เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความภักดีที่ผ่านมาของศิษย์เอก, ซีเดียสยอมรับข้อเรียกร้องของท่านลอร์ด แถมมอบการสนับสนุนเต็มกำลัง เขายินดียกสถาปนิกหญิงปร...
เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความภักดีที่ผ่านมาของศิษย์เอก, ซีเดียสยอมรับข้อเรียกร้องของท่านลอร์ด แถมมอบการสนับสนุนเต็มกำลัง
เขายินดียกสถาปนิกหญิงประจำตัว ผู้เคยออกแบบและดูแลงานก่อสร้างพระราชวังของจักรพรรดิบนดาวคอรัสซังให้ เพื่อหล่อนจะได้ผลิตป้อมปราการที่ถูกใจเวเดอร์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขนาดอาจารย์เองยังสงสัย ว่าเพราะเหตุใดลอร์ดเวเดอร์ถึงขอดาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ แลเคยโดนแผดเผาร่างกายจนมอดไหม้
"ท่านให้ข้าไปมุสตาฟาร์เพื่อตกเลือด (Bleed) ไคเบอร์คริสตัล ในสถานที่ซึ่งด้านมืดสถิตแรงกล้าบนดวงดาว
เมื่อคราวข้าสัมผัสพลัง ณ จุดนั้น ก็พลันมองเห็นห้วงลึกของพลัง ได้ไกลยิ่งกว่าที่เคย
ข้าจึงเชื่อว่าในสถานที่นั่น ทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้" คือคำชี้แจงของเวเดอร์
ซีเดียสเดาออกว่าเวเดอร์ต้องการทำสิ่งเป็นไปไม่ได้เรื่องไหนให้เป็นจริง ฉะนั้นจึงพึงใจยิ่งที่ลูกศิษย์อยากเข้าถึงพลังด้านมืดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อหาทางชุบชีวิตคนรักผู้ล่วงลับ (แพดเม่)
เลยแถมของขวัญเป็นโบนัสเพิ่มอีกอย่าง นั่นคือ 'หน้ากากของลอร์ดโมมิน' วัตถุโบราณชิ้นหนึ่ง ซึ่งถูกค้นพบในห้องลับ หลังเหตุบรรณารักษ์หวนคืนรัง
"โมมินไม่ใช่ซิธทั่วไป ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่ก่อตำนานด้วยการทำลาย โมมินกลับหลงใหลในการรังสรรค์, ข้ากับเขาเหมือนกันตรงจุดนี้
วิธีใช้พลังที่เขาค้นพบพิเศษนัก จนดูราวกับไม่สามารถทำซ้ำได้
ลอร์ดเวเดอร์, เจ้าพยายามแสวงหาวิธีใช้พลังด้านมืดแบบไม่ธรรมดา ข้าเลยเชื่อว่าโมมินจะแสดงตัวอย่าง ที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก...
จงเอาหน้ากากไปมุสตาฟาร์ด้วยเถิด บางทีมันอาจชี้ทางให้เจ้า" พัลพาทีนอธิบายเรื่องวัตถุโบราณ
"ข้าไม่เคยเห็นชื่อโมมินในโฮโลครอน (อุปกรณ์เก็บข้อมูล) ไหน ทั้งของเจไดและซิธ" เวเดอร์ยังฉงน
"อาใช่, เขาเดินบนเส้นทางที่ค่อนข้าง... นอกรีต, เรื่องราวของเขาจึงโดนปกปิดมาตลอด"
"ถ้างั้นท่านทราบได้อย่างไร, ท่านอาจารย์ ?"
"หน้ากากมันบอกข้า"
เวเดอร์หนีบเอาสถาปนิกหญิงของจักรพรรดิ กับผู้ช่วยสถาปนิกไปมุสตาฟาร์ด้วยกัน
เมื่อถึงที่นั่น ท่านลอร์ดก็ตรงดิ่งไปนั่งสมาธิหน้าก้อนหิน ซึ่งเคยใช้เป็นจุดตกเลือดคริสตัล แล้วปล่อยสถาปนิกทำงานของตัวเองเข้า
ลอร์ดเวเดอร์เองก็ไม่รู้ว่าต้องการตึกแบบไหน เพื่อใช้ในฐานะ 'ประตู' ที่จะช่วยสำหรับการ เบิกทางสู่เบื้องลึกของพลัง
จึงมิได้ให้คำแนะนำใดๆ แก่สถาปนิกแม้แต่อย่างเดียว
สถาปนิกเลยมืดแปดด้าน ออกอาการเครียด เพราะไม่รู้จะออกแบบอาคารยังไงให้ถูกใจนายจ้างคนปัจจุบัน
หลังเวลาล่วงผ่านสักพัก, สถาปนิกนึกอยากดื่มย้อมใจ จึงเรียกหาขวดเหล้าจากผู้ช่วย
แต่ดวงเธอซวยจัด เนื่องจากอีตาผู้ช่วยแอบไปหยิบหน้ากากโมมินดูด้วยความสงสัย และโดนวิญญาณภายในวัตถุสิงร่าง...
เสียงกรีดร้องของสถาปนิกสตรี ทำให้เวเดอร์ที่นั่งกรรมฐานอยู่ ลุกไปดูสภาพลูกน้อง
เวเดอร์พบร่างไร้ลมหายใจของสถาปนิก และอีตาผู้ช่วยที่โดนผีสิง
เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ ลงกระบี่แสงจัดการคนผีเข้าในทันที
แต่เมื่อมองไปเครื่องฉายภาพโฮโลแกรมที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็นแบบร่างอาคารอันโดนใจแปลกๆ ในคลองสายตา
นักรบเกราะดำเคลือบแคลงเรื่องภาพอสังหาดังกล่าว เลยใช้พลังสื่อสารกับของขลัง
วิญญาณโมมินไม่เล่นตัว และรีบฉายนิมิตย้อนอดีต เพื่อบอกเล่าความเป็นมาของเขาแก่เวเดอร์โดยพลัน
ลอร์ดโมมินคือซิธที่มิติดยศ 'ดาร์ธ' และเคยมีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนมีกฎแห่งสอง อันระบุว่าซิธทั้งนิกายมีได้แค่ 2 คน
(* กฎแห่งสองบัญญัติขึ้นก่อนยุคมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์นับพันปี)
โมมินคือบุคคลที่แม้กระทั่งซิธคนอื่นๆ ก็เห็นเป็นพวกนอกรีต
เขารู้จักวิธีชะลอเวลาของสิ่งมีชีวิต และผลิตงานศิลป์อันเป็นนิรันดร์
โมมินไม่ธรรมดาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเริ่มต้นเส้นทางประติมากร ด้วยการใช้ 'แมว' ของตัวเองรังสรรค์
โมมินสร้างงานศิลป์จาก เลือด, เนื้อ, กระดูก, อวัยวะภายในของมัน
และเมื่อโมมินเห็นมารดา หวาดกลัวตอนยลผลงานลูกชาย
เขาก็ได้ตระหนักว่าผู้คนควรแสดงปฏิกิริยาทำนองนั้นออกมา ยามพบศิลปะที่แท้จริง
หากมิใช่แล้ว ย่อมหมายถึงความล้มเหลวของประติมากร
ต่อมา โมมินผลิตประติมากรรมจากชิ้นส่วนและโครงกระดูกของสารพัดสัตว์ ไปจัดแสดงต่อหน้าสาธารณชน
ผู้คนต่างสะพรึงและสยดสยอง จนถึงขนาดต้องแจ้งจับบุคคลที่พวกเขามองว่าวิปริตสุดขีด
แต่ด้วยชื่อเสียโมมินเลื่องลือไกลข้ามกาแล็คซี่ ทำให้ซิธสตรีชื่อชาา (Shaa) สนใจ
หล่อนพาหมอนี่แหกคุก และสอนวิถีแห่งด้านมืด
โมมินได้รับกระบี่แสงคู่จากชาา, เขาใช้มันปั้นหน้ากากอันมีรูปทรงโดนใจ ก่อนที่จะทำลายใบหน้าตัวเองให้เสียโฉม เพื่อสวมใส่
ในระหว่างการฝึกของเขา โมมินได้เรียนรู้หลายสิ่ง
อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าบทบาทของเด็กฝึกงานช่างน่ารังเกียจ เพราะตัวข้าควรไม่เป็นสองรองใคร
ชาาไม่เห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงพิสูจน์ประเด็นของเขากับเธอ ด้วยการฆ่าเธอในระหว่างดวลไลท์เซเบอร์ซะ
โมมินผู้ไร้อาจารย์ ออกพเนจรเยือนตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งด้านมืดรุนแรง
เขาไม่เคยรับศิษย์มาสอนสั่งซิธศาสตร์ และสาละวนอยู่แต่กับการหาแรงบันดาลใจสำหรับการผลิตงานศิลป์ ที่จะทำให้ 'พลังด้านมืด' พอใจ
ในที่สุดเขาก็ถามหาเจตจำนงของพลังด้านมืดสำเร็จ, มันบอกเขาให้เลือกเมืองแห่งหนึ่งเพื่อสรรค์สร้าง
โมมินใช้ทรัพยากรอันยึดมาจากชาา กับความช่วยเหลือของบรรดาสาวกผู้ศรัทธาในตัวเขา
ผลิตเครื่องจักรที่มีพลังมากพอ สำหรับการลบล้างทั้งเมืองให้หายจ้อยในพริบตา
ทว่าจุดประสงค์ของโครงการนี้มิใช่ทำลายเมือง
โมมินวางแผนจะดูดกลืน 'พลัง' จากรอบๆ สถานที่ใส่เครื่องจักร และใช้มันชะลอเวลาขั้นสุด
เพื่อรักษาชั่วขณะที่ประชาชนในนคร แสดงออกถึงความกลัวตาย ไว้ตลอดกาล
แต่ระหว่างโมมินสร้างศิลปะชั่วนิรันดร์, ดันมีเจไดเข้ามาขวาง
กระแสการไหลของพลังด้านมืดถูกด้านสว่างเข้าแทรกจนแปรปรวน และนั่นก็ส่งผลให้ร่างของเขาสลายตัว โดนส่งเข้าโลกแห่ง 'พลัง'
สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ในโลกแห่งกายหยาบ กลับมีเพียงวิญญาณ อันติดแหงกภายในหน้ากาก
วิญญาณโมมินพยายามใช้จังหวะที่เวเดอร์เผลอตัว เพราะมัวฟังประวัติซิธของเขาเพลิน เข้าสิงร่างของนักรบเกราะดำ
เวเดอร์ขัดขืนทัน แต่ก็พลันตระหนักว่าถ้าจะคุยกับไอ้นี่ต่อ คงต้องหาเหยื่อมาสังเวยเท่านั้น
ท่านลอร์ดจึงออกเดินหาชนพื้นเมืองบนมุสตาฟาร์ แล้วชาวบ้านดวงซวยผู้หนึ่งก็โดนดึงตัวไปบังคับสวมหน้ากากผีสิง
เวเดอร์ถามโมมินเรื่องแบบแปลนอาคาร ที่ประติมากรสิงร่างผู้ช่วยแล้ววาดทิ้งไว้
โมมินจึงแถลงว่านี่แหละ 'กุญแจ' เปิดประตูสู่โลกแห่งด้านมืด และเสนอตัวจะช่วยให้เวเดอร์เจอหน้าภรรยาผู้ล่วงลับอีกครั้ง
ด้วยการดูแลงานก่อสร้างป้อมปราการของเวเดอร์ แทนสถาปนิกหญิงที่เขาเจี๋ยนเธอทิ้งไปก่อนหน้านี้
COMMENTS