[สปอยล์คอมมิค] Iron Man 2: Public Identity <<ผลกระทบจากการ เปิดเผยตัวตน ของซูเปอร์ฮีโร่

[เกริ่นนำ] ในวันวาน การปิดบังความลับว่า ตัวจริงของซูเปอร์ฮีโร่สวมหน้ากาก (หรือเกราะ) คือผู้ใด, เป็นนโยบายอันใช้ แพร่หลายกว่า ทว่าหลังโทนี่ ส...

[เกริ่นนำ] ในวันวาน การปิดบังความลับว่า ตัวจริงของซูเปอร์ฮีโร่สวมหน้ากาก (หรือเกราะ) คือผู้ใด, เป็นนโยบายอันใช้ แพร่หลายกว่า

ทว่าหลังโทนี่ สตาร์ค ประกาศตัวว่า ข้าคือไอร์ออนแมน

การที่พวกยอดมนุษย์ มีสถานะแบบ, บุคคลสาธารณะ (Public Identity) เหมือนดาราหรือนักการเมือง เป็นต้น

ก็กลับกลายเป็น ความปกติใหม่, ที่ทำให้ฮีโร่อีกมากมายใน MCU เลือกจะเจริญรอยตาม พี่แกแทน

แต่แน่นอนว่า แท้จริงแล้ว, การทำเช่นนั้น มันก็มีข้อเสีย

สำหรับไอรอนแมนนี่ เจอทั้งวิปแลช (Whiplash) ล้างแค้น (โทษฐานที่พ่อโทนี่ เคยมีเรื่องกับพ่อเขา)

และโดนทางกองทัพอเมริกา คอยกดดัน, เพราะอยากได้เทคโนโลยี ชุดเกราะมหาประลัย ไปใช้บ้าง

คอมมิคที่นำมาสปอยล์ คือบทนำร่องของ ภาพยนตร์ Iron Man ภาค 2

มีเนื้อหา 3 ตอน, เคยทยอยขายในช่วง ค.ศ. 2010 (แต่เดี๋ยวเล่าเรื่องแบบ รวดเดียวไม่แบ่งตอนนะ)

มันแฉความสัมพันธ์ ของโฮเวิร์ด สตาร์ค (พ่อโทนี่) กับลูกชาย, สาเหตุที่โฮเวิร์ด บาดหมางกะบิดา ของวิปแลช

รวมทั้งแสดงการเผชิญหน้า ระหว่างนายพลรอสส์ กะโทนี่

[สปอยล์] หลายสิบปีก่อน การประกาศว่าข้า คือไอร์ออนแมน

โฮเวิร์ด สตาร์ค หยิบหัวข้อการพัฒนา เตาปฏิกรณ์อาร์ค, มาคุยบนโต๊ะอาหารกลางวัน

ระหว่างสนทนาเรื่องธุรกิจ กระชับสัมพันธ์, กับนักวิทย์ต่างชาติ ที่เป็นพนักงานใต้สังกัด (แอนทอน แวนโก้)

พ่อวิปแลช (แอนทอน) แสดงความกังวล เกี่ยวกับผลกระทบด้าน เศรษฐกิจและการเมือง ของโครงการ

แต่ทางโฮเวิร์ด เปล่าสนใจ, เขามั่นใจยิ่งว่า โครงการพลังงานแบบใหม่ ต้องเปลี่ยนโลกในทางดี และไปได้สวย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังแอนทอน ถูกจับได้ว่า พยายามจารกรรม, เทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์อาร์ก

แอนทอนสารภาพว่า ทำเพราะเงินล้วน ๆ, เขากับครอบครัว เลยโดนไล่ออกนอกประเทศ...

หลายปีถัดมา, โฮเวิร์ดเอาความหงุดหงิด จากที่ไหนไม่ทราบ โยนใส่บุตร

โทนี่สมัยเด็กน้อย ถูกดุโทษฐาน, ไม่ใช้วันหยุด อ่านตำราเรียน

เจองั้นจะให้ เข้ากันได้ นี่มันยาก, พอเป็นวัยรุ่นโทนี่ ที่เพิ่งเรียนจบเอ็มไอที (สถาบันชั้นเลิศด้านเทคโนโลยี)

จึงมัวทำตัวเหลวไหล ไม่สนใจบิดา, ผู้พยายามรวบรวมความกล้า 

กะจะบอกเกี่ยวกับ ความลับดำมืดหลายอย่าง ของตัวเอง, ที่ไม่เคยแจ้งแก่ลูกชาย

ลงท้ายโทนี่ถึง ไร้โอกาสฟังเรื่องพวกนั้น จากปากของพ่อ

เนื่องจากจังหวะดังกล่าว คือครั้งสุดท้าย ที่ได้พบป๊ะป๋า ตอนยังมีชีวิตอยู่

ในห้วงปัจจุบัน (ของคอมมิค) โทนี่ยังคงดำเนินชีวิต แนวเศรษฐีเสเพลต่อ, อย่างไม่อินังขังขอบ

เที่ยวใส่เกราะไอรอนแมน โชว์ตามงานปาร์ตี้, เกี้ยวสาว, หรือในงานแสดงโชว์ ผาดโผนกลางอากาศ (ร่วมกับเครื่องบินรบ)

แม้รู้แก่ใจว่า ทางกองทัพมะกัน, ส่งคนตามสะกดรอย แทบทุกฝีก้าว

แถมเจมส์ โร้ดส์ (James Rhodes) เพื่อนซี้ ยังตำหนิว่า

การออกนอกประเทศ ไปกำจัดหน่วยย่อยของ ผู้ก่อการร้ายเท็นริงส์ โดยไม่ขออนุญาตใคร, คือการไม่ไว้หน้า รัฐบาลสหรัฐฯ

และทั้ง ๆ ที่สหาย เพิ่งสวดยับ, แต่โทนี่กลับ ไม่คิดนำพา ยังเมินต่อ

โรดส์จึงมิอาจ กล่อมให้พวกคนใหญ่คนโต อย่างเช่น สมาชิกวุฒิสภา ชื่อสเติร์น (Stern), นิ่งเฉยได้อีก

สเติร์นหงายไพ่ในมือ ซึ่งแอบวางไว้ออกมา, นั่นคือท่านนายพล 'แธดเดียส รอสส์' ผู้มีคดีกับฮัลค์

เค้าคนนี้ถูกพวกยศใหญ่ เล็งให้เป็นผู้เฝ้าระวัง พฤติกรรมของซูเปอร์ฮีโร่

รอสส์โม้กับสเติร์นว่า เพราะเรามิสามารถ รอให้อีตาโทนี่ เลิกทำตัวเป็นเด็ก

เขาจึงริเริ่ม ความร่วมมือกับ บริษัทผลิตอาวุธ ที่เจ้าของชื่อ 'จัสติน แฮมเมอร์' เรียบร้อย

ส่วนแผนรับมือ กรณีโทนี่ทำ กองทัพขายหน้า ไม่เว้นแต่ละวันนี่, ก็ง่าย ๆ 

คือต้องสร้าง ยานรบความเร็วสูง ที่ขนนักบินแค่ 1 รายต่อลำ, จำนวนมาก

ซิ่งทะยานออกไป แย่งงานฮีโร่ของโทนี่, ยุติความขัดแย้งทางทหาร ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตัดหน้าให้หมด

จัสตินมั่นใจเต็มร้อย เพราะผลการทดสอบจำลอง (ซิมูเลเตอร์) ยอดเยี่ยมยิ่ง

รอสส์นี่ก็ประเภท ไม่แคร์ทฤษฎีตัวเลข ของพวกวิศวกร หรือนักวิทยาศาสตร์

ประกอบกับ หานายทหารผู้เชื่อมั่น ในอุดมคติว่าเราควร อุทิศตนรับใช้ชาติ (แบบไม่สนเหตุผลมากมาย) เจอง่ายกว่าที่คาด

คนพวกนี้ถึงมั่นหน้า จนไม่ยอม ทดสอบความปลอดภัย ให้เสียเวลา

จับนักบินจริง นั่งเก้าอี้พลขับ ออกปฏิบัติการจริง, ตั้งแต่ครั้งแรก ที่ยานบินต้นแบบ สร้างสำเร็จ

แต่เพราะทุกคน ไม่ใช่อัจฉริยะ ระดับโทนี่สตาร์ค, ยานรุ่นต้นแบบ จึงตก

นักบินทหารอเมริกา ผู้บาดเจ็บ, กำลังจะโดนจับ ฐานรุกล้ำน่านฟ้า ของต่างประเทศ

คนบริสุทธิ์นั่น ใกล้ประสบเคราะห์กรรม ระดับจินตนาการไม่ออก ว่าจะเจอต้มยำทำแกงไรบ้าง

โร้ดส์ตำหนิโทนี่ซ้ำ ว่านี่แหละผลของการ, เมินแรงต้าน จากทางกองทัพ มาตลอด

เมื่อคนใหญ่คนโต โทรศัพท์ขอให้โทนี่ ที่จัดการเรื่องนี้ ได้ไวสุด, เข้าช่วยเหลือ

พร้อมระบุว่า หากพวกนั้นยิงใส่ จงฆ่าทิ้งเรียบไปเลย 

(เป็นมาตรการของทหาร เพื่อป้องกันตัว, และเตือนว่าชีวิตคนมะกัน สำมะคัญนะเฟ้ย อย่าได้แหยม)

โทนี่ถึงไม่เล่นตัว รีบสวมเกราะ เหาะสู่ประเทศคองโก โดยฉับพลัน

อย่างไรซะ โทนี่ดันทำแค่ ช่วยนักบินที่บาดเจ็บ, และเผ่นมาแบบ ไม่ฆ่าทหารคองโก ซึ่งสาดกระสุนปืนใส่เขา

เพื่อแสดงออกว่าจากนี้ จะยอมประนีประนอม กับรัฐบาลเมกา, แต่ไม่ถึงขั้น เชื่อฟัง ยอมทำตามทุกคำสั่ง

โทนี่ส่งตัวผู้บาดเจ็บ แก่นายพลรอสส์, แล้วเตือนว่า จากนี้อย่าหาทำ อะไรที่อาจสังเวย ชีวิตคนบริสุทธิ์อีก

ไม่งั้นเดี๋ยวจะแฉ เรื่องที่ท่านเคยมีเอี่ยว กะการทดลองทางพันธุกรรม ผิดศีลธรรม เพื่อทางกองทัพ

ขณะเดียวกัน ฉากตัดสู่ จนท.ชีลด์ 'ฟิล โคลสัน' ผู้กะลังประทับใจ

กับการที่ ไอรอนแมน แก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ (ไม่ฆ่าใคร)

แม้เจ้านายผู้มีตาเดียว (นิค ฟิวรี่) บอกว่า จะทึ่งกะเรื่องแค่นี้, ยังเร็วไป

เป็นการบอกผู้อ่านว่า ชีลด์จะจับตามอง นายคนนี้ (โทนี่) แบบมิให้รู้ตัวต่อ

ด้วยความเนียนยิ่งกว่า สายลับดาด ๆ ระดับล่าง ของกองทัพอเมริกา