ยุคนี้แฟรนไชส์ภาพยนตร์ต่างๆ พากันขยันออกภาคต่อภาคขยายแบบต่อเนื่องไม่จบสิ้น แล้วเหตุไฉน How to Train Your Dragon เลือกจบซีรีส์ที่ผลิตมานา...
ยุคนี้แฟรนไชส์ภาพยนตร์ต่างๆ พากันขยันออกภาคต่อภาคขยายแบบต่อเนื่องไม่จบสิ้น
'ดีน เดอบรอส์' ผู้กำกับร่วมของภาพยนตร์ภาคแรก และกำกับภาคสองกับสามคนเดียว
อธิบายว่าเขาไม่เคยอยากให้ How to Train Your Dragon ดำเนินเรื่องต่อเรื่อยๆ แบบไม่รู้จบ
"ความจริงคือผมกลัวการทำภาคต่อที่มุ่งหน้าวิ่งตามรางเรื่อยๆ ตลอดกาล แต่เล่าเรื่องแบบขาดเป้าหมาย
ฉะนั้นเมื่อถูกขอให้เสนอแนวคิดสำหรับภาคต่อ
ผมจึงวางแนวคิดให้เป็นภาพยนตร์ไตรภาค โดยวางแผน 3 ช่วงตอนสำหรับ 1 เรื่องยาว
ที่ติดตามฮิคคัพตั้งแต่สมัยเป็นเด็กไม่เอาไหน ไปจนถึงตอนเป็นหัวหน้าเผ่าไวกิ้งผู้ชาญฉลาด และทางค่ายหนังก็ยอมเอาด้วย
ผมเลยยึดแนวทางนั่นไว้และพยายามทำให้มั่นใจ ว่าแต่ละภาคมีจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฮิคคัพมองโลกต่างจากเดิม ซึ่งมันจะพาเขาเข้าพบลิขิตของชะตาชีวิตตนเอง"
ดีน เดอบรอส์
หนังภาค 3 เกิด 1 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ภาค 2 และบทสรุปของเรื่องราว คือเผ่าพันธุ์มังกรสูญหายจากชีวิตของพวกไวกิ้ง
นั่นหมายความสุดยอดคู่หู/ฮิคคัพกับเขี้ยวกุด ย่อมจำต้องจากจร แยกทางกันด้วย
"เรื่องราวของฮิคคัพกับเขี้ยวกุด และสายสัมพันธ์ระหว่างไวกิ้งกับเหล่ามังกรทั้งหมด ควรพบจุดสิ้นสุดและทำให้อิ่มเอมใจได้ไปพร้อมกัน...
ผมพยายามหาจุดลงตัว ในการจับแยกคู่หูที่ทุกคน โดยเฉพาะแฟนๆ ของแฟรนไชส์นี้รักใคร่ แบบไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกโดนดูถูก แต่ยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้"
ภาพยนตร์ไตรภาคชุดนี้สร้างเนื้อเรื่องที่แข็งแรง จนสามารถแตกหน่อขยายเป็นแฟรนไชส์สู่สื่ออื่นๆ ได้ด้วยตัวมันเอง
สิ่งที่อาจเป็นเคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่ง คือหนังแต่ละภาคเล่าเรื่องครบจบในตัวแบบไม่ทิ้งอะไรค้างคา หรือพึ่งพาสิ่งที่หนังภาคก่อนหน้าเล่าไว้มากนัก
"แฟรนไชส์หนังบางเรื่องปล่อยให้คุณเจอตอนจบแบบค้างคา นั่นมันทำให้เรื่องราวโดนขัดจังหวะ และคุณต้องลงแดงอยากเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
มันยอดเยี่ยมอยู่ แต่พวกเราอยากสร้างเรื่องจบในตัว 3 ตอนที่เชื่อมโยงกันมากกว่า
แม้คุณไม่เคยรับชมสองภาคก่อนหน้า คุณก็ไม่รู้สึกว่าพลาดรายละเอียดมากมายหรอก"
แต่สำหรับแฟรนไชส์ภาพยนตร์นั้น แน่นอนละว่าถ้าไม่เคยดู คุณต้องพลาดการรับรู้สิ่งที่เขาปูทางไว้บ้าง "มันเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ใสซื่อบริสุทธิ์ และน่าอัศจรรย์ มันพัฒนาเพิ่มความซีเรียสขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเดินเรื่อง" เดอบรอส์กล่าว
"และสำหรับการเล่าเรื่องในภาพรวม ฮิคคัพกอดเอาความไม่มั่นใจในตัวเองซุกซ่อนติดตัวเสมอมา นั่นคือ 'ฉันมีคุณค่าถ้าไม่มีมังกรของตัวเองหรือเปล่า ?' เพราะสมัยภาคแรกเขาเป็นคนแปลกแยกในโลกของตัวเอง เขาขาดความเก่งกาจในหลายๆ ด้าน, ผอมแห้งแรงน้อย และไม่ถนัดวางแผนระยะยาว
ความสำเร็จและชื่อเสียงเกียรติยศส่วนใหญ่เกิดจากความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าเขี้ยวกุด
หนังภาคสามจะขุดลึกลงประเด็นดังกล่าว 'ฉันเป็นใครถ้าไม่มีเขี้ยวกุด ?' 'ฉันมันพึ่งพาได้แน่เหรอ ?' 'ฉันยืนหยัดด้วยตัวเองได้หรือเปล่า ?'
คุณฝึกใครให้รู้จักปล่อยวางไม่ได้หรอก นี่เลยเป็นสิ่งที่เราจะเจาะประเด็นเล่าในภาคสาม"
ประเด็นการปล่อยวางสำคัญยิ่งสำหรับบทสรุปเรื่องราว
How to Train Your Dragon 3 จึงใส่มังกรสาว 'เพลิงนวล' มาให้เป็นแฟนเจ้าเขี้ยวกุด
"มันนำเสนอความใสซื่อบริสุทธิ์ และการพบความใสซื่อย่อมนำพาให้เกิดผลกระทบหลายอย่างตามมา เพลิงนวลคือเครื่องจักรสำหรับสร้างความเปลี่ยนแปลง" เดอบรอส์อธิบาย
"หล่อนไม่เชื่อใจพวกมนุษย์, มีความเป็นสัตว์ป่า และเข้าใจยาก
ปฏิสัมพันธ์ของมังกรทั้งสอง จะผลักดันให้ฮิคคัพจำต้องถามใจตัวเองว่าเขากำลังขวางการคืนสู่ธรรมชาติของเขี้ยวกุดอยู่ไหม ?
เขายึดติดแนวคิดและวิถีชีวิตเดิมๆ ที่เคยเชื่อสนิทใจ ว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือไม่, ถ้าใช่นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ ?"
ที่มา
https://www.ign.com/articles/2018/06/07/this-is-why-the-how-to-train-your-dragon-series-has-to-end
COMMENTS