ณ ตอนเขียนบทความ Solo: A Star Wars Story ใช้เวลา 2 สัปดาห์กว่า ทำรายได้ในตลาดอเมริการาว 158 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ตลาดอื่นๆ อีก 115 ล้าน รวมกัน...
ณ ตอนเขียนบทความ Solo: A Star Wars Story ใช้เวลา 2 สัปดาห์กว่า ทำรายได้ในตลาดอเมริการาว 158 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ตลาดอื่นๆ อีก 115 ล้าน รวมกันแล้วรายรับทั่วโลกคือประมาณ 273 ล้าน
เหมือนได้เยอะ แต่ทุนสร้างภาคนี้อยู่ที่ [250 ล้าน] สถานการณ์ปัจจุบันแค่คืนทุนสร้างยังหืดขึ้นคอเลยด้วยซ้ำ
(วิธีคำนวณคร่าวๆ แบบง่ายสุดว่าหนังประสบความสำเร็จด้านรายได้หรือไม่, ให้เอาทุนสร้างคูณ 2 จะเป็นจุดคืนทุน)
แฟรนไชส์สตาร์วอร์สทำเงินเป็นกอบเป็นกำมาตลอด แม้กระทั่งภาคแยกก่อนหน้า-Rogue One ซึ่งมีเพียงตัวละครเก่าไม่กี่ตัวมาเล่นบทรับเชิญยังปิดโปรแกรมฉายด้วยรายได้ระดับพันล้านพอดี
แต่ Solo มีตัวละครขวัญใจมหาชน-ฮาน โซโล, ผู้คนคุ้นเคย-ชิวบัคก้า, ตัวละครสมทบดีเด่น-แลนโด (ไม่นับตัวละครลับที่คนดูหนังภาคเก่านึกว่าตายแล้ว เพราะโผล่ฉากเดียว และไม่ถูกผู้สร้างใช้ประชาสัมพันธ์) รวมตัวพร้อมหน้า+มีบทในหนังทั้งเรื่อง แล้วทำไมรายได้ Solo มันไม่เวิร์คละ ?
ที่นึกออกเรื่องแรกคือแนวคิดเกี่ยวกับการผจญภัยในโลกอาชญากรรมใต้ดิน+ย้อนอดีตสมัยฮานหนุ่มแน่นไม่ดึงดูดใจคนดูทั่วไปมากพอ และดึงดูดเฉพาะแฟนขาประจำสตาร์วอร์ส
เรื่องที่ 2 คือหนังฉายผิดเวลา ตัวละครฮานจบบทบาทไปตั้งแต่ Force Awakens, หนัง Solo ควรฉายต่อทันทีแทนตำแหน่ง Rogue One เพราะคนดูยังคิดถึงตัวละครอยู่ ใส่ลูกเต๋านำโชคมาเป็นไข่อีสเตอร์ไปก็เท่านั้น คนดูส่วนใหญ่ไม่อินอะไรกับการเชื่อมเรื่องบางๆ อย่างขาดความสำคัญหรอก
เรื่องที่ 3 คือฉายช่วงหน้าร้อน สตาร์วอร์สเคยแต่ฉายปลายปี ไม่เคยฉายช่วงนี้ของปีเบียดหนังเรื่องอื่น แถมเจอคู่แข่งเป็น 'เดดพูล 2' ซึ่งคนชอบฮีโร่เกรียนจัด 18+ กันมากจนโดนแย่งรายได้หนัง
ทว่าพอมีโอกาสดูหนังจริงๆ ดันรู้สึกว่าปัจจัยเหล่านั้นคือปัจจัยแวดล้อมประกอบฉากเท่านั้น รายได้หนังมันไม่เวิร์คก็เพราะหนังเรื่องนี้มันไม่เวิร์ค(แม้คำวิจารณ์อยู่ในเกณฑ์ดี)นั่นแหละ
Solo ดำเนินเรื่องสนุกสนานตามรูปแบบหนังผจญภัยเหมือนที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า โดยพาเราตามติดชีวิตฮาน โซโลตั้งแต่สมัยวัยรุ่นครุ่นรัก พยายามหนีตามกันไปกับเพื่อนสมัยเด็ก-คีร่า
ก่อนชะตาพรากทั้งคู่แยกจาก และฮานต้องดิ้นรนใช้ชีวิตฝ่าฟันอันตรายหลายอย่าง เพื่อหาทางพาเส้นทางชีวิตตัวเองไปบรรจบพบเธออีกครั้ง
เส้นทางการดิ้นรนผจญภัยของเขาทำให้พบทั้งคนที่เขาชื่นชมนับถือเป็นแบบอย่าง, เพื่อนคนสำคัญ(ชิวบัคก้ากับแลนโด) ประสบพบเจอการทรยศหักหลังและความสูญเสีย
พอลองสรุปดูแล้วจะเห็นครับว่าแก่นของ Solo เป็นหนังผจญภัยอันควรให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมแก่คนดูในการผจญภัย และตัวละครนำต้องมีเสน่ห์ดึงดูดใจ
ตัวบท, ตัวเนื้อเรื่องไม่ได้สอบตกอะไร Solo สอบตกตรงการกำกับภาพยนตร์ที่ทำให้หนังแห้งแล้งด้านอารมณ์ และนักแสดงนำขาดเสน่ห์ดึงดูดใจต่างหาก
การแสดงของ 'อัลเดน เออเรนไรช์' ผู้รับบทพระเอกจอมเสเพลขาดเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ 'แฮริสัน ฟอร์ด' เคยทำไว้สักนิด แลดูพยายามจะเลียนแบบฮาน โซโลของฟอร์ด
ซึ่งผมเห็นว่าไม่จำเป็น การตีความตัวละครใหม่และแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติในแบบของตัวเองน่าจะดีกว่า
ความจริงเคยอ่านผ่านๆ เจอข่าวเรื่องทีมสร้างหนังคัดตัวพระเอกหน้าใหม่คนนี้มา โดยได้แรงบันดาลใจจาก 'คริส ไพน์' พระเอกแฟรนไชส์สตาร์เทรค ผู้ตีความบทกัปตันเคิร์กใหม่ แต่พอดูหนังจริงก็ อ้าว! เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้เลยนี่หว่า....
กรณีนักแสดงขาดเสน่ห์มากพอแบบตอนนักแสดงหญิง 'เคลลี่ มารี ทราน' รับบทโรส เล่นคู่ประกบฟินน์ตัวเอกหลักในภาค The Last Jedi นั่นผมเฉยๆ
ส่วนตัวไม่รู้สึกหนังสนุกน้อยลงหรือรำคาญเธออะไร เพราะเนื้อเรื่อง+การกำกับมันลื่นไหลพาให้อารมณ์ไหลตามเรื่อยๆ และเธอไม่ใช่ตัวละครหลักคอยพยุงหนัง
สวนทางกับกรณีเออเรนไรช์ เพราะต้องตามติดชีวิตฮาน โซโล, ต้องติดตามพระเอกหัวขบถคนนี้ไปตลอดเรื่อง [เขาคือหัวใจหลักของภาพยนตร์] เมื่อหัวใจอ่อนแอสูบฉีดเลือดไม่คล่อง มันก็ชวนให้วิงเวียนศีรษะหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมเอานะสิ....
'รอน โฮเวิร์ด' ผู้กำกับดีกรีหนังรางวัล เคยทั้งเข้าชิงและชนะรางวัลจริงๆ ก็เยอะ ถือเป็นผู้กำกับช่ำชองมากประสบการณ์ แต่การกำกับหนัง Solo ครั้งนี้ดันขาดความรู้สึกด้านอารมณ์ของตัวละครอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมบรรยายเรื่องพวกนี้ไม่เป็น จะขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบละกัน คือตอนตัวละครในหนังเรื่องนี้ตายมันไม่ค่อยอิน, ไม่เศร้าตามเท่าไหร่
ขณะที่ Rogue One ตัวละครตายแต่ละทีนี่รู้สึกตลอด จะเทียบตอนตัวละครหลักร่วงทีละคนท้ายเรื่องก็เกินไป เปรียบมวยกับตอนพ่อนางเอก, ซอว์ เกอร์เรร่า(ผู้รับเลี้ยงนางเอกสมัยเด็ก) หรือแม่นางเอกตายดีกว่า
พวกนั้นบทน้อยเหมือนตัวละครที่ตายใน Solo นะ ยิ่งแม่นางเอกบทน้อยยิ่งกว่า แต่พอเธอตายกลับรู้สึกถึงความสูญเสียของพ่อนางเอกกับนางเอกได้ทันทีเลย
จากการตามข่าว(ทั้งลือและไม่ลือ)คาดว่ารอน โฮเวิร์ดถ่ายซ่อมหนังด้วยความเร่งรีบพอตัว เพราะทิศทางหนังซึ่งฟิล ลอร์ดกับคริส มิลเลอร์ถ่ายไว้ไม่ตรงใจประธานลูคัสฟิล์ม-แคธลีน เคนเนดี้ จึงต้องปรับแก้กันก่อนกำหนดฉายไม่นานและแก้เยอะพอสมควร
ไม่รู้จริงไม่จริงแค่ไหน แต่ทุนสร้างหนัง Solo สูงกว่าเรื่องไหนๆ ในแฟรนไชส์แม้เป็นภาคแยก และหนังไม่มีฉากสงครามอวกาศครั้งใหญ่อะไรในเรื่องด้วย ถ้าไม่ใช่เปลืองงบถ่ายซ่อมแล้วมันเพราะอะไรละ ?
เดาว่ารอน โฮเวิร์ดรีบถ่ายทำ หนังเลยแห้งแล้งด้านอารมณ์ เนื่องจากต้องรีบถ่ายตามบทหนังให้จบ ทำให้ไม่มีเวลาถ่ายฉากเดิมซ้ำหลายรอบ หรือเค้นอารมณ์ผู้กำกับ+นักแสดงอะไรมากพอ
แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ต้องชื่นชมผู้กำกับ เพราะโดยภาพรวมหนังยังคงรับชมได้อย่างสนุก ตอบโจทย์ความบันเทิง เล่าเรื่องได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่รู้สึกถึงอารมณ์โดดหรือจังหวะเร่งผิดธรรมชาติใดๆ
--สรุป-- อารมณ์การดู Solo: A Star Wars Story มันเหมือนนั่งรถทัวร์พาชมรอบสถานที่ท่องเที่ยว แล้วคนขับแค่มารับจ้างขับรถวน, โชว์ให้ดูโน่นดูนี่เฉยๆ ไม่มีการแนะนำสถานที่หรือสนทนาปราศัยโต้ตอบอะไรด้วยแต่ประการใด
ไม่ใช่ไม่สนุก แต่มันสัมผัสความรู้สึกของการผจญภัยสุดประทับใจไม่ได้ ไม่เหมือนการนั่งรถเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมิตรสหาย, สนทนาออกรสชาติสนุกสนานตลอดทาง หรือมีไกด์นำทางดีๆ มีความเป็นมิตรคอยแนะนำข้อมูลสถานที่ประกอบการเดินทาง เสริมอรรถรสในการรับชม
เหมือนได้เยอะ แต่ทุนสร้างภาคนี้อยู่ที่ [250 ล้าน] สถานการณ์ปัจจุบันแค่คืนทุนสร้างยังหืดขึ้นคอเลยด้วยซ้ำ
(วิธีคำนวณคร่าวๆ แบบง่ายสุดว่าหนังประสบความสำเร็จด้านรายได้หรือไม่, ให้เอาทุนสร้างคูณ 2 จะเป็นจุดคืนทุน)
แฟรนไชส์สตาร์วอร์สทำเงินเป็นกอบเป็นกำมาตลอด แม้กระทั่งภาคแยกก่อนหน้า-Rogue One ซึ่งมีเพียงตัวละครเก่าไม่กี่ตัวมาเล่นบทรับเชิญยังปิดโปรแกรมฉายด้วยรายได้ระดับพันล้านพอดี
แต่ Solo มีตัวละครขวัญใจมหาชน-ฮาน โซโล, ผู้คนคุ้นเคย-ชิวบัคก้า, ตัวละครสมทบดีเด่น-แลนโด (ไม่นับตัวละครลับที่คนดูหนังภาคเก่านึกว่าตายแล้ว เพราะโผล่ฉากเดียว และไม่ถูกผู้สร้างใช้ประชาสัมพันธ์) รวมตัวพร้อมหน้า+มีบทในหนังทั้งเรื่อง แล้วทำไมรายได้ Solo มันไม่เวิร์คละ ?
ที่นึกออกเรื่องแรกคือแนวคิดเกี่ยวกับการผจญภัยในโลกอาชญากรรมใต้ดิน+ย้อนอดีตสมัยฮานหนุ่มแน่นไม่ดึงดูดใจคนดูทั่วไปมากพอ และดึงดูดเฉพาะแฟนขาประจำสตาร์วอร์ส
เรื่องที่ 2 คือหนังฉายผิดเวลา ตัวละครฮานจบบทบาทไปตั้งแต่ Force Awakens, หนัง Solo ควรฉายต่อทันทีแทนตำแหน่ง Rogue One เพราะคนดูยังคิดถึงตัวละครอยู่ ใส่ลูกเต๋านำโชคมาเป็นไข่อีสเตอร์ไปก็เท่านั้น คนดูส่วนใหญ่ไม่อินอะไรกับการเชื่อมเรื่องบางๆ อย่างขาดความสำคัญหรอก
เรื่องที่ 3 คือฉายช่วงหน้าร้อน สตาร์วอร์สเคยแต่ฉายปลายปี ไม่เคยฉายช่วงนี้ของปีเบียดหนังเรื่องอื่น แถมเจอคู่แข่งเป็น 'เดดพูล 2' ซึ่งคนชอบฮีโร่เกรียนจัด 18+ กันมากจนโดนแย่งรายได้หนัง
ทว่าพอมีโอกาสดูหนังจริงๆ ดันรู้สึกว่าปัจจัยเหล่านั้นคือปัจจัยแวดล้อมประกอบฉากเท่านั้น รายได้หนังมันไม่เวิร์คก็เพราะหนังเรื่องนี้มันไม่เวิร์ค(แม้คำวิจารณ์อยู่ในเกณฑ์ดี)นั่นแหละ
Solo ดำเนินเรื่องสนุกสนานตามรูปแบบหนังผจญภัยเหมือนที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า โดยพาเราตามติดชีวิตฮาน โซโลตั้งแต่สมัยวัยรุ่นครุ่นรัก พยายามหนีตามกันไปกับเพื่อนสมัยเด็ก-คีร่า
ก่อนชะตาพรากทั้งคู่แยกจาก และฮานต้องดิ้นรนใช้ชีวิตฝ่าฟันอันตรายหลายอย่าง เพื่อหาทางพาเส้นทางชีวิตตัวเองไปบรรจบพบเธออีกครั้ง
เส้นทางการดิ้นรนผจญภัยของเขาทำให้พบทั้งคนที่เขาชื่นชมนับถือเป็นแบบอย่าง, เพื่อนคนสำคัญ(ชิวบัคก้ากับแลนโด) ประสบพบเจอการทรยศหักหลังและความสูญเสีย
พอลองสรุปดูแล้วจะเห็นครับว่าแก่นของ Solo เป็นหนังผจญภัยอันควรให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมแก่คนดูในการผจญภัย และตัวละครนำต้องมีเสน่ห์ดึงดูดใจ
ตัวบท, ตัวเนื้อเรื่องไม่ได้สอบตกอะไร Solo สอบตกตรงการกำกับภาพยนตร์ที่ทำให้หนังแห้งแล้งด้านอารมณ์ และนักแสดงนำขาดเสน่ห์ดึงดูดใจต่างหาก
การแสดงของ 'อัลเดน เออเรนไรช์' ผู้รับบทพระเอกจอมเสเพลขาดเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ 'แฮริสัน ฟอร์ด' เคยทำไว้สักนิด แลดูพยายามจะเลียนแบบฮาน โซโลของฟอร์ด
ซึ่งผมเห็นว่าไม่จำเป็น การตีความตัวละครใหม่และแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติในแบบของตัวเองน่าจะดีกว่า
ความจริงเคยอ่านผ่านๆ เจอข่าวเรื่องทีมสร้างหนังคัดตัวพระเอกหน้าใหม่คนนี้มา โดยได้แรงบันดาลใจจาก 'คริส ไพน์' พระเอกแฟรนไชส์สตาร์เทรค ผู้ตีความบทกัปตันเคิร์กใหม่ แต่พอดูหนังจริงก็ อ้าว! เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้เลยนี่หว่า....
กรณีนักแสดงขาดเสน่ห์มากพอแบบตอนนักแสดงหญิง 'เคลลี่ มารี ทราน' รับบทโรส เล่นคู่ประกบฟินน์ตัวเอกหลักในภาค The Last Jedi นั่นผมเฉยๆ
ส่วนตัวไม่รู้สึกหนังสนุกน้อยลงหรือรำคาญเธออะไร เพราะเนื้อเรื่อง+การกำกับมันลื่นไหลพาให้อารมณ์ไหลตามเรื่อยๆ และเธอไม่ใช่ตัวละครหลักคอยพยุงหนัง
สวนทางกับกรณีเออเรนไรช์ เพราะต้องตามติดชีวิตฮาน โซโล, ต้องติดตามพระเอกหัวขบถคนนี้ไปตลอดเรื่อง [เขาคือหัวใจหลักของภาพยนตร์] เมื่อหัวใจอ่อนแอสูบฉีดเลือดไม่คล่อง มันก็ชวนให้วิงเวียนศีรษะหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมเอานะสิ....
'รอน โฮเวิร์ด' ผู้กำกับดีกรีหนังรางวัล เคยทั้งเข้าชิงและชนะรางวัลจริงๆ ก็เยอะ ถือเป็นผู้กำกับช่ำชองมากประสบการณ์ แต่การกำกับหนัง Solo ครั้งนี้ดันขาดความรู้สึกด้านอารมณ์ของตัวละครอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมบรรยายเรื่องพวกนี้ไม่เป็น จะขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบละกัน คือตอนตัวละครในหนังเรื่องนี้ตายมันไม่ค่อยอิน, ไม่เศร้าตามเท่าไหร่
ขณะที่ Rogue One ตัวละครตายแต่ละทีนี่รู้สึกตลอด จะเทียบตอนตัวละครหลักร่วงทีละคนท้ายเรื่องก็เกินไป เปรียบมวยกับตอนพ่อนางเอก, ซอว์ เกอร์เรร่า(ผู้รับเลี้ยงนางเอกสมัยเด็ก) หรือแม่นางเอกตายดีกว่า
พวกนั้นบทน้อยเหมือนตัวละครที่ตายใน Solo นะ ยิ่งแม่นางเอกบทน้อยยิ่งกว่า แต่พอเธอตายกลับรู้สึกถึงความสูญเสียของพ่อนางเอกกับนางเอกได้ทันทีเลย
จากการตามข่าว(ทั้งลือและไม่ลือ)คาดว่ารอน โฮเวิร์ดถ่ายซ่อมหนังด้วยความเร่งรีบพอตัว เพราะทิศทางหนังซึ่งฟิล ลอร์ดกับคริส มิลเลอร์ถ่ายไว้ไม่ตรงใจประธานลูคัสฟิล์ม-แคธลีน เคนเนดี้ จึงต้องปรับแก้กันก่อนกำหนดฉายไม่นานและแก้เยอะพอสมควร
ไม่รู้จริงไม่จริงแค่ไหน แต่ทุนสร้างหนัง Solo สูงกว่าเรื่องไหนๆ ในแฟรนไชส์แม้เป็นภาคแยก และหนังไม่มีฉากสงครามอวกาศครั้งใหญ่อะไรในเรื่องด้วย ถ้าไม่ใช่เปลืองงบถ่ายซ่อมแล้วมันเพราะอะไรละ ?
เดาว่ารอน โฮเวิร์ดรีบถ่ายทำ หนังเลยแห้งแล้งด้านอารมณ์ เนื่องจากต้องรีบถ่ายตามบทหนังให้จบ ทำให้ไม่มีเวลาถ่ายฉากเดิมซ้ำหลายรอบ หรือเค้นอารมณ์ผู้กำกับ+นักแสดงอะไรมากพอ
แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ต้องชื่นชมผู้กำกับ เพราะโดยภาพรวมหนังยังคงรับชมได้อย่างสนุก ตอบโจทย์ความบันเทิง เล่าเรื่องได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่รู้สึกถึงอารมณ์โดดหรือจังหวะเร่งผิดธรรมชาติใดๆ
--สรุป-- อารมณ์การดู Solo: A Star Wars Story มันเหมือนนั่งรถทัวร์พาชมรอบสถานที่ท่องเที่ยว แล้วคนขับแค่มารับจ้างขับรถวน, โชว์ให้ดูโน่นดูนี่เฉยๆ ไม่มีการแนะนำสถานที่หรือสนทนาปราศัยโต้ตอบอะไรด้วยแต่ประการใด
ไม่ใช่ไม่สนุก แต่มันสัมผัสความรู้สึกของการผจญภัยสุดประทับใจไม่ได้ ไม่เหมือนการนั่งรถเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมิตรสหาย, สนทนาออกรสชาติสนุกสนานตลอดทาง หรือมีไกด์นำทางดีๆ มีความเป็นมิตรคอยแนะนำข้อมูลสถานที่ประกอบการเดินทาง เสริมอรรถรสในการรับชม
COMMENTS