# จากเกมสู่หนังฉบับปี 2018 # สเน่ห์ดึงดูดใจของ Tomb Raider 2013

การสร้างหนังดีๆ สักเรื่อง ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งคือมีองค์ประกอบ+เนื้อเรื่องคุณภาพดี  ซึ่งไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่ สร้างสรรค์บทหนังขึ้นม...

การสร้างหนังดีๆ สักเรื่อง ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งคือมีองค์ประกอบ+เนื้อเรื่องคุณภาพดี  ซึ่งไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่ สร้างสรรค์บทหนังขึ้นมาเสมอไป  การนำวัตถุดิบคุณภาพดีจากสื่ออื่นแบบนิยาย, การ์ตูน(คอมิค) หรือเกม มาเปลี่ยนเป็นหนังคือทางเลือกที่ดีเช่นกัน

หากเทียบกันแล้ว ดูเหมือนการดัดแปลงนิยายหรือคอมิคสู่ภาพยนตร์จะไปได้สวยกว่าเกม เพราะความพยายามดัดแปลง "เกม" สู่ภาพยนตร์ของทางฮอลลีวูดส่วนใหญ่ ผลลัพธ์ไม่น่าประทับใจนัก

ถ้างั้นทำไมถึงยังมีความพยายามผลักดันหนังจากเกมออกมาเรื่่อยๆ ? คงเพราะการสร้างหนังจากเกมจะได้คนที่เคยเล่นเกมจำนวนหนึ่งมาดูหนังค่อนข้างแน่นอน,
หากผลตอบรับดีสามารถต่อยอดเนื้อเรื่องจากต้นฉบับเกมหลายภาคเป็นหนังหลายภาคได้
และฮอลลีวูดตีบตันด้านความคิดสร้างสรรค์กระมัง ?

"Tomb Raider-ทูม เรเดอร์" เกมแอ็คชั่น+ผจญภัยขายดี ที่มีตัวเอกหญิงสุดเซ็กซี่ 'ลาร่า ครอฟต์' เคยสร้างหนังมาก่อนสองภาค โดยได้ดารานำหญิงทรงสเน่ห์ 'แองเจลิน่า โจลี่' รับบทนำ
หนังภาคแรก Lara Croft: Tomb Raider(2001) ประสบความสำเร็จ แต่ภาคสอง Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life(2003) ผลตอบรับไม่ค่อยเวิร์ค การสร้างหนังทูม เรเดอร์จึงหยุดชะงักไป

10 ปีต่อมา ทางฝั่งเกมวางจำหน่ายเกมภาคใหม่ ซึ่งมาพร้อมแนวทางและไอเดียใหม่เวลานั้น เปลี่ยนสาวปืนคู่นักผจญภัยผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ให้เป็นนักผจญภัยมือใหม่ ต่อสู้เอาชีวิตรอดด้วยความหวาดกลัว

เกม Tomb Raider ฉบับ 2013 ประสบความสำเร็จทั้งยอดขาย+คำวิจารณ์ จนมีภาคต่อ Rise of the Tomb Raider ตามมาเมื่อปี 2015 และถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฉบับปี 2018

ผ่านมาร่วมสิบกว่าปี ทูม เรเดอร์คืนกลับสู่จอภาพยนตร์อีกครั้ง แปลว่าตัวเกม Tomb Raider 2013 นั้นมีความน่าสนใจมากพอจะทำให้ทางผู้สร้างหนังเปลี่ยนใจ มองว่านี่คือโอกาสสร้างหนังทูม เรเดอร์ครั้งใหม่

ในฐานะคนเคยเล่นเกม(แค่ภาคเดียว และยังไม่ได้ดูหนังภาคล่าสุด) จึงขอนำเสนอรายการ 'สเน่ห์ดึงดูดใจของ Tomb Raider 2013' ที่คิดว่า หากทางผู้สร้างคงองค์ประกอบเหล่านี้ไว้ครบถ้วน หนังจะออกมาดีตามเกมต้นฉบับ

1) เรื่องราวต้นกำเนิด
เรื่องราวสมัยเริ่มต้นเส้นทางการผจญภัยของตัวละครมากความสามารถมันน่าสนใจเสมอ เพราะได้ทราบพื้นเพความเป็นมา, ได้ทราบว่าต้องผ่านประสบการณ์ยากเข็ญอะไรบ้าง เพื่อหล่อหลอมความแข็งแกร่งขึ้นมา และทำให้เกิดความคุ้นเคยกับตัวละคร อยากเอาใจช่วยเวลาตัวละครประสบความยากลำบาก

2) การผจญภัยและการสำรวจ
การบุกป่าฝ่าดง สำรวจดินแดนลับแล หักร้างถางพง ฝ่าภยันตรายเดินทางตามหาวิหารลี้ลับ คือเรื่องตื่นเต้น น่าติดตาม
ในยุคที่มนุษยชาติสำรวจโลกกันถ้วนทั่วแล้ว ชีวิตจริงจะหาประสบการณ์แบบนั้นคงยาก การรับชมภาพยนตร์แนวนี้จึงอาจชดเชยความต้องการลิ้มรสประสบการณ์เหล่านั้นได้

3) ไขปริศนา ล่าสมบัติ
ให้บุกป่าฝ่าดงยากลำบากแบบไม่มีจุดหมายคงไม่เข้าท่า ดังนั้นต้องมีสมบัติลึกลับให้ค้นหา
ทว่าหาพบง่ายๆ อาจไม่สนุก ใส่ปริศนาชวนขบคิดสิใช่ เอาให้นางเอกคิดออกอยู่คนเดียว แต่เฉลยแล้วคนดูเข้าใจ ยอมรับว่ามองข้ามไปตามไม่ทันสิเยี่ยมเลย

4) เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
สมบัติที่เปลี่ยนมูลค่าเป็นเงินมหาศาลได้ฟังดูดี แต่ขาดความดึงดูดใจผู้ชม ควรเป็นสมบัติซึ่งมีอำนาจลี้ลับน่ากลัวเหนือธรรมชาติ ให้ตัวร้ายบ้าอำนาจทำเรื่องเลวๆ เพื่อครอบครองมัน และตัวเอกหาทางชิงตัดหน้าขัดขวางเข้าท่ากว่า

5) การต่อสู้แบบล้มลุกคลุกคลาน
หนังสมัยก่อนนิยมตัวเอกเทพๆ มาคนเดียวจัดหนักเรียบวุธทั้งกองทัพ แต่สมัยนี้เค้าชื่นชมตัวเอกเก่งแบบสมจริง จะชนะตัวร้ายต้องล้มลุกคลุกคลาน กัดฟันสู้ ใช้กลยุทธ์ช่วย เพราะดูไปน่าเอาใจช่วย ชวนลุ้นตาม

6) ฉากลอบเร้น
ถ้าการต่อสู้ซึ่งหน้าเอาชนะศัตรูยากลำบาก การลอบเร้น ย่องผ่านศัตรูโดยไม่เผชิญหน้า หรือใช้มีด ใช้ธนูเก็บศัตรูเงียบๆ ทีละคน ลดจำนวนศัตรูก่อนเผชิญหน้าย่อมฉลาดกว่า แถมคนดูได้ลุ้นว่าพวกศัตรูจะรู้ตัวกันมั้ย หรือตัวเอกจะทำพลาดตอนไหนด้วย

7) การเอาชีวิตรอด
ตกอยู่กลางดงศัตรู ให้เดินลอยชายสบายใจทำได้ที่ไหน ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถึงเร้าใจ แถมหาที่นอน, อาวุธ, ของกิน, ยารักษาอาการบาดเจ็บ หรือหาเสื้อผ้าเปลี่ยนไม่ได้ยิ่งดีใหญ่ เอาให้คนดูสงสารกันไปเลย

นอนกลางดิน กินกลางทราย  ก่อกองไฟ คลายหนาว

8) สวยอย่างกล้าแกร่ง
ความสวยเซ็กซี่แบบไม่มีริ้วรอยมันเก่าไป สมัยนี้เทรนด์หน้าสดสมจริงมาแรงกว่า  เปรอะเปื้อน คลุกฝุ่น เลอะเลือดจนหนำใจ แต่ยังปล่อยสเน่ห์ดึงดูดใจออกมาให้เห็นได้สิของจริง