หนึ่งในตำนานของทั้ง วงการภาพยนตร์และวรรณกรรม, คือผลงานอันเกี่ยวข้องกับอภินิหารแหวนครองพิภพ (The Lord of the Rings) ที่แม้ผู้แต่งล่วงลับไปต...
หนึ่งในตำนานของทั้ง วงการภาพยนตร์และวรรณกรรม, คือผลงานอันเกี่ยวข้องกับอภินิหารแหวนครองพิภพ (The Lord of the Rings)
ที่แม้ผู้แต่งล่วงลับไปตั้งกะค.ศ. 1973 แต่งานของเขายังคงมีอิทธิพล ต่อคนรุ่นหลัง
เรื่องของชายผู้เคยทั้งชีวิตยากจน, ประสบพลังมิตรภาพ, ผ่านสงครามของจริง, มีความรักอันยั่งยืน, รวมถึงค้นพบพรสวรรค์
โดนดัดแปลงเป็นหนังแนวชีวประวัติ และเผยแพร่เมื่อค.ศ. 2019
ภาพยนตร์ดังกล่าวถูกติติงว่า ขาดแง่มุมด้านความศรัทธา ต่อศาสนาของโทลคีน
ทั้งที่นั่นคือหนึ่งในตัวแปรหลัก ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้นิยายชุดมัชฌิมโลก (Middle-earth)
แต่จากการตรวจสอบคร่าวๆ 'Tolkien' นำชั่วขณะที่สำคัญๆ อื่นๆ ของนักประพันธ์คนดัง, มาตีแผ่ได้ค่อนข้างครบ
(แม้สลับลำดับก่อนหลัง ของหลายเหตุการณ์)
จึงยังเห็นว่าการทำความรู้จักเขา ผ่านวิธีเล่าของหนัง ไม่จัดเป็นการเสียเวลาเปล่า
สมัยเด็ก จอห์น โรนัลด์ รูล โทลคีน (John Ronald Reuel Tolkien) กับน้องชาย
เติบโตภายใต้การดูแลของ มารดาเลี้ยงเดี่ยว ผู้ทุ่มเทตรากตรำทำงาน
ครอบครัวนี้ได้รับการช่วยเหลือ จากคุณพ่อฟรานซิส (บาทหลวงท้องถิ่น) บ้าง
แต่ชีวิต ณ เมืองเบอร์มิงแฮม (อังกฤษ) ก็ยังหนีไม่พ้นภาวะขัดสน ตกระกำลำบาก
มารดาผู้เอาใจใส่ ชอบเล่านิทานเกี่ยวกับการผจญภัย ให้ลูกๆ ฟังในยามราตรี
ต่อมาหล่อนป่วยเป็นโรคอะไรมิทราบ, แต่เพราะไม่มีเงินจ่าย ค่าตรวจค่ารักษา, วันหนึ่งจึงตายคาบ้าน
หลวงพ่อฟรานซิสกลายเป็น ผู้อุปถัมภ์ของพี่น้องเด็กกำพร้า
แต่ท้ายที่สุดเขาก็หาสตรีร่ำรวย มาเป็นผู้ปกครองรายใหม่ ได้สำเร็จ
เศรษฐีนีชื่อคุณฟอล์กเนอร์ อุปถัมถ์เด็กหญิงคนหนึ่งไว้ก่อนแล้วด้วย
เธอคืออีดิธ แบรตต์ ที่วัยไล่เลี่ยกะโรนัลด์ โทลคีน (พระเอก)
งานนี้เดาไม่ยากว่า มิตรภาพงอกเงย, แถมชายหญิงทั้งสองต่างตกหลุมรักกัน ในเวลาต่อมา
ฟากชีวิตในรั้วมัธยมของโทลคีน เขาแสดงทักษะชั้นดีด้านภาษา และอยู่แถวหน้าของชั้น, เลยโดนคนอื่นหมั่นไส้เล็ก ๆ
วันหนึ่งจึงทะเลาะบาดหมาง กะเพื่อนร่วมชั้นนาม 'โรเบิร์ต กิลสัน'
โรเบิร์ตคือบุตรชายของครูใหญ่ ประจำร.ร.คิงเอ็ดเวิร์ดส์
แต่เมื่อเรื่องไปถึงครูใหญ่, โทลคีนเปล่าโดนเบ่งอำนาจคับฟ้าใส่
คำตัดสินลงโทษในกรณีนี้กลับเป็น, พระเอกของเราต้องทำทุกอย่าง ร่วมกับโรเบิร์ต ตลอดทั้งภาคเรียนไป
หลังความขัดแย้งจางลง, โรเบิร์ตรับโทลคีนเข้ากลุ่มเพื่อน
ซึ่งกลายเป็นพันธมิตรสี่สหาย, ที่ความสัมพันธ์ ยากจะเสื่อมคลาย
โทลคีน, โรเบิร์ต, คริสโตเฟอร์ ไวส์แมน และจอฟฟรีย์ สมิธ ตั้งชื่อกลุ่มตัวเองว่า
สมาชิกสโมสร แห่งร้านน้ำชาแบร์โรวส์ (ร้านที่ไปกินกันประจำ) หรือ ที.ซี.บี.เอส. (Tea Club and Barrovian Society)
พวกเขาตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนแปลงโลก ผ่านพลังแห่งศิลปะ, และเรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัยด้วยกัน
ด้านความสัมพันธ์ของโทลคีนกะอีดิธ สุกงอม
แต่เนื่องจากมันกระทบ ต่อผลการเรียนของโทลคีน, คุณพ่อฟรานซิสจึงตักเตือน
โทลคีนจำใจเลิกกะอีดิธชั่วคราว และสัญญาว่าเมื่อบรรลุนิติภาวะ (อายุ 21) จะสานต่อความสัมพันธ์
แต่ผลการเรียนของโทลคีน ในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ยังไม่สวยนักอยู่ดี
จนกระทั่งศาสตราจารย์ โจเซฟ ไรท์ (Joseph Wright) นักภาษาศาสตร์ และอาจารย์ภาษากอธิก
เล็งเห็นอัจฉริยภาพด้านภาษา ของกระทาชายนายโทลคีนเข้า
หลังโดนทาบทาม, โทลคีนที่ค้นพบพรสวรรค์ของตน ชักไปได้สวย
แต่ความซวยหนใหม่ ยังอุตส่าห์มาเยือนเขา, นั่นคือการที่มนุษยชาติเข้าสู่ การทำสงครามโลกครั้งที่ 1
สี่สหายแก๊ง ที.ซี.บี.เอส. ถูกเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพ
และก่อนโทลคีนจะย่างเท้าเข้าสนามรบ, อีดิธก็ปรี่มาขอคืนดี
ระหว่างสงครามโลก, โทลคีนได้ประจำการ แถวแม่น้ำซอมม์ ประเทศฝรั่งเศส
การศึก ณ สมรภูมิที่ซอมม์ (Battle of the Somme) ทำเขาป่วยเป็นโรคติดเชื้ออย่าง ไข้สนามเพลาะ (trench fever)
โทลคีนที่เจ็บออดๆ แอดๆ ถูกหามส่งโรงพยาบาล
หลังหมดสติอยู่หลายสัปดาห์ และแฟนจ๋า (อีดิธ) คอยเฝ้าไข้ตลอดไม่ห่าง, เขาก็ฟื้น
แต่ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายคือ โรเบิร์ตกับจอฟฟรีย์ ซี้แหงแก๋
และคริส ไวส์แมน ที่รอดมาได้ จิตใจบอบช้ำ, จนความสัมพันธ์กับโทลคีน ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีก
หลายปีผ่านพ้น โทลคีนได้ตำแหน่งอาจารย์มหาลัยออกซ์ฟอร์ด, แต่งงานกับอีดิธ, และมีลูกสี่คน
หลังจากแต่งนิยายเป็นงานอดิเรก (เพื่อใช้เป็นเวทีสำหรับ ให้ภาษาที่เขาคิดขึ้นเองเล่นๆ ได้โลดแล่น) อยู่นานวัน
เขารู้สึกว่าถึงเวลาที่จะจริงจังกับมัน, และในที่สุดก็ปิ๊งคำว่า "ฮอบบิท" ขึ้นมา
ว่าแล้วจึงจรดปากกาบรรจง บันทึกข้อความลง บนแผ่นกระดาษ
COMMENTS