ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ กลับมาอีกครั้งในภาคต่อของ Spider-Man: Homecoming อย่าง 'Spider-Man: Far From Home' เพื่อนผู้แสนดีที่มีพลังพิเ...
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ กลับมาอีกครั้งในภาคต่อของ Spider-Man: Homecoming อย่าง 'Spider-Man: Far From Home'
เพื่อนผู้แสนดีที่มีพลังพิเศษตัดสินใจร่วมวงกับเน็ด, เอ็มเจ และบรรดามิตรสหายร่วมก๊วน เดินทางไปเที่ยวยุโรป
แม้ปีเตอร์วางแผนจะทิ้งชีวิตฮีโร่สักสองสามสัปดาห์ ทว่าแผนกลับพังไม่เป็นท่าเมื่อต้องจำใจช่วยนิค ฟิวรี่ ไขปริศนาการจู่โจมของสัตว์ประหลาดหลากหลายธาตุ (elementals) ร่วมกับพันธมิตรใหม่ผู้มีฉายาว่ามิสเทริโอ
[1] Spider-Man: Far From Home จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจาก Endgame ไม่นาน (เหมือนที่ภาค Homecoming เกิดต่อจาก Civil War) แต่เรื่องนี้มันมีปัญหาบางอย่างอยู่
นั่นคือกลุ่มเพื่อนของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ยังอายุเท่าๆ กับเขา แม้ควรห่างจากปีเตอร์ราว 5 ปี
สตีเฟน แมคฟีลีย์/ผู้เขียนบทของ Endgame จึงชี้แจงว่า "สำหรับผมเหตุผลมันง่ายมาก ใครก็ตามที่ดูเหมือนเดิมเคยโดนลบไป แล้วพวกเขาก็กลับมาเหมือนปีเตอร์นั่นแหละ
ผมไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นใน Far From Home แต่ผมอนุมานได้เพียงอย่างเดียวว่ากลุ่มตัวละครหลักเคยโดนลบ และบางตัวละครตอนนี้คงแก่กว่าเดิม 5 ปี ซึ่งนี่อาจเอามาเล่นเป็นมุกตลกอะไรได้อยู่"
https://www.cinemablend.com/news/2471316/avengers-endgame-writers-have-an-easy-answer-for-the-spider-man-confusion
[2] ภาพยนตร์เรื่อง The Incredible Hulk กับ Spider-Man ฉบับคืนสู่เหย้า มีความเชื่อมโยงซ่อนอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือตัวประกอบใน Incredible Hulk กับครูผู้ฝึกสอนทีมตอบปัญหาซึ่งปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ สังกัดอยู่ คือคนๆ เดียวกัน
เควิน ไฟกี ยืนยันเรื่องนี้ หลังแฟนหนังคนหนึ่งสังเกตเห็นและลองสอบถามเขาดู
คนที่ดูทั้งสองเรื่องแล้ว คงจดจำบทบาทของตัวละครที่รับบทโดยนักแสดงชื่อมาร์ติน สตาร์ (Martin Starr) ใน Spider-Man: Homecoming ได้อยู่ แต่สำหรับ The Incredible Hulk อาจนึกออกยากหน่อย เพราะตอนนั้นเขาเป็นนักศึกษา ที่มีบทแค่ตอนบรูซ แบนเนอร์มอบพิซซ่าให้เป็นสินบน เพื่อขอใช้คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยคัลเวอร์
https://www.reddit.com/r/marvelstudios/comments/bp084n/hi_reddit_im_kevin_feige_amaa/enncmsh/
[3] ในตัวอย่าง Far From Home จะมีฉากที่สไปเดอร์แมนปราบแก๊งค์อาชญากร ก่อนฝากเมืองนิวยอร์คไว้กับตำรวจและลาไปพักร้อน กับฉากที่ปีเตอร์เตรียมพาสปอร์ต
ทว่าฉากทั้งสองจะ 'ไม่' ปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์จริงๆ เนื่องจากผู้กำกับจอน วัตส์ อยากเดินเรื่องไวและพาปีเตอร์สู่ยุโรปโดยเร็วที่สุด
"จะมีสองฉากที่ถูกตัดไปอยู่ใน 'รายการที่ต้องทำของปีเตอร์' อันจะบอกเล่าผ่านการตัดสลับแบบต่อเนื่อง (montage) ฉากพวกนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่ปีเตอร์วางแผนจะทำก่อนเที่ยว อย่างแวะร้านของชำเพื่อซื้ออะแดปเตอร์ของหูฟังกับหัวแปลงปลั๊กไฟสำหรับใช้แถวยุโรป, เข้าโรงจำนำเพื่อขายของเล่นสตาร์วอร์สหาเงินมาใช้สำหรับการเดินทาง, เตรียมพาสปอร์ต และทลายแก๊งค์อาชญากรขนาดใหญ่
พวกนี้คือรายการที่ต้องทำของคนแบบปีเตอร์ ซึ่งมันเป็นหนังสั้นอันจะไปปรากฏในบลูเรย์ พร้อมกับฉากที่ถูกตัดทิ้งอื่นๆ"
https://www.comicbookmovie.com/spider-man/far_from_home/spider-man-far-from-home-blu-ray-release-will-include-peters-to-do-list-short-film-exclusive-a169161
[4] ใน Civil War ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์กล่าวถึงวิธีล้มศัตรูขนาดใหญ่แบบแอนท์แมนผู้ขยายร่าง โดยอ้างอิงถึงการพันแข้งพันขายานรบขายาวในภาพยนตร์สตาร์วอร์สภาค Empire Strike Back
และใน Homecoming ปีเตอร์กับเน็ด/สหายรัก ก็ช่วยกันประกอบของเล่นเดธสตาร์ขนาดใหญ่
ซึ่งหมายความว่าปีเตอร์เป็นแฟนคลับสตาร์วอร์สคนหนึ่ง
ทว่าตัวทอม ฮอลแลนด์/ผู้รับบทสไปเดอร์แมน กลับไม่สนใจ Star Wars และจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยดู Empire Strike Back เลย
แล้วความชื่นชอบสตาร์วอร์สของตัวละครมาจากไหน ?
ทอมบอกว่าเควิน ไฟกี เป็นคนต้องการใส่มันลงไป และรายละเอียดเบื้องหลังเกี่ยวกับของเล่นสตาร์วอร์สที่ปีเตอร์ครอบครอง คือมันเคยเป็นของ 'ลุงเบน' มาก่อน
ทอมเล่าว่าในบรรดาฉากที่ถ่ายทำไว้แล้วถูกตัดทิ้งก่อนฉายจริง (และคาดว่าจะโผล่ในบลูเรย์ของภาพยนตร์ทีหลัง) มีฉากปีเตอร์ขายของเล่นเก่าแลกเงินเกือบหมดทุกชิ้นด้วย
แต่ของเล่นหายากชิ้นนึงรอดตัว เนื่องจากปีเตอร์ทำใจขายมันไม่ลง
ซึ่งเหตุผลในโลกแห่งความจริง ก็เพราะมันเป็นของเล่นตัวโปรดของเควิน ไฟกี นั่นเอง
โลบอท (Lobot) ตัวละครโปรดจากสตาร์วอร์ส ของเควิน ไฟกี
https://uproxx.com/hitfix/tom-holland-interview-spoilers-spider-man-far-from-home-kevin-feige-lobot/
[5] ตอนจบของ Spider-Man: Homecoming ป้าเมย์ผู้เลี้ยงดูปีเตอร์อยู่รู้ความลับของเขาเข้า ปกติเธอควรไม่พอใจ และอยากให้ปีเตอร์เลิกเป็นสไปเดอร์แมน เพราะกลัวหลานพบอันตราย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ท่าทางเธอประทับใจมากที่หลานเป็นไอ้แมงมุม
เอริค คาร์โรลล์/ผู้อำนวยการสร้างหนัง บอกว่าได้แนวคิดนี้มาจากนักแสดงผู้รับบทป้าเมย์เองเลย "มาริสาเสนอไอเดียน่าสนุกว่าเมย์จะรู้สึกยังไงมาหลายอย่าง อย่างนึงคือเมื่อเราถามความเห็นเธอเรื่องนี้ (เพราะต้องการให้สไปเดอร์แมนชุดนี้ต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่ป้าคงเอาแต่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลาน)
หล่อนก็แบบ 'ถ้าเธอเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม แล้วกลายเป็นออกอาการ--เยี่ยมเลยหลาน--พักการเรียน ไปช่วยเรี่ยไรตามงานกาชาดซะนะ ขายเครื่องเกมทิ้งด้วย เอาเวลาเล่นเกมไปช่วยงานการกุศลดีกว่า' ละ?"
https://screenrant.com/spider-man-far-from-home-aunt-may-peter/
[6] นิค ฟิวรี่ จะกลายเป็นผู้ชี้แนะอีกคนของสไปเดอร์แมนในภาค Far From Home ซึ่งผู้กำกับจอน วัตส์ ก็ตระหนักดีว่าฟิวรี่กับ ไอร์ออนแมนที่เป็นผู้ชี้แนะคนแรกของสไปเดอร์แมนนั้นต่างกันมาก "โทนี่ สตาร์คเหมือนคุณลุงมาดเท่ที่ทั้งรวยและใจป้ำ ส่วนนิค ฟิวรี่เหมือนพ่อเลี้ยงคนใหม่ที่ขี้เหนียว ซึ่งผมว่าการนำทั้งสองอย่างมาเทียบกันมันต้องสนุกอย่างแรง"
ด้าน เอริค แคโรลล์/ผู้อำนวยการสร้างหนังเสริมว่า "บริบทที่พวกเราต้องการนำเสนอมันเกี่ยวกับวัยหนุ่มสาว หนังแนวก้าวพ้นวัยเป็นสิ่งที่หยิบมาเล่าได้ตลอดกาล ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบทำเรื่องหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม? สไปเดอร์แมนจะแบบว่า 'ทำเรื่องถูกทำนองคลองธรรมเลยง่ายกว่าเยอะ' ไม่ก็ 'บอกผู้คนไปสิว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง' แล้วนิค ฟิวรี่เค้าจะ 'โลกเรามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ, ไอ้หนู'
สไปเดอร์แมนจะได้พบการผจญภัยในแบบสายลับ ซึ่งขับดันโดนนิค ฟิวรี่ แล้วยิ่งปฏิบัติภารกิจไปแค่ไหน เขายิ่งพบความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าควรทำ กับสิ่งที่ถูกบอกมาให้ทำมากแค่นั้น"
https://screenrant.com/spider-man-far-home-fury-iron-man-mentor-comparison/
[7] ชุดสีดำที่สไปเดอร์แมนใส่ใน Far From Home คือของที่นิค ฟิวรี่ มอบให้ มันเป็นชุดสำหรับทำภารกิจเชิงลอบเร้น (ตามชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Stealth Suit) ลักษณะก็คล้ายชุดที่ฮีโร่สังกัดชิลด์แบบแบล็ควิโดว์ กับฮอว์คอายใช้ มากกว่าชุดสีฉูดฉาดที่ไอร์ออนแมนเคยมอบให้ปีเตอร์
เอริค แคโรลล์ ชี้แจงว่าปีเตอร์จะได้ใส่ชุดดำช่วงองก์สองของภาพยนตร์ และความจริงมันเป็นแค่ชุดสีดำแปะแว่นกันลมเพิ่มธรรมดาๆ
งั้นถ้าไม่มีลูกเล่นอะไรเหมือนชุดเก่าจะเอามาใส่ทำไม? ทอม ฮอลแลนด์ อธิบายว่าการใส่ชุดนี้ทำภารกิจก็เพื่อรักษาความลับมิให้เพื่อนๆ สงสัยว่าปีเตอร์คือสไปเดอร์แมน (ไอ้แมงมุมไปโผล่เมืองนอกตอนปีเตอร์ทัศนศึกษาแถวนั้นพอดี ปกติก็ต้องสงสัยละนะ) และแว่นกันลมคือสิ่งที่ปีเตอร์ติดเพิ่มเองเพื่อช่วยเรื่องรวบรวมสมาธิยามใช้สัมผัสพิเศษของแมงมุม
https://screenrant.com/spider-man-far-home-stealth-suit-nick-fury/
[8] เจค จิลเลนฮาล กลายเป็นมิสเทริโอ/ตัวละครใหม่สไปเดอร์แมนภาค Far From Home ตอนอายุ 38 แต่ก่อนหน้านี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เขาคือคนที่ค่ายหนังโซนี่สนใจจะให้เป็นสไปเดอร์แมนแทน 'โทบี้ แมคไกวร์' ในหนัง Spider-Man 2 ของผู้กำกับแซม ไรมี่
ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้โทบี้ แมคไกวร์ เกือบเสียตำแหน่งฮีโร่ เกิดจากเขาบาดเจ็บตอนถ่ายทำภาพยนตร์อีกเรื่องอย่างหนังดราม่านักขี่ม้าแข่ง 'Seabiscuit' จนค่ายหนังวิตก และถกกันว่านักแสดงคนไหนจะมาแทนได้บ้าง ซึ่งหนึ่งในรายชื่อตัวเต็งก็คือจิลเลนฮาล
แต่บทสรุปของเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคำกล่าวของเจค จิลเลนฮาลว่า "สุดท้ายแล้ว บทก็หนีไม่พ้นโทบี้ เขาคือคนที่ใช่ในบทสไปเดอร์แมน"
https://www.yahoo.com/entertainment/jake-gyllenhaal-almost-played-spider-man-prince-of-persia-blockbusters-150000026.html
[9] เจ.โจนาห์ เจมิสัน กับสำนักพิมพ์เดลี่บูเกิลซึ่งปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ถ่ายรูปไอ้แมงมุมไปขายแลกเงิน ถือเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นในหนังสไปเดอร์แมนไตรภาคของผู้กำกับแซม ไรมี่ แต่เอริค แคโรลล์/ผู้อำนวยการสร้าง Far From Home บอกว่าการเอาเจมิสันกับเดลี่บูเกิลมาใส่แค่นิดหน่อยพอให้หายคิดถึง (แต่ไม่ถึงขั้นจัดเต็ม) เป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
"เพราะการมีแค่หนังสือพิมพ์เดลี่บูเกิลกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ไม่ทำให้ไปได้ไกล...ประเด็นคือการที่ช่างภาพถ่ายรูปขายให้สื่อไม่ใช่อะไรที่เจ๋งและพิเศษอย่างในสมัยนั้น ผู้คนมีกล้องที่ดีกว่าของซึ่งช่างภาพหลายคนเคยใช้เมื่อ 10 ปีก่อน อยู่ในกระเป๋า
ดังนั้นเราจึงไม่เห็นเหตุผลที่ปีเตอร์หรือใครก็ตาม...ปรารถนาจะเป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์เต็มเปี่ยม หรือจะให้ปีเตอร์ฝันใฝ่อยากได้ยอดคนรีทวิตบนทวิตเตอร์เยอะๆ ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่"
https://screenrant.com/daily-bugle-mcu-spider-man-far-home/
[10] ไม่ว่าใครที่ดู Spider-Man: Homecoming แล้ว ก็คงจำกันได้ดี ถึงเหตุการณ์หักมุมที่ตัวร้ายในหนังเกี่ยวพันกับคนรู้จักของสไปเดอร์แมน ซึ่งผู้รับบทไอ้แมงมุม 'ทอม ฮอลแลนด์' ก็กล่าวถึงฉากชวนอึ้งในระดับเดียวกันนั่นว่า
"ในหนังจะมีฉากที่ผู้ชมรู้สึกเหมือนโดนต่อยหน้าเต็มๆ อยู่ ผมจำได้ว่าพอเดินออกมาดูมันในจอมอนิเตอร์หลังถ่ายฉากนั้น ผมถามจอน วัตส์ไป 'แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นไร?' แล้วเขาก็แบบ 'เฮ้ย, ต้องเป็นไรสิ คนดูเกลียดฉากนี้แหง'
แต่มันช่าง...พระเจ้า, มันว้าวมาก ตึงเครียดได้ใจคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดในภาคแรก
เหมือนอยู่ๆ คุณก็ต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน ฉากนั้นเจ๋งโคตรแน่"
https://screenrant.com/spider-man-far-home-vulture-twist-scene/
[11] ภาพยนตร์สไปเดอร์แมนฉบับ MCU คลอดภาค 2 ออกมาแล้วก็จริง ทว่าแม้แต่ จอน วัตส์/ผู้กำกับทั้งสองภาคเอง ก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตของสไปเดอร์แมนคนนี้จะเดินหน้าไปทางไหนต่อในภาค 3
"ผมแค่พยายามคิดถึงหนังไปทีละเรื่อง เราถกกันเกี่ยวกับการเล่าเรื่องของเด็กที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่ และในตอนจบหนังเราก็เอาเขาเข้าไปเจอสถานการณ์ซึ่งภาพยนตร์สไปเดอร์แมนฉบับอื่นๆ ไม่เคยให้ไอ้แมงมุมพบมาก่อน ผมขอรอดูจนโอกาสทำภาคหน้ามาถึงก่อนนะว่า จะทำบทสรุปออกมาลักษณะไหน"
ถ้ากับหนังทั่วไปอาจดูแปลกที่ผู้กำกับทิ้งท้ายอะไรไว้ในตอนจบภาค 2 แล้วไม่ได้วางแผนจัดการประเด็นนี้ต่อตอนภาค 3 ล่วงหน้า แต่กับ MCU คือธรรมดา เพราะสตูดิโอมาร์เวล (กับเควิน ไฟกี) จะบริหารจัดการเนื้อเรื่องทั้งหมด
https://screenrant.com/far-home-director-doesnt-know-spider-mans-mcu-trilogy-will-end/
COMMENTS