ณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024 เห็นจะได้, ที่สื่อต่างประเทศ (io9) เป็น 1 ในหลาย ๆ เจ้า ซึ่งมีโอกาส เข้าเยี่ยมกองถ่าย หนังซูเปอร์แมน, ในเมืองคลีฟแ...
ณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024 เห็นจะได้, ที่สื่อต่างประเทศ (io9) เป็น 1 ในหลาย ๆ เจ้า
ซึ่งมีโอกาส เข้าเยี่ยมกองถ่าย หนังซูเปอร์แมน, ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ้
จุดเริ่มต้นใหม่ ของจักรวาลหนังดีซี (DC Universe) บนจอเงิน, อันความคาดหวัง ของหลาย ๆ ฝ่าย สูงลิ่วนี้
คือผลงานจาก บุรุษผู้สร้าง รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล (Guardians of the Galaxy)
ทีมงานของ io9 ได้รับอนุญาต ให้สัมภาษณ์กันน์ (ผกก.), ระหว่างกิจกรรมดังกล่าว
เขาจึงเปิดเผย หลายสิ่งอย่าง (แบบไม่สปอยล์เรื่องราว), เกี่ยวกับ Superman (2025)
อาทิเช่น วิธีที่ภาพยนตร์ เปิดฉาก, วิธีถ่ายทำ ฉากบู๊, ดนตรีประกอบ, ตัวละครสมทบ, ความสัมพันธ์ของ คู่พระนาง (ในซุปฯ เวอร์ชั่นนี้),
สาเหตุที่ เปลี่ยนชื่อหนัง (จากของเก่า ซึ่งเคยประกาศ),
รวมทั้งสาเหตุ ว่าทำไมพี่ซุป ถึงกลับมานุ่ง กกน.สีแดง อล่างฉ่าง
[1] หนังเรื่องนี้ เปิดฉาก ด้วยวิธีที่ ไม่เหมือนชาวบ้าน
มีข่าวแว่ว ๆ มานานแล้ว, ว่าซูเปอร์แมนของกันน์ จะไม่ใช่การเล่า ต้นกำเนิด ยอดฮีโร่
แต่ที่กองถ่าย เขาอธิบายเพิ่มว่า, หนังจะเปิดม่าน ตรงกลางฉากบู๊ ขณะออกท่ากันอยู่
"เราเริ่มต้น ในช่วงกลาง ของฉากแอ็กชั่น" กันน์กล่าว "ซูเปอร์แมนมีตัวตนอยู่แล้ว โลอิสและคลาร์ก รู้จักกันอยู่แล้ว
เล็กซ์เกลียดซูเปอร์แมน ตั้งแต่แรก แม้ว่าพวกเขา ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
ดังนั้นเราจึงเบิกม่าน ในช่วงกลาง ของฉากแอ็กชั่น, มันด้วยเลย"
[2] เรื่องราวเกิดขึ้น ในช่วงเวลาสั้น ๆ
หลังจากปล่อยซูเปอร์แมน เข้าสู่ฉากแอ็กชั่นแล้ว
เรื่องราวหลัก ของภาพยนตร์เอง, ก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แค่ใน "ช่วงเวลาสั้น ๆ" กันน์กล่าว
[3] Superman เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การสืบทอด (legacy), แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ
เมื่อ Superman ของกันน์ ประกาศจะสร้าง, มันถูกเรียกว่า Superman Legacy (ซูเปอร์แมน ภาคสืบทอดตำนาน)
อย่างไรก็ตาม ตอนปี 2024 ชื่อถูกหั่นเหลือ เพียง 'Superman'
กันน์ ชี้แจงว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น, แม้หัวใจสำคัญ (มรดกตกทอด) ยังคงอยู่ ในตัวผลงาน
"ผมคิดว่าบางที ชื่อเรื่องเดิม อาจทำให้รู้สึก ถอยหลังเข้าคลอง" เขากล่าว
"และนี่ไม่ใช่ เรื่องของ การมองย้อนอดีต, หากแต่เป็น การมองไปข้างหน้า
ดังนั้น เมื่อคุณได้ชม ภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็จะเข้าใจว่า ตำนาน (Legacy) บทนี้ สืบทอดมาจากไหน
เพราะมันเป็นเรื่อง เกี่ยวกับตัวคลาร์ก, ความสัมพันธ์ของเขา กับพ่อแม่ (ชาวคริปโตเนียน) ของเขา
และความสัมพันธ์ของเขา กับพ่อแม่ (ชาวมนุษย์) ของเขา
กับการตั้งคำถาม ว่ามรดกตกทอด ที่ก่อรูปเป็นตัวเขา, ตกลงว่า มาจากใครกันแน่
แต่แม้กระนั้น ผมว่า Legacy ก็ยังสื่อถึงการ 'มองไปข้างหลัง' มากเกินเหตุ"
[4] ฉากแอ็กชั่น ถ่ายทำกลางอากาศ
เนื่องจากซูเปอร์แมน สามารถเหินหาว, กันน์จึงไม่อยาก
ให้มีฉากแอ็กชั่น อันน่าเหลือเชื่อ แค่บนพื้นดิน, แต่ต้องมี บนนภาด้วย
เพื่อทำเช่นนั้น พวกเขา (ทีมงาน) เลยมองหา แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เจ๋ง ๆ เรื่องอื่น
และผลักดัน เทคโนโลยีหลายอย่าง ให้ก้าวหน้า
"การถ่ายทำสิ่งต่าง ๆ บนท้องฟ้า… จัดว่ายุ่งยากมาก
ดังนั้นเราจึง ถอดบทเรียน หลาย ๆ อย่าง จากหนังแบบ Top Gun: Maverick" กันน์กล่าว
"เราถ่ายทำ ฉากแอ็กชั่นส่วนใหญ่ ด้วยโดรนจริง, ที่วนไปมารอบ ๆ ซูเปอร์แมน และผู้คนที่เขาบินด้วย
ไม่ว่าดิเอนจิเนียร์ (the engineer) และใครก็ตามที่ เขาต่อสู้ด้วย กลางอากาศ, โดยบันทึกเสียง พร้อมกับภาพ
เรามีอากาศยานจิ๋ว ที่บ้าระห่ำพวกนี้ ประจำการ, เรามีนักบิน ที่ดีที่สุดในโลกบางคน คอยขับโดรนเหล่านี้"
[5] มันจะจริงจังกว่า Guardians of the Galaxy
แม้ว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ เรื่องก่อนๆ ของกันน์ จะเน้นไปทางตลก, แต่นั่นไม่ใช่แนว ที่เขาต้องการใน Superman
"ผมสร้างสิ่งนี้ ให้เป็นอะไรที่ เปี่ยมความหวัง ความสนุกสนาน… แต่ติดดิน อย่างไม่น่าเชื่อ [และ] จริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ ในเวลาเดียวกัน"
เขากล่าวว่า "มันตลก แต่ก็ไม่ฮาเท่า Suicide Squad หรือ Guardians แน่นอน, แม้จะมี อารมณ์ขัน มากมายภายใน
คนอย่างราเชล [บรอสนาฮาน ผู้รับบทโลอิส เลน] ตลกมาก
และ เดวิด [คอเรนสเว็ต ผู้รับบท ซูเปอร์แมน] ก็ตลกมากเช่นกัน, หนังจึงมีอารมณ์ขัน
แต่มันจะสร้าง บางสิ่งที่ ทำให้รู้สึกติดดิน, ท่ามกลางโลกที่ แสนเพ้อฝัน
มันเป็นแฟนตาซี ที่ดึงโน่นนี่, มาจากอะไรแบบ มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones)
โดยทางนี้เป็น จักรวาลที่มโนว่า, ถ้าซูเปอร์ฮีโร่มีจริง พวกเขาจะเป็นอย่างไร
มันมีเสน่ห์ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้, ในแนวคิดพวกนี้"
[6] หนังเรื่องนี้ เน้นที่ดนตรีประกอบ ไม่ใช่เพลงประกอบ (แถมไม่ลืม จอห์น วิลเลียมส์ด้วย)
จอห์น เมอร์ฟี นักประพันธ์ ขาประจำของกันน์, เป็นผู้แต่งดนตรีประกอบ (score) ให้ Superman
และกันน์ก็ยืนยันว่า หนังเรื่องนี้จะเน้นที่ ดนตรีประกอบ, มากกว่า Guardians of the Galaxy ของเขา (ที่เน้นเพลง) มาก
แต่แน่ละว่า เมื่อคุณนึกถึง ซูเปอร์แมนกะดนตรี, คนที่เคยดูหนัง ซูเปอร์แมนเรื่องเก่า ๆ ย่อมคิดถึง จอห์นวิลเลียมส์ก่อน
"เราคารวะ [จอห์น] วิลเลียมส์, ขณะที่จอห์น เมอร์ฟี หยิบผลงานเค้า มาใช้แต่งดนตรี ที่ไพเราะเหลือเชื่อ" กันน์บอก
"หนังเน้น การบรรเลงประกอบ ไม่ใช่เพลงมีเสียงร้อง (song)
แต่มันก็มีเพลง อยู่ 2-3 เพลงหรอก, ซึ่งแน่นอน ผมเลือก เพลงพวกนั้นเอง"
[7] ซูเปอร์แมน โชว์กางเกงใน, ด้วยเหตุผลที่ดี
เมื่อชุดของซูเปอร์แมน ฉบับนี้ ถูกเปิดเผย, มีการถกเถียง มากมาย
เกี่ยวกับการตัดสินใจ นำกกน.แดงกลับมา, หลังแซ็ค สไนเดอร์อุตส่าห์ เลิกใช้
ซึ่งกันน์กับทีมงานเอง ได้ชั่งใจ อยู่หลายรอบ, ว่าจะเอางี้จริงเรอะ
ก่อนตกลงปลงใจ เพราะตัวซูเปอร์แมนเอง (เดวิด คอเรนสเว็ต), มอบเหตุผลดี ๆ ให้
"เราลองใช้ กกน.หลายแบบ, แถมฉายรอบทดสอบ ทั้งแบบมีและไม่มีกางเกงใน" กันน์อธิบาย
"และหนึ่งในสิ่งที่ เดวิดพูดขึ้นคือ ซูเปอร์แมนต้องการให้เด็ก ๆ ไม่เกรงกลัวเขา
เขาเป็นมนุษย์ต่างดาว เขามีพลังที่เหลือเชื่อ เขาสามารถยิง ลำแสงออกจากดวงตา…
เขามี พละกำลังมหาศาล จนอาจถูกมอง ว่าแปลกแยก และน่าหวาดหวั่น, แต่เขาก็ต้องการ ให้ผู้คนชื่นชอบ
เขาอยากเป็น สัญลักษณ์แห่งความหวัง และพลังบวก, จึงแต่งตัวเหมือน นักมวยปล้ำอาชีพ
เขาแต่งตัวในแบบที่ ทำให้ผู้คน ไม่หวาดกลัว, เพื่อถ่ายทอด ความหวังและพลังบวกนั่น
มันทำให้ผม เข้าใจขึ้นมา, ว่าการพยายาม ทำเหมือนชุดซูเปอร์แมน ดูไม่ตลกสักนิด
การดิ้นรน จะทำให้มันดูจริงจัง, กลับจะเป็น เรื่องไร้สาระ
เพราะเขาคือ ซูเปอร์ฮีโร่คนแรก และมีสีสันสดใส, นั่นต่างหาก ที่ใช่ ตัวตนของเขา"
[8] มิสเตอร์ เทอร์ริฟิก (Mister Terrific) มีความสำคัญ
หนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่ทำให้ Superman ของกันน์แตกต่าง, คือจะมีซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ โผล่มาร่วมวง
เช่น ฮอว์คเกิร์ล (รับบทโดย อิซาเบลา เมอร์เซด) และกรีนแลนเทิร์น (รับบทโดย นาธาน ฟิลเลียน)
แต่กันน์บอกว่า มิสเตอร์เทอร์ริฟิก (รับบทโดย เอดิ กัทเธกิ จาก For All Mankind) นั้นสำคัญนัก
"ผมชอบ มิสเตอร์เทอร์ริฟิก มาก" กันน์กล่าว
"ตัวละครเหล่านี้ ต่างก็มี ช่วงเวลาฉายแสง และเฉิดฉาย, ของตัวเอง
พวกเขาไม่ใช่เพียง แขกรับเชิญ (cameos) พวกเขาคือ ตัวละครสมทบ (supporting cast)
แต่ มิสเตอร์เทอร์ริฟิก คือตัวละครหลัก ในบรรดาคนพวกนั้น, เขาเป็นส่วนสำคัญ ของเนื้อเรื่องจริง ๆ และมันก็สนุกดี"
[9] เล็กซ์ ลูเธอร์ แทบจะเป็นพ่อมด
ไม่ใช่ความหมาย ตามตัวอักษร, แต่ในความคิดของกันน์
เล็กซ์ ลูเธอร์ เวอร์ชั่นของเขา ฉลาดล้ำ, จนชวนให้ รู้สึกเช่นนั้น
"ออลสตาร์ซูเปอร์แมน (All-Star Superman)… มีอิทธิพลต่อผม มากกว่าอะไรทั้งหมด" กันน์เผย
"การที่สามารถนำ ความรู้สึกแบบซิลเวอร์เอจ (คอมมิคยุคนึง) คืนมา
ระลึกถึง, แนวทางแบบ นิยายวิทยาศาสตร์ ที่มีอุปกรณ์แจ่ม ๆ ให้ใช้
ทำให้เล็กซ์ เหมือนพ่อมดจริง ๆ, แม้จะเป็น นักวิทยาศาสตร์
แต่เขาเก่ง ด้านนี้มาก, จนผมมองว่า เขาคือนักเวท"
[10] เราไม่เคยเห็น ความสัมพันธ์ระหว่าง คลาร์กและโลอิส, ในลักษณะนี้มาก่อน
กันน์ลังเลที่จะพูด แต่เขาก็ยอม เอ่ยออกมา, เมื่อถูกถามถึง ความสัมพันธ์ของคู่พระนาง
"ผมไม่คิดว่า นี่เป็นสิ่งที่เรา เคยเห็นในหนังซูเปอร์ฮีโร่ เรื่องไหนเลย" จากนั้นก็ อธิบายเพิ่มเติม
"มันเป็น ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน แต่เราเข้าถึงได้" กันน์ขยาย
"มีฉากยาว ๆ เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของพวกเขา และวิธีที่พวกเขาเชื่อมโยงกัน, บอกเราว่า มันจะเป็นอย่างไร
เมื่อนักข่าว ผู้ฉลาดเป็นกรด หัวแข็ง ดื้อรั้น และขี้สงสัย, ผูกสายใยกับคนที่ สามารถยกตึกระฟ้าได้"
[11] โลอิส อาจไม่รู้ (หรือเปล่า ?)
หลังเรื่อง ความสัมพันธ์พระนาง, กันน์ก็ถูกถามต่อ ว่าโลอิสรู้หรือไม่ เรื่องคลาร์ก คือซูเปอร์แมน
"ก็คงต้องรอดู" เขาพูด "เธอรู้ว่า ซูเปอร์แมนคือใคร"
[12] Superman เป็นเอกเทศสูง
เนื่องจาก Superman เป็นหนังเรื่องแรก ในจักรวาล DC ใหม่, จึงย่อมมี ความเอกเทศ อยู่ระดับนึงแน่
และกันน์คิดว่า หนังดีซีส่วนใหญ่ ในอนาคตอันใกล้, ก็คงจะเป็น แบบเดียวกัน
"ทุกอย่างต้อง ยืนด้วยลำแข้งตัวเอง" เขากล่าว
"ผมไม่อยากให้ใคร ต้องไปดูหนังเรื่องนั้นนี้, โดยที่ต้องรู้ อะไรจากเรื่องอื่นก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราผ่านจุดนึง, แนวคิดนี้ อาจเปลี่ยนแปลงบ้าง"
เขาพูดต่อ "มีการปูทาง สู่เรื่องอื่น หรือเปล่า ? ใช่ มีการปูทาง
แต่กับผมแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับฉากไหนทั้งนั้น
การผลักดันเนื้อหา สู่ฉากต่อไป สำคัญกว่าเสมอ
ช่วงเวลาใด ควรสื่ออะไร ? เราจะสร้างหนัง แต่ละเรื่อง ให้ดีที่สุดได้อย่างไร ?
ผมจะพยายาม รักษาแนวทางนี้ไว้, ให้นานสุด เท่าที่ทำได้"
[13] มีการปูทาง สู่ผลงานดีซี เรื่องอื่น
กันน์ยืนยันว่า เหตุการณ์ใน Superman, จะส่งผลต่อซีรีส์ Peacemaker ซีซั่น 2
และตอนจบ ของหนังเรื่องนี้, อาจใส่อะไร สักอย่าง 2 อย่าง
มายั่วเกี่ยวกับ ผลงานอื่น ในอนาคต, แต่เขาก็ ยอมรับว่า มันอาจถูกตัดออก จากหนังฉบับฉายจริงได้
[14] ไม่ค่อยมีใคร รู้จักตัวจริงของ ซูเปอร์แมน
ขณะที่พูดถึง การคัดเลือกนักแสดง กันน์บอกว่า
เขาต้องการดาราที่ เป็นทั้งคลาร์ก เคนท์ และซูเปอร์แมนได้ดี, เพราะตัวตนทั้ง 2 ต่างคือแก่นแท้ ของตัวละคร
"ไม่ใช่แค่คลาร์ก ไม่ใช่แค่ซูเปอร์แมน แต่เป็นคลาร์ก/ซูเปอร์แมน" กันน์ระบุ
"คนที่รู้จักคลาร์ก/ซูเปอร์แมน, ก็มีเพียง แม่และพ่อของเขา
คนอีกเพียงหยิบมือ รู้ว่าเขาคือใคร, แต่นั่นก็เป็นอะไร ที่แตกต่างกันมาก
ผู้คนแสดงความเห็น หลากหลาย, บางคนบอก 'คลาร์กคือตัวจริง'
บางคนบอก 'ซูเปอร์แมนคือตัวจริง และคลาร์กเป็น ฉากบังหน้า'
แต่ผมเปล่า—และมันบอกไว้ ในบทของผม ตรงหน้าที่สอง—ผมว่าไม่ใช่ ทั้ง 2 อย่าง
ผมไม่คิดว่าจะมีใคร รู้จักซูเปอร์แมน, เว้นแต่จะประจักษ์ กับตัวเขาทั้งสองด้าน
และเมื่อผู้ใด รู้จักเขาทั้งสองบุคลิก, พวกเขาถึงรู้จัก ตัวจริงของซูเปอร์แมน
[15] ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับงานนี้
ขณะสัมภาษณ์กันน์ ในกองถ่าย Superman, เหลือเวลาอีก 1 ปี ก่อนผลงานออกฉาย
เขาค่อนข้าง รู้สึกหนักใจ ด้วยเหตุผลหลายประการ
"ผมรู้สึกแย่มาก" เขากล่าว "จริง ๆ นะผมรู้สึก แย่ชะมัด, แต่หวังว่าคงจะได้ ชื่นบานทีหลัง"
เหตุผลประการหนึ่ง ดูเหมือนเป็นเพราะ แรงกดดันที่เขา จงใจแบกรับ
เพื่อให้แน่ใจว่า Superman เวอร์ชั่นของเขา จะยอดเยี่ยม
เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ไร้การรับประกัน ว่าเราจะได้ดูหนัง DC เรื่องอื่น ๆ ไหม
แม้แผนระยะยาว ขึ้นอยู่กับงานแบบ Creature Commandos, Peacemaker, Supergirl และเรื่องอื่น ๆ ด้วย
แต่ถ้า Superman ไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไปได้อย่างฉับพลัน
"หลาย ๆ อย่างขึ้นอยู่กับ Superman" เขากล่าว "ผมหมายถึง เราคงไม่ดันทุรัง ทำหนังต่อไปเรื่อย"
แต่แน่นอน ยกเว้นว่า, ถ้า Superman ออกมาเด็ด
ที่มา: io9
COMMENTS