“Sisu: Road to Revenge” คือเรื่องราวบทที่สองของ อาตามิ คอร์ปิ (ยอร์มา ทอมมิลา) นักรบชาวฟินแลนด์ผู้โหดเหี้ยม ที่สังหารเหล่านาซี ซึ่งพยายามขโ...
“Sisu: Road to Revenge” คือเรื่องราวบทที่สองของ อาตามิ คอร์ปิ (ยอร์มา ทอมมิลา)
นักรบชาวฟินแลนด์ผู้โหดเหี้ยม ที่สังหารเหล่านาซี ซึ่งพยายามขโมยทองของเขา ในสิสู้…เฒ่ามหากาฬ (หนังภาคแรก ค.ศ. 2022)
ณ ภาคต่อ อาตามิจอมออมคำ (พูดน้อย) รื้อถอนบ้านของครอบครัวตน, หลังกองทัพแดง (โซเวียต) ขยับเขตแดน ประเทศของเขา
โดยแผนคือ ขับรถที่บรรทุกเศษบ้าน สู่ถิ่นฐานอื่น และประกอบมันขึ้นมาใหม่
แต่ด้วยเลือดที่เปื้อน เต็มสองมือของเขา จากเหตุการณ์ตอนภาคแรก
ผู้นำกองทัพโซเวียต (ริชาร์ด เบรค) จึงเกณฑ์เจ้าหน้าที่หัวรุนแรง ซึ่งเคยฆ่าครอบครัวของอาตามิ (สตีเฟน แลง) มา, เพื่อกำจัดตาเฒ่ามหากาฬ
Variety สนทนากับ ยัลมารี่ เฮแลนเดอร์, นักเขียนบทและผู้กำกับ ชาวฟินแลนด์ ของภาพยนตร์เรื่องนี้
เพื่อวิเคราะห์ว่าทำไมเขาถึง ประพันธ์ภาคสอง, ถามถึงความยากของ การถ่ายทำ, อีกทั้งความเป็นไปได้ของ หนังภาคต่อหลังจากนี้
อะไรดลใจ ให้คุณผลิตภาคสอง ?
โซนี่อยากให้ผมทำภาคต่อ และผมก็มีแนวคิดอยู่, ที่ต่อมาก็นึกว่า ไอ้นี่ยังไม่ดีพอ
ก่อนผู้อำนวยการผลิต เปตรี (Petri Jokiranta) จะทำให้ผมคิดหนักขึ้น, เพราะเค้าบอกว่า “แต่เราสัญญาไว้นา ว่าเขาทำได้”
วันหนึ่งผมเลยปิ๊งไอเดีย ที่จะให้พระเอกไปทวงคืนบ้าน ซึ่งผมมองว่ายอดไปเลยละ
มันดีพอที่จะทำให้ผมมั่นหน้า กล้าจะลองพยายาม สร้างหนังที่ดีกว่า Sisu ดั้งเดิม
เนื่องจากผมว่า ต้องทำแบบนั้นแหละ, หรืออย่างน้อยก็คิดว่า ควรทำแบบนั้น
คุณนึกไอเดียฉากต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร, ทั้งเครื่องบิน รถบรรทุก และรถถัง ซึ่งล้วนถูกใช้เป็นพาหนะ แห่งการทำลายล้าง ?
ผมแค่อยากลองทำโน่นนี่ มากกว่าจะดิ้นรนคิดว่าไอเดีย ควรเป็นแบบไหน, ผมมักจำแนวคิด ซึ่งดีที่สุดได้
ผมจำได้ว่า ปิ๊งไอเดียประหลาดออก ว่าอาตามิจะ ดูดออกซิเจนจากปอดนาซี, ตอนอยู่ที่ไหน
ตลกดี เวลาที่มันเกิดขึ้น, เวลาที่จู่ ๆ มัน ผุดขึ้นในหัว
สำหรับสถานการณ์ที่ต้องกะว่า อาการบาดเจ็บมากแค่ไหน จึงจะไม่ถึงตาย, คุณหาเส้นแบ่งระหว่าง มนุษย์ธรรมดา กับซูเปอร์ฮีโร่ ให้อาตามิเจอได้อย่างไร ?
ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมว่าตัวเองกำลังข้ามเส้นอยู่เรื่อย, แต่นั่นแหละคือสิ่ง ที่ผมพยายามทำ ผมดิ้นรนค้นหา ว่าขีดจำกัดอยู่ตรงไหน
บางครั้งก็ก้าวข้ามไป ก่อนจะถอยออกมา, แต่หลัง ๆ นี่ใช่ว่าจะเผลอบ่อยนัก
มันเหมือนการซ่อนมีดไว้ที่ขา [หมายเหตุบรรณาธิการ: ในฉากหนึ่งอาตามิเปิดแผลที่ขา ซึ่งเขาซ่อนมีดยาว ใต้ผิวหนัง]
ไอเดียดั้งเดิมของผมคือ จะให้ซุกอาวุธ เยอะกว่านั้น, เช่นพกปืนไว้ ในท้องของเขา
ภาพยนตร์เรื่องใดบ้าง ที่เป็นแรงบันดาลใจในการผลิต หนังเรื่องนี้ ?
อินเดียน่า โจนส์แน่นอน, หนังบอนด์เก่า ๆ ก็ใช่ มีฉากแอ็กชั่นบันเทิงใจ คล้าย ๆ กัน คงเรียกว่าได้รับอิทธิพล มาเยอะแยะเลย
ทำไมคุณถึงมองว่า ผู้ชมจะพึงใจ กับการเห็นพวกนาซี และเหล่าทหารกองทัพแดงโซเวียต, ถูกระเบิดร่าง ?
ผมว่าหลายคน ชอบเห็นคนเลวโดนกระทืบ อย่างสาสม, เราอาศัยในโลกที่ดูแล้ว เรื่องพวกนั้น มันจะไม่เกิดขึ้น
ภาพยนตร์จึงเป็นจุดเหมาะสม จะทำสิ่งที่ส่งผลให้ผู้คน มีความสุข
หนังเรื่องนี้ มีเลือดสาดเยอะมาก, ตอนถ่ายเทคสอง ไม่ยากต่อการรักษา ความต่อเนื่อง งั้นเหรอ ?
ถ้าเราถ่ายทำอะไร ที่เหมือนฉากยิงกันในรถไฟ, มันจะเป็นเทคเดียว ที่น่าอัศจรรย์ใจ
เนื่องจากใช้ระเบิดเล็ก (squibs) เยอะ, สิ้นเปลืองทั้งงบประมาณ และเวลา
การจัดเตรียมฉากทั้งหมดนั่น ใช้เวลาเกินหนึ่งวัน, ผมได้แค่หวังว่า มันจะออกมาดีที่สุดตอนถ่ายเสร็จ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายใหม่
คุณสามารถเล่าเรื่อง อย่างประหยัด, และยังสามารถถ่ายทอด ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานของอาตามิ ได้อย่างไร ?
ผมรู้ว่าต้องเตรียมตัวหนัก ในการถ่ายทอดพวกเรื่องอารมณ์นี่ ตั้งแต่ต้น, เพื่อปูทางให้เรื่องราว ออกมาดี
เพื่อให้คุณเห็นใจอาตามิจริง ๆ และสนใจในการกระทำของเขา, คุณอยากให้เขา ได้บ้านที่ต้องการ หวังให้เขาพบเจอสิ่งดี ๆ
ถ้าผมทำแบบนั้นได้ตั้งแต่ต้น ผมก็มีสิทธิ์จะระเบิดทุกอย่าง และสนุกสนานไปกับมัน
หนังเรื่องนี้จบลง ด้วยช่วงเวลาแห่งความโล่งใจ อันหาได้ยากสำหรับอาตามิ, นี่คือเป้าหมายเดิมเลยใช่ไหม ?
ใช่ มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ ตั้งแต่แรก ว่าอยากให้หนังจบแบบไหน, ฉากสุดท้ายเป็นอะไร ที่เจ๋งมากเลยนะ
คุณมีไอเดียหรือยัง ว่าการผจญภัยครั้งที่สาม จะเป็นเช่นไร ?
ผมมีไอเดีย แต่ไม่แน่ใจว่า มันจะเกิดขึ้นหรือไม่, แต่ใครจะไปรู้ละ
เคยคิดถึงชีวิตของอาตามิ สมัยวัยหนุ่มมั้ย ? หรือไม่ก็ภาคต่อ ?
ผมเคยนึกถึงชีวิตก่อนหน้าของเขา ไว้แล้วแบบทะลุปรุโปร่ง, โดยเฉพาะช่วงที่กำลัง พัฒนาหนังภาคสอง
ครอบครัวของเขา สงคราม และสิ่งที่สงครามทำกับเขา, ทั้งหมดนั่นเลย
ที่มา: variety




COMMENTS