ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์ต่างประเทศของฮอลลีวู้ดยุคสมัยปัจจุบัน เน้นสร้างหนังแฟรนไชส์กับภาคต่อเป็นหลัก เพราะมันตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้สร้างที่เริ่มพบ...
ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์ต่างประเทศของฮอลลีวู้ดยุคสมัยปัจจุบัน เน้นสร้างหนังแฟรนไชส์กับภาคต่อเป็นหลัก เพราะมันตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้สร้างที่เริ่มพบทางตันในการสร้างภาพยนตร์อันมีความสดใหม่-ไม่ซ้ำใครให้ถูกใจคนดู และฝั่งคนดูเองก็ชอบหนังแฟรนไชส์ เพราะความคุ้นเคย+รับประกันคุณภาพด้านองค์ประกอบกับเนื้อหาภาพยนตร์ได้ระดับหนึ่ง ลดความเสี่ยงจะชอกช้ำ-เสียดายตังค์ตอนหนังไม่ถูกใจหรือไม่สนุกไปบ้าง
ถึงกระนั้นการพยายามสร้างหนังภาคต่อ, หนังแฟรนไชส์ทั้งหลายไม่ใช่ประสบผลสำเร็จเสียหมด แสดงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในการสร้างภาพยนตร์ที่มีความต่อเนื่อง หรือดำเนินเรื่องอยู่ โลกสมมติใบเดียวกัน ให้สนุกถูกใจผู้คน จึงอยากเชิญชวนให้ลองสำรวจไปพร้อมกัน ว่าแฟรนไชส์ชื่อดังหลายเรื่องเค้ามีแนวคิด, วิธีสร้างดีๆ อะไร? เหตุใดจึงประสบความสำเร็จ?
James Bond
แฟรนไชส์ที่มีหนังอย่างเป็นทางการออกมากว่า 24 เรื่อง ณ ปัจจุบัน แม้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน แต่ด้วยองค์ประกอบอันยอดเยี่ยม เช่น พระเอกสายลับสุดหล่อ มาดผู้ดี รสนิยมมีระดับกับภารกิจอันตราย, มีสาวสวยติดพันมากหน้าหลายตา, ของเล่นสายลับสุดไฮเทคก็มากพอจะทำให้สร้างภาคต่อ เปลี่ยนคนเล่นบทบอนด์ไปเรื่อยๆ ได้อยู่นานสองนาน
ถึงจุดหนึ่ง ผู้ชมเริ่มเบื่อ รสนิยมคนดูเริ่มเปลี่ยนตามเวลา เลยปรับตัว ปล่อยพระเอกบอนด์ฉบับ 'แดเนียล เครก' ในมาดมือใหม่ ทำพลาดบ้างอะไรบ้าง เอาชนะศัตรูแบบล้มลุกคลุกคลาน แต่ค่อยๆ สะสมประสบการณ์ตามหนังแต่ละเรื่องซึ่งเนื้อเรื่องหันมาเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน จนกลายเป็นสายลับสุดแกร่งมาดเท่ที่ผู้คนคุ้นเคยในที่สุด
ไม่ว่าหลังจากนี้อนาคตแฟรนไชส์หนังบอนด์จะเดินไปสู่ทิศทางไหน เชื่อว่าอนาคตยังสดใส เพราะองค์ประกอบอันยอดเยี่ยมของแฟรนไชส์ หากแนวทางหนังภาคไหนผลตอบรับไม่ค่อยดี แค่คอยปรับเปลี่ยนไปตามเรื่องตามราวก็พอ
Star Trek
สตาร์เทรคเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาด้านสันติภาพและการสำรวจอวกาศ พรหมแดนด่านสุดท้ายของมนุษยชาติ ซีรีส์อายุยืนของอเมริกา มีแฟนติดตามสนับสนุนแบบเหนียวแน่น ทำให้สร้างหนังที่เนื้อหาเกี่ยวโยงกับซีรีส์ฉายเป็นสิบเรื่องได้ แม้ไม่ประสบความสำเร็จในวงกว้างมากมาย
จุดเปลี่ยนสำคัญซึ่งส่งผลให้คนวงกว้างหันมาสนใจหนังชุดสตาร์เทรค คือภาพยนตร์ฉบับเจ.เจ.อับรามส์, อับรามส์เปิดมิติเรื่องราวใหม่ในโลกสตาร์เทรคให้เลิกผูกยึดกับซีรีส์ แต่มิได้ลบล้างเนื้อหาเก่าทิ้ง โดยปล่อยเรื่อง การข้ามเวลาจากอนาคต ออกมา เปลี่ยนแปลงอดีตจนเกิดโลกคู่ขนาน สร้างเนื้อหาเฉพาะฉบับภาพยนตร์แยกต่างหากและเสริมบทบู๊เข้าไป เพื่อดึงดูดใจผู้คนมากขึ้น
วิธีนี้ผู้ชมหน้าใหม่สามารถตั้งต้นติดตามหนังชุดสตาร์เทรคได้เลย ไม่จำเป็นต้องดูอะไรก่อนหน้า แถมไม่ขัดใจแฟนประจำผู้สนับสนุนอย่างเหนียวแน่น ประสบความสำเร็จงดงามทีเดียว
Fantastic Beasts/Harry Potter
นิยายชุดแฮรี่ พอตเตอร์มีโลกสมมติกว้างใหญ่แต่เข้าถึงง่าย เรื่องราวในหนังสือแต่ละเล่มมีพัฒนาการด้านตัวละครและเนื้อหาเรื่อยๆ แถมเจ.เค.โรลิ่งผู้เขียนยังขยันใส่รายละเอียดเล็กน้อยน่าสนใจเสมอ เรียกว่าเหมาะแก่การทำหนังแฟรนไชส์สุดฮิตไม่เบา แค่สร้างหนังเคารพต้นฉบับให้ครบถ้วนกระบวนความเท่านั้น
ทว่าเรื่องน่าสนใจชวนให้พูดถึงจริงๆ คือการต่อยอดแฟรนไชส์แฮรี่หลังจบสมบูรณ์เรียบร้อยของเจ.เค.โรลิ่ง ด้วยการสำรวจโลกเวทมนตร์อันกว้างใหญ่เพิ่มเติม ณ ยุคสมัย+สถานที่ห่างไกลจากเรื่องราวแฮรี่ พอตเตอร์ แต่มีความเกี่ยวโยงด้านตัวละครและเนื้อหาอยู่โลกเดียวกัน อย่างหนังชุดสัตว์มหัศจรรย์ฯ อันเปิดกว้างทิศทางการดำเนินเรื่องในโลกเวทมนตร์ออกไปอีกมาก
ดูทรงแล้วแฟรนไชส์โลกเวทมนตร์คงอนาคตยาวไกล ตราบใดที่เจ.เค.โรลิ่งยังสนใจขยายมันออกไปด้วยตัวเอง
Fast and the Furious
แฟรนไชส์หนังรถซิ่งชื่อดัง ช่วงสามภาคแรกไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ ผลตอบรับภาคสามก็ใช่ว่าดีเด่ จุดเปลี่ยนเล็กน้อยแต่สำคัญ คือการรับเชิญกลับมามีบทบาทเล็กๆ ท้ายหนังภาคสามของตัวละครภาคแรก ดอมินิค ทอเร็ตโต้(วิน ดีเซล) ซึ่งคนประทับใจกัน ทางผู้สร้างจึงจับจุดได้ว่าเสน่ห์ตัวละครสำคัญดึงดูดผู้คน
ภาคสี่เรียกตัวละครเก่ามารวมตัว เพิ่มฉากบู๊เสริมเข้าไป ปิดท้ายด้วยการทิ้งเชื้อเนื้อหาภาคต่อ และภาคห้าเปลี่ยนแนว รวมพลขาซิ่งวางแผนปล้นครั้งใหญ่ หนังทำรายได้ถล่มทลาย เลยกลายเป็นแฟรนไชส์ชื่อดังโดยสมบูรณ์
ปัจจัยความสำเร็จยังไม่หมด เพราะวิสัยทัศน์จัสติน ลิน ผู้กำกับหนังภาค 3-6 เขาอยากให้ตัวละครเปลี่ยนแปลงตลอด คือพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเรื่อยๆ จากรวมพลเฉพาะกิจ-> มิตรสหายร่วมเป็นร่วมตาย-> 'ครอบครัว' สุขทุกข์ร่วมกัน สร้างความผูกพันธ์-เอาใจช่วยตัวละครแก่ผู้ชม
ไหนจะความบ้าพลัง ขยันผลักดันเหล่าขาซิ่งสู่ความแข็งแกร่ง+ฉากบู๊ด้วยรถซิ่งสุดเวอร์วัง จากภาคแรกแค่ขโมยเครื่องเล่นดีวีดี ตอนนี้แปรสภาพสู่กลุ่มฮีโร่กู้โลกไปละ :D
The Conjuring
หลายคนคงไม่คาดคิด ว่าหนังผีสยองขวัญจะมีแฟรนไชส์ภาพยนตร์ของตัวเอง ทว่าเจมส์ วานใช้วิธีสร้างหนังเกี่ยวกับคู่สามี-ภรรยามือปราบผี ที่ต้องพบเจอวิญญาณชั่วร้ายหลายรูปแบบในหนังเรื่องเดียว แล้วค่อยๆ ทำหนังบอกเล่าเรื่องราวของผีร้ายบางตัวแยกทีหลัง พร้อมสอดใส่ความเชื่อมโยงแต่ละเรื่องไว้ สร้างแฟรนไชส์อนาคตไกลอีกเรื่องจนได้
Marvel Cinematic Universe
ไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับหนังชุดซุปเปอร์ฮีโร่ระดับปรากฏการณ์แห่งยุค ตั้งต้นจากการปล่อยภาพยนตร์เรื่องไอร์ออนแมนออกมา โดยทิ้งเชื้อเกี่ยวกับการสร้างจักรวาลภาพยนตร์ ไว้ในฉากแถมท้ายหลังหนังจบแค่นิดเดียว และโชคเข้าข้างหนังประสบความสำเร็จงดงาม กรุยทางแก่หนังฮีโร่เรื่องอื่นอันตามมา ปูทางให้คนดูรู้จักฮีโร่ทีละคน เพื่อฟอร์มทีมฮีโร่สู่หนังรวมพล 'อเวนเจอร์ส'
หนังชุด MCU ไม่เพียงแนะนำฮีโร่สลับกับรวมพล แต่ยังใส่ผลกระทบและความเชื่อมโยงเล็กน้อย จากหนังเรื่องหนึ่งสู่หนังอีกเรื่องหนึ่งตลอดเวลา ก่อร่างสร้างโลกสมมติของตนเสียยิ่งใหญ่
พอตัวละครเริ่มเยอะก็รู้ใจแฟนหนังหลายคน ใส่ฮีโร่บางคนข้ามเรื่องตัวเองไปมีบทบาทในหนังฮีโร่คนอื่นจริงจัง (เช่น ไอร์ออนแมนในหนังสไปเดอร์แมน, ฮัลค์ในธอร์ภาคสาม) หรือแบ่งฝ่ายฮีโร่ตีกันเองครั้งใหญ่แบบในหนัง Civil War
ความสำเร็จของ MCU ทำให้บรรดาสตูดิโอผลิตหนังฮอลลีวู้ดพยายามสร้างจักรวาลภาพยนตร์กันยกใหญ่ แต่คงกล่าวได้ว่าไม่มีเรื่องไหนทำได้เสมอเหมือน เพราะความสามารถของหัวเรือหลัก MCU 'เควิน ไฟกี' ผู้วางเรื่องต่างๆ อย่างยอดเยี่ยมนั้นหาใครเปรียบยากนัก
สรุปว่าหนังแฟรนไชส์ใดๆ จะเกิดได้ สำคัญที่องค์ประกอบ, การผูกโยงเรื่องราว และแนวคิดอันเหมาะสม
หากองค์ประกอบดี มีความต่อเนื่อง-เชื่อมโยงน่าสนใจ หรือหาวิธีสร้างหนังอันถูกต้องเหมาะเจาะกับแฟรนไชส์ได้ ความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
COMMENTS