การดัดแปลงเรื่องราวจากบันเทิงคดีตามสื่อต่างๆ ให้เป็นภาพยนตร์ โดยทั่วไปนั้นมีทั้งแบบที่หยิบจับเอาองค์ประกอบและประเด็นต่างๆ ในเนื้อหามาใช้เพีย...
การดัดแปลงเรื่องราวจากบันเทิงคดีตามสื่อต่างๆ ให้เป็นภาพยนตร์ โดยทั่วไปนั้นมีทั้งแบบที่หยิบจับเอาองค์ประกอบและประเด็นต่างๆ ในเนื้อหามาใช้เพียงหลวมๆ แล้วสร้างเรื่องราวใหม่
กับแบบที่ดัดแปลงโดยคงรายละเอียดส่วนใหญ่ไว้ตามต้นฉบับ
สำหรับนิยายเยาวชนอันเกี่ยวกับการผจญภัยของหนุ่มชาวไวกิ้งและมังกรของเขา 'How to Train Your Dragon ' นั้นใช้วิธีแรก
ซึ่งตรงข้ามกับหนังจากนิยายอีกหลายๆ เรื่อง (เช่น Hunger Games, Twilight, Harry Potter เป็นต้น) ที่มักจะใช้วิธีหลังกัน เพื่อให้ทำภาคต่อตามเนื้อหานิยายเล่มถัดไปได้ง่าย
แม้ How to Train Your Dragon แหกขนบหนังอันดัดแปลงจากนิยายเยาวชนเรื่องอื่นแล้วประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม และต่อยอดสู่สื่ออื่นๆ ได้ด้วยเนื้อหาของหนังเอง เพราะทางผู้สร้างวางองค์ประกอบดี+มีโครงเรื่องแข็งแรงพอ
แต่ก็ทำให้การแสวงหานิยายมาอ่าน เพราะต้องการทราบสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนังภาคถัดไปล่วงหน้าไม่สามารถกระทำได้
เนื่องจากเนื้อหานิยายกับภาพยนตร์แตกต่างกันเกือบเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง
และนี่คงเป็นสาเหตุให้ไม่มีสำนักพิมพ์เจ้าไหนในประเทศไทยซื้อลิขสิทธิ์นิยายชุด 'How to Train Your Dragon' ทั้ง 12 เล่มมาแปลขาย
อย่างไรก็ตาม, เชื่อว่าคงมีคนที่อยากทราบว่าเนื้อหานิยายเป็นเช่นไรอยู่บ้าง
ฉะนั้นจึงขอนำเสนอ 'สรุปความ' เรื่อง How to Train Your Dragon ฉบับนิยายอย่างคร่าวๆ ในแบบของตัวเองดู
หวังตอบสนองความอยากรู้ของผู้ให้ความสนใจ
และใส่ความเห็นของผู้แต่งนิยายต่อฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่น ที่ดันดัดแปลงซะจนเนื้อเรื่องไม่เหลือเค้าเดิม เสริมไว้ตอนท้ายบทความด้วยครับ
ความจริงก่อนหน้านิยายชุดหลัก 12 เล่มวางขาย 'เครสสิดา โคเวลล์' ผู้แต่ง How to Train Your Dragon เคยนำเสนอหนังสือภาพที่ 'ฮิคคัพ' เป็นตัวเอกไว้เล่มนึง เมื่อปี 1999 (ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีมังกรเกี่ยวข้องในเนื้อหา)
นั่นคือหนังสือ 'Hiccup: The Viking Who Was Seasick' ซึ่งกล่าวถึงฮิคคัพสมัยยังเป็นเด็กชายตัวกระจ้อยร่อย
เด็กน้อยฮิคคัพหวาดกลัวทุกสิ่งอย่างรอบตัวไม่สมเป็นลูกหลานชาวไวกิ้ง และยิ่งอาการหนักเมื่อถึงขั้นกลัวการออกทะเล
สโตอิค/พ่อของเขาจึงบอกว่าชาวไวกิ้งเค้าไม่หวาดกลัวกัน แล้วดันทุรังพาลูกออกทะเลพร้อมผู้ติดตามอีกสองคน
เมื่อฮิคคัพเกิดอาการเมาเรือ สโตอิคก็ยืนกรานว่าชาวไวกิ้งเราไม่เมาเรือแน่
แต่พายุลูกใหญ่ซัดใส่เรือของพวกเขาเต็มเหนี่ยว เรือเลยโคลงเคลงหนัก
สโตอิคกับไวกิ้งอีกสองคนทนไม่ไหว เมาเรือหมดสภาพพร้อมหน้า
เห็นดังนั้น ฮิคคัพจึงรู้สึกดีขึ้นทันควันและเข้าบังคับเรือแทนพวกผู้ใหญ่ พาทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพสำเร็จ
เพราะรู้แล้วว่าชาวไวกิ้งทั่วไปก็หวาดกลัวหรือป่วยไข้ได้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาเผชิญหน้ามันด้วยความเข้มแข็งเสมอ
แผ่นดินถิ่นอาศัยของชาวไวกิ้งในนิยาย มีพื้นฐานด้านภูมิศาสตร์แบบเดียวกับในหนัง คือเป็นหมู่เกาะที่เหล่าคนเถื่อนอาศัยใช้ชีวิตอยู่ตามเกาะต่างๆ ซึ่งล้อมรอบด้วยผืนน้ำทะเล ประกอบกับมีภูมิอากาศหนาวจัด
แต่สิ่งที่ต่างกันมากคือเรื่องเกี่ยวกับมังกร อาทิเช่น
- ในนิยายมีภาษาสำหรับใช้สื่อสารระหว่างพวกมังกรด้วยกันเองอยู่ ซึ่งใช้วิธีส่งเสียงแปลกๆ ไม่ได้ออกมาเป็นคำพูดแบบมนุษย์
และหากมนุษย์พยายามออกเสียงตามจะพบว่ายากมาก เพราะกายภาพลิ้นไม่เหมาะสม เนื่องจากลิ้นคนไม่ได้แยกเป็นสองแฉกแบบมังกร
- มังกรในนิยายสามารถใช้สายตาสะกดมนุษย์ให้งงงันขยับไม่ได้ดั่งต้องมนตร์
- มังกรบางชนิดสติปัญญาสูงล้ำระดับนักปราชญ์ เช่น สายพันธุ์ที่เรียกว่า Seadragonus Giganticus Maximus (ราชามังกรทะเลยักษ์)
ซึ่งเป็นมังกรทะเลขนาดใหญ่ที่สุด และช่วงอายุยาวนานนับพันปี (เขี้ยวกุดในนิยายคือลูกมังกรสายพันธุ์นี้)
ด้านเนื้อเรื่องของนิยายชุดนี้ก็มีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของตัวเองอยู่
เหตุการณ์สำคัญสุดก่อนยุคฮิคคัพคือ สงครามมังกรครั้งที่ 1 (First Dragon War) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อน
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มต้นขึ้นแบบไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุ
เผ่าพันธุ์มังกรที่นำโดยราชามังกรทะเลยักษ์นาม Merciless (ไร้เมตตา) เข้าโรมรันกับกองทัพชาวไวกิ้งหลายเผ่าที่รวมตัวกัน
สถานการณ์ส่วนใหญ่ในสงคราม ฝ่ายมนุษย์จัดว่าเสียเปรียบอย่างหนัก
อยู่มาวันนึงเจ้าไร้เมตตาใช้พลังแห่งสายพันธุ์ราชาของตนทำนายทายทักอนาคตตัวเองล่วงหน้า แล้วพบว่าจะถูกเด็กชายชื่อ 'ฮิคคัพ' สังหาร
มันจึงสั่งให้มังกรตนหนึ่งไปฆ่าเด็กชาวไวกิ้งที่ชื่อ Hiccup Horrendous Haddock ซะ (ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก-> แปลได้ประมาณว่าปลาแฮดด็อกที่สะอึกอย่างน่ากลัว)
แต่มังกรตัวนั้นดันบินต่ำไปหน่อย เลยบาดเจ็บเพราะติดบนกิ่งไม้ใหญ่หลายวัน
แล้วมนุษย์คนหนึ่งก็ช่วยมันไว้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน/ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก เป้าหมายการฆ่าของมันนั่นแหละ
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก ผูกมิตรกับเจ้ามังกรจนมันเรียนรู้ถึงด้านดีงามของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเห็นว่าการกวาดล้างมนุษย์ให้สูญพันธุ์นั้นน่าเศร้าขึ้นมา
มันจึงขโมยอัญมณีมังกร (Dragon Jewel) วัตถุที่สามารถใช้กวาดล้างพวกมังกรให้สูญพันธุ์ได้ (บรรจุซากมังกรที่ตายเพราะโรคระบาดร้ายแรงไว้) จากพวกพ้อง นำไปมอบแก่เด็กชาย
เขาใช้มันต่อรองกับเจ้าไร้เมตตาเพื่อยุติสงคราม บังคับให้มันสัญญาว่าจะไม่กลับมาสู่หมู่เกาะของพวกคนเถื่อนอีกตลอดกาล
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก สร้างยุคสมัยที่ชาวไวกิ้งอยู่ร่วมกับมังกร และกลายเป็นราชาของเหล่าคนเถื่อนภายหลัง
ส่วนชื่อยาวๆ ของเขา ก็เป็นดั่งสัญลักษณ์ของไวกิ้งผู้เกิดมาแปลกแยกจากคนอื่นๆ แต่มีโชคชะตาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
กาลเวลาผ่านนานเนิ่น, ชื่อฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก กลับสู่หน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง
นามนั้นถูกมอบให้โอรสของราชาคนเถื่อนรุ่นนึง
แต่ 'ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 2' ซึ่งเป็นลูกหลานฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกคนแรกสุด
สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประวัติศาสตร์ในทางที่น่าเศร้า
เพราะฮิคคัพที่ 2 เป็นลูกคนโปรด เขาเลยโดนพี่ชายขี้อิจฉาลวงให้บิดาสังหารทิ้งเสีย
และเหตุการณ์นั้นก็นำพาความล่มสลายมาสู่ราชวงศ์ จนหลังจากนั้นเหล่าคนเถื่อนไม่มีราชาผู้ยิ่งใหญ่ปกครองต่อมาอีกหลายชั่วอายุคน
กว่าพันปีล่วงเลยผ่านหลังฮิคคัพที่ 1 สร้างยุคมนุษย์เท่าเทียมกับมังกร
ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ย่ำแย่ลงตามกาลเวลา มนุษย์เริ่มมองมังกรต่ำชั้นกว่า
และในที่สุดสงครามมังกรครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้น ณ ยุคของ 'ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3' กับเจ้าเขี้ยวกุด
จากไวกิ้งน้อยผู้เมาเรือ, ฮิคคัพ หรือฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3
ผู้เป็นเชื้อสายของฮิคคัพสองรุ่นก่อน
ต้องฝ่าด่านสารพัดการผจญภัยน้อยใหญ่มากมาย พร้อมสหายมนุษย์และมังกร ในนิยายชุด How to Train Your Dragon ทั้ง 12 เล่ม
อาทิเช่น แสวงหามังกรคู่ใจ, เรียนรู้วิธีใช้ชีวิตแบบโจรสลัด, ฝึกฝนภาษามังกร, สังหารเจ้าไร้เมตตา หรือหาวิธีถอนคำสาปมรณะ
ระหว่างนิยายดำเนินเรื่องไป ฮิคคัพ/บุตรชายหัวหน้าเผ่าอันธพาลขนดก (Hairy Hooligan Tribe) จะค่อยๆ ได้รับสมบัติแห่งราชาที่สูญหายไปตามกาลเวลาหลายชิ้นมาไว้ในครอบครอง
ซึ่งตามคำทำนายโบราณนั้น ผู้ที่ครอบครองมันครบทั้ง 10 ชิ้นจะกลายเป็นราชาแห่งเหล่าคนเถื่อนคนใหม่ และกอบกู้ชะตากรรมของเหล่ามนุษย์ชาวไวกิ้งให้พ้นจากความวิบัติเพราะมังกร
ฉะนั้นในนิยายช่วงหลัง ฮิคคัพจะต้องพบทั้งศัตรูที่เป็นมนุษย์ซึ่งขัดขวางการรวบรวมสมบัติ เพราะหวังแก่งแย่งชิงบัลลังก์ราชา
และศัตรูอย่างมังกรฝ่ายร้ายหลายตน ที่รวบรวมกำลังขึ้นก่อสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ครั้งใหม่
คงเดากันได้อยู่แล้วว่าสุดท้ายฮิคคัพสามารถนำความสงบสุขกลับมาคืนสู่ทั้งสองเผ่าพันธุ์สำเร็จ
แต่เมื่อไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสันติสุขจะอยู่ยั้งยืนยง
หลังยุคของราชาฮิคคัพแล้ว พวกมนุษย์คงค่อยๆ ชักนำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์กลับคืนวังวนความขัดแย้งซ้ำรอยเดิมอีก
พวกมังกรจึงจับตามองว่าภายในชั่วชีวิตของราชาฮิคคัพนั้น เหล่ามนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากพอหรือไม่
หากตอบสนองความคาดหวังมิได้ เผ่ามังกรวางแผนจะหายไปจากโลกชั่วคราวด้วยการพากันจำศีลหลับยาวใต้ทะเลลึก
ยุคราชาฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมังกรราบรื่นจริงอยู่
แต่พวกไวกิ้งเริ่มพึ่งพาสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ มากขึ้น และลดการพึ่งพาพวกมังกรในชีวิตประจำวันลง เผื่อสถานการณ์ที่มังกรจากจรหมดจะเกิดขึ้น
กระทั่งราชาฮิคคัพแก่ชรา เผ่ามังกรตัดสินใจเดินหน้าแผนการจำศีลหมู่
ฮิิคคัพเลยฝากฝังให้พวกนักกวีปรับทัศนคติคนรุ่นหลัง ขับขานบทกวีว่ามังกรนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าเชิงสมมติ
ตำนานเกี่ยวกับมังกรจะได้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน และพวกมันจะได้นอนหลับอย่างสงบปลอดภัย
ฮิคคัพเก็บอัญมณีมังกรไว้ในหมู่ข้าวของที่จะได้รับการเผาในพิธีศพของเขา เพื่อทำลายมิให้ใครใช้มันล้างพันธุ์มังกรได้หลังเขาตาย
และเอาบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการผจญภัยร่วมกับมังกรของเขา ใส่ในกล่องฝังบนหาดทราย
เพื่อว่าวันหนึ่งซึ่งคงเป็นห้วงเวลาอันเหมาะสมในอนาคตข้างหน้ามาเยือน เรื่องราวทั้งหลายจะได้รับการเล่าขานใหม่
เครสสิดา โคเวลล์ ประพันธ์นิยายในลักษณะบันทึกความทรงจำของฮิคคัพที่เขียนเป็นภาษาโบราณ
ซึ่งหล่อนค้นพบเข้าและแปลมันให้เป็นภาษายุคปัจจุบัน เรียบเรียงขึ้นนำเสนอใหม่ด้วยรูปแบบของนิยาย
เครสสิดา โคเวลล์/ผู้แต่งนิยาย ตอบคำถามว่าภาพยนตร์อนิเมชั่น How to Train Your Dragon ของดรีมเวิร์คส์ยังถือเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับนิยายหรือไม่ ?
"คำถามนี้ตอบยากมากนะคะ ภาพยนตร์กับหนังสือต่างกันเยอะ แต่ขณะเดียวกันมันก็คล้ายกันอยู่
มังกรหลายตัวคือมังกรของฉัน ถอดแบบมาจากหนังสือตรงๆ เลย และอีกหลายตัวทีมสร้างอนิเมชั่นดรีมเวิร์คส์ก็คิดขึ้นเอง
หากตอบตามมุมมองของฉันนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
การตัดสินใจที่ฉันนับถือจากใจเลยคือหนังจบโดยให้ฮิคคัพสูญเสียขา
การทำให้เด็กชายผู้สามารถกลายเป็นวีรบุรุษเต็มตัวเหมือนตัวละครอื่นๆ ในหนังฮอลลีวูดทั่วไปพิการ มันช่างน่าทึ่งนัก
แถมเหมาะสมกับฮิคคัพของฉันน่าดู แต่นั่นไม่เกิดขึ้นในหนังสือแน่"
ถ้างั้นเธอรับได้ที่เนื้อหาถูกเปลี่ยนแปลงหรือ ?
"ฉันต้องบอกว่าพวกเขาไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมันทันที ที่จริงพวกเขาใช้เวลานานทีเดียว ประมาณ 5 ปีได้กว่าจะเซ็ตเนื้อเรื่องเสร็จ
ฉะนั้นมันผ่านการไตร่ตรองก่อนแล้ว ใช่, ฉันรับได้นะ
ฉันคิดว่าภาพยนตร์ช่างน่าอัศจรรย์ ฉันสนุกกับมันมากๆ"
ในฐานะศิลปิน รู้สึกอย่างไรที่ผู้อื่นดัดแปลงแก้ไขสิ่งที่คุณทุ่มเทเวลาและความเหนื่อยยากสร้างมันมา ?
"ในโลกหนังสือ, ฉันพบว่าการเรียบเรียงยากเสมอ ฉันไม่ชอบช่วงเริ่มแต่งเท่าไหร่
แต่ยังไงในโลกหนังสือของฉัน ตัวฉันเองเป็นทั้งราชา, ราชินี, ประธานาธิบดีและทุกสิ่ง
ฉันเป็นผู้แต่ง และโชคดีที่เป็นนักวาดด้วยจึงควบคุมได้ทุกอย่าง
แต่การผลิตภาพยนตร์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คุณต้องเปิดกว้างทางแนวคิดยอมรับมัน
ตัวอย่างเช่น ตัวละครของคุณจะถูกตีความโดยนักแสดงเป็นร้อยๆ คนเมื่อยอมอนุมัติให้สร้างหนัง
ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่ากระบวนการผลิตมัน ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่น"
สุดท้ายขอนอกเรื่องนิด, สมมติว่ามังกรมีจริง และเลือกจับจองได้หนึ่งตัว คุณอยากตั้งชื่อมันว่าอะไร ? ให้มีลักษณะพิเศษแบบไหนดี
"คนเป็นนักเขียนย่อมเขียนสิ่งที่คุณปรารถนาให้มันเกิดขึ้นจริง ฉะนั้นฉันอยากได้มังกรสักตัวแน่ละ
และถ้าไม่บอกว่า 'เขี้ยวกุด' คงไม่เป็นการจงรักภักดีเท่าไหร่
เขี้ยวกุดของฉันเล็กจ้อย, ไม่เชื่อฟังอย่างแรง และพูดจาตะกุกตะกัก
แต่ฉันก็แอบใจอ่อนกับมังกรในหนังสือที่ชื่อเจ้าศิลาบิน (StoneFly)
เธอตัวใหญ่กว่าเขี้ยวกุดเล็กน้อย ไซส์ประมาณหมาลาบราดอร์ และเป็นมังกรที่เปลี่ยนสีตามอารมณ์ของหล่อน
หล่อนสวยอย่าบอกใคร และฉันคิดว่านั่นแหละมังกรที่ตัวเองอยากครอบครอง"
กับแบบที่ดัดแปลงโดยคงรายละเอียดส่วนใหญ่ไว้ตามต้นฉบับ
สำหรับนิยายเยาวชนอันเกี่ยวกับการผจญภัยของหนุ่มชาวไวกิ้งและมังกรของเขา 'How to Train Your Dragon ' นั้นใช้วิธีแรก
ซึ่งตรงข้ามกับหนังจากนิยายอีกหลายๆ เรื่อง (เช่น Hunger Games, Twilight, Harry Potter เป็นต้น) ที่มักจะใช้วิธีหลังกัน เพื่อให้ทำภาคต่อตามเนื้อหานิยายเล่มถัดไปได้ง่าย
แม้ How to Train Your Dragon แหกขนบหนังอันดัดแปลงจากนิยายเยาวชนเรื่องอื่นแล้วประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม และต่อยอดสู่สื่ออื่นๆ ได้ด้วยเนื้อหาของหนังเอง เพราะทางผู้สร้างวางองค์ประกอบดี+มีโครงเรื่องแข็งแรงพอ
แต่ก็ทำให้การแสวงหานิยายมาอ่าน เพราะต้องการทราบสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนังภาคถัดไปล่วงหน้าไม่สามารถกระทำได้
เนื่องจากเนื้อหานิยายกับภาพยนตร์แตกต่างกันเกือบเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง
และนี่คงเป็นสาเหตุให้ไม่มีสำนักพิมพ์เจ้าไหนในประเทศไทยซื้อลิขสิทธิ์นิยายชุด 'How to Train Your Dragon' ทั้ง 12 เล่มมาแปลขาย
อย่างไรก็ตาม, เชื่อว่าคงมีคนที่อยากทราบว่าเนื้อหานิยายเป็นเช่นไรอยู่บ้าง
ฉะนั้นจึงขอนำเสนอ 'สรุปความ' เรื่อง How to Train Your Dragon ฉบับนิยายอย่างคร่าวๆ ในแบบของตัวเองดู
หวังตอบสนองความอยากรู้ของผู้ให้ความสนใจ
และใส่ความเห็นของผู้แต่งนิยายต่อฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่น ที่ดันดัดแปลงซะจนเนื้อเรื่องไม่เหลือเค้าเดิม เสริมไว้ตอนท้ายบทความด้วยครับ
Hiccup: The Viking Who Was Seasick (ฮิคคัพ: ไวกิ้งผู้เมาเรือ)
ความจริงก่อนหน้านิยายชุดหลัก 12 เล่มวางขาย 'เครสสิดา โคเวลล์' ผู้แต่ง How to Train Your Dragon เคยนำเสนอหนังสือภาพที่ 'ฮิคคัพ' เป็นตัวเอกไว้เล่มนึง เมื่อปี 1999 (ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีมังกรเกี่ยวข้องในเนื้อหา)
นั่นคือหนังสือ 'Hiccup: The Viking Who Was Seasick' ซึ่งกล่าวถึงฮิคคัพสมัยยังเป็นเด็กชายตัวกระจ้อยร่อย
เด็กน้อยฮิคคัพหวาดกลัวทุกสิ่งอย่างรอบตัวไม่สมเป็นลูกหลานชาวไวกิ้ง และยิ่งอาการหนักเมื่อถึงขั้นกลัวการออกทะเล
สโตอิค/พ่อของเขาจึงบอกว่าชาวไวกิ้งเค้าไม่หวาดกลัวกัน แล้วดันทุรังพาลูกออกทะเลพร้อมผู้ติดตามอีกสองคน
เมื่อฮิคคัพเกิดอาการเมาเรือ สโตอิคก็ยืนกรานว่าชาวไวกิ้งเราไม่เมาเรือแน่
แต่พายุลูกใหญ่ซัดใส่เรือของพวกเขาเต็มเหนี่ยว เรือเลยโคลงเคลงหนัก
สโตอิคกับไวกิ้งอีกสองคนทนไม่ไหว เมาเรือหมดสภาพพร้อมหน้า
เห็นดังนั้น ฮิคคัพจึงรู้สึกดีขึ้นทันควันและเข้าบังคับเรือแทนพวกผู้ใหญ่ พาทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพสำเร็จ
เพราะรู้แล้วว่าชาวไวกิ้งทั่วไปก็หวาดกลัวหรือป่วยไข้ได้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาเผชิญหน้ามันด้วยความเข้มแข็งเสมอ
โลกของ How to Train Your Dragon ฉบับนิยาย
แผ่นดินถิ่นอาศัยของชาวไวกิ้งในนิยาย มีพื้นฐานด้านภูมิศาสตร์แบบเดียวกับในหนัง คือเป็นหมู่เกาะที่เหล่าคนเถื่อนอาศัยใช้ชีวิตอยู่ตามเกาะต่างๆ ซึ่งล้อมรอบด้วยผืนน้ำทะเล ประกอบกับมีภูมิอากาศหนาวจัด
แต่สิ่งที่ต่างกันมากคือเรื่องเกี่ยวกับมังกร อาทิเช่น
- ในนิยายมีภาษาสำหรับใช้สื่อสารระหว่างพวกมังกรด้วยกันเองอยู่ ซึ่งใช้วิธีส่งเสียงแปลกๆ ไม่ได้ออกมาเป็นคำพูดแบบมนุษย์
และหากมนุษย์พยายามออกเสียงตามจะพบว่ายากมาก เพราะกายภาพลิ้นไม่เหมาะสม เนื่องจากลิ้นคนไม่ได้แยกเป็นสองแฉกแบบมังกร
- มังกรในนิยายสามารถใช้สายตาสะกดมนุษย์ให้งงงันขยับไม่ได้ดั่งต้องมนตร์
- มังกรบางชนิดสติปัญญาสูงล้ำระดับนักปราชญ์ เช่น สายพันธุ์ที่เรียกว่า Seadragonus Giganticus Maximus (ราชามังกรทะเลยักษ์)
ซึ่งเป็นมังกรทะเลขนาดใหญ่ที่สุด และช่วงอายุยาวนานนับพันปี (เขี้ยวกุดในนิยายคือลูกมังกรสายพันธุ์นี้)
ด้านเนื้อเรื่องของนิยายชุดนี้ก็มีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของตัวเองอยู่
เหตุการณ์สำคัญสุดก่อนยุคฮิคคัพคือ สงครามมังกรครั้งที่ 1 (First Dragon War) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อน
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มต้นขึ้นแบบไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุ
เผ่าพันธุ์มังกรที่นำโดยราชามังกรทะเลยักษ์นาม Merciless (ไร้เมตตา) เข้าโรมรันกับกองทัพชาวไวกิ้งหลายเผ่าที่รวมตัวกัน
สถานการณ์ส่วนใหญ่ในสงคราม ฝ่ายมนุษย์จัดว่าเสียเปรียบอย่างหนัก
อยู่มาวันนึงเจ้าไร้เมตตาใช้พลังแห่งสายพันธุ์ราชาของตนทำนายทายทักอนาคตตัวเองล่วงหน้า แล้วพบว่าจะถูกเด็กชายชื่อ 'ฮิคคัพ' สังหาร
มันจึงสั่งให้มังกรตนหนึ่งไปฆ่าเด็กชาวไวกิ้งที่ชื่อ Hiccup Horrendous Haddock ซะ (ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก-> แปลได้ประมาณว่าปลาแฮดด็อกที่สะอึกอย่างน่ากลัว)
แต่มังกรตัวนั้นดันบินต่ำไปหน่อย เลยบาดเจ็บเพราะติดบนกิ่งไม้ใหญ่หลายวัน
แล้วมนุษย์คนหนึ่งก็ช่วยมันไว้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน/ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก เป้าหมายการฆ่าของมันนั่นแหละ
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก ผูกมิตรกับเจ้ามังกรจนมันเรียนรู้ถึงด้านดีงามของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเห็นว่าการกวาดล้างมนุษย์ให้สูญพันธุ์นั้นน่าเศร้าขึ้นมา
มันจึงขโมยอัญมณีมังกร (Dragon Jewel) วัตถุที่สามารถใช้กวาดล้างพวกมังกรให้สูญพันธุ์ได้ (บรรจุซากมังกรที่ตายเพราะโรคระบาดร้ายแรงไว้) จากพวกพ้อง นำไปมอบแก่เด็กชาย
เขาใช้มันต่อรองกับเจ้าไร้เมตตาเพื่อยุติสงคราม บังคับให้มันสัญญาว่าจะไม่กลับมาสู่หมู่เกาะของพวกคนเถื่อนอีกตลอดกาล
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก สร้างยุคสมัยที่ชาวไวกิ้งอยู่ร่วมกับมังกร และกลายเป็นราชาของเหล่าคนเถื่อนภายหลัง
ส่วนชื่อยาวๆ ของเขา ก็เป็นดั่งสัญลักษณ์ของไวกิ้งผู้เกิดมาแปลกแยกจากคนอื่นๆ แต่มีโชคชะตาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 1
กาลเวลาผ่านนานเนิ่น, ชื่อฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อก กลับสู่หน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง
นามนั้นถูกมอบให้โอรสของราชาคนเถื่อนรุ่นนึง
แต่ 'ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 2' ซึ่งเป็นลูกหลานฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกคนแรกสุด
สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประวัติศาสตร์ในทางที่น่าเศร้า
เพราะฮิคคัพที่ 2 เป็นลูกคนโปรด เขาเลยโดนพี่ชายขี้อิจฉาลวงให้บิดาสังหารทิ้งเสีย
และเหตุการณ์นั้นก็นำพาความล่มสลายมาสู่ราชวงศ์ จนหลังจากนั้นเหล่าคนเถื่อนไม่มีราชาผู้ยิ่งใหญ่ปกครองต่อมาอีกหลายชั่วอายุคน
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 2
กว่าพันปีล่วงเลยผ่านหลังฮิคคัพที่ 1 สร้างยุคมนุษย์เท่าเทียมกับมังกร
ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ย่ำแย่ลงตามกาลเวลา มนุษย์เริ่มมองมังกรต่ำชั้นกว่า
และในที่สุดสงครามมังกรครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้น ณ ยุคของ 'ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3' กับเจ้าเขี้ยวกุด
How to Train Your Dragon
จากไวกิ้งน้อยผู้เมาเรือ, ฮิคคัพ หรือฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3
ผู้เป็นเชื้อสายของฮิคคัพสองรุ่นก่อน
ต้องฝ่าด่านสารพัดการผจญภัยน้อยใหญ่มากมาย พร้อมสหายมนุษย์และมังกร ในนิยายชุด How to Train Your Dragon ทั้ง 12 เล่ม
อาทิเช่น แสวงหามังกรคู่ใจ, เรียนรู้วิธีใช้ชีวิตแบบโจรสลัด, ฝึกฝนภาษามังกร, สังหารเจ้าไร้เมตตา หรือหาวิธีถอนคำสาปมรณะ
ระหว่างนิยายดำเนินเรื่องไป ฮิคคัพ/บุตรชายหัวหน้าเผ่าอันธพาลขนดก (Hairy Hooligan Tribe) จะค่อยๆ ได้รับสมบัติแห่งราชาที่สูญหายไปตามกาลเวลาหลายชิ้นมาไว้ในครอบครอง
ซึ่งตามคำทำนายโบราณนั้น ผู้ที่ครอบครองมันครบทั้ง 10 ชิ้นจะกลายเป็นราชาแห่งเหล่าคนเถื่อนคนใหม่ และกอบกู้ชะตากรรมของเหล่ามนุษย์ชาวไวกิ้งให้พ้นจากความวิบัติเพราะมังกร
ฉะนั้นในนิยายช่วงหลัง ฮิคคัพจะต้องพบทั้งศัตรูที่เป็นมนุษย์ซึ่งขัดขวางการรวบรวมสมบัติ เพราะหวังแก่งแย่งชิงบัลลังก์ราชา
และศัตรูอย่างมังกรฝ่ายร้ายหลายตน ที่รวบรวมกำลังขึ้นก่อสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ครั้งใหม่
ฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3 กับเจ้าเขี้ยวกุด
แต่เมื่อไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสันติสุขจะอยู่ยั้งยืนยง
หลังยุคของราชาฮิคคัพแล้ว พวกมนุษย์คงค่อยๆ ชักนำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์กลับคืนวังวนความขัดแย้งซ้ำรอยเดิมอีก
พวกมังกรจึงจับตามองว่าภายในชั่วชีวิตของราชาฮิคคัพนั้น เหล่ามนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากพอหรือไม่
หากตอบสนองความคาดหวังมิได้ เผ่ามังกรวางแผนจะหายไปจากโลกชั่วคราวด้วยการพากันจำศีลหลับยาวใต้ทะเลลึก
ยุคราชาฮิคคัพ ฮอเรนดัส แฮดด็อกที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมังกรราบรื่นจริงอยู่
แต่พวกไวกิ้งเริ่มพึ่งพาสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ มากขึ้น และลดการพึ่งพาพวกมังกรในชีวิตประจำวันลง เผื่อสถานการณ์ที่มังกรจากจรหมดจะเกิดขึ้น
กระทั่งราชาฮิคคัพแก่ชรา เผ่ามังกรตัดสินใจเดินหน้าแผนการจำศีลหมู่
ฮิิคคัพเลยฝากฝังให้พวกนักกวีปรับทัศนคติคนรุ่นหลัง ขับขานบทกวีว่ามังกรนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าเชิงสมมติ
ตำนานเกี่ยวกับมังกรจะได้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน และพวกมันจะได้นอนหลับอย่างสงบปลอดภัย
ฮิคคัพเก็บอัญมณีมังกรไว้ในหมู่ข้าวของที่จะได้รับการเผาในพิธีศพของเขา เพื่อทำลายมิให้ใครใช้มันล้างพันธุ์มังกรได้หลังเขาตาย
และเอาบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการผจญภัยร่วมกับมังกรของเขา ใส่ในกล่องฝังบนหาดทราย
เพื่อว่าวันหนึ่งซึ่งคงเป็นห้วงเวลาอันเหมาะสมในอนาคตข้างหน้ามาเยือน เรื่องราวทั้งหลายจะได้รับการเล่าขานใหม่
อัญมณีมังกร
เครสสิดา โคเวลล์ ประพันธ์นิยายในลักษณะบันทึกความทรงจำของฮิคคัพที่เขียนเป็นภาษาโบราณ
ซึ่งหล่อนค้นพบเข้าและแปลมันให้เป็นภาษายุคปัจจุบัน เรียบเรียงขึ้นนำเสนอใหม่ด้วยรูปแบบของนิยาย
ความเห็นของผู้แต่งนิยายต่อภาพยนตร์
เครสสิดา โคเวลล์/ผู้แต่งนิยาย ตอบคำถามว่าภาพยนตร์อนิเมชั่น How to Train Your Dragon ของดรีมเวิร์คส์ยังถือเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับนิยายหรือไม่ ?
"คำถามนี้ตอบยากมากนะคะ ภาพยนตร์กับหนังสือต่างกันเยอะ แต่ขณะเดียวกันมันก็คล้ายกันอยู่
มังกรหลายตัวคือมังกรของฉัน ถอดแบบมาจากหนังสือตรงๆ เลย และอีกหลายตัวทีมสร้างอนิเมชั่นดรีมเวิร์คส์ก็คิดขึ้นเอง
หากตอบตามมุมมองของฉันนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
การตัดสินใจที่ฉันนับถือจากใจเลยคือหนังจบโดยให้ฮิคคัพสูญเสียขา
การทำให้เด็กชายผู้สามารถกลายเป็นวีรบุรุษเต็มตัวเหมือนตัวละครอื่นๆ ในหนังฮอลลีวูดทั่วไปพิการ มันช่างน่าทึ่งนัก
แถมเหมาะสมกับฮิคคัพของฉันน่าดู แต่นั่นไม่เกิดขึ้นในหนังสือแน่"
ถ้างั้นเธอรับได้ที่เนื้อหาถูกเปลี่ยนแปลงหรือ ?
"ฉันต้องบอกว่าพวกเขาไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมันทันที ที่จริงพวกเขาใช้เวลานานทีเดียว ประมาณ 5 ปีได้กว่าจะเซ็ตเนื้อเรื่องเสร็จ
ฉะนั้นมันผ่านการไตร่ตรองก่อนแล้ว ใช่, ฉันรับได้นะ
ฉันคิดว่าภาพยนตร์ช่างน่าอัศจรรย์ ฉันสนุกกับมันมากๆ"
ในฐานะศิลปิน รู้สึกอย่างไรที่ผู้อื่นดัดแปลงแก้ไขสิ่งที่คุณทุ่มเทเวลาและความเหนื่อยยากสร้างมันมา ?
"ในโลกหนังสือ, ฉันพบว่าการเรียบเรียงยากเสมอ ฉันไม่ชอบช่วงเริ่มแต่งเท่าไหร่
แต่ยังไงในโลกหนังสือของฉัน ตัวฉันเองเป็นทั้งราชา, ราชินี, ประธานาธิบดีและทุกสิ่ง
ฉันเป็นผู้แต่ง และโชคดีที่เป็นนักวาดด้วยจึงควบคุมได้ทุกอย่าง
แต่การผลิตภาพยนตร์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คุณต้องเปิดกว้างทางแนวคิดยอมรับมัน
ตัวอย่างเช่น ตัวละครของคุณจะถูกตีความโดยนักแสดงเป็นร้อยๆ คนเมื่อยอมอนุมัติให้สร้างหนัง
ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่ากระบวนการผลิตมัน ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่น"
สุดท้ายขอนอกเรื่องนิด, สมมติว่ามังกรมีจริง และเลือกจับจองได้หนึ่งตัว คุณอยากตั้งชื่อมันว่าอะไร ? ให้มีลักษณะพิเศษแบบไหนดี
"คนเป็นนักเขียนย่อมเขียนสิ่งที่คุณปรารถนาให้มันเกิดขึ้นจริง ฉะนั้นฉันอยากได้มังกรสักตัวแน่ละ
และถ้าไม่บอกว่า 'เขี้ยวกุด' คงไม่เป็นการจงรักภักดีเท่าไหร่
เขี้ยวกุดของฉันเล็กจ้อย, ไม่เชื่อฟังอย่างแรง และพูดจาตะกุกตะกัก
แต่ฉันก็แอบใจอ่อนกับมังกรในหนังสือที่ชื่อเจ้าศิลาบิน (StoneFly)
เธอตัวใหญ่กว่าเขี้ยวกุดเล็กน้อย ไซส์ประมาณหมาลาบราดอร์ และเป็นมังกรที่เปลี่ยนสีตามอารมณ์ของหล่อน
หล่อนสวยอย่าบอกใคร และฉันคิดว่านั่นแหละมังกรที่ตัวเองอยากครอบครอง"
แหล่งข้อมูล
https://howtotrainyourdragon.fandom.com/wiki/How_to_Train_Your_Dragon_Wiki
http://www.hollywood.com/movies/cressida-cowell-author-of-how-to-train-your-dragon-interview-57200749/
COMMENTS