เป็นที่รู้กันว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับวีรบุรุษเจ้าสมุทร 'Aquaman' อันรังสรรค์ขึ้นจากการกำกับของชายชื่อ 'เจมส์ วาน' ที่ตอนนี้อายุ ...
เป็นที่รู้กันว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับวีรบุรุษเจ้าสมุทร 'Aquaman' อันรังสรรค์ขึ้นจากการกำกับของชายชื่อ 'เจมส์ วาน' ที่ตอนนี้อายุ 42 ปี ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
แต่ถ้าลองย้อนดูประวัติเขาสักหน่อย เราจะเห็นว่านี่คือชายที่เคยถูกมองเป็นผู้กำกับชั้นสอง เพราะแจ้งเกิดมาจากวงการหนังสยองขวัญทุนต่ำ
ความสำเร็จครั้งแรกของบุรุษผู้เกิดในมาเลเซียและเติบโตที่ออสเตรเลีย คือภาพยนตร์สยองแห่งค.ศ. 2004 เรื่อง 'Saw'
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ สั่งสมบารมี ผ่านการผลิตผลงานแนวระทึกขวัญแบบ 'Insidious' และ 'The Conjuring' ที่กลายเป็นจักรวาลหนังผีภายหลัง
ซึ่งนั่นทำให้วานมีโอกาสรับงานใหญ่อย่าง 'Fast & Furious ภาค 7'
และได้รับอนุญาตให้ผลิต Aquaman ที่โด่งดังระดับพลุแตกในที่สุด
The New York Times สัมภาษณ์เจมส์ วาน ณ เมืองนิวยอร์ค; เกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เขาได้เข้ามาเสกอาณาจักรแอตแลนติส
และเกี่ยวกับแรงกดดันอันหนักหนาแบบคาดไม่ถึง ที่เกิดขึ้นในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้
อควาแมนเป็นฮีโร่จากคอมิคที่มีคนรู้จักดี แม้ไม่ใช่ในทางที่ดีสักเท่าไหร่, คนส่วนใหญ่รู้แค่เขาว่ายน้ำเร็ว หรือคุยกับปลาได้--เอาเป็นว่าเขาจืดจางกว่าซุปเปอร์แมนแน่ละ แต่คุณเติบโตมากับการอ่านการ์ตูนอควาแมน และเขาสำคัญต่อคุณใช่ไหม ?
ผมเติบโตมากับการอ่านการ์ตูนครับ แต่ไม่เคยอ่านอควาแมนสักเล่ม
และพออายุมากขึ้นจนเป็นผู้ใหญ่ ก็ประจักษ์ชัดเรื่องที่คนล้ออควาแมนกันทั่วไป
ผู้คนไม่ค่อยยกย่องอควาแมนเท่าไหร่และเห็นเขาเป็นตัวตลก
แต่โดยส่วนตัว ผมมักจะมองว่าเขามีเสน่ห์นะ
โอกาสกำกับหนังมาถึงมือคุณได้ยังไง?
ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัววอเนอร์บราเธอร์สเพราะสร้าง The Conjuring ทำให้รู้เรื่องพวกเขากำลังพัฒนาจักรวาลหนังดีซี
เลยไปคุยกับเควิน ทสึจิฮาระ (ประธานและผู้บริหารระดับสูงของวอเนอร์เวลาดังกล่าว) ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ว่า 'ผมสนใจในสิ่งที่คุณมีที่ดีซี'
ไม่กี่เดือนต่อมาก็ได้ร่วมประชุมสามัญกับแผนกดีซี ซึ่งกำลังหาตัวผู้กำกับ the Flash และ Aquaman
ทำไมเลือกอควาแมน ?
ความรู้สึกผมคือเดอะ แฟลช เคยมีคนทำก่อนแล้ว มันมีแบบซีรีส์โทรทัศน์ไปก่อนสองเวอร์ชั่น ส่วนอควาแมนไม่เคยมีใครทำ
ผมตระหนักว่าตัวละครนี้อยู่ในโลกที่ทั้งกว้างใหญ่และแปลกประหลาด ฉะนั้นจะสามารถทำอะไรน่าสนใจมากๆ ได้หลายอย่าง
ผมชื่นชอบผู้คนแบบสปีลเบิร์ก, คาเมรอน, ลูคัส, จอห์น คาร์เพนเตอร์ ผมชื่นชมการสร้างหนังที่มีเอกลักษณ์
ผมคิดว่าอยากสร้าง Aquaman ให้มีความเฉพาะตัวและเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดสุดสะพรึง
ซึ่งดีซีแค่พยักหน้า และบอกว่าถ้าอยากทำ Aquaman เป็นหนังสัตว์ประหลาดใต้น้ำตีกันก็ตามสบาย
คุณถูกเลือกให้กำกับ Furious 7 ได้ไง ? การทำหนังทุนสูงครั้งนั้นเป็นประสบการณ์สำคัญ ที่ทำให้คุณสร้าง Aquaman ออกมาดีได้ใช่หรือไม่ ?
ไม่แน่ใจว่า Furious 7 คืองานยากที่สุดในชีวิตมั้ย แต่เชื่อผมเถอะว่ามันหินสุดๆ
ภาพยนตร์เรื่องนั้นเปลี่ยนมุมมองที่หลายคนมีต่อผมในฐานะผู้สร้างหนัง
ต้นตอของเหตุการณ์คือ คริส มอร์แกน/ผู้เขียนบทและอำนวยการสร้างแฟรนไชส์ Fast & Furious ณ ขณะนั้น ได้ดู 'The Conjuring' แล้วชอบมัน
ซึ่งช่วงเดียวกัน จัสติน ลิน/ผู้เพิ่งทำ Fast & Furious 6 เสร็จอยากได้เวลาพักผ่อน ไม่ต้องการทำภาค 7 ต่อทันที พวกเขาเลยควานหาหนทางแก้ไข
ผมเสนอเรื่องที่อยากเอาประสบการณ์จากตอนทำหนังระทึกไปใส่ให้โลกของ Fast & Furious ดู แบบว่าอยากเพิ่มความตึงเครียดและกระตุกขวัญแก่มันหน่อย
พวกเขาตื่นเต้นกับไอเดียนี้มาก ผมเลยตกปากรับงานเขา
คุณแจ้งเกิดในวงการมืออาชีพด้วยเรื่อง Saw อย่างที่ผู้สร้างหนังอีกหลายคนคงได้เพียงฝันว่าจะประสบแบบเดียวกัน แต่อะไรมันเกิดขึ้นบ้างหลังจากนั้น ?
Saw เบิกทางซะกว้าง และสร้างแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ตามมา แต่ผมก็หนีเงาของมันออกมาให้พ้นยากนัก
ผมเพิ่งกำกับหนังเรื่องเดียว ทว่า Saw ดันกลายเป็นเหมือนความหมายของชื่อเจมส์ วานไป และคนส่วนใหญ่เห็นผมเป็นบิดาของหนังขายการทรมาน
ผมพยายามหลีกหนีและสร้าง Dead Silence กับ Death Sentence เพื่อฉีกตัวเองออกจาก Saw
แต่รายได้น้อยๆ ของหนังทั้งสองเรื่องก็พิสูจน์ว่าความพยายามไม่เป็นผล
หนังที่ขึ้นชื่อผมกำกับล้มเหลวติดกันสองรอบ จนสงสัยว่าตัวเองคงหนีมันไม่พ้น
งานที่ถูกเสนอให้ทำก็มีแค่ของลอกบท Saw มา ไม่มีอะไรโดนใจ ผมเลยหยุดไม่ทำอะไรพักนึง
แล้วผมกับคู่หู/ลีห์ แวนเนลล์ ก็คิดได้ว่าช่างหัวมันเถอะ กลับสู่รากฐานของเราทำหนังทุนต่ำอีกรอบดีกว่า
และนั่นคือช่วงเวลาที่เราให้กำเนิด 'Insidious'
บทเรียนอันได้จากช่วงเวลาน่าผิดหวังดังกล่าวคือ ?
ผมเรียนรู้ความหมายของการผลิตงานศิลป์ที่ขายได้ ทำให้ผมระมัดระวังอย่างยิ่งยามผลิตโครงการใดขึ้นมา
ผลงานต้องเติมเต็มความปรารถนาของศิลปินและไม่ทอดทิ้งงานขายไปพร้อมกัน มันเหมือนเดินอยู่บนเชือกเส้นเดียวตลอดเวลา
ผมรู้ว่าต้องสร้างหนังทำเงิน เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่คุณจะได้ผลิตภาพยนตร์เรื่องถัดไปในวงการฮอลลีวูด
Aquaman ถือเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ แล้วคุณรู้สึกว่าได้ฝากลายเซ็นของตัวเองไว้เด่นชัดพอหรือยัง ?
มันเหลือเชื่อนะ แต่ผมมีอิสระเต็มที่ตอนผลิต Aquaman ทั้งที่มันคือส่วนหนึ่งของจักรวาลใหญ่
ผมได้เครื่องไม้เครื่องมือดีๆ และงบประมาณไว้ใช้วาดภาพบนผืนผ้าใบไซส์เบิ้ม
ผมทำอะไรได้อิสระเหมือนเมื่อครั้งทำเรื่อง Saw กับ Insidious เลย
ดังนั้นไม่ว่าหนังประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ผมจะไม่โทษใครนอกจากตัวเองเด็ดขาด
รู้ๆ กันอยู่ว่าภาพยนตร์ดีซีเรื่องก่อนๆ แบบ Justice League, Suicide Squad, Batman v Superman: Dawn of Justice คำวิจารณ์ไม่สู้ดี มันมีผลกระทบต่อการกำกับ Aquaman ไหม ?
ผมตระหนักถึงเรื่องนั้นดี และเหมือนประชดนะ แต่ผมเลือก Aquaman เนื่องจากมองว่าซุปเปอร์ฮีโร่คนนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจหรอก คนจะแคร์หนัง Aquaman ไม่มากนัก ไม่มีแรงกดดัน ผมสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ
ทว่าพอผ่านไปสามปี กลับมีแต่คนสนใจ Aquaman ฉะนั้นถ้าให้ตอบคำถามตามตรง, ใช่ครับรู้สึกกดดันอยู่ แต่ผมพยายามไม่ปล่อยให้มันบดบังวิสัยทัศน์ของตัวเองที่มีต่อภาพยนตร์ แค่ตะลุยไปข้างหน้าผลิตหนังแบบที่ตัวเองอยากสร้างซะ
ทำไมโลกใต้น้ำในหนัง Aquaman สีสันจัดจ้านสดใส ไม่มืดมัวเหมือนกับโทนสีที่ปรากฏในภาพยนตร์ฮีโร่ดีซีเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้า ?
ถ้าย้อนกลับไปดูหนังรถซิ่ง Furious 7 ดู, คุณจะเห็นสีสันและความสว่างในหนัง ฟ้าสีครามสวยงาม, ชายหาดสวยสด
แต่ผู้คนมักมองที่ผลงานหนังสยองขวัญของผม แล้วทึกทักเอาเองว่า Aquaman มันดาร์คเหมือนกันแน่
และผมก็ตระหนักถึงข้อติติงที่มีต่อความมืดมัวของหนังดีซีเรื่องก่อนๆ ด้วย จึงนำเสนอมันออกมาเช่นนั้น
แต่แรงบันดาลใจหลักของการกระทำมาจากคอมิค
ในการ์ตูนเต็มไปด้วยสัตว์มหัศจรรย์พิลึกพิลั่นและมีโลกแสนอัศจรรย์
ความมีสีสันคือหนทางเดียวที่จะถ่ายทอดหนัง Aquaman ให้เหมาะสม และเคารพประวัติอันยาวนานร่วม 70 ปีของผลงานต้นฉบับ"
ทราบหรือไม่ว่าแฟรนไชส์ดีซีของสตูดิโอวอเนอร์ จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด ?
ผมไม่รู้ว่าภาพรวมใหญ่ๆ ของดีซีเป็นยังไง แต่คิดว่ามันคงเจ๋งหากใช้ตัวละครกับเส้นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้จัก
ถ้าหนังเรื่องอื่นๆ หลังจากนี้ต่างมีรสชาติเฉพาะตัวก็คงดี คนดูจะได้ไม่รู้สึกคล้ายกันไปหมด
ฟังเหมือนคุณไม่อยากมีบทบาทที่ใหญ่ขึ้นในการสร้างจักรวาลหนังดีซี
ผมใช้เวลาตั้งนานกว่าจะทำ Aquaman เสร็จ (หัวเราะ)
ตอนนี้เลยยังไม่อยากจะคำนึงถึงหนังของผู้อื่น แค่รอดจากอควาแมนมาได้ก็ปลื้มแล้วละครับ
แต่ถ้าลองย้อนดูประวัติเขาสักหน่อย เราจะเห็นว่านี่คือชายที่เคยถูกมองเป็นผู้กำกับชั้นสอง เพราะแจ้งเกิดมาจากวงการหนังสยองขวัญทุนต่ำ
ความสำเร็จครั้งแรกของบุรุษผู้เกิดในมาเลเซียและเติบโตที่ออสเตรเลีย คือภาพยนตร์สยองแห่งค.ศ. 2004 เรื่อง 'Saw'
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ สั่งสมบารมี ผ่านการผลิตผลงานแนวระทึกขวัญแบบ 'Insidious' และ 'The Conjuring' ที่กลายเป็นจักรวาลหนังผีภายหลัง
ซึ่งนั่นทำให้วานมีโอกาสรับงานใหญ่อย่าง 'Fast & Furious ภาค 7'
และได้รับอนุญาตให้ผลิต Aquaman ที่โด่งดังระดับพลุแตกในที่สุด
The New York Times สัมภาษณ์เจมส์ วาน ณ เมืองนิวยอร์ค; เกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เขาได้เข้ามาเสกอาณาจักรแอตแลนติส
และเกี่ยวกับแรงกดดันอันหนักหนาแบบคาดไม่ถึง ที่เกิดขึ้นในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้
อควาแมนเป็นฮีโร่จากคอมิคที่มีคนรู้จักดี แม้ไม่ใช่ในทางที่ดีสักเท่าไหร่, คนส่วนใหญ่รู้แค่เขาว่ายน้ำเร็ว หรือคุยกับปลาได้--เอาเป็นว่าเขาจืดจางกว่าซุปเปอร์แมนแน่ละ แต่คุณเติบโตมากับการอ่านการ์ตูนอควาแมน และเขาสำคัญต่อคุณใช่ไหม ?
ผมเติบโตมากับการอ่านการ์ตูนครับ แต่ไม่เคยอ่านอควาแมนสักเล่ม
และพออายุมากขึ้นจนเป็นผู้ใหญ่ ก็ประจักษ์ชัดเรื่องที่คนล้ออควาแมนกันทั่วไป
ผู้คนไม่ค่อยยกย่องอควาแมนเท่าไหร่และเห็นเขาเป็นตัวตลก
แต่โดยส่วนตัว ผมมักจะมองว่าเขามีเสน่ห์นะ
โอกาสกำกับหนังมาถึงมือคุณได้ยังไง?
ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัววอเนอร์บราเธอร์สเพราะสร้าง The Conjuring ทำให้รู้เรื่องพวกเขากำลังพัฒนาจักรวาลหนังดีซี
เลยไปคุยกับเควิน ทสึจิฮาระ (ประธานและผู้บริหารระดับสูงของวอเนอร์เวลาดังกล่าว) ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ว่า 'ผมสนใจในสิ่งที่คุณมีที่ดีซี'
ไม่กี่เดือนต่อมาก็ได้ร่วมประชุมสามัญกับแผนกดีซี ซึ่งกำลังหาตัวผู้กำกับ the Flash และ Aquaman
'The Conjuring' หนังที่ส่งผลให้เจมส์ วาน ได้กำกับ Aquaman
ทำไมเลือกอควาแมน ?
ความรู้สึกผมคือเดอะ แฟลช เคยมีคนทำก่อนแล้ว มันมีแบบซีรีส์โทรทัศน์ไปก่อนสองเวอร์ชั่น ส่วนอควาแมนไม่เคยมีใครทำ
ผมตระหนักว่าตัวละครนี้อยู่ในโลกที่ทั้งกว้างใหญ่และแปลกประหลาด ฉะนั้นจะสามารถทำอะไรน่าสนใจมากๆ ได้หลายอย่าง
ผมชื่นชอบผู้คนแบบสปีลเบิร์ก, คาเมรอน, ลูคัส, จอห์น คาร์เพนเตอร์ ผมชื่นชมการสร้างหนังที่มีเอกลักษณ์
ผมคิดว่าอยากสร้าง Aquaman ให้มีความเฉพาะตัวและเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดสุดสะพรึง
ซึ่งดีซีแค่พยักหน้า และบอกว่าถ้าอยากทำ Aquaman เป็นหนังสัตว์ประหลาดใต้น้ำตีกันก็ตามสบาย
คุณถูกเลือกให้กำกับ Furious 7 ได้ไง ? การทำหนังทุนสูงครั้งนั้นเป็นประสบการณ์สำคัญ ที่ทำให้คุณสร้าง Aquaman ออกมาดีได้ใช่หรือไม่ ?
ไม่แน่ใจว่า Furious 7 คืองานยากที่สุดในชีวิตมั้ย แต่เชื่อผมเถอะว่ามันหินสุดๆ
ภาพยนตร์เรื่องนั้นเปลี่ยนมุมมองที่หลายคนมีต่อผมในฐานะผู้สร้างหนัง
ต้นตอของเหตุการณ์คือ คริส มอร์แกน/ผู้เขียนบทและอำนวยการสร้างแฟรนไชส์ Fast & Furious ณ ขณะนั้น ได้ดู 'The Conjuring' แล้วชอบมัน
ซึ่งช่วงเดียวกัน จัสติน ลิน/ผู้เพิ่งทำ Fast & Furious 6 เสร็จอยากได้เวลาพักผ่อน ไม่ต้องการทำภาค 7 ต่อทันที พวกเขาเลยควานหาหนทางแก้ไข
ผมเสนอเรื่องที่อยากเอาประสบการณ์จากตอนทำหนังระทึกไปใส่ให้โลกของ Fast & Furious ดู แบบว่าอยากเพิ่มความตึงเครียดและกระตุกขวัญแก่มันหน่อย
พวกเขาตื่นเต้นกับไอเดียนี้มาก ผมเลยตกปากรับงานเขา
คุณแจ้งเกิดในวงการมืออาชีพด้วยเรื่อง Saw อย่างที่ผู้สร้างหนังอีกหลายคนคงได้เพียงฝันว่าจะประสบแบบเดียวกัน แต่อะไรมันเกิดขึ้นบ้างหลังจากนั้น ?
Saw เบิกทางซะกว้าง และสร้างแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ตามมา แต่ผมก็หนีเงาของมันออกมาให้พ้นยากนัก
ผมเพิ่งกำกับหนังเรื่องเดียว ทว่า Saw ดันกลายเป็นเหมือนความหมายของชื่อเจมส์ วานไป และคนส่วนใหญ่เห็นผมเป็นบิดาของหนังขายการทรมาน
ผมพยายามหลีกหนีและสร้าง Dead Silence กับ Death Sentence เพื่อฉีกตัวเองออกจาก Saw
แต่รายได้น้อยๆ ของหนังทั้งสองเรื่องก็พิสูจน์ว่าความพยายามไม่เป็นผล
หนังที่ขึ้นชื่อผมกำกับล้มเหลวติดกันสองรอบ จนสงสัยว่าตัวเองคงหนีมันไม่พ้น
งานที่ถูกเสนอให้ทำก็มีแค่ของลอกบท Saw มา ไม่มีอะไรโดนใจ ผมเลยหยุดไม่ทำอะไรพักนึง
แล้วผมกับคู่หู/ลีห์ แวนเนลล์ ก็คิดได้ว่าช่างหัวมันเถอะ กลับสู่รากฐานของเราทำหนังทุนต่ำอีกรอบดีกว่า
และนั่นคือช่วงเวลาที่เราให้กำเนิด 'Insidious'
'Saw' ผลงานที่ทำให้เจมส์ วานต้องกุมขมับ
บทเรียนอันได้จากช่วงเวลาน่าผิดหวังดังกล่าวคือ ?
ผมเรียนรู้ความหมายของการผลิตงานศิลป์ที่ขายได้ ทำให้ผมระมัดระวังอย่างยิ่งยามผลิตโครงการใดขึ้นมา
ผลงานต้องเติมเต็มความปรารถนาของศิลปินและไม่ทอดทิ้งงานขายไปพร้อมกัน มันเหมือนเดินอยู่บนเชือกเส้นเดียวตลอดเวลา
ผมรู้ว่าต้องสร้างหนังทำเงิน เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่คุณจะได้ผลิตภาพยนตร์เรื่องถัดไปในวงการฮอลลีวูด
Aquaman ถือเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ แล้วคุณรู้สึกว่าได้ฝากลายเซ็นของตัวเองไว้เด่นชัดพอหรือยัง ?
มันเหลือเชื่อนะ แต่ผมมีอิสระเต็มที่ตอนผลิต Aquaman ทั้งที่มันคือส่วนหนึ่งของจักรวาลใหญ่
ผมได้เครื่องไม้เครื่องมือดีๆ และงบประมาณไว้ใช้วาดภาพบนผืนผ้าใบไซส์เบิ้ม
ผมทำอะไรได้อิสระเหมือนเมื่อครั้งทำเรื่อง Saw กับ Insidious เลย
ดังนั้นไม่ว่าหนังประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ผมจะไม่โทษใครนอกจากตัวเองเด็ดขาด
รู้ๆ กันอยู่ว่าภาพยนตร์ดีซีเรื่องก่อนๆ แบบ Justice League, Suicide Squad, Batman v Superman: Dawn of Justice คำวิจารณ์ไม่สู้ดี มันมีผลกระทบต่อการกำกับ Aquaman ไหม ?
ผมตระหนักถึงเรื่องนั้นดี และเหมือนประชดนะ แต่ผมเลือก Aquaman เนื่องจากมองว่าซุปเปอร์ฮีโร่คนนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจหรอก คนจะแคร์หนัง Aquaman ไม่มากนัก ไม่มีแรงกดดัน ผมสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ
ทว่าพอผ่านไปสามปี กลับมีแต่คนสนใจ Aquaman ฉะนั้นถ้าให้ตอบคำถามตามตรง, ใช่ครับรู้สึกกดดันอยู่ แต่ผมพยายามไม่ปล่อยให้มันบดบังวิสัยทัศน์ของตัวเองที่มีต่อภาพยนตร์ แค่ตะลุยไปข้างหน้าผลิตหนังแบบที่ตัวเองอยากสร้างซะ
ทำไมโลกใต้น้ำในหนัง Aquaman สีสันจัดจ้านสดใส ไม่มืดมัวเหมือนกับโทนสีที่ปรากฏในภาพยนตร์ฮีโร่ดีซีเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้า ?
ถ้าย้อนกลับไปดูหนังรถซิ่ง Furious 7 ดู, คุณจะเห็นสีสันและความสว่างในหนัง ฟ้าสีครามสวยงาม, ชายหาดสวยสด
แต่ผู้คนมักมองที่ผลงานหนังสยองขวัญของผม แล้วทึกทักเอาเองว่า Aquaman มันดาร์คเหมือนกันแน่
และผมก็ตระหนักถึงข้อติติงที่มีต่อความมืดมัวของหนังดีซีเรื่องก่อนๆ ด้วย จึงนำเสนอมันออกมาเช่นนั้น
แต่แรงบันดาลใจหลักของการกระทำมาจากคอมิค
ในการ์ตูนเต็มไปด้วยสัตว์มหัศจรรย์พิลึกพิลั่นและมีโลกแสนอัศจรรย์
ความมีสีสันคือหนทางเดียวที่จะถ่ายทอดหนัง Aquaman ให้เหมาะสม และเคารพประวัติอันยาวนานร่วม 70 ปีของผลงานต้นฉบับ"
ตัวอย่างภาพฟ้าสีครามสวยสดใน Furious 7
ทราบหรือไม่ว่าแฟรนไชส์ดีซีของสตูดิโอวอเนอร์ จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด ?
ผมไม่รู้ว่าภาพรวมใหญ่ๆ ของดีซีเป็นยังไง แต่คิดว่ามันคงเจ๋งหากใช้ตัวละครกับเส้นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้จัก
ถ้าหนังเรื่องอื่นๆ หลังจากนี้ต่างมีรสชาติเฉพาะตัวก็คงดี คนดูจะได้ไม่รู้สึกคล้ายกันไปหมด
ฟังเหมือนคุณไม่อยากมีบทบาทที่ใหญ่ขึ้นในการสร้างจักรวาลหนังดีซี
ผมใช้เวลาตั้งนานกว่าจะทำ Aquaman เสร็จ (หัวเราะ)
ตอนนี้เลยยังไม่อยากจะคำนึงถึงหนังของผู้อื่น แค่รอดจากอควาแมนมาได้ก็ปลื้มแล้วละครับ
ที่มา nytimes
COMMENTS