หลังจากอนิเมชั่นซีรีส์ที่ขยายความเหตุการณ์พลิกหน้าประวัติศาสตร์กาแล็คซี่ Star Wars โดนสตูดิโอดิสนีย์สั่งตัดจบ 'เดฟ ฟิโลนี่' ผู้เคยด...
หลังจากอนิเมชั่นซีรีส์ที่ขยายความเหตุการณ์พลิกหน้าประวัติศาสตร์กาแล็คซี่ Star Wars โดนสตูดิโอดิสนีย์สั่งตัดจบ
'เดฟ ฟิโลนี่' ผู้เคยดูแล The Clone Wars ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมกับไซมอน คินเบิร์กแห่งแฟรนไชส์ X-Men และเกร็ก ไวส์แมน/ผู้ช่ำชองด้านเขียนคอมมิค, ผลิตซีรีส์อนิเมชั่นเรื่องใหม่
แม้ไวส์แมนจะถอนตัวหลังซีซั่นแรกจบลง แต่ 'Star Wars Rebels' ซึ่งศูนย์กลางของเรื่องราว คือตัวละครใหม่ 5 คน (+ 1 หุ่นยนต์)
ยังคงได้เสียงตอบรับที่ดี และมีโอกาสผลิตยาวถึง 4 ซีซั่น (ค.ศ. 2014-2018)
โดยระหว่างดำเนินเรื่องไปนั้น เหล่าตัวละครเก่าจากซีรีส์ The Clone Wars ที่ชะตากรรมของพวกเขายังเป็นปริศนา ณ เวลาดังกล่าว
ก็ทยอยโผล่หน้ามา ราวกับว่าผู้สร้างต้องการสะสางทุกอย่าง หลังรายการสงครามโคลนจำใจอวสานก่อนกาล
จนอนิเมชั่นชุดนี้เปรียบเสมือนภาคต่ออย่างไม่เป็นทางการ ของซีรีส์อนิเมชั่นรุ่นพี่โดยปริยาย
เหตุการณ์ในซีรีส์ Rebels เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอน 5 ปี ก่อนที่เรื่องราวของภาพยนตร์ภาค A New Hope จะบังเกิด
มันสะท้อนภาพยุคจักรวรรดิครองเมือง, มันเล่าเรื่องสมัยพวกกบฏในหลายพิภพดวงดาวเคยแยกกันก่อการ ก่อนจะค่อยๆ มารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่
และมันทำให้เรารู้ว่าการ [เดินทางข้ามเวลา] สามารถทำได้ ในจักรวาลสตาร์วอร์ส
บทความนี้คือการแปลเนื้อหา Rebels ซึ่งเคยมีแฟนสงครามดวงดาวต่างประเทศสรุปไว้ โดยจับเฉพาะเหตุการณ์ตอนเด่นๆ มาบอกเล่า พร้อมเพิ่มลดเนื้อหาบางจุดตามที่ผมเห็นสมควร
อำนาจแห่งจักรวรรดิช่างแกร่งกล้า จนการหาญท้าสู้ซึ่งหน้า มิอาจเป็นไปได้ในช่วงแรก
แต่เบล ออร์กาน่า/พ่อเลี้ยงของเจ้าหญิงเลอา ยังคงเพียรพยายามต่อต้านแบบไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย ร่วมกับบรรดาอดีตสมาชิกสภาสาธารณรัฐอีกหลายคน
เป็นต้นว่า มอน มอธม่า (Mon Mothma) ผู้จะขยับขึ้นตำแหน่งแกนนำหญิงของฝ่ายกบฏภายหลัง
รวมถึงอาโซก้า ทาโน่/อดีตลูกศิษย์เจไดของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
เธอรับหน้าที่ตัวกลางประสานงาน คอยส่งสารระหว่างกบฏกลุ่มย่อยทั่วจักรวาล ภายใต้นามแฝงว่าฟัลครัม (Fulcrum)
กลุ่มคนท้องถิ่นผู้คัดค้านการปกครองของจักรวรรดิ ชักจะผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดตามพิภพดาราอันอยู่ห่างไกล
หนึ่งในกองกำลังที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ คือชาวทวิเลค (Twi'lek) ที่มีแชม ซินดูลา (Cham Syndulla) เป็นผู้นำ
ทว่าเฮร่า ซินดูลา (Hera Syndulla) ลูกสาวของเขากลับเลือกจะไม่สนับสนุนพ่อ
และออกท่องกาแล็คซี่ในฐานะนักบินอิสระตามความชอบของตน ร่วมกับชายคนที่ชื่อเคนัน จาร์รัส (Kanan Jarrus) ซึ่งหล่อนถูกชะตา
เฮร่ากับเคนันทยอยเกณฑ์สมาชิกหน้าใหม่ มาเป็นลูกเรือของยานขนส่งชื่อโกสต์ (the Ghost) อาทิเช่น
- ซาบีน เร็น (Sabine Wren) เด็กสาวชาวแมนดาโลเรี่ยน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดและเปี่ยมด้วยหัวใจศิลปิน
- เซ็บ (Zeb) หรือการาเซ็บ ออร์เรลิออส (Garazeb Orrelios) อดีตผู้บัญชาการทหารกองเกียรติยศ ของดาวลาซาน
- เอซร่า บริดเจอร์ (Ezra Bridger) เด็กหนุ่มคนเก็บขยะจากดาวโลธัล (Lothal)
- ดรอยด์ซ่อมบำรุงรหัส C1-10P อันมีฉายาว่าช็อปเปอร์
ยานโกสต์ของเฮร่าคอยก่อกวนกองทัพจักรวรรดิ และดำเนินภารกิจเชิงกลยุทธ์ตามคำแนะนำของฟัลครัมอยู่เนืองๆ
เคนันคืออดีตพาดาวัน ผู้รอดจากคำสั่งล้างบางที่ 66 ของจักรพรรดิ
เขาตัดสินใจฝึกฝนเอซร่าผู้มีพรสวรรค์ด้านพลัง แม้ตนอาจขาดคุณสมบัติหลายประการ
แต่จักรวรรดิใช้เวลาไม่นาน ก่อนตระหนักว่าทั้งสองคือคู่ศิษย์อาจารย์เจได
ข้าหลวงทาร์คิน (อนาคตผู้คุมอาวุธมหาประลัย Death Star) กับแขนขาของซิธลอร์ดอย่างแกรนด์อินควิซิเตอร์ (Grand Inquisitor) จึงเปิดฉากการไล่ล่าทั้งสอง
ทาร์คินกับหัวหน้ากลุ่มอินควิซิเตอร์จับกุมเคนันสำเร็จ และจัดแจงส่งเขาไปจองจำบนยานสตาร์เดสทรอยเยอร์ของทาร์คิน ที่บินอยู่เหนือดาวมุสตาฟาร์ (Mustafar)
เคนันโดนทรมานเพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มย่อยต่างๆ ของพวกกบฏ และค้นหาตัวจริงของฟัลครัม แต่เจไดผู้นี้ไม่ยอมทำตัวปากสว่าง
ลูกเรือยานโกสต์ที่เหลือ ขอความร่วมมือจากเครือข่ายกองกำลังกบฏของเบล ออร์กาน่า เพื่อเดินแผนช่วยเหลือเจได
และในขณะที่เอซร่ากำลังจะพาอาจารย์หนี, พวกเขาก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอดีตเจได ผู้ผันตัวไปรับใช้ด้านมืด แบบแกรนด์อินควิซิเตอร์ไม่ได้
ทว่าเคนันชนะการดวลฟาดฟันไลท์เซเบอร์ และหัวหน้าหน่วยอินควิซิเตอร์ก็สิ้นชีพลง
หลังเคนันถูกช่วยเหลือ และยานประจำตัวของทาร์คินโดนระเบิดทิ้ง
กองทัพจักรวรรดิจึงตระหนักว่าควรเอาจริงกับกบฏเล็กๆ กลุ่มนี้ยิ่งกว่าเก่า
ดาวโลธัลของเอซร่าซึ่งสมาชิกโกสต์มักป้วนเปี้ยนอยู่ เลยเจอส่งกองทัพลงไปควบคุม และ 'ดาร์ธ เวเดอร์' ก็มาล่าพวกเอซร่าเอง
ทีมโกสต์พยายามหนีจากเวเดอร์, เคนัน+เอซร่าเข้าต่อสู้ด้วยกระบี่แสง แต่ระดับของพวกเขา ช่างห่างชั้นกับซิธลอร์ดจนเหลือเชื่อ
เคราะห์ดี เวเดอร์แกล้งปล่อยพวกเอซร่าหนี เนื่องจากอยากให้คนเหล่านี้ชี้ทางสู่กบฏกลุ่มที่ใหญ่กว่า
ก่อนจะเรียกสาวกอินควิซิเตอร์อีก 2 คน มารับช่วงล่าทีมเอซร่าต่อ
เมื่อเวเดอร์ยอมลงสนามเอง ทีมโกสต์เห็นท่าจะรอดได้อีกไม่นาน
อาโซก้า ทาโน่ จึงเผยตัวต่อหน้าพวกเอซร่าทุกคนเป็นครั้งแรก และให้การช่วยเหลือหลายประการ
ทีมโกสต์ที่ศักยภาพเหนือกว่าเดิม กลับกลายเป็นฝ่ายที่สามารถขัดขวางแผนลักพาตัวเด็กๆ ผู้มีพรสวรรค์ด้านพลังของพวกอินควิซิเตอร์ได้ แม้ถูกไล่ล่าอยู่
พวกเขาช่วยเหลือเลอา ออร์กาน่า ปฏิบัติภารกิจขนส่งกำลังบำรุง
รวมถึงสำรวจพบดวงดาวที่จะเป็นฐานทัพใหม่ของกบฏชื่ออะโทลลอน (Atollon)
เคนันกับเอซร่ายังคงถูกอินควิซิเตอร์ทั้ง 2 ไล่บี้ และงานนี้อาจพาให้กบฏกลุ่มขนาดกลางที่พวกเขาเข้าสังกัดแล้ว ต้องซวยตาม
คู่ศิษย์อาจารย์พร้อมกับอาโซก้า จึงพากันไปเยือนวิหารเจไดโบราณ เพื่อแสวงหาความรู้สำหรับโค่นล้มเวเดอร์และเหล่าอินควิซิเตอร์
วิหารโบราณสื่อสารกับเคนัน+อาโซก้า ผ่านนิมิตแห่งพลัง
เคนันต้องใช้กระบี่แสงฟาดฟันกับเจไดผู้อารักขาวิหารในความฝัน
เจไดอารักขาเตือนว่าการหิ้วลูกศิษย์เข้าปะทะกับจักรวรรดิเสมอ
รังแต่จะผลักดันให้เอซร่า บริดเจอร์พุ่งสู่ด้านมืดในเร็ววัน
ทีแรกเคนันดิ้นรนขัดขืน แต่เมื่อตระหนักว่ามิอาจเอาชนะ จึงเลิกสู้กับภาพนิมิต
และยอมรับว่าเขามิสามารถปกป้องลูกศิษย์ตลอดไป อีกทั้งทำได้แค่พยายามสอนให้ดีที่สุด
เจไดอารักขาเห็นดังนั้น เลยเลื่อนขั้นเคนันผู้ผ่านการทดสอบ สู่ระดับชั้นอัศวินเต็มตัว
ส่วนอาโซก้าเจอภาพหลอนของอาจารย์, อนาคิน สกายวอล์คเกอร์เอาแต่ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดเธอจึงทอดทิ้งเขา
ก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นดาร์ธ เวเดอร์ ยืนยันความจริงที่อาโซก้าไม่เคยคิดอยากยอมรับ
เมื่ออดีตไล่ตามมาทัน
เอซร่าไม่เจอนิมิตเหมือนกับอีกสองคน แต่ได้คุยกับปรมาจารย์โยดาผ่านพลัง
เอซร่าถามหาวิธีทำลายเวเดอร์+พวกอินควิซิเตอร์จากโยดา ทว่าปรมาจารย์กลับมอบคำเตือนแทน
โยดาชี้แจงว่าเจไดกระโจนสู่สงครามโคลนเร็วเกินไป และนั่นส่งผลให้พวกเขาเกิดความยโส, ความกลัว, ความโกรธ ที่นำพาพวกตนสู่ความล่มสลาย
เขาบอกเอซร่าว่าความท้าทายชั่วนิรันดร์ของเจได คือหลีกเลี่ยงการก้มหัวให้ความกลัวและความโกรธ
แต่เมื่อเอซร่าแย้งว่าฝ่ายกบฏไร้ทางชนะหากไม่ต่อสู้, โยดาก็ยอมให้ข้อมูลว่าจงไปสู่ดาวมาลาคอร์ (Malachor) แบบเสียไม่ได้
อาโซก้า, เคนัน, เอซร่าเดินทางต่อสู่วิหารซิธโบราณ บนมาลาคอร์
ที่นั่นพวกเขาพบนักรบเจไดกับซิธจำนวนมากในสภาพศิลา
และเจอดาร์ธ มอลผู้มาเยือนก่อนหน้า ด้วยหวังแสวงหาวิธีโค่นซิธ+เหล่าอินควิซิเตอร์เช่นกัน
เอซร่าเห็นเป้าหมายสอดคล้อง เลยยอมร่วมทางกับมอลสำรวจวิหารซิธดึกดำบรรพ์
ซึ่ง ณ ใจกลางวิหารนั่น มีโฮโลครอน (อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ต้องใช้พลังเปิดอ่าน) ของพวกซิธอยู่
มอลหาเวลาอยู่กับเอซร่าตามลำพัง พร้อมพยายามชักจูงเด็กหนุ่มเข้าด้านมืด
และเมื่ออินควิซิเตอร์ 3 คนได้บุกมา มอลก็ช่วย, เอซร่า, เคนัน, อาโซก้าต้านรับ อีกทั้งฆ่าอินควิซิเตอร์ทิ้งหมด
จากนั้นมอลก็หลอกให้เอซร่าไปเปิดการทำงาน อาวุธมหาประลัยของซิธที่เคยเปลี่ยนบรรดานักรบยุคโบราณแถวนั้นเป็นก้อนหิน
จนมีโอกาสอยู่กับเคนัน+อาโซก้า ลับหลังเอซร่า
แล้วตานี่ก็เผยธาตุแท้ โดยเคลมว่าเอซร่าจะเป็นศิษย์เค้าแทนชัวร์ ก่อนเล่นงานเคนันเสียตาบอด
เคนันใช้พลังช่วยจนสามารถรับมือมอลได้ แม้สูญเสียประสาทสัมผัสด้านการมอง
แต่มอลผู้ถูกเล่นงานไม่สนใจจะเอาคืนเคนันให้จั๋งหนับหรอก เพราะตอนนั้นดาร์ธ เวเดอร์ได้มาเยือนมาลาคอร์ เนื่องจากอยากจัดการมอลให้เรียบร้อย
มอลชิ่งหนีตัวปลิว ขณะที่เคนันต้องไปช่วยเอซร่าหยุดอาวุธมหาประลัย และอาโซก้าต้องประจันหน้ากับดาร์ธ เวเดอร์ตามลำพัง
เมื่ออดีตไล่ตามทัน, อาโซก้าตัดสินใจว่าหนนี้เธอจะไม่ทอดทิ้งอนาคินซ้ำสอง
หล่อนยืนกรานจะดวลกระบี่แสงกับอดีตครู อยู่ในวิหารที่กำลังถล่ม (เพราะเคนันกับเอซร่าหยุดการทำงานของอาวุธร้ายกะทันหัน) จนถึงวินาทีสุดท้าย
เอซร่ากับเคนันรอดชีวิตจากเหตุวิหารถล่มแบบหวุดหวิด แต่ทีมโกสต์ที่เสียอาโซก้าไปยังคงต้องเดินหน้าต่อ
เคนันที่ตาบอดพยายามปรับตัวสู่วิถีชีวิตใหม่ ส่วนเอซร่าผู้ฝึกฝนวิชาเจไดเอาเองอยู่สักพัก นึกจะหันมาลองพึ่งพาซิธโฮโลครอนดู
เพราะเชื่อว่าความรู้ภายในวัตถุชิ้นนี้ อาจทำให้เขามีสิทธิ์ชนะพวกจักรวรรดิ
เอซร่าพยายามเข้าถึงพลังด้านมืด เพื่อเปิดดูซิธโฮโลครอน
แต่ในขณะที่ยังทำไม่ได้, เอซร่ากับเคนันก็พบ 'เบนดู' สิ่งมีชีวิตลึกลับทรงปัญญา ผู้สามารถด้านการใช้พลัง บนดาวอะโทลลอน
เบนดูใช้พลังได้ โดยอยู่เหนืออิทธิพลของทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
เคนันจึงฝากซิธโฮโลครอนให้เบนดูถือครอง
อย่างไรก็ตาม โฮโลครอนไม่อยู่กับเบนดูนานเท่าไหร่ เพราะมอลได้โผล่มาลักพาตัวสมาชิกทีมโกสต์ และขโมยเจไดโฮโลครอน ที่เป็นของส่วนตัวของเคนัน
พร้อมเคลมว่าถ้านำองค์ประกอบแห่งพลัง 2 ด้านเข้าประกอบกัน มันจะบันดาลให้เราพบนิมิตแห่งโชคชะตา
มอลบอกเอซร่าว่าเขากำลังมองหาความหวัง และจัดแจงเริ่มต้นพิธีกรรม
แต่มันดันถูกขัดจังหวะ อีกทั้งโฮโลครอนทั้ง 2 ก็โดนทำลาย
สุดท้ายเขาจึงลากเอซร่าไปดาโธเมีย/ดาวบ้านเกิดตน เพื่อใช้เวทมนตร์เชื่อมจิตของทั้งคู่แทน
พิธีกรรมทำให้มอล+เอซร่าเห็นนิมิตแห่งความหวัง ทั้งคู่ประจักษ์กับดาวทะเลทรายที่มีดวงอาทิตย์ 2 ดวง และชายผู้หายสาบสูญไปนานแบบโอบีวัน เคโนบี
เอซร่าตระหนักว่าตนพลาดถนัดที่เชื่อใจมอล และรีบเดินทางไปเยือนดาวทาทูอีนเพื่อช่วยชีวิตโอบีวัน เคโนบี
เอซร่าเข้าถึงตัวโอบีวันก่อน, เขาเตือนว่ามอลกำลังจะมาเอาชีวิตและให้หนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ ต่อสู้พวกจักรวรรดิ
แต่โอบีวันปฏิเสธข้อเสนอ ด้วยเชื่อว่าทัพกบฏสู้ได้โดยไร้เขา และหน้าที่คอยเฝ้าระวังให้ 'ความหวังใหม่' สำคัญกว่า
โอบีวันสั่งลาเอซร่า, เผชิญหน้ามอล ก่อนจะปลิดชีพคู่อาฆาตเก่า
เขาตัดห่วงโซ่แค้นแสนยาวลง โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
กลุ่มกบฏเริ่มได้รับชัยชนะในสมรภูมิขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ส่งผลให้จักรวรรดิเรียกใช้บริการพลเรือเอกธรอว์น (Thrawn) นักกลยุทธ์ผู้ชอบศึกษาศัตรู
หมอนี่ดักทางพวกพระเอกได้หลายครั้ง จนพวกเขาต้องตกที่นั่งลำบากหลายครา
ธรอว์นคือคนจัดทัพใหญ่บุกกวาดล้างฐานฝ่ายกบฏบนดาวอะโทลลอน รวมถึงสังหารสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์นามเบนดู
สถานการณ์ฝ่ายกบฏจึงเริ่มย่ำแย่ และในภารกิจหนึ่งเคนันถึงขั้นต้องสละชีพ
เพื่อให้สมาชิกทีมโกสต์คนอื่นรอดตาย
หลังสูญเสียอาจารย์ เอซร่าได้รับการชี้นำจากพลังให้ไปแสวงหาบางอย่าง ในวิหารเจไดบนดาวโลธัล
ทีมโกสต์พบว่าพวกจักรวรรดิกำลังทำเหมือง เพื่อขุดค้นและเปิดเผยความลับบางสิ่งบนที่แห่งนั้น
ซึ่งจักรพรรดิคาดหวังว่ามันจะพาเขา ก้าวผ่านกำแพงแห่งชีวิตและความตาย กลายเป็นผู้ควบคุมกระแสพลังของทั้งกาแล็คซี่
เอซร่าลอบเข้าสู่วิหารอันมีภาพจารึกโบราณของ 3 เทพมอร์ทิส (เทพแห่งพลัง) สลักอยู่ ได้โดยศัตรูไม่ทันตระหนัก
เขาค้นพบภพกลางระหว่างภพอื่นๆ (The World Between Worlds) หรือก็คือห้วงมิติซึ่งอยู่เหนือกาลอวกาศปกติ
เอซร่าเจอประตูลี้ลับหลายบาน และบานหนึ่งก็แสดงภาพอาโซก้ากำลังสู้กับดาร์ธ เวเดอร์บนมาลาคอร์ เมื่อเขาลองดึงตัวหล่อนออกมาดู ก็รู้ว่านี่คือการช่วยสหายจากห้วงอดีต เลยคิดจะเปลี่ยนชะตาเคนันเหมือนกัน
แต่การช่วยเคนัน มันหมายความว่าเขากับสมาชิกทีมโกสต์ที่เหลือต้องตาย
ฉะนั้นชะตาของอาจารย์เจไดผู้ล่วงลับ จึงมิอาจเปลี่ยนได้เหมือนอาโซก้า
เมื่อหักห้ามใจสำเร็จ เอซร่าก็หันกลับเข้าประตูที่เชื่อมกับมิติเวลาปัจจุบันบนโลธัล
ทว่าจักรพรรดิผู้จับตามองอยู่ ก็ใช้วิชาซิธลี้ลับจู่โจมข้ามมิติมา, อาโซก้าเลยต้องลี้ออกทางประตูอื่นแทน
หลังเอซร่าออกจากภพระหว่างภพแบบไร้อาโซก้าร่วมทาง วิหารเจไดโบราณได้เริ่มต้นการทำลายตัวเอง
ทีมโกสต์รอดจากเหตุวิหารถล่มยกก๊วน และเอซร่าผู้ทำใจได้แล้วเรื่องอาจารย์ ก็ปลุกใจพรรคพวกให้ร่วมกันขับไล่กองทัพจักรวรรดิออกนอกดาวโลธัล
การกบฏครั้งใหญ่นั้นประสบความสำเร็จ แม้เอซร่าผู้ตรึงธรอว์นไว้กับยานอวกาศลำหนึ่งขณะคนอื่นๆ ทำศึก จะวาร์ปหายไปพร้อมกันแบบไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
หลัง Death Star ดวงที่ 2 ถูกทำลายลง เหนือดวงจันทร์ของดาวเอนดอร์
ซาบีน เร็น/หนึ่งในสมาชิกทีมโกสต์ (ซึ่งแยกย้ายกันไปคนละทางแล้ว)
ก็ได้รับการติดต่อจากอาโซก้า ทาโน่ เพื่อขอให้ช่วยค้นหาเอซร่า บริดเจอร์ผู้หายสาบสูญ
'เดฟ ฟิโลนี่' ผู้เคยดูแล The Clone Wars ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมกับไซมอน คินเบิร์กแห่งแฟรนไชส์ X-Men และเกร็ก ไวส์แมน/ผู้ช่ำชองด้านเขียนคอมมิค, ผลิตซีรีส์อนิเมชั่นเรื่องใหม่
แม้ไวส์แมนจะถอนตัวหลังซีซั่นแรกจบลง แต่ 'Star Wars Rebels' ซึ่งศูนย์กลางของเรื่องราว คือตัวละครใหม่ 5 คน (+ 1 หุ่นยนต์)
ยังคงได้เสียงตอบรับที่ดี และมีโอกาสผลิตยาวถึง 4 ซีซั่น (ค.ศ. 2014-2018)
โดยระหว่างดำเนินเรื่องไปนั้น เหล่าตัวละครเก่าจากซีรีส์ The Clone Wars ที่ชะตากรรมของพวกเขายังเป็นปริศนา ณ เวลาดังกล่าว
ก็ทยอยโผล่หน้ามา ราวกับว่าผู้สร้างต้องการสะสางทุกอย่าง หลังรายการสงครามโคลนจำใจอวสานก่อนกาล
จนอนิเมชั่นชุดนี้เปรียบเสมือนภาคต่ออย่างไม่เป็นทางการ ของซีรีส์อนิเมชั่นรุ่นพี่โดยปริยาย
เหตุการณ์ในซีรีส์ Rebels เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอน 5 ปี ก่อนที่เรื่องราวของภาพยนตร์ภาค A New Hope จะบังเกิด
มันสะท้อนภาพยุคจักรวรรดิครองเมือง, มันเล่าเรื่องสมัยพวกกบฏในหลายพิภพดวงดาวเคยแยกกันก่อการ ก่อนจะค่อยๆ มารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่
และมันทำให้เรารู้ว่าการ [เดินทางข้ามเวลา] สามารถทำได้ ในจักรวาลสตาร์วอร์ส
บทความนี้คือการแปลเนื้อหา Rebels ซึ่งเคยมีแฟนสงครามดวงดาวต่างประเทศสรุปไว้ โดยจับเฉพาะเหตุการณ์ตอนเด่นๆ มาบอกเล่า พร้อมเพิ่มลดเนื้อหาบางจุดตามที่ผมเห็นสมควร
ประกายไฟแห่งการกบฏ
อำนาจแห่งจักรวรรดิช่างแกร่งกล้า จนการหาญท้าสู้ซึ่งหน้า มิอาจเป็นไปได้ในช่วงแรก
แต่เบล ออร์กาน่า/พ่อเลี้ยงของเจ้าหญิงเลอา ยังคงเพียรพยายามต่อต้านแบบไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย ร่วมกับบรรดาอดีตสมาชิกสภาสาธารณรัฐอีกหลายคน
เป็นต้นว่า มอน มอธม่า (Mon Mothma) ผู้จะขยับขึ้นตำแหน่งแกนนำหญิงของฝ่ายกบฏภายหลัง
รวมถึงอาโซก้า ทาโน่/อดีตลูกศิษย์เจไดของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
เธอรับหน้าที่ตัวกลางประสานงาน คอยส่งสารระหว่างกบฏกลุ่มย่อยทั่วจักรวาล ภายใต้นามแฝงว่าฟัลครัม (Fulcrum)
กลุ่มคนท้องถิ่นผู้คัดค้านการปกครองของจักรวรรดิ ชักจะผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดตามพิภพดาราอันอยู่ห่างไกล
หนึ่งในกองกำลังที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ คือชาวทวิเลค (Twi'lek) ที่มีแชม ซินดูลา (Cham Syndulla) เป็นผู้นำ
ทว่าเฮร่า ซินดูลา (Hera Syndulla) ลูกสาวของเขากลับเลือกจะไม่สนับสนุนพ่อ
และออกท่องกาแล็คซี่ในฐานะนักบินอิสระตามความชอบของตน ร่วมกับชายคนที่ชื่อเคนัน จาร์รัส (Kanan Jarrus) ซึ่งหล่อนถูกชะตา
เฮร่ากับเคนันทยอยเกณฑ์สมาชิกหน้าใหม่ มาเป็นลูกเรือของยานขนส่งชื่อโกสต์ (the Ghost) อาทิเช่น
- ซาบีน เร็น (Sabine Wren) เด็กสาวชาวแมนดาโลเรี่ยน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดและเปี่ยมด้วยหัวใจศิลปิน
- เซ็บ (Zeb) หรือการาเซ็บ ออร์เรลิออส (Garazeb Orrelios) อดีตผู้บัญชาการทหารกองเกียรติยศ ของดาวลาซาน
- เอซร่า บริดเจอร์ (Ezra Bridger) เด็กหนุ่มคนเก็บขยะจากดาวโลธัล (Lothal)
- ดรอยด์ซ่อมบำรุงรหัส C1-10P อันมีฉายาว่าช็อปเปอร์
ยานโกสต์ของเฮร่าคอยก่อกวนกองทัพจักรวรรดิ และดำเนินภารกิจเชิงกลยุทธ์ตามคำแนะนำของฟัลครัมอยู่เนืองๆ
เมื่อเพลิงแห่งการปฏิวัติลุกโชนทั่วกาแล็คซี่
เคนันคืออดีตพาดาวัน ผู้รอดจากคำสั่งล้างบางที่ 66 ของจักรพรรดิ
เขาตัดสินใจฝึกฝนเอซร่าผู้มีพรสวรรค์ด้านพลัง แม้ตนอาจขาดคุณสมบัติหลายประการ
แต่จักรวรรดิใช้เวลาไม่นาน ก่อนตระหนักว่าทั้งสองคือคู่ศิษย์อาจารย์เจได
ข้าหลวงทาร์คิน (อนาคตผู้คุมอาวุธมหาประลัย Death Star) กับแขนขาของซิธลอร์ดอย่างแกรนด์อินควิซิเตอร์ (Grand Inquisitor) จึงเปิดฉากการไล่ล่าทั้งสอง
ทาร์คินกับหัวหน้ากลุ่มอินควิซิเตอร์จับกุมเคนันสำเร็จ และจัดแจงส่งเขาไปจองจำบนยานสตาร์เดสทรอยเยอร์ของทาร์คิน ที่บินอยู่เหนือดาวมุสตาฟาร์ (Mustafar)
เคนันโดนทรมานเพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มย่อยต่างๆ ของพวกกบฏ และค้นหาตัวจริงของฟัลครัม แต่เจไดผู้นี้ไม่ยอมทำตัวปากสว่าง
ลูกเรือยานโกสต์ที่เหลือ ขอความร่วมมือจากเครือข่ายกองกำลังกบฏของเบล ออร์กาน่า เพื่อเดินแผนช่วยเหลือเจได
และในขณะที่เอซร่ากำลังจะพาอาจารย์หนี, พวกเขาก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอดีตเจได ผู้ผันตัวไปรับใช้ด้านมืด แบบแกรนด์อินควิซิเตอร์ไม่ได้
ทว่าเคนันชนะการดวลฟาดฟันไลท์เซเบอร์ และหัวหน้าหน่วยอินควิซิเตอร์ก็สิ้นชีพลง
เมื่อทัพจักรวรรดิเอาจริง
หลังเคนันถูกช่วยเหลือ และยานประจำตัวของทาร์คินโดนระเบิดทิ้ง
กองทัพจักรวรรดิจึงตระหนักว่าควรเอาจริงกับกบฏเล็กๆ กลุ่มนี้ยิ่งกว่าเก่า
ดาวโลธัลของเอซร่าซึ่งสมาชิกโกสต์มักป้วนเปี้ยนอยู่ เลยเจอส่งกองทัพลงไปควบคุม และ 'ดาร์ธ เวเดอร์' ก็มาล่าพวกเอซร่าเอง
ทีมโกสต์พยายามหนีจากเวเดอร์, เคนัน+เอซร่าเข้าต่อสู้ด้วยกระบี่แสง แต่ระดับของพวกเขา ช่างห่างชั้นกับซิธลอร์ดจนเหลือเชื่อ
เคราะห์ดี เวเดอร์แกล้งปล่อยพวกเอซร่าหนี เนื่องจากอยากให้คนเหล่านี้ชี้ทางสู่กบฏกลุ่มที่ใหญ่กว่า
ก่อนจะเรียกสาวกอินควิซิเตอร์อีก 2 คน มารับช่วงล่าทีมเอซร่าต่อ
เมื่อเวเดอร์ยอมลงสนามเอง ทีมโกสต์เห็นท่าจะรอดได้อีกไม่นาน
อาโซก้า ทาโน่ จึงเผยตัวต่อหน้าพวกเอซร่าทุกคนเป็นครั้งแรก และให้การช่วยเหลือหลายประการ
ทีมโกสต์ที่ศักยภาพเหนือกว่าเดิม กลับกลายเป็นฝ่ายที่สามารถขัดขวางแผนลักพาตัวเด็กๆ ผู้มีพรสวรรค์ด้านพลังของพวกอินควิซิเตอร์ได้ แม้ถูกไล่ล่าอยู่
พวกเขาช่วยเหลือเลอา ออร์กาน่า ปฏิบัติภารกิจขนส่งกำลังบำรุง
รวมถึงสำรวจพบดวงดาวที่จะเป็นฐานทัพใหม่ของกบฏชื่ออะโทลลอน (Atollon)
นิมิตของพลัง
เคนันกับเอซร่ายังคงถูกอินควิซิเตอร์ทั้ง 2 ไล่บี้ และงานนี้อาจพาให้กบฏกลุ่มขนาดกลางที่พวกเขาเข้าสังกัดแล้ว ต้องซวยตาม
คู่ศิษย์อาจารย์พร้อมกับอาโซก้า จึงพากันไปเยือนวิหารเจไดโบราณ เพื่อแสวงหาความรู้สำหรับโค่นล้มเวเดอร์และเหล่าอินควิซิเตอร์
วิหารโบราณสื่อสารกับเคนัน+อาโซก้า ผ่านนิมิตแห่งพลัง
เคนันต้องใช้กระบี่แสงฟาดฟันกับเจไดผู้อารักขาวิหารในความฝัน
เจไดอารักขาเตือนว่าการหิ้วลูกศิษย์เข้าปะทะกับจักรวรรดิเสมอ
รังแต่จะผลักดันให้เอซร่า บริดเจอร์พุ่งสู่ด้านมืดในเร็ววัน
ทีแรกเคนันดิ้นรนขัดขืน แต่เมื่อตระหนักว่ามิอาจเอาชนะ จึงเลิกสู้กับภาพนิมิต
และยอมรับว่าเขามิสามารถปกป้องลูกศิษย์ตลอดไป อีกทั้งทำได้แค่พยายามสอนให้ดีที่สุด
เจไดอารักขาเห็นดังนั้น เลยเลื่อนขั้นเคนันผู้ผ่านการทดสอบ สู่ระดับชั้นอัศวินเต็มตัว
ส่วนอาโซก้าเจอภาพหลอนของอาจารย์, อนาคิน สกายวอล์คเกอร์เอาแต่ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดเธอจึงทอดทิ้งเขา
ก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นดาร์ธ เวเดอร์ ยืนยันความจริงที่อาโซก้าไม่เคยคิดอยากยอมรับ
เหล่าผู้คอยอารักขาวิหารเจได
เมื่ออดีตไล่ตามมาทัน
เอซร่าไม่เจอนิมิตเหมือนกับอีกสองคน แต่ได้คุยกับปรมาจารย์โยดาผ่านพลัง
เอซร่าถามหาวิธีทำลายเวเดอร์+พวกอินควิซิเตอร์จากโยดา ทว่าปรมาจารย์กลับมอบคำเตือนแทน
โยดาชี้แจงว่าเจไดกระโจนสู่สงครามโคลนเร็วเกินไป และนั่นส่งผลให้พวกเขาเกิดความยโส, ความกลัว, ความโกรธ ที่นำพาพวกตนสู่ความล่มสลาย
เขาบอกเอซร่าว่าความท้าทายชั่วนิรันดร์ของเจได คือหลีกเลี่ยงการก้มหัวให้ความกลัวและความโกรธ
แต่เมื่อเอซร่าแย้งว่าฝ่ายกบฏไร้ทางชนะหากไม่ต่อสู้, โยดาก็ยอมให้ข้อมูลว่าจงไปสู่ดาวมาลาคอร์ (Malachor) แบบเสียไม่ได้
อาโซก้า, เคนัน, เอซร่าเดินทางต่อสู่วิหารซิธโบราณ บนมาลาคอร์
ที่นั่นพวกเขาพบนักรบเจไดกับซิธจำนวนมากในสภาพศิลา
และเจอดาร์ธ มอลผู้มาเยือนก่อนหน้า ด้วยหวังแสวงหาวิธีโค่นซิธ+เหล่าอินควิซิเตอร์เช่นกัน
เอซร่าเห็นเป้าหมายสอดคล้อง เลยยอมร่วมทางกับมอลสำรวจวิหารซิธดึกดำบรรพ์
ซึ่ง ณ ใจกลางวิหารนั่น มีโฮโลครอน (อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ต้องใช้พลังเปิดอ่าน) ของพวกซิธอยู่
มอลหาเวลาอยู่กับเอซร่าตามลำพัง พร้อมพยายามชักจูงเด็กหนุ่มเข้าด้านมืด
และเมื่ออินควิซิเตอร์ 3 คนได้บุกมา มอลก็ช่วย, เอซร่า, เคนัน, อาโซก้าต้านรับ อีกทั้งฆ่าอินควิซิเตอร์ทิ้งหมด
จากนั้นมอลก็หลอกให้เอซร่าไปเปิดการทำงาน อาวุธมหาประลัยของซิธที่เคยเปลี่ยนบรรดานักรบยุคโบราณแถวนั้นเป็นก้อนหิน
จนมีโอกาสอยู่กับเคนัน+อาโซก้า ลับหลังเอซร่า
แล้วตานี่ก็เผยธาตุแท้ โดยเคลมว่าเอซร่าจะเป็นศิษย์เค้าแทนชัวร์ ก่อนเล่นงานเคนันเสียตาบอด
เคนันใช้พลังช่วยจนสามารถรับมือมอลได้ แม้สูญเสียประสาทสัมผัสด้านการมอง
แต่มอลผู้ถูกเล่นงานไม่สนใจจะเอาคืนเคนันให้จั๋งหนับหรอก เพราะตอนนั้นดาร์ธ เวเดอร์ได้มาเยือนมาลาคอร์ เนื่องจากอยากจัดการมอลให้เรียบร้อย
มอลชิ่งหนีตัวปลิว ขณะที่เคนันต้องไปช่วยเอซร่าหยุดอาวุธมหาประลัย และอาโซก้าต้องประจันหน้ากับดาร์ธ เวเดอร์ตามลำพัง
เมื่ออดีตไล่ตามทัน, อาโซก้าตัดสินใจว่าหนนี้เธอจะไม่ทอดทิ้งอนาคินซ้ำสอง
หล่อนยืนกรานจะดวลกระบี่แสงกับอดีตครู อยู่ในวิหารที่กำลังถล่ม (เพราะเคนันกับเอซร่าหยุดการทำงานของอาวุธร้ายกะทันหัน) จนถึงวินาทีสุดท้าย
หนทางที่ความมืดชี้นำ
เอซร่ากับเคนันรอดชีวิตจากเหตุวิหารถล่มแบบหวุดหวิด แต่ทีมโกสต์ที่เสียอาโซก้าไปยังคงต้องเดินหน้าต่อ
เคนันที่ตาบอดพยายามปรับตัวสู่วิถีชีวิตใหม่ ส่วนเอซร่าผู้ฝึกฝนวิชาเจไดเอาเองอยู่สักพัก นึกจะหันมาลองพึ่งพาซิธโฮโลครอนดู
เพราะเชื่อว่าความรู้ภายในวัตถุชิ้นนี้ อาจทำให้เขามีสิทธิ์ชนะพวกจักรวรรดิ
เอซร่าพยายามเข้าถึงพลังด้านมืด เพื่อเปิดดูซิธโฮโลครอน
แต่ในขณะที่ยังทำไม่ได้, เอซร่ากับเคนันก็พบ 'เบนดู' สิ่งมีชีวิตลึกลับทรงปัญญา ผู้สามารถด้านการใช้พลัง บนดาวอะโทลลอน
เบนดูใช้พลังได้ โดยอยู่เหนืออิทธิพลของทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
เคนันจึงฝากซิธโฮโลครอนให้เบนดูถือครอง
เบนดู
อย่างไรก็ตาม โฮโลครอนไม่อยู่กับเบนดูนานเท่าไหร่ เพราะมอลได้โผล่มาลักพาตัวสมาชิกทีมโกสต์ และขโมยเจไดโฮโลครอน ที่เป็นของส่วนตัวของเคนัน
พร้อมเคลมว่าถ้านำองค์ประกอบแห่งพลัง 2 ด้านเข้าประกอบกัน มันจะบันดาลให้เราพบนิมิตแห่งโชคชะตา
มอลบอกเอซร่าว่าเขากำลังมองหาความหวัง และจัดแจงเริ่มต้นพิธีกรรม
แต่มันดันถูกขัดจังหวะ อีกทั้งโฮโลครอนทั้ง 2 ก็โดนทำลาย
สุดท้ายเขาจึงลากเอซร่าไปดาโธเมีย/ดาวบ้านเกิดตน เพื่อใช้เวทมนตร์เชื่อมจิตของทั้งคู่แทน
พิธีกรรมทำให้มอล+เอซร่าเห็นนิมิตแห่งความหวัง ทั้งคู่ประจักษ์กับดาวทะเลทรายที่มีดวงอาทิตย์ 2 ดวง และชายผู้หายสาบสูญไปนานแบบโอบีวัน เคโนบี
เอซร่าตระหนักว่าตนพลาดถนัดที่เชื่อใจมอล และรีบเดินทางไปเยือนดาวทาทูอีนเพื่อช่วยชีวิตโอบีวัน เคโนบี
เอซร่าเข้าถึงตัวโอบีวันก่อน, เขาเตือนว่ามอลกำลังจะมาเอาชีวิตและให้หนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ ต่อสู้พวกจักรวรรดิ
แต่โอบีวันปฏิเสธข้อเสนอ ด้วยเชื่อว่าทัพกบฏสู้ได้โดยไร้เขา และหน้าที่คอยเฝ้าระวังให้ 'ความหวังใหม่' สำคัญกว่า
โอบีวันสั่งลาเอซร่า, เผชิญหน้ามอล ก่อนจะปลิดชีพคู่อาฆาตเก่า
เขาตัดห่วงโซ่แค้นแสนยาวลง โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
พลิกชะตา, ปราบทัพจักรวรรดิ
กลุ่มกบฏเริ่มได้รับชัยชนะในสมรภูมิขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ส่งผลให้จักรวรรดิเรียกใช้บริการพลเรือเอกธรอว์น (Thrawn) นักกลยุทธ์ผู้ชอบศึกษาศัตรู
หมอนี่ดักทางพวกพระเอกได้หลายครั้ง จนพวกเขาต้องตกที่นั่งลำบากหลายครา
ธรอว์นคือคนจัดทัพใหญ่บุกกวาดล้างฐานฝ่ายกบฏบนดาวอะโทลลอน รวมถึงสังหารสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์นามเบนดู
เอซร่า กับธรอว์น
สถานการณ์ฝ่ายกบฏจึงเริ่มย่ำแย่ และในภารกิจหนึ่งเคนันถึงขั้นต้องสละชีพ
เพื่อให้สมาชิกทีมโกสต์คนอื่นรอดตาย
หลังสูญเสียอาจารย์ เอซร่าได้รับการชี้นำจากพลังให้ไปแสวงหาบางอย่าง ในวิหารเจไดบนดาวโลธัล
ทีมโกสต์พบว่าพวกจักรวรรดิกำลังทำเหมือง เพื่อขุดค้นและเปิดเผยความลับบางสิ่งบนที่แห่งนั้น
ซึ่งจักรพรรดิคาดหวังว่ามันจะพาเขา ก้าวผ่านกำแพงแห่งชีวิตและความตาย กลายเป็นผู้ควบคุมกระแสพลังของทั้งกาแล็คซี่
เอซร่าลอบเข้าสู่วิหารอันมีภาพจารึกโบราณของ 3 เทพมอร์ทิส (เทพแห่งพลัง) สลักอยู่ ได้โดยศัตรูไม่ทันตระหนัก
เขาค้นพบภพกลางระหว่างภพอื่นๆ (The World Between Worlds) หรือก็คือห้วงมิติซึ่งอยู่เหนือกาลอวกาศปกติ
เอซร่าเจอประตูลี้ลับหลายบาน และบานหนึ่งก็แสดงภาพอาโซก้ากำลังสู้กับดาร์ธ เวเดอร์บนมาลาคอร์ เมื่อเขาลองดึงตัวหล่อนออกมาดู ก็รู้ว่านี่คือการช่วยสหายจากห้วงอดีต เลยคิดจะเปลี่ยนชะตาเคนันเหมือนกัน
แต่การช่วยเคนัน มันหมายความว่าเขากับสมาชิกทีมโกสต์ที่เหลือต้องตาย
ฉะนั้นชะตาของอาจารย์เจไดผู้ล่วงลับ จึงมิอาจเปลี่ยนได้เหมือนอาโซก้า
เมื่อหักห้ามใจสำเร็จ เอซร่าก็หันกลับเข้าประตูที่เชื่อมกับมิติเวลาปัจจุบันบนโลธัล
ทว่าจักรพรรดิผู้จับตามองอยู่ ก็ใช้วิชาซิธลี้ลับจู่โจมข้ามมิติมา, อาโซก้าเลยต้องลี้ออกทางประตูอื่นแทน
หลังเอซร่าออกจากภพระหว่างภพแบบไร้อาโซก้าร่วมทาง วิหารเจไดโบราณได้เริ่มต้นการทำลายตัวเอง
ทีมโกสต์รอดจากเหตุวิหารถล่มยกก๊วน และเอซร่าผู้ทำใจได้แล้วเรื่องอาจารย์ ก็ปลุกใจพรรคพวกให้ร่วมกันขับไล่กองทัพจักรวรรดิออกนอกดาวโลธัล
การกบฏครั้งใหญ่นั้นประสบความสำเร็จ แม้เอซร่าผู้ตรึงธรอว์นไว้กับยานอวกาศลำหนึ่งขณะคนอื่นๆ ทำศึก จะวาร์ปหายไปพร้อมกันแบบไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
หลัง Death Star ดวงที่ 2 ถูกทำลายลง เหนือดวงจันทร์ของดาวเอนดอร์
ซาบีน เร็น/หนึ่งในสมาชิกทีมโกสต์ (ซึ่งแยกย้ายกันไปคนละทางแล้ว)
ก็ได้รับการติดต่อจากอาโซก้า ทาโน่ เพื่อขอให้ช่วยค้นหาเอซร่า บริดเจอร์ผู้หายสาบสูญ
ที่มา screenrant
COMMENTS