Wolf Man จะนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับ อสุรกายในตำนาน ของทางฝรั่ง โดยเวอร์ชั่นล่าสุดของ ค่าย Blumhouse นี่, บุรุษผู้หนึ่ง ต้องปกป้องตัวเอง และ...
Wolf Man จะนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับ อสุรกายในตำนาน ของทางฝรั่ง
โดยเวอร์ชั่นล่าสุดของ ค่าย Blumhouse นี่, บุรุษผู้หนึ่ง ต้องปกป้องตัวเอง และครอบครัว
เมื่อถูก มนุษย์หมาป่าดุร้าย สะกดรอยตาม คุกคาม และหลอกหลอน ณ คืนหอนโหด (พระจันทร์เต็มดวง)
ก่อนตัวเขาเองจะ เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ ซึ่งบ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่า, เขาอาจกลายเป็น ตัวปัญหาซะเองอยู่
นี่ไม่ใช่ หนังอสุรกายเรื่องแรก ของลีห์ แวนเนลล์ (Leigh Whannell)
เพราะเขาเคย เขียนบทและกำกับ The Invisible Man (มนุษย์ล่องหน) ของค.ศ. 2020
แวนเนลล์จัดว่า มีวาสนา, กับผลงานใน แวดวงหนังสยองขวัญ
เนื่องจากเคย เขียนบทภาพยนตร์ ให้แฟรนไชส์ชื่อคุ้น ๆ แน่ (สำหรับผู้ชื่นชอบ แนวนั้น) อย่าง Insidious และ Saw อีกด้วย
สื่อตปท. (Screen Rant) ได้สัมภาษณ์ ลีห์ แวนเนลล์ ที่งาน New York Comic-Con (2024), เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ล่าสุด ของพี่แก
ลีห์จึงบอกเล่า พัฒนาการของบทภาพยนตร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พูดถึงการ เดินออกจากโครงการ ของผู้เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง, แบบ 'ไรอัน กอสลิ่ง'
อธิบาย ความแตกต่าง ระหว่างการผลิตคอนเทนท์ ของทั้งหนังแฟรนไชส์ และสิ่งที่ใหม่แกะกล่อง (เช่น Saw, Upgrade, Insidious)
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า, อยากทำหนังอสุรา ตัวใดของ Universal ต่อ หากมีโอกาส
ผกก.บอกกับ ทีมการตลาด ไม่ให้เปิดเผยบางสิ่ง ในตัวอย่างภาพยนตร์
Screen Rant: คุณระบุว่าจะ เผยรูปลักษณ์ เจ้ามนุษย์หมาป่า ในตัวอย่าง มากแค่ไหน, ได้อย่างไร ?
ลีห์ แวนเนลล์: มันยากนะ เมื่อคุณทำงาน ให้กับบริษัทอย่าง Universal
บริษัทนี้ใหญ่โตมาก อย่างที่คุณก็รู้, มีแผนกต่าง ๆ มากมาย และแต่ละแผนก มีพนักงานหลายร้อยชีวิต
มันยากที่จะ ควบคุมทุกสิ่ง... ผมไม่ได้ชี้นิ้วบอก ว่าให้ใส่ หรือไม่ใส่อะไร ลงในตัวอย่าง
แผนกการตลาด จะเป็นฝ่ายนำเสนอ บางอย่างมา, แล้วผมค่อย ยอมรับหรือปฏิเสธ
แต่ผมรู้สึกจริง ๆ ว่างานของตัวเอง คือการสร้างหนัง
และงานของพวกเขา คือการขายมันให้ออก, เราคิดต่างกัน เล็กน้อย ณ ตรงนั้น
แต่ขอบอกว่า ไมเคิล โมเซส, ซึ่งเป็นหัวหน้า ฝ่ายการตลาด ของ Universal และทีมงานของเขา โจ ไวส์
รวมทั้ง เพื่อนผู้แสนดีของผม มาเรีย เปการ์สกายา, พวกเขาต่าง เป็นคนดีจริง ๆ ผมเชื่อมั่น ในตัวพวกเขา
ผมถึงวัยที่ แค่อยากทำงาน กับพวกคนดี ๆ, ชีวิตคนเราสั้น เกินกว่าจะทนถูกล้อม ด้วยพวกน่ารำคาญ
ผมชื่นชอบพวกเขา เพราะความอ่อนโยน ของพวกเขา
ไมเคิล โมเซส นิสัยน่าคบ ฉลาดเป็นกรด แต่ก็เป็นผู้สนับสนุนที่ดี
เขาทำให้คุณรู้สึก เหมือนอยู่ ฝ่ายเดียวกัน, ไม่ได้คุยกับคุณ
แบบว่า อั๊วะทำการตลาด ลื้อจะไปรู้เรื่องพวกนั้น ได้ยังไงกัน, เขาเป็นคนเปิดกว้าง ผมเลยชอบพวกเขา
สิ่งที่ผม บอกกับพวกเขา คืออย่าเปิดเผย A, B และ C
กับอีกอย่าง ที่แน่นอน คือรูปลักษณ์เต็ม ๆ ของอสุรกาย ในภาพยนตร์
เพราะเราต้องการ เก็บงำไว้, เพื่อใช้เรียกแขก
Wolf Man กับ Saw II มีปัญหาที่ ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
Screen Rant: คุณช่วยอธิบาย พัฒนาการของ Wolf Man ซึ่งใช้เวลาสร้าง ค่อนข้างจะนาน ให้หน่อย
ลีห์ แวนเนลล์: อืม มันเป็นโปรเจ็กต์ ที่น่าสนใจ, มันเริ่มขึ้น หลังจาก Invisible Man ไม่นาน
พวกเขาถามว่า "คุณอยากทำ Wolf Man ไหม"
ตอนแรก ผมคิดว่า "ไม่แน่ใจนะ เพราะเพิ่งทำ Invisible Man ไป"
ก่อนปิ๊งไอเดีย ขึ้นมาว่า "โอ้ Wolf Man เวอร์ชั่นของเรา ต้องแบบนี้แหละ"
แล้วผมก็หวังว่า คอร์เบตต์ (ภรรยา) จะมาช่วยเขียนบท จึงโทรศัพท์หา
ขอหล่อนว่า "มาเขียนบทด้วยกัน หน่อยเถอะ เธอจ๋า"
มันผ่านช่วงปลุกปั้น อันยาวนาน, ซึ่งผมทำงาน กับ 'ไรอัน กอสลิง' อยู่พักหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ลาออก, และเหตุการณ์เกิดขึ้น ตอนช่วงโควิด ดังนั้นทุกอย่างจึง วุ่นวายไปหมด
แล้วพอเรา หวนกลับมา เดินหน้าโครงการ, ดันเจอหยุดงาน ประท้วงใหญ่
ผมรู้สึกเหมือน มรสุมถาโถม โจมตีใส่ ตลอดเวลา
ในที่สุด เมื่อการหยุดงานยุติ, เราก็ได้รับไฟเขียว จากยูนิเวอร์แซลอีก
ช่วงเวลานั่น จัดว่านานโข, หนังบางเรื่อง ก็ได้ผลิตฉาย เหมือนไร้อุปสรรคนะ
ขณะที่ หนังบางเรื่อง ก็ต้องผลักต้องดัน, จึงจะได้เกิด
ผมจำได้ว่า หลังถ่ายทำ Saw ภาคแรกเสร็จ, โปรดิวเซอร์ติดต่อมา วันจันทร์
หมายถึง หลังหนังออกฉาย วันศุกร์, แล้ววันจันทร์ถัดมา เขาก็โทรหา
เค้าบอกว่า อยากให้ภาค 2 ฉายตอน ตุลาคมปีหน้า, เริ่มเขียนบทโลด
ปัญหาตอนโน้น ตรงกันข้ามกับ Wolf Man นัก, ผมถามกลับ
คุณต้องการบท เมื่อไหร่, คำตอบคือ อีก 3 สัปดาห์ จัดมาให้ไว
ผมขอบอกว่า การที่หนังไหลลงภูเขา ด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ใช่จะแย่
เราแค่ต้องเกาะแน่น ๆ เพราะการไหลตามกระแส แบบความเร็วสูง, ก็ตื่นเต้นใช่ย่อย
ส่วน Wolf Man ดูเหมือนจะ กินเวลาผลิต ชั่วนิรันดร์, จนสามารถทำลาย ความคิดสร้างสรรค์ ของคุณได้
แต่ผมก็ดีใจ ที่ได้คิดถึงมัน นาน ๆ ก่อนที่จะถ่ายทำ
เพราะตอนถ่ายทำ ผมพบว่ามีหลายอย่าง สมควรจะเปลี่ยนแปลง
เช่นการแต่งหน้า อสุรกาย และจัดการกับเด็ก, เพราะเราถ่ายทำ ตอนกลางคืน กลางป่าที่นิวซีแลนด์
ถ้าผมไม่ได้ เตรียมพร้อมนานพอ อาจเป็นบ้าไปแล้ว, ผมมักจะนึกย้อน ว่าตัวเองเคย ต้องการจะทำอะไรบ้าง เพื่อรวบรวมสติ
ลีห์ แวนเนลล์ ชื่นชมแฟรนไชส์ ที่มีผู้ชื่นชอบอยู่แล้ว
Screen Rant: เพราะคุณพูดถึง Saw จึงขอถามว่า, ระหว่างผลิต ผลงานต้นฉบับแบบนั้น
เทียบกับ IP ที่มีชื่อเสียงแล้ว (เช่น Wolf Man), มันแตกต่างกัน อย่างไร ?
ลีห์ แวนเนลล์: น่าสนใจนะ, มันตลกดี ที่ผมพยายาม ปฏิบัติต่อ The Invisible Man และ Wolf Man ราวกับว่ามัน เป็นผลงานดั้งเดิม
ผมไม่ได้พยายาม ผลิตพวกมันโดย รำลึกถึงงานของ ลอน ชานีย์ (Lon Chaney)
ผมมโนว่า, นี่เป็นครั้งแรก ที่เรื่องราวนี้ ถูกบอกเล่า
มันอยู่ในความคิด ของผมมาตลอด, และผมพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้มัน ดูแปลกใหม่
ต่างจากตอนเขียน Saw, Insidious, Upgrade ซึ่งแค่สร้าง อะไรบางอย่าง ขึ้นมาจากอากาศธาตุ โดยอิสระ และนั่นจัดว่ายอดเยี่ยม
แต่การเขียนอะไร เกี่ยวกับ Wolf Man ก็ยอดเยี่ยม ไปอีกแบบ
คือระหว่างที่ คุณทำงาน คุณตระหนักว่า จะมีหลายคน สนใจสิ่งนี้แน่นอน, ผู้คนพร้อม จะโอบกอดมัน
แต่ตอนคุณ เขียนบทหนังดั้งเดิม ย่อมเผชิญคำถามว่า จะมีคนสนใจ หรือเปล่าฟะ ?
สำหรับตอนนี้ ถ้าพูดถึง Saw กับ Insidious ทั้งสองเป็นชื่อที่ คนดูหนัง ย่อมรู้จัก
แต่ขอบอกว่า เคยมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่หนังชุดซึ่งมี ภาคต่อหลายภาค, กลายเป็นกระแส ชื่นชอบ ในวัฒนธรรมป๊อป ทั้งสอง
ถูกผมกับ 'เจมส์ วาน' มองว่าไม่มีวัน ได้ลืมตาอ้าปาก
เราเกือบจะฉีกบททิ้ง แล้วหาทำสิ่งอื่น, เนื่องจากสัมผัสไม่ได้เลย ว่าผลงานจะลงเอย ออกมาน่าพอใจ
และคุณเองก็รู้ดี เหมือนกับผม, ว่าการทำให้ ผู้คนสนใจ สำหรับในโลก ยุคทุนนิยม มันยากแค่ไหน
ทุกวันนี้ การทำหนังต้นฉบับ ยิ่งสิ้นหวัง, คุณต้องต่อสู้ กับอุปสรรคมากมาย
เพื่อบอกว่า เฮ้ มองนี่สิ, ตั้งแต่ก่อนที่ จะทำสิ่งใดด้วยซ้ำ
หนังต้นฉบับ คือความหฤหรรษ์ สำหรับผม, ถ้าทำได้ ผมก็ชอบจะสร้างโลก ของตัวเองขึ้นมา
แต่คุณต้อง ดิ้นรนเรียกร้อง ความสนใจมหาศาล, เมื่อเผชิญหน้า IP ระดับ Jurassic Park
และพบว่าตัวเอง ได้แต่วิ่งไล่ตามหลัง, ซึ่งมัน สิ้นเปลืองเรี่ยวแรง อย่างน่าปวดหัว
กับ Wolf Man อารมณ์คือแบบ ผมจะทำให้แฟน ๆ ของขึ้นมั้ย ?, ผมจะทำให้ใคร ผิดหวังหรือเปล่า ?
และอย่างที่บอก การผลิตงานดั้งเดิม, ก็เสี่ยงว่าจะ ไม่มีใครแคร์
ลงท้ายจะเลือกงาน ลักษณะไหน, มันขึ้นอยู่กับว่า คุณอยากปวดกบาล กับปัญหาใดมากกว่า
Screen Rant: ส่วนตัวฉัน จะเลือกงานที่มี กลุ่มผู้ติดตามอยู่แล้ว ดีกว่า, เพื่อความชัวร์
ลีห์ แวนเนลล์: เพื่อความชัวร์เนอะ, ผมไม่ว่ากัน เพราะตระหนักดี ว่าการทำสิ่งใหม่ ๆ ให้ปังมันยาก
อย่างน้อย ตอนที่สร้าง Wolf Man, ผมแน่ใจว่า มันจะได้ออกฉาย
และผลงานนี้สำคัญกับ Universal เพราะพวกเขารักใคร่ เหล่าอสุรกาย
ผมจำได้ว่า ตัวเองทุ่มเทให้ Upgrade (2018) หนัก, และผมก็ชอบ หนังเรื่องนั้นมาก
จากนั้นเมื่องานผลิต ไปถึงขั้นตอนสุดท้าย, เราก็ได้รางวัล
ภาพยนตร์เที่ยงคืนยอดเยี่ยม (Best Midnight Movie) จาก South by Southwest
แต่ภายหลัง ยูนิเวอร์แซล ดูผลตอบรับ, และทำการคิดคำนวณ
แล้วบอกว่า โอ้ว เอาเข้าฉาย แบบในวงจำกัดเถอะ, พวกเขาไม่คิดว่า ควรเผยแพร่วงกว้าง
พวกเรา พยายามวิ่งเต้น ทว่ายังลงเอย ว่าปราชัย, ในการชิงสิทธิ์จัดจำหน่าย
ผมปลื้มนะ ที่สุดท้ายหนัง ฮิตแบบเฉพาะกลุ่ม
ภาพยนตร์ไร้คนดู ก็เหมือนต้นไม้ล้ม กลางป่าใหญ่, โดยไม่มีใครได้ยิน
ความทุ่มเททั้งหลาย สูญสลาย, กลายเป็นความเงียบ ที่ยากทำใจรับ
ผกก.อยากลองเล่นกับ Jekyll and Hyde ต่อ
ลีห์ แวนเนลล์: เรื่องราวของ เจกิลล์ กับไฮด์ ตราตรึงสำหรับผม
ตอนเด็ก ๆ ผมขนลุกซู่, เพราะแนวคิด ของหนังสือเล่มนั้น
ผมจดจำอสุรกายตนนี้ ได้ดีกว่าสัตว์ประหลาด ตนอื่น ๆ ทั้งหมด
การที่พระเอก และตัวร้าย คือคนคนเดียวกัน, มันมีเสน่ห์บางอย่าง
ผมคิดว่าจะตีความ Jekyll and Hyde ใหม่ ให้ทันสมัย, และนั่นจะเป็นอะไร ที่ยอดเยี่ยมแหง
แม้ตอนนี้ ผมยังนึกภาพ ไม่ออกแน่ชัด, ว่าควรเป็นแบบไหน
ที่มา: screenrant
COMMENTS