหาร...เหมือนที่ทหารรักประเทศชาติ
ขณะกำลังมองหาแรงบันดาลใจ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับนักศึกษาในชั้นเรียนของเขาผู้นึงซึ่งเคยผ่าน 'สงครามเวียดนาม' มา
และหลังจากเหลือบเห็นแอปเปิ้ลพันธุ์ 'แรมโบ้' ตอนพยายามนึกชื่อตัวละครหลัก
อดีตทหารผ่านศึกผู้มีอาการประสาทหลอน และโด่งดังถึงขั้นขึ้นทำเนียบ 1 ใน 5 ของตัวเอกเรื่องราวแนวระทึกขวัญที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้มากที่สุด (เชอร์ล็อก โฮมส์, ทาร์ซาน, เจมส์ บอนด์, แฮรี่ พอตเตอร์) จึงถือกำเนิด
เดวิด มอร์เรลล์เริ่มต้นเขียนนิยายชื่อ 'First Blood' เมื่อปี 1968 และหนังสือที่แรมโบ้เป็นตัวเอกเรื่องนี้ก็วางขายตอนค.ศ. 1972
นิยายประสบความสำเร็จระดับทำให้ผู้เขียนแจ้งเกิดในวงการ และแม้มอร์เรลล์ยังมีผลงานดีๆ ตามมาอีกมาก
แต่หนังสือเล่มแรกของเขาก็ยังคงเป็นผลงานที่ผู้คนจดจำมากที่สุด
ในฐานะ 'บิดาแห่งนิยายแอ็คชั่นสมัยใหม่'
สำหรับนิยายดังย่อมมีคนในฮอลลีวูดสนใจเอาไปสร้างหนัง แต่ชะตาของแรมโบ้ช่วงแรกไม่ดีเท่าไหร่
มีหลายต่อหลายคนและหลายค่ายหนัง พยายามผลักดันให้ First Blood กลายเป็นภาพยนตร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่น่าพอใจสักที
ทว่าเมื่อ 'ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน' ดาราที่เวลานั้นโด่งดังจากบทร็อคกี้/นักมวยในตำนาน เข้าร่วมพัฒนาโครงการ
First Blood จึงหาหนทางกลายเป็นภาพยนตร์อย่างน่าพอใจได้ในที่สุด
หนังเรื่อง First Blood (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rambo หรือ Rambo: First Blood นอกประเทศสหรัฐอเมริกา) อันออกฉายปี 1982 ได้รับความนิยมจนคลอดภาคต่อตามมาเรื่อยๆ
ปัจจุบันแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Rambo นั้นมีดังนี้
[1] First Blood (1982)
[2] Rambo: First Blood Part II (1985)
[3] Rambo III (1988)
[4] Rambo (2008)
[5] Rambo: Last Blood (2019)
*** สปอยล์ภาพยนตร์ชุด Rambo ***
First Blood (1982)
หลังปลดประจำการนานหลายปี 'จอห์น แรมโบ้' ทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนาม เดินทางด้วยการเดินเท้าไปแถวชานเมือง เพื่อเยี่ยมสหายเก่าผู้เคยเข้าร่วมรบในสงครามกับเขา
แต่กลับพบข่าวจากชาวบ้านคนนึง ว่าเพื่อนเก่าตายเพราะโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นผลกระทบของอาวุธเคมีที่ใช้กันในสงครามเวียดนาม
แรมโบ้ผู้ไม่แสดงอาการ โศกเศร้าอยู่ภายใน เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนเดินร่อนเร่ไร้จุดหมายไปทั่วเมืองเล็กๆ แถววอชิงตัน
ฉะนั้นเมื่อ วิล ทีเซิล/นายอำเภอ ผู้ตรวจตราละแวกดังกล่าวเห็นเข้า จึงอดสงสัยในตัวเขาไม่ได้
เวลาถามตอบอะไร แรมโบ้ไม่ค่อยพูดค่อยจา+ทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอย
ทีเซิลเลยเห็นว่าปล่อยไว้ไม่ได้ และทำการจับกุมชายต้องสงสัยเอาไปหย่อนในโรงพัก
เหล่าตำรวจทุกคนไม่รู้ว่าแรมโบ้เป็นใคร และไม่ค่อยชอบใจท่าทีเมินเฉยต่อสิ่งรอบข้างของแรมโบ้พวกเขามองว่านี่คือการหาเรื่องแบบหนึ่ง, การรังแกนักโทษจึงเริ่มต้นขึ้น
ระหว่างที่แรมโบ้กำลังจะถูกเอามีดมาโกนหนวดแห้งๆ แบบไม่ใช้ครีมทารองหน้า
ความทรงจำอันเลวร้ายสมัยโดนจับไปทรมานในสงครามได้ย้อนกลับมา
แรมโบ้เลยเริ่มคลุ้มคลั่ง, ทำร้ายตำรวจหลายนายในโรงพัก ก่อนขโมยรถมอเตอร์ไซค์ของคนแถวนั้นขับหนีเข้าป่า
ทีเซิลสั่งให้ตำรวจทั้งกรมออกล่าแรมโบ้เต็มกำลัง จัดเต็มใช้ทั้งอาวุธปืน, สุนัขดมกลิ่น และเฮลิคอปเตอร์ แต่ก็ไม่เป็นผล
แรมโบ้ใช้ยุทธวิธีซุ่มโจมตีและทำกับดัก สยบกลุ่มคนที่พยายามตามล่าเขาได้หมดโดยไม่ฆ่าใคร (แม้มีตำรวจ 1 นายตายเพราะอุบัติเหตุ) แล้วเตือนว่าให้เลิกหาเรื่องเค้าสักที
การตามล่ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่สื่อหันมาจับตามองทำข่าว
'พันเอกซามูเอล เทราท์แมน' ชายผู้เคยเกณฑ์แรมโบ้, ฝึกฝน และบัญชาการเขาในสงครามเวียดนามจึงเดินทางมาเจรจากับตำรวจ
เทราท์แมนแจ้งให้ทีเซิลทราบ ว่าแรมโบ้คืออดีตทหารผ่านศึกมือหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญสงครามแบบกองโจร และพวกตำรวจไม่มีทางชนะได้
แต่ทีเซิลก็ยังคงกอดทิฐิเอาไว้แน่น หันไปตะแบงสั่งคนเข้าป่าล่าตัวแรมโบ้ต่อ
แรมโบ้หลบหนีเข้าเมือง เขาระเบิดปั๊มน้ำมันกลางดึกก่อความวุ่นวาย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจส่วนใหญ่
ทีเซิลเห็นท่าไม่ดีเลยประกาศเสียงตามสายสั่งคนในเมืองอพยพหนี
แรมโบ้รุกคืบเข้าประชิดโจทก์ของเขา ด้วยวิธียิงปืนทำลายเสาไฟฟ้าดับแสงสว่างยามค่ำคืน
และระเบิดร้านขายปืนใกล้สถานีตำรวจ เพื่อล่อทีเซิลให้โจมตีผิดทิศทาง
จนมีโอกาสเข้าใกล้มากพอจะลงมือสังหารทีเซิลได้
เคราะห์ดี, เทราท์แมนผู้เปรียบเหมือนบิดาของแรมโบ้เข้าห้ามทัน
เนื่องจากขณะนั้นกำลังตำรวจไหวตัวทัน หันมาล้อมสถานีไว้เรียบร้อย
เทราท์แมนรับฟังการระบายความในใจของแรมโบ้ ที่ต้องอยู่อย่างเศร้าเสียใจเพราะได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากสังคม, พบอาการทางประสาทหลังสงคราม
และเจอความอ้างว้างในฐานะผู้เหลือรอดคนสุดท้าย จากหมู่เพื่อนพ้องทั้งหมดที่เคยรู้จักกันสมัยทำสงคราม
สุดท้ายเทราท์แมนกล่อมให้แรมโบ้ยอมไว้ชีวิตทีเซิลและมอบตัว เพื่อไม่ให้โดนวิสามัญฆาตกรรม และแรมโบ้ก็ยอมทำตาม
แรมโบ้ กับเทราท์แมน
Rambo: First Blood Part II (1985)
ขณะแรมโบ้เหลือเวลาทำงานหนักในค่ายกักกันเพื่อชดใช้ความผิดอีก 5 ปี
เทราท์แมนเดินทางเข้าเยี่ยม เพื่อขอให้แรมโบ้ปฏิบัติภารกิจลับ แลกกับการได้พ้นโทษก่อนกำหนด
โดยภารกิจคือการลอบเข้าพื้นที่แถบตะวันออกไกล ตามหาเชลยสงครามชาวอเมริกาที่มีข่าวว่ายังคงถูกจับกุมตัวอยู่ แม้สงครามเวียดนามสิ้นสุดลงนานแล้ว
แรมโบ้ซึ่งคุณสมบัติเหมาะสมสุด เนื่องจากรู้จักพื้นที่ซึ่งเชลยน่าจะโดนจับอยู่ดี+มีฝีมือสูง
ยอมรับงานและได้รับการพาไปพบ มาร์แชล เมอร์ด็อค/เจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้ดูแลปฏิบัติการ
แรมโบ้ได้รับการอธิบายจากมาร์แชลว่าให้สังเกตการณ์ และถ่ายรูปค่ายศัตรูที่เชลยน่าจะถูกจับไว้พอ
อย่าลงมือช่วยเหลือเองโดยพลการจนกว่าจะส่งกำลังเสริมตามไป
แต่แค่ช่วงเริ่มต้นภารกิจก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เนื่องจากร่มชูชีพทำงานผิดปกติจนแรมโบ้ที่กำลังจะหย่อนตัวลงจากเครื่องบินแทบเอาชีวิตไม่รอด
หลังลงถึงพื้น, แรมโบ้พบหญิงสาวชื่อโค เบา/เจ้าหน้าที่ผู้รอสนับสนุนภารกิจอยู่ และเดินทางร่วมกันไปสู่จุดหมายของปฏิบัติการ
แรมโบ้ลอบเข้าค่ายทหารเวียดนามตอนกลางดึก และฝ่าฝืนคำสั่งช่วยเชลยนายนึงออกมาด้วยกัน
พอรุ่งเช้าเหล่าทหารเวียดนามก็รู้ตัวเรื่องโดนลอบบุกค่าย เลยเริ่มต้นออกไล่ล่าพวกเขา
กลุ่มแรมโบ้รีบหนีสุดกำลังสู่จุดที่นัดพบกับเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ
ทว่าเมอร์ด็อคดันสั่งเฮลิคอปเตอร์วนกลับ และกล่าวโทษว่าแรมโบ้ฝ่าฝืนคำสั่ง
เทราท์แมนเหลืออดเข้าเผชิญหน้ากับเมอร์ด็อค เลยทราบความจริงจากอีกฝ่ายว่าภารกิจนี้รัฐบาลแค่ยอมทำ เพื่อลดเสียงต่อต้านจากประชาชนเรื่องทิ้งทหารไว้หลังสงครามจบ
เมอร์ด็อคตั้งใจจะให้ภารกิจจบ โดยรายงานว่าไม่พบเชลยศึกตั้งแต่แรก
โค เบาหนีสำเร็จ แต่แรมโบ้กับเชลยโดนจับกลับค่าย
แรมโบ้ได้ทราบว่าทหาร 'โซเวียต' คอยชักใยเบื้องหลังพวกทหารเวียดนาม
และโดนทรมานเพื่อบังคับให้ยอมส่งข้อความทางวิทยุเตือนกองบัญชาการสหรัฐฯ ในประเทศไทย มิให้ส่งทหารมาทำภารกิจเพิ่มในพื้นที่นี้อีก
แรมโบ้ไม่ยอมทำตามคำสั่งทหารโซเวียต และได้รับการช่วยเหลือจากโค เบา ที่ย้อนกลับมา
ความรักระหว่างแรมโบ้กับโคเริ่มก่อตัว ทว่าเธอกลับถูกยิงตาย
งานนี้แรมโบ้จึงไม่คิดหนีอีกต่อไป และเปลี่ยนใจเข้าเผชิญหน้ากับกองกำลังเวียดนาม
แรมโบ้ลอบจู่โจมสังหารทหารเวียดนามในป่าทีละคน ตามด้วยหลอกล่อให้กองทัพศัตรูเข้าสู่พื้นที่ซึ่งจุดไฟเผาได้ง่าย แล้วใช้ธนูระเบิดที่พกมา ย่างสดพวกทหาร
แรมโบ้ชิงเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ, ฆ่าทหารโซเวียต และใช้มันถล่มค่ายเวียดนาม ก่อนพาพวกเชลยสงครามบินหนีสู่กองบัญชาการ
Rambo III (1988)
เทราท์แมนมาพร้อมกับจนท.ภาคสนามของสถานทูต เพื่อกล่อมให้แรมโบ้เข้าร่วมภารกิจสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นที่ต่อต้านโซเวียต ณ แคว้นแห่งหนึ่ง แถวประเทศอัฟกานิสถาน
เทราท์แมนตั้งใจจะทำภารกิจนี้ด้วยตนเองและชวนแรมโบ้ไปร่วมวง แต่บุรุษผู้เบื่อหน่ายสงครามตอบปฏิเสธ
ทว่าพอทราบข่าวเทราท์แมนโดนทหารโซเวียตจับกุม จากจนท.ภาคสนามภายหลัง
แรมโบ้ก็อดนิ่งเฉยไม่ได้ และขอเดินทางตามไปช่วยเหลือพันเอก
แรมโบ้เดินทางสู่แคว้นที่เกิดปัญหา เขาผูกมิตรกับกองทหารท้องถิ่น, ร่วมกันต่อสู้กับเหล่าทหารโซเวียตแม้อาวุธยุทโธปกรณ์ด้อยกว่า และบุกค่ายศัตรูกู้ชีพเทราท์แมนสำเร็จ
Rambo (2008)
ณ ประเทศพม่า ที่รัฐบาลทหารทำสงครามกลางเมืองกับชาวกะเหรี่ยงยืดเยื้อยาวนานกว่า 60 ปี
มีหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่งที่ชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยให้กับความรุนแรง, วัยรุ่นชายโดนจับไปล้างสมองเพิ่มจำนวนทหาร, ผู้หญิงถูกจับไปทำเป็นทาสบำเรอกามอย่างต่อเนื่อง
ไมเคิล เบอร์เน็ต/ผู้นำคณะมิชชันนารี ซึ่งหวังทำภารกิจอาสา ช่วยเหลือผู้คนด้านมนุษยธรรม พร้อมกับเผยแพร่คริสต์ศาสนา
จึงอยากว่าจ้างแรมโบ้ ที่ทำอาชีพคนจับงูอยู่แม่สอด (ประเทศไทย) และขับเรือส่งคนหาเงินเลี้ยงชีพ
ให้นำทางคณะอาสา สู่สถานที่ซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กำลังเกิดขึ้น
ทีแรกแรมโบ้ปฏิเสธ แต่ก็เปลี่ยนใจยอมรับงาน เพราะซาราห์ มิลเลอร์/มิชชันนารีหญิง แสดงความมุ่งมั่นว่าตนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เห็น
แรมโบ้ส่งคณะอาสาเสร็จก็กลับไทย แต่บาทหลวงคริสต์คนหนึ่งเดินทางมาแจ้งข่าวพวกเขาโดนทหารพม่าจับทีหลัง
บาทหลวงแจ้งว่าเค้าติดต่อกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว และร้องขอให้แรมโบ้ช่วยเหลือ ขับเรือพาพวกทหารรับจ้างเข้าพม่า
หลังสิ้นสุดเส้นทางแม่น้ำ กลุ่มทหารรับจ้างออกเดินเท้าสู่จุดหมายต่อ ตามคำแนะนำของทหารปลดแอกกะเหรี่ยงนายนึง ซึ่งทราบสถานที่คุมขังคณะอาสา
ระหว่างทางพวกเขาเจอทหารพม่า ขับรถบรรทุกพาคนมาฆ่าเล่นแถวหมู่บ้านร้าง
พวกทหารรับจ้างดูอยู่เฉยๆ เพราะกลัวเสี่ยงไม่คุ้มค่าจ้าง
ทว่าแรมโบ้ที่แอบตามมาไม่ยอมนิ่งเฉย และยิงธนูอย่างรวดเร็วแม่นยำ เก็บทหารพม่าแถวนั้นรวดเดียวหมด
แรมโบ้กล่อมให้ทหารรับจ้างยอมรับธรรมชาติในฐานะนักฆ่าของพวกตน และสู้เพื่อบางสิ่งแทนที่จะอยู่อย่างว่างเปล่า
ทั้งหมดจึงหันมาร่วมมือกัน เดินแผนย่องตอดเข้าค่ายศัตรูตอนกลางคืน แล้วลักลอบพาตัวพวกคณะอาสาออกมา
รุ่งเช้า ทหารพม่ารู้ตัวเลยเรียกระดมพลออกตามล่าทุกคน ก่อนจับตัวทหารรับจ้าง+คณะอาสาส่วนใหญ่ได้
แต่ขณะพวกเขากำลังจะโดนฆ่า, แรมโบ้ทำการยึดปืนกลบนรถจี๊ปของศัตรูคันนึง และกราดยิงกระสุนใส่เหล่าทหารพม่าแบบไม่ยั้ง
อีกทั้งเมื่อกองกำลังปลดแอกกะเหรี่ยงเข้าสมทบภายหลัง กองกำลังทหารพม่าจึงโดนกวาดเสียเกลี้ยง
เวลาต่อมา, แรมโบ้ผู้ทำใจยอมรับในสิ่งที่ตนเป็นได้แล้ว ก็เดินทางกลับอเมริกา เยือนบ้านเกิดของเขาที่เมืองโบวี่ รัฐแอริโซนา
Rambo: Last Blood (2019)
แรมโบ้เดินทางผ่านพรมแดนอเมริกา-เม็กซิโก และปะทะกับแก๊งค์ค้ามนุษย์สุดโฉด เพื่อนำลูกสาวเพื่อนที่โดนลักพาตัวกลับบ้าน
เกร็ดเพิ่มเติม
- ในการต่อสู้นั้น หากฝ่ายไหนเรียกเลือดศัตรูได้ก่อน (drew first blood) ย่อมได้เปรียบ
'First Blood' ที่เป็นชื่อหนังภาคแรก จึงหมายถึงการลงมือก่อน
เพราะแรมโบ้พูดประโยคว่า "พวกเค้าเริ่มก่อน" (They drew first blood) กับเทราท์แมนในหนัง เพื่อบอกว่าพวกตำรวจคือฝ่ายเริ่มหาเรื่อง
- ภาพยนตร์ First Blood กับนิยายเนื้อเรื่องเหมือนกันมาก แต่ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง อยู่ตรงการกระทำของแรมโบ้กับตอนจบ
เพราะในนิยายต้นฉบับ แรมโบ้ฆ่าตำรวจตายเป็นเบือ ตอนจบเลยโดน 'เทราท์แมน' สังหาร
ผู้ผลักดันให้แรมโบ้ไม่ลงมือฆ่าใครตรงๆ สักคนในหนังภาค 1 (ส่งผลให้ไม่โดนวิสามัญฆาตกรรมตอนจบ) คือตัวนักแสดงนำอย่างซิลเวสเตอร์ สตอลโลนเอง
ทีแรกผู้สร้างหนังคนอื่นๆ ลังเล แต่ก็ยอมรับว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่ทีหลัง
ตอนฉายหนังฉบับแรมโบ้ตายในรอบทดลองครั้งแรก แล้วเหล่าคนดูออกอาการรับไม่ได้
- เดวิด มอร์เรลล์/ผู้แต่งนิยาย First Blood ยังเขียนนิยายเกี่ยวกับแรมโบ้ไว้อีกสองเล่ม แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ดำเนินต่อจากนิยายเล่มแรก และดัดแปลงจากบทหนังภาค 2-3
- ยุคหลังๆ ทหารอเมริกาได้รับการยกย่องจากบ้านเกิดเสมอไม่ว่าชนะหรือแพ้ศึก
แต่สมัยหลังสงครามเวียดนามจบใหม่ๆ ไม่มีใครอยากยอมรับความพ่ายแพ้ และชาวบ้านก็อยากกล่าวโทษทหารผ่านศึก
ในหนังภาค 2 แรมโบ้เลยตัดพ้อตอนจบ ว่าอยากให้ประเทศชาติรักทหาร...เหมือนที่ทหารรักประเทศชาติ
แหล่งข้อมูล
COMMENTS