นับแต่ภาพยนตร์แฟรนไชส์อันมีมนุษย์ต่างดาวนักล่าผู้มาพร้อมทรงผมเดรดล็อค (Dreadlocks) เป็นตัวเอกออกฉายครั้งแรกค.ศ. 1987 ก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว แ...
นับแต่ภาพยนตร์แฟรนไชส์อันมีมนุษย์ต่างดาวนักล่าผู้มาพร้อมทรงผมเดรดล็อค (Dreadlocks) เป็นตัวเอกออกฉายครั้งแรกค.ศ. 1987 ก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว
และความจริงหนัง 6 เรื่องทำรายได้ดีแค่บางภาค แถมยังเว้นช่วงทิ้งจังหวะนานหลายปีกว่าจะมีภาคต่อออกมาเป็นระยะแท้ๆ แต่ก็ยังไม่วายได้ดูภาคใหม่กันอยู่เรื่อย
ถ้าให้เดาว่าทำไมทางผู้สร้างภาพยนตร์ยังจัดหนังเพรดเดเทอร์มาเสิร์ฟตลอด สาเหตุคงไม่พ้นเสน่ห์เฉพาะตัวของเพรดเดเทอร์ ที่ทำให้มีแฟนคลับขาประจำคอยติดตาม และพร้อมสนับสนุนทุกครั้งที่ภาพยนตร์ภาคใหม่เผยแพร่ (แม้จำนวนไม่มากพอจะดันให้หนังประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างแท้จริงเสมอไป)
งั้นเสน่ห์ของภาพยนตร์ชุดเพรดเดเทอร์คืออะไร ? เท่าที่นึกได้คือ
1) รูปโฉมเพรดเดเทอร์สุดเท่ซึ่งแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว, น่าเกรงขาม
2) เทคโนโลยี+อาวุธต่างดาวอันมีเอกลักษณ์ และสังหารเหยื่อให้ตายได้แบบโกงๆ โหดๆ
3) ไม่สนใจรุกรานโลกแบบมนุษย์ต่างดาวตามสื่อบันเทิงทั่วไป แต่ล่าเพื่อความสนุกเป็นเกมกีฬา ทว่าทำตัวแบบนักล่าผู้ทรงเกียรติ, ไม่สังหารคนไร้ทางสู้
4) บรรยากาศตึงเครียด+น่ากลัว, น่าหวาดหวั่นในท้องเรื่อง อันเกิดจากความลึกลับของเพรดเดเทอร์ และความรู้สึกว่าตัวละครมนุษย์ตกเป็นเหยื่อ
The Predator เหลือไว้เพียง 2 ข้อแรก ส่วน 2 ข้อหลังไม่ถึงขั้นเลือนหายหมดจริงอยู่ แต่เหลือน้อยเสียแทบไม่รู้สึก
ทว่าปัญหาร้ายแรงคือความสำคัญด้านเสน่ห์ของหนังชุดเพรดเดเทอร์ข้อ 1-4 นั้น ส่วนตัวคิดว่าเรียงลำดับจากน้อยไปมาก
1) รูปลักษณ์เพรดเดเทอร์มีความเท่แบบคลาสสิคเหมือนเอเลี่ยน, ไม่เก่าไม่เชยตามกาลเวลา แค่เพิ่มดีไซน์, เพิ่มรูปแบบใหม่ๆ เรื่อยๆ ในหนังแต่ละภาคโดยไม่ทิ้งของเดิมไปก็พอ
แต่หนังสัตว์ประหลาด, หนังมนุษย์ต่างดาวยิ่งนานวันยิ่งมีมาก ดีไซน์ดีๆ ย่อมเพิ่มตามกาลเวลาเช่นกัน ไม่ใช่เอกลักษณ์จุดนี้จะสร้างความได้เปรียบดึงดูดใจคนเหนือกว่าหนังเรื่องอื่นอีกแล้ว
ซ้ำร้าย The Predator ลดทอนความน่ากลัว, น่าเกรงขามของเพรดเดเทอร์ดั้งเดิมเสียไม่เหลือ ด้วยการให้เพรดเดเทอร์แบบใหม่สังหารทิ้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี
2) เทคโนโลยี+อาวุธเพรดเดเทอร์ไม่มีอะไรให้ติ และเผลอๆ ภาคนี้เจ๋งกว่าเก่า แต่เหมือนที่บอกในข้อแรกหนังสัตว์ประหลาด, หนังมนุษย์ต่างดาวเรื่องอื่นมีถมเถ เสน่ห์ข้อนี้หนังเรื่องอื่นเค้าก็มีเหมือนกัน
3) นี่แหละข้อได้เปรียบแท้จริงของหนังชุดเพรดเดเทอร์ เพราะขืนเรื่องอื่นใช้ซ้ำโดนข้อหาเลียนแบบทันที
การล่าเพื่อความสนุก, ล่าเป็นเกมกีฬาของเพรดเดเทอร์หายไปจากหนังเรื่องนี้ และถูกเปลี่ยนเหตุผลให้ทำเพื่อพัฒนาสายพันธ์ุตัวเองสำหรับรุกรานดาวอื่น
ในแง่ขยายเรื่องราววางเส้นเรื่องถือว่าดี เพราะแนวทางเดิมยังอยู่กับเพรดเดเทอร์ดั้งเดิม และเพรดเดเทอร์ใหม่มาจากกลุ่มหัวรุนแรงหวังรุกรานดาวชาวบ้านจริงจัง
ไอ้เรื่องเปลี่ยนเหตุผลการล่ามันก็ดีน่ะใช่ แต่ไม่ควรเปลี่ยนเอาบรรยากาศน่ากลัวแบบเดิมๆ ที่มีในเกมล่าออกไปพร้อมกันในหนังเรื่องเดียวแบบนี้
พอเหตุผลเดิมหาย+บรรยากาศเดิมๆ สลาย เสน่ห์ข้อสำคัญนี้จึงพลอยมลายตาม
4) ไม่ใช่ข้อได้เปรียบแท้จริงแบบเรื่องเกมล่า แต่แฟรนไชส์เรื่องอื่นไม่มีทางทำได้อารมณ์เดียวกัน เพราะข้อ 3 กับ 4 นี่คอยส่งเสริมสนับสนุนกัน บรรยากาศเกมล่ามันน่ากลัว (อย่างน้อยก็สำหรับตัวละครในเรื่อง) และบรรยากาศน่ากลัวมันเพิ่มอรรถรสเกมล่า
The Predator มีฉากสังหารโหดตัวละครตายสยองเต็มท้องเรื่อง แต่ขาดความน่าสะพรึงกลัวอย่างน่าตระหนก
เหตุเพราะความตายในหนังสักแต่ใส่ความรุนแรง+รวดเร็วลงไป โดยไม่สนใจใส่บรรยากาศชวนหวาดหวั่นไว้
เวลาตัวละครเผชิญหน้าเพรดเดเทอร์ไม่รู้สึกถึงความกลัวพวกมัน หรือหวาดหวั่นต่อสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
เวลาตัวละครตายหรือต้องยืนหยัดรับความตายเพื่อช่วยพวกพ้องมันไม่อิน ไม่เกิดอารมณ์ร่วมดีๆ
ที่รู้สึกมีแค่ความตายมันมาเร็วไปเร็วจนเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมไม่คิดว่ามันเข้าท่า
เพราะหนังอุตส่าห์เป็นเรตอาร์ ถ้าความรุนแรงไม่ทำให้สัมผัสความโหดร้าย, ความตายที่คืบคลานเข้าหาตัวละครได้ ความรุนแรงย่อมไร้ความหมาย ทำไมไม่ปรับลดความรุนแรงลง แล้วทำหนังเรต PG-13 ที่ผู้ใหญ่พาเด็กเข้าโรงได้แบบ Alien Vs. Predator ละ แบบนั้นหนังมีโอกาสทำเงินมากกว่าด้วย
แลดูผมบ่นเหมือนคนยึดติดรูปแบบเดิมๆ ของหนังแฟรนไชส์ใช่ไหม ? แต่ทั้งหมดคือการแจกแจงเหตุผล เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมผมจึงจะสรุปว่า [หนังเรื่องนี้ไม่ดี ทั้งที่สนุก, ตลก และเล่าเรื่องลื่นไหล]
เพราะหนังดีควรมีเหตุผลดึงดูดใจให้คนเสียเงินไปรับชมในโรงภาพยนตร์ และประทับใจในเนื้อเรื่องหรือตัวละคร
เหตุผลที่คนจะตีตั๋วดู The Predator ไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาวเรื่องอื่นๆ คือเสน่ห์เฉพาะตัวแสนสำคัญของหนังชุดนี้+เสน่ห์เฉพาะตัวของเพรดเดเทอร์ดังที่กล่าวมา ซึ่งมันโดนลบซะหายเกลี้ยงเกือบหมด
ตอนแรกคิดว่าหนังเปลี่ยนสายไปแอ็คชั่นปนตลก แล้วจะยังเหลือความน่ากลัวบ้าง แต่ก็ไม่...
ไม่ได้คิดว่าจะประทับใจเนื้อเรื่องอยู่แล้ว เพราะเดาได้เลาๆ จากตัวอย่างกับการประชาสัมพันธ์ว่าจะวางเรื่องระยะยาว ให้เพรดเดเทอร์หันมารุกรานโลกแบบมนุษย์ต่างดาวในหนังทั่วไป
คิดว่าคราวนี้อาจได้ประทับใจกับตัวละคร แก๊งค์ทหารผ่านศึกประสาทหลอนดูมีความน่าสนใจ และดูหนังสักพักก็รู้สึกอยากเอาใจช่วยขึ้นมานิดหน่อย
แต่ดันตกม้าตายตรงตัวละครโดนฆ่าแบบกะทันหันกันเนี่ยแหละ เลยไม่รู้สึกเศร้าโศกหรืออะไรสักนิด
--สรุป-- The Predator สนุก, ตลก และเล่าเรื่องลื่นไหล ทว่าขาดความน่าประทับใจ เป็นหนังบู๊ปนตลกสำหรับดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อย่าได้คาดหวังสิ่งใดก่อนการรับชม และหากแฟนคลับขาประจำหรือผู้ชื่นชอบเพรดเดเทอร์คนไหนยังไม่มีโอกาสไปดูหนัง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดูภาคนี้ จนกว่าจิตใจของคุณจะพร้อมเผชิญหน้าความผิดหวังครับ
และความจริงหนัง 6 เรื่องทำรายได้ดีแค่บางภาค แถมยังเว้นช่วงทิ้งจังหวะนานหลายปีกว่าจะมีภาคต่อออกมาเป็นระยะแท้ๆ แต่ก็ยังไม่วายได้ดูภาคใหม่กันอยู่เรื่อย
ถ้าให้เดาว่าทำไมทางผู้สร้างภาพยนตร์ยังจัดหนังเพรดเดเทอร์มาเสิร์ฟตลอด สาเหตุคงไม่พ้นเสน่ห์เฉพาะตัวของเพรดเดเทอร์ ที่ทำให้มีแฟนคลับขาประจำคอยติดตาม และพร้อมสนับสนุนทุกครั้งที่ภาพยนตร์ภาคใหม่เผยแพร่ (แม้จำนวนไม่มากพอจะดันให้หนังประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างแท้จริงเสมอไป)
งั้นเสน่ห์ของภาพยนตร์ชุดเพรดเดเทอร์คืออะไร ? เท่าที่นึกได้คือ
1) รูปโฉมเพรดเดเทอร์สุดเท่ซึ่งแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว, น่าเกรงขาม
2) เทคโนโลยี+อาวุธต่างดาวอันมีเอกลักษณ์ และสังหารเหยื่อให้ตายได้แบบโกงๆ โหดๆ
3) ไม่สนใจรุกรานโลกแบบมนุษย์ต่างดาวตามสื่อบันเทิงทั่วไป แต่ล่าเพื่อความสนุกเป็นเกมกีฬา ทว่าทำตัวแบบนักล่าผู้ทรงเกียรติ, ไม่สังหารคนไร้ทางสู้
4) บรรยากาศตึงเครียด+น่ากลัว, น่าหวาดหวั่นในท้องเรื่อง อันเกิดจากความลึกลับของเพรดเดเทอร์ และความรู้สึกว่าตัวละครมนุษย์ตกเป็นเหยื่อ
The Predator เหลือไว้เพียง 2 ข้อแรก ส่วน 2 ข้อหลังไม่ถึงขั้นเลือนหายหมดจริงอยู่ แต่เหลือน้อยเสียแทบไม่รู้สึก
ทว่าปัญหาร้ายแรงคือความสำคัญด้านเสน่ห์ของหนังชุดเพรดเดเทอร์ข้อ 1-4 นั้น ส่วนตัวคิดว่าเรียงลำดับจากน้อยไปมาก
1) รูปลักษณ์เพรดเดเทอร์มีความเท่แบบคลาสสิคเหมือนเอเลี่ยน, ไม่เก่าไม่เชยตามกาลเวลา แค่เพิ่มดีไซน์, เพิ่มรูปแบบใหม่ๆ เรื่อยๆ ในหนังแต่ละภาคโดยไม่ทิ้งของเดิมไปก็พอ
แต่หนังสัตว์ประหลาด, หนังมนุษย์ต่างดาวยิ่งนานวันยิ่งมีมาก ดีไซน์ดีๆ ย่อมเพิ่มตามกาลเวลาเช่นกัน ไม่ใช่เอกลักษณ์จุดนี้จะสร้างความได้เปรียบดึงดูดใจคนเหนือกว่าหนังเรื่องอื่นอีกแล้ว
ซ้ำร้าย The Predator ลดทอนความน่ากลัว, น่าเกรงขามของเพรดเดเทอร์ดั้งเดิมเสียไม่เหลือ ด้วยการให้เพรดเดเทอร์แบบใหม่สังหารทิ้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี
2) เทคโนโลยี+อาวุธเพรดเดเทอร์ไม่มีอะไรให้ติ และเผลอๆ ภาคนี้เจ๋งกว่าเก่า แต่เหมือนที่บอกในข้อแรกหนังสัตว์ประหลาด, หนังมนุษย์ต่างดาวเรื่องอื่นมีถมเถ เสน่ห์ข้อนี้หนังเรื่องอื่นเค้าก็มีเหมือนกัน
3) นี่แหละข้อได้เปรียบแท้จริงของหนังชุดเพรดเดเทอร์ เพราะขืนเรื่องอื่นใช้ซ้ำโดนข้อหาเลียนแบบทันที
การล่าเพื่อความสนุก, ล่าเป็นเกมกีฬาของเพรดเดเทอร์หายไปจากหนังเรื่องนี้ และถูกเปลี่ยนเหตุผลให้ทำเพื่อพัฒนาสายพันธ์ุตัวเองสำหรับรุกรานดาวอื่น
ในแง่ขยายเรื่องราววางเส้นเรื่องถือว่าดี เพราะแนวทางเดิมยังอยู่กับเพรดเดเทอร์ดั้งเดิม และเพรดเดเทอร์ใหม่มาจากกลุ่มหัวรุนแรงหวังรุกรานดาวชาวบ้านจริงจัง
ไอ้เรื่องเปลี่ยนเหตุผลการล่ามันก็ดีน่ะใช่ แต่ไม่ควรเปลี่ยนเอาบรรยากาศน่ากลัวแบบเดิมๆ ที่มีในเกมล่าออกไปพร้อมกันในหนังเรื่องเดียวแบบนี้
พอเหตุผลเดิมหาย+บรรยากาศเดิมๆ สลาย เสน่ห์ข้อสำคัญนี้จึงพลอยมลายตาม
4) ไม่ใช่ข้อได้เปรียบแท้จริงแบบเรื่องเกมล่า แต่แฟรนไชส์เรื่องอื่นไม่มีทางทำได้อารมณ์เดียวกัน เพราะข้อ 3 กับ 4 นี่คอยส่งเสริมสนับสนุนกัน บรรยากาศเกมล่ามันน่ากลัว (อย่างน้อยก็สำหรับตัวละครในเรื่อง) และบรรยากาศน่ากลัวมันเพิ่มอรรถรสเกมล่า
The Predator มีฉากสังหารโหดตัวละครตายสยองเต็มท้องเรื่อง แต่ขาดความน่าสะพรึงกลัวอย่างน่าตระหนก
เหตุเพราะความตายในหนังสักแต่ใส่ความรุนแรง+รวดเร็วลงไป โดยไม่สนใจใส่บรรยากาศชวนหวาดหวั่นไว้
เวลาตัวละครเผชิญหน้าเพรดเดเทอร์ไม่รู้สึกถึงความกลัวพวกมัน หรือหวาดหวั่นต่อสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
เวลาตัวละครตายหรือต้องยืนหยัดรับความตายเพื่อช่วยพวกพ้องมันไม่อิน ไม่เกิดอารมณ์ร่วมดีๆ
ที่รู้สึกมีแค่ความตายมันมาเร็วไปเร็วจนเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมไม่คิดว่ามันเข้าท่า
เพราะหนังอุตส่าห์เป็นเรตอาร์ ถ้าความรุนแรงไม่ทำให้สัมผัสความโหดร้าย, ความตายที่คืบคลานเข้าหาตัวละครได้ ความรุนแรงย่อมไร้ความหมาย ทำไมไม่ปรับลดความรุนแรงลง แล้วทำหนังเรต PG-13 ที่ผู้ใหญ่พาเด็กเข้าโรงได้แบบ Alien Vs. Predator ละ แบบนั้นหนังมีโอกาสทำเงินมากกว่าด้วย
แลดูผมบ่นเหมือนคนยึดติดรูปแบบเดิมๆ ของหนังแฟรนไชส์ใช่ไหม ? แต่ทั้งหมดคือการแจกแจงเหตุผล เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมผมจึงจะสรุปว่า [หนังเรื่องนี้ไม่ดี ทั้งที่สนุก, ตลก และเล่าเรื่องลื่นไหล]
เพราะหนังดีควรมีเหตุผลดึงดูดใจให้คนเสียเงินไปรับชมในโรงภาพยนตร์ และประทับใจในเนื้อเรื่องหรือตัวละคร
เหตุผลที่คนจะตีตั๋วดู The Predator ไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาวเรื่องอื่นๆ คือเสน่ห์เฉพาะตัวแสนสำคัญของหนังชุดนี้+เสน่ห์เฉพาะตัวของเพรดเดเทอร์ดังที่กล่าวมา ซึ่งมันโดนลบซะหายเกลี้ยงเกือบหมด
ตอนแรกคิดว่าหนังเปลี่ยนสายไปแอ็คชั่นปนตลก แล้วจะยังเหลือความน่ากลัวบ้าง แต่ก็ไม่...
ไม่ได้คิดว่าจะประทับใจเนื้อเรื่องอยู่แล้ว เพราะเดาได้เลาๆ จากตัวอย่างกับการประชาสัมพันธ์ว่าจะวางเรื่องระยะยาว ให้เพรดเดเทอร์หันมารุกรานโลกแบบมนุษย์ต่างดาวในหนังทั่วไป
คิดว่าคราวนี้อาจได้ประทับใจกับตัวละคร แก๊งค์ทหารผ่านศึกประสาทหลอนดูมีความน่าสนใจ และดูหนังสักพักก็รู้สึกอยากเอาใจช่วยขึ้นมานิดหน่อย
แต่ดันตกม้าตายตรงตัวละครโดนฆ่าแบบกะทันหันกันเนี่ยแหละ เลยไม่รู้สึกเศร้าโศกหรืออะไรสักนิด
--สรุป-- The Predator สนุก, ตลก และเล่าเรื่องลื่นไหล ทว่าขาดความน่าประทับใจ เป็นหนังบู๊ปนตลกสำหรับดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อย่าได้คาดหวังสิ่งใดก่อนการรับชม และหากแฟนคลับขาประจำหรือผู้ชื่นชอบเพรดเดเทอร์คนไหนยังไม่มีโอกาสไปดูหนัง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดูภาคนี้ จนกว่าจิตใจของคุณจะพร้อมเผชิญหน้าความผิดหวังครับ
COMMENTS