นอกจากหญิงงาม, อาวุธล้ำสมัย หรือรถหรู, หนึ่งในเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ชุดพยัคฆ์ร้าย 007 คือ "วายร้าย" ขณะที่ชื่อพระเอก (เจมส์ บอนด์...
นอกจากหญิงงาม, อาวุธล้ำสมัย หรือรถหรู, หนึ่งในเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ชุดพยัคฆ์ร้าย 007 คือ "วายร้าย"
ขณะที่ชื่อพระเอก (เจมส์ บอนด์) สั้นกระชับเรียบง่าย แต่เหล่าร้ายมักมาพร้อมนามที่เก๋ไก๋ (เช่น เลอ ชีฟร์, ออริก โกลด์ฟิงเกอร์, เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ เป็นต้น)
พวกเขามักมีความสุดโต่งบางอย่างติดตัว ไม่ว่าในด้านรูปลักษณ์ภายนอก, อุดมการณ์, ปูมหลัง
หรือความขี้โม้ ชอบสาธยายแผนชั่วแสนบรรเจิดของตน จนกว่าผู้ฟังจะบังเกิดความกระจ่าง
อย่างไรก็ตาม ตัวละครเหล่านี้กลับเป็นกระจกสะท้อนสถานการณ์บางอย่าง บนโลกความจริงเสมอ
พวกเขาเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้คน (พวกฝรั่ง) บนยุคสมัยที่ผลงานเผยแพร่ตลอด
และนิโคลัส บาร์เบอร์ (Nicholas Barber) จากเว็บไซต์ของ BBC ก็ชี้แจงไว้ให้ทราบ ดังต่อไปนี้
สหภาพโซเวียต
โรซ่า เคล็บบ์ (ล็อตเต้ เลนย่า), From Russia with Love, 1963
บึ้งตึง, ขึงขัง, สวมเครื่องแบบทหาร พร้อมรองเท้าใส่สบายที่ซ่อนมีดอาบยาพิษไว้
ศัตรูหลักใน From Russia with Love คือภาพล้อเลียนของสตรีที่อยู่เบื้องหลังม่านเหล็ก
ตามนิยายต้นฉบับของเอียน เฟลมมิง หล่อนเป็นเจ้าหน้าที่ของสเมิร์ช (SMERSH) หน่วยสืบราชการลับซึ่งโหดร้ายสุดๆ ของเครมลิน
แต่ผู้อำนวยการผลิตฉบับหนัง ไม่ต้องการให้เนื้อหาออกการเมืองจ๋า เลยเปลี่ยนให้ SMERSH เป็นองค์กรก่อการร้ายอิสระ SPECTRE
เคล็บบ์คือตัวอย่างชั้นดี ของการเหยียบเรือสองแคมโดยผู้สร้าง ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ชมเองว่า อยากเห็นหล่อนแบบไหน
จะในแง่คนโซเวียตผู้ดื้อรั้นและโหดเหี้ยม หรือมิใช่คนโซเวียตโดยสิ้นเชิงก็ได้
ภัยนิวเคลียร์
ออริก โกลด์ฟิงเกอร์ (เกอเธ่ โฟรบ), Goldfinger, 1964
ตามนิยายของเฟลมมิง, โกลด์ฟิงเกอร์หวังจะปล้นทองทุกแท่งออกจากฟอร์ทน็อกซ์ (Fort Knox/คลังเก็บสมบัติลับของสหรัฐฯ) แบบไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ส่วนฉบับภาพยนตร์ แผนโกลด์ฟิงเกอร์ไม่ใช่การขโมยทอง, หากแต่เป็นการใช้ระเบิด ทำให้มันปนเปื้อนรังสีจนใช้ไม่ได้ (แล้วทองของโกลด์ฟิงเกอร์เอง จะมีมูลค่าสูงขึ้น)
ซึ่งทั้งเหนือชั้นกว่าเดิม แถมตรงกับความกังวลเรื่องอาวุธนิวเคลียร์นอกจอของคนดู (ตอนฉาย) ด้วย
ภาพยนตร์ชุด 007 ยังมีภยันตรายอื่นอีกเยอะ (เช่น รังสีมรณะจากแสงอาทิตย์, ไวรัสมฤตยู) แต่โดยส่วนใหญ่หนีไม่พ้นสถานการณ์ ที่ระเบิดนิวเคลียร์ตกไปอยู่ในมือคนผิด
เช่นที่เป็นใน Thunderball, The Spy Who Loved Me, Octopussy หรือ The World is Not Enough
ช่วงตื่นอวกาศ
เซอร์ ฮิวโก้ แดร็กซ์ (ไมเคิล ลอนสเดล), Moonraker, 1979
ค.ศ. 1977, เอนด์เครดิตของ The Spy Who Loved Me ประกาศว่า "เจมส์ บอนด์จะกลับมาใน For Your Eyes Only"
แต่นั่นเพราะผู้อำนวยการสร้างไม่ได้มองเห็น อิทธิพลของภาพยนตร์อีกเรื่องที่ฉายปีเดียวกันแบบ [Star Wars] ล่วงหน้า
ความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ของสงครามดวงดาว ผลักดันให้ 007 ต้องออกนอกพิภพใน Moonraker ก่อนแทน
แม้นิยายชื่อเดียวกันของเฟลมมิง มิได้มีการพาบอนด์สู่ห้วงอวกาศ
แต่ใช่ว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพราะอิทธิพลของ Star Wars ล้วน ๆ
ในโลกความจริงยุคโน้น, นาซ่ากำลังพัฒนากระสวยอวกาศที่ใช้เดินทางซ้ำได้
ฉะนั้นมหาเศรษฐีวายร้ายของมูนเรกเกอร์ (เซอร์ ฮิวโก้ แดร็กซ์) จึงเป็นผู้ผลิตกระสวย ตามกระแส
ปีเตอร์ ลามอนต์ ผู้กำกับวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เคยบอกด้วยว่า
"มูนเรกเกอร์ตั้งใจจะฉายรอบปฐมทัศน์ ในสัปดาห์ที่กระสวยอวกาศออกบิน
แต่น่าเสียดายที่พวกเขามีปัญหาเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้โครงการล่าช้าไป 2 ปี
ดังนั้น แทนที่หนังจะเป็นวิทยาศาสตร์เสมือนจริง มันก็กลายเป็นแค่จินตนาการอิงวิทยาศาสตร์เท่านั้น"
เจ้าพ่อค้ายา
ฟรานซ์ ซานเชซ (โรเบิร์ต ดาวี), Licence to Kill, 1989
นิยาย 007 กำเนิดช่วงปี 1950s จึงเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับจารชนรัสเซีย หรือสงครามเย็น และเมื่อผ่านมาถึงยุค 1980s มันก็เชยจะแย่
ผู้อำนวยการสร้างหนังเลยอยากให้บอนด์ร่วมสมัยมากขึ้น โดยพา 007 เข้าสายแอ็คชั่นฮีโร่แนวข้ามาคนเดียว (แต่กวาดเหล่าร้ายเหี้ยน) ของอเมริกา, ซึ่งช่วงนั้นฝรั่งนิยม
วายร้ายบอนด์โดนกำหนดเป็น เจ้าพ่อยาเสพติดของละตินอเมริกา (แต่ผู้สร้างมิลืมหลบเลี่ยงปัญหา ด้วยการให้หมอนี่มาจากประเทศสมมติที่ไม่มีจริง)
ฟรานซ์ ซานเชซ ไม่ต้องการยึดครองโลก, เขาเพียงอยากขายโคเคนเฉย ๆ
ผู้ล้างแค้น
อเล็ก เทรเวเลียน (ฌอน บีน), GoldenEye, 1995
หนึ่งในวายร้ายหนังบอนด์ ที่สะท้อนภาพเชิงสมมติว่า ถ้า 007 โฉด
(อีก 3 หน่อผู้เข้าข่ายเดียวกัน คือเรด แกรนท์จาก From Russia with Love, ฟรานซิสโก สการามังกาจาก The Man with the Golden Gun และราอูล ซิลวาจาก Skyfall)
อเล็ก เทรเวเลียน คืออดีตสายลับ MI6 รหัส 006 ผู้ย้ายข้างเพราะหลังบุพการี ที่เป็นทหารหน่วยคอสแซค (ที่ช่วยนาซี รบกับรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 2) ยอมมอบตัวต่ออังกฤษ
อังกฤษดันส่งคอสแซคหน่วยดังกล่าว กลับรัสเซียแบบไม่ไยดี แม้รู้อยู่แล้วว่าพวกนี้โดนประหารแหง
เมื่อบอนด์ทราบแรงจูงใจของ 006 เขายอมรับว่า "นั่นไม่ใช่ช่วงเวลาดีที่สุดของเรา"
การยอมรับความผิดพลาดในอดีต กลายเป็นหัวข้อสำคัญของโลกหลังสงครามเย็นสิ้นสุด (กรณีนี้คือไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร)
ส่วนกรณีอื่นๆ ก็ยังมี เช่น ใน The World Is Not Enough ที่อิเล็คตร้า คิงกล่าวโทษเอ็ม เรื่องแนะนำให้บิดาอิเล็คตร้า ไม่จ่ายค่าไถ่ตอนอิเล็คตร้าถูกลักพาตัว
กรณีราอูล ซิลวากล่าวโทษเอ็ม เรื่องส่งตัวเขาให้จีน
หรือใน Spectre ที่โบลเฟลด์กล่าวโทษบอนด์ว่าทำผิด... เพราะเขาเป็นบอนด์
ผู้มั่งคั่ง
เอลเลียต คาร์เวอร์ (โจนาธาน ไพรซ์), Tomorrow Never Dies, 1997
อาชญากรจอมมารใช่จะชอบเร้นกายอยู่ในภูเขาไฟ แบบภาค You Only Live Twice กันหมด
หลายครั้งพวกเขาใช้ชีวิตคนมีกะตังค์ ไฮโซโก้หรู อยู่บนตึกระฟ้า
ตัวร้ายหน้าฉากสุจริตชน มีทั้งฮิวโก้ แดร็กซ์ ณ Moonraker, แม็กซ์ โซริน A View to a Kill, กุสตาฟ เกรฟส์ Die Another Day และโดมินิค กรีน Quantum of Solace
แต่ท่ามกลางหมู่คนเลว ภายใต้คราบเศรษฐีมือสะอาด, เจ้าพ่อสื่อ 'เอลเลียต คาร์เวอร์' ดูสมจริงและน่ากลัวที่สุด
เขามาพร้อมนโยบาย "คำพูดคืออาวุธรูปแบบใหม่, ดาวเทียมคือปืนใหญ่"
เขาคือผู้บุกเบิกด้านป้อนเฟคนิวส์ (ข่าวปลอม) แก่สังคม ที่ตั้งเป้าจะเริ่มสงครามโลกครั้งใหม่เพื่อ "สิทธิพิเศษในการแพร่ภาพกระจายเสียงที่จีน จากนี้ถึง 100 ปีข้างหน้า"
แต่ปัจจุบันนักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาล เขาเลิกแทรกแซงการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวกันแล้วมั้ง... หรือว่าไม่หว่า ?
การจู่โจมทางไซเบอร์
ราอูล ซิลวา (ฮาเวียร์ บาเด็ม), Skyfall, 2012
วายร้ายบอนด์ส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่เท่าฝาบ้าน ก่อนจะมีตัวร้ายสายแฮคเกอร์ใน GoldenEye
แต่เพิ่ง Skyfall นี่แหละที่จับประเด็นความกังวล เกี่ยวกับโลกอินเตอร์เน็ตได้ตรงจุดเป๊ะ
ภาพยนตร์เผยแพร่ในช่วงตรงกลางระหว่าง The Social Network (2010) ที่ดราม่าเรื่องกำเนิด Facebook, กับ The Fifth Estate (2013) ซึ่งดราม่าเรื่องกำเนิด WikiLeaks
ราอูล ซิลวาคือผู้ก่อการร้ายไซเบอร์ อันเคยทำงานให้ MI6, เขาโจมตีผู้จ้างวานเก่าด้วยการโพสต์ข้อมูล เปิดเผยตัวตนเหล่าจารชน ซึ่งทำงานแฝงตัวให้ MI6 อยู่ บน YouTube
โชคดีที่ฝ่ายพระเอกมีเทพด้านไอที แบบพ่อหนุ่ม 'คิว' ช่วยต้านรับ แต่จากคำกล่าวอ้างของเค้าว่า
สามารถใช้โน้ตบุ๊คก่อความเสียหายในไม่ถึง 1 วัน ได้มากกว่าที่บอนด์ใช้เวลา 1 ปีในงานภาคสนาม... มันก็ชวนลังเลว่า เราควรอุ่นใจที่มีคนแบบหมอนี่อยู่ ดีหรือเปล่า ?
สมาชิกครอบครัว
เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (คริสตอฟ วอลซ์), Spectre, 2015
บอสองค์กรสเปคเตอร์ คือคู่ต่อสู้อันโดดเด่นลำดับต้นๆ ของเจมส์ บอนด์ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
ช่วงแรกๆ คนดูจะไม่เห็นใบหน้า ของจอมบงการผู้นั่งลูบขนแมว (เช่น ใน From Russia with Love หรือ Thunderball)
แต่เขาเผยโฉม กลายเป็นตัวร้ายหลักใน You Only Live Twice, On Her Majesty's Secret Service และ Diamonds Are Forever ภายหลัง
น่าผิดหวังที่โบลเฟลด์ โดนปรับเป็นแบบใน Spectre: พี่ชายบุญธรรมของบอนด์ซึ่งก่อสารพัดความเลว เพียงเพราะอิจฉาที่น้องแย่งความสนใจในตัวเขาไปจากพ่อ
โบลเฟลด์เวอร์ชั่นล่าสุด ลดสเกลการผจญภัยของ 007 จากเรื่องใหญ่ระดับโลก เหลือแค่ระดับเรื่องส่วนตัว
ความเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะได้รับอิทธิพล จากนิยายแอ็คชั่นดาดๆ ขายกลาดเกลื่อนตามท้องตลาด
ซึ่งขับเคลื่อนพล็อตเรื่อง ด้วยตัวละครพระเอกกับเหล่าผองเพื่อน และสายสัมพันธ์
แต่คงดีกว่า ถ้าวายร้ายบอนด์คนถัดไปแบบซาฟิน (รามี มาเลค) กลับมามีเป้าหมายใหญ่โตคับโลกอีกจริงๆ ไม่ใช่เพราะมีเรื่องขัดใจอะไรกะเอ็มคนล่าสุด หรือ 007
ที่มา: BBC
COMMENTS