ความรู้สึกแรกหลังดูจัสติสลีกจบคือ "มันสนุก" ครับ จังหวะหนังรวดเร็ว ,เนื้อหาเข้าใจง่าย ,ตัวละครฮีโร่หลายคน-ความสามารถหลากหลาย-บุคลิ...
ความรู้สึกแรกหลังดูจัสติสลีกจบคือ "มันสนุก" ครับ จังหวะหนังรวดเร็ว ,เนื้อหาเข้าใจง่าย ,ตัวละครฮีโร่หลายคน-ความสามารถหลากหลาย-บุคลิกแต่ละคนโดดเด่นพอควร ทำให้หนังมีสีสัน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในทีมก็ดี ,มีการเล่นมุกตลกรับ-ส่งกันอย่างไม่ล้นเกินจนถึงกับน่ารำคาญ (ส่วนตัวชอบเวลาแบทแมนเล่นมุกอวดความรวยที่สุด น่าหมั่นไส้ดี :D)
แต่พอผ่านไปสักพักแล้วพิจารณาย้อนหลังสักหน่อย ดันพบว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่ มีปัญหาในตัว เยอะจนน่าผิดหวังทีเดียว T_T
หากคิดว่าแท้จริงตัวหนังควรออกมาเป็นแบบไหน
1) คิวบู๊ไม่สะใจ ฉากต่อสู้ของจัสติสลีกจัดว่าเยอะถ้าเทียบกับหนังฮีโร่ดีซีเรื่องก่อนหน้า
ทว่าความรู้สึกดุดัน-พริ้วไหว-ทรงพลังกลับด้อยลง
ขนาดไคลแม็กซ์สู้กองทัพพาราเดมอนส์ของจัสติสลีก
ยังรู้สึกว่าเจ๋งสู้วันเดอร์วูแมนตีฝ่าเขตสนามเพลาะ No man's land
หรือแบทแมนสู้ลูกน้องลูเธอร์ช่วยแม่ซุปฯในโกดังไม่ได้ด้วยซ้ำ
2) งานสร้างไม่ดี คุณภาพฉากหลังบางฉาก คุณภาพงานเทคนิคพิเศษหลายฉาก หยั่งกะพวกซีรีส์(ที่ทุนสร้างน้อยกว่ามาก) ถ้าหนังฮีโร่เดี่ยวพอทำเนา แต่นี่มันหนังรวมพลฮีโร่นะพี่น้อง !!! เหมือนเอางานไม่เสร็จดีมาให้ดูทันเวลาเฉย ๆซะงั้น.....
3) ความเร่งรีบในการเล่าเรื่อง หนังตัดต่อแบบรวดเร็วฉับไว ถามว่าดูรู้เรื่องมั้ย? รู้ครับ เนื้อหาหนังก็ไม่ได้ซับซ้อน
ไม่ได้ทำให้มีปัญหาหนักหนาหรอก ทว่าบทสนทนาบางส่วนมันควรใช้เวลาบอกเล่าให้ละเอียดหรือช้าลงบ้าง ,ฉากต่อสู้บางครั้งดูโดด ๆ ยิ่งไคลแมกซ์ท้าย ๆนี่อารมณ์โดดหลายจังหวะ
ทั้งสองอย่างหากปล่อยให้ซึมซับความรู้สึกมั่งมันจะสร้างอารมณ์ร่วมดีกว่านี้เยอะ
4) ประเด็นสอดแทรกขาดความทรงพลัง
เคยคิดอยู่ว่าเนื้อหาปูทางของหนังเรื่องก่อนหน้าจัสติสลีกค่อนข้างสมบูรณ์
เพราะรีบเร่งเล่าช่วง BvS กับ Suicide Squad จนคนดูหน้าใหม่คงพากันมึนมาพอแล้ว
ซึ่งพอดูก็รู้สึกว่าจริง ตัวหนังจัสติสลีกไม่จำเป็นต้องยัดเยียดเนื้อหาอะไร
แค่เล่าเรื่องฮีโร่รวมตัวกู้โลกกับคืนชีพซุปฯก็เหลือที่ให้เล่าประเด็นสอดแทรกสบาย ๆ ถ้าหนังยาวกว่านี้
ตัวหนังที่ออกมาเล่าประเด็นปัญหาส่วนตััวของซุปฯ-แบท-วันเดอร์วูแมนแบบเอาให้ครบ ๆ
ไหนจะเล่าประเด็นเรื่องสภาพโลกหลังซุปฯตายตอนต้นเรื่อง
กับเรื่องความหวาดกลัวต่อพระเจ้า (บิ๊วอารมณ์ตอนสเตพเพ่นวูล์ฟบุกเมืิิองให้เห็นความกลัวของคนธรรมดาชัดเจนกว่านี้หน่อย-นิดนึงก็ยังดี) น้อยไปซึ่งดูแล้วน่าจะเสริมเพิ่มได้อีกเล็กน้อย
ทั้งหมดแสดงปัญหาด้านเบื้องหลังงานสร้าง-งานบริหารของภาพยนตร์ชัดเจน ตอนนี้ผมกล้าฟันธงแล้วว่า
จักรวาลภาพยนตร์ดีซี มีปัญหาเรื้อรังมาตลอดเพราะ "วอเนอร์" ค่ายหนังต้นสังกัด
ข้อสังเกตคือ กำหนดฉายจัสติสลีคที่ดูพยายามให้ทันออกก่อนและไม่ชนกับอเวนเจอร์ส อินฟินิตี้วอร์ จนจำนวนหนังปูทางเทียบกับเนื้อหา+ตัวละครน้อยเกิน
ถัดมาก็พยายามดันหนังรวมตัวละครออกมาติดกันแทนที่จะเลื่อนออกไป (BvS รวมฮีโร่กับ Suicide Squad รวมตัวร้าย)
พอเกิดปัญหาส่วนตัวจนครอบครัวสไนเดอร์ออกจากการดูแลโครงการหนัง ดันหวังใช้สไตล์ของจอส วีดอนผู้ประสบความสำเร็จจากอเวนเจอร์สมาก่อน โดยไม่ยอมเลื่อนเวลาฉายให้งานสร้างเสร็จเรียบร้อย
แถมยังกำหนดไว้ว่าห้ามยาวเกิน 2 ชั่วโมงซึ่งมองออกชัด ๆว่าหวังปั๊มรอบฉายให้เยอะ ๆอีก.....
ปัญหาของหนังไม่ได้อยู่ที่การละเลยเรื่องราวซับซ้อน ,แฝงปรัชญา หรือมีโทนสว่างสดใส.....
สำหรับผม จัสติสลีคในแบบที่มันควรจะเป็นคือการกำกับของแซ็ค สไนเดอร์ที่ปรับปรุงตัวด้วยการเล่าเรื่องในโทนสดใส ,เข้าใจง่ายขึ้น เสริมด้วยบทฉบับปรับปรุงของวีดอน เพิ่มความลงตัวในการกระจายบทและเรื่องราวของตัวละคร
แม้สไนเดอร์ถอนตัว ,วีดอนคุมแทนก็ยังใกล้เคียง จัสติสลีกยังออกมาสนุกอย่างที่ผมกล่าวตอนแรก แต่งานสร้าง+การเล่าเรื่องสร้างอารมณ์ร่วมไปไม่ถึงฝั่งฝัน T_T
เชื่อว่าการปล่อยให้หนังเลื่อนฉาย-ไม่ต้องกลัวสู้หนังรวมพลมาร์เวลไม่ได้ (ทำให้หนังออกมาดีในแบบตัวเองสิ !!!) + อย่าหั่นหนังสั้นไปก็แก้ได้แล้ว
ที่จริงผมว่าวอเนอร์หลังจากนี้เพียงปล่อยให้จักรวาลภาพยนตร์ดีซี มีโอกาสสร้างเนื้อหา ,เดินเรื่องราวตามจังหวะของตนก็พอ เพราะได้บุคลากรเก่งกาจหลายคนและหลายด้านพอแล้ว คือ
- ครอบครัวสไนเดอร์คุมงานสร้าง กับคิวบู๊
- เจฟฟ์ จอห์นคุมทิศทางโดยรวม
- จอส วีดอนคุมบท ,ด้านการเล่าเรื่อง
ได้แต่หวังว่าผลลัพธ์เชิงลบของจัสติสลีค คราวนี้จะทำให้วอเนอร์ตาสว่างในเร็ววัน เพื่ออนาคตของจักรวาลภาพยนตร์ดีซี .....
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในทีมก็ดี ,มีการเล่นมุกตลกรับ-ส่งกันอย่างไม่ล้นเกินจนถึงกับน่ารำคาญ (ส่วนตัวชอบเวลาแบทแมนเล่นมุกอวดความรวยที่สุด น่าหมั่นไส้ดี :D)
แต่พอผ่านไปสักพักแล้วพิจารณาย้อนหลังสักหน่อย ดันพบว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่ มีปัญหาในตัว เยอะจนน่าผิดหวังทีเดียว T_T
หากคิดว่าแท้จริงตัวหนังควรออกมาเป็นแบบไหน
รวมรายการปัญหาที่นึกออก
ทว่าความรู้สึกดุดัน-พริ้วไหว-ทรงพลังกลับด้อยลง
ขนาดไคลแม็กซ์สู้กองทัพพาราเดมอนส์ของจัสติสลีก
ยังรู้สึกว่าเจ๋งสู้วันเดอร์วูแมนตีฝ่าเขตสนามเพลาะ No man's land
หรือแบทแมนสู้ลูกน้องลูเธอร์ช่วยแม่ซุปฯในโกดังไม่ได้ด้วยซ้ำ
2) งานสร้างไม่ดี คุณภาพฉากหลังบางฉาก คุณภาพงานเทคนิคพิเศษหลายฉาก หยั่งกะพวกซีรีส์(ที่ทุนสร้างน้อยกว่ามาก) ถ้าหนังฮีโร่เดี่ยวพอทำเนา แต่นี่มันหนังรวมพลฮีโร่นะพี่น้อง !!! เหมือนเอางานไม่เสร็จดีมาให้ดูทันเวลาเฉย ๆซะงั้น.....
3) ความเร่งรีบในการเล่าเรื่อง หนังตัดต่อแบบรวดเร็วฉับไว ถามว่าดูรู้เรื่องมั้ย? รู้ครับ เนื้อหาหนังก็ไม่ได้ซับซ้อน
ไม่ได้ทำให้มีปัญหาหนักหนาหรอก ทว่าบทสนทนาบางส่วนมันควรใช้เวลาบอกเล่าให้ละเอียดหรือช้าลงบ้าง ,ฉากต่อสู้บางครั้งดูโดด ๆ ยิ่งไคลแมกซ์ท้าย ๆนี่อารมณ์โดดหลายจังหวะ
ทั้งสองอย่างหากปล่อยให้ซึมซับความรู้สึกมั่งมันจะสร้างอารมณ์ร่วมดีกว่านี้เยอะ
4) ประเด็นสอดแทรกขาดความทรงพลัง
เคยคิดอยู่ว่าเนื้อหาปูทางของหนังเรื่องก่อนหน้าจัสติสลีกค่อนข้างสมบูรณ์
เพราะรีบเร่งเล่าช่วง BvS กับ Suicide Squad จนคนดูหน้าใหม่คงพากันมึนมาพอแล้ว
ซึ่งพอดูก็รู้สึกว่าจริง ตัวหนังจัสติสลีกไม่จำเป็นต้องยัดเยียดเนื้อหาอะไร
แค่เล่าเรื่องฮีโร่รวมตัวกู้โลกกับคืนชีพซุปฯก็เหลือที่ให้เล่าประเด็นสอดแทรกสบาย ๆ ถ้าหนังยาวกว่านี้
ตัวหนังที่ออกมาเล่าประเด็นปัญหาส่วนตััวของซุปฯ-แบท-วันเดอร์วูแมนแบบเอาให้ครบ ๆ
ไหนจะเล่าประเด็นเรื่องสภาพโลกหลังซุปฯตายตอนต้นเรื่อง
กับเรื่องความหวาดกลัวต่อพระเจ้า (บิ๊วอารมณ์ตอนสเตพเพ่นวูล์ฟบุกเมืิิองให้เห็นความกลัวของคนธรรมดาชัดเจนกว่านี้หน่อย-นิดนึงก็ยังดี) น้อยไปซึ่งดูแล้วน่าจะเสริมเพิ่มได้อีกเล็กน้อย
ทั้งหมดแสดงปัญหาด้านเบื้องหลังงานสร้าง-งานบริหารของภาพยนตร์ชัดเจน ตอนนี้ผมกล้าฟันธงแล้วว่า
จักรวาลภาพยนตร์ดีซี มีปัญหาเรื้อรังมาตลอดเพราะ "วอเนอร์" ค่ายหนังต้นสังกัด
ข้อสังเกตคือ กำหนดฉายจัสติสลีคที่ดูพยายามให้ทันออกก่อนและไม่ชนกับอเวนเจอร์ส อินฟินิตี้วอร์ จนจำนวนหนังปูทางเทียบกับเนื้อหา+ตัวละครน้อยเกิน
ถัดมาก็พยายามดันหนังรวมตัวละครออกมาติดกันแทนที่จะเลื่อนออกไป (BvS รวมฮีโร่กับ Suicide Squad รวมตัวร้าย)
พอเกิดปัญหาส่วนตัวจนครอบครัวสไนเดอร์ออกจากการดูแลโครงการหนัง ดันหวังใช้สไตล์ของจอส วีดอนผู้ประสบความสำเร็จจากอเวนเจอร์สมาก่อน โดยไม่ยอมเลื่อนเวลาฉายให้งานสร้างเสร็จเรียบร้อย
แถมยังกำหนดไว้ว่าห้ามยาวเกิน 2 ชั่วโมงซึ่งมองออกชัด ๆว่าหวังปั๊มรอบฉายให้เยอะ ๆอีก.....
ปัญหาของหนังไม่ได้อยู่ที่การละเลยเรื่องราวซับซ้อน ,แฝงปรัชญา หรือมีโทนสว่างสดใส.....
ที่แย่จริง ๆคือ -> จัสติสลีกกลายเป็น "งานหยาบ ,เร่งทำ ,โดนหั่นให้สั้นจนมีปัญหา"
และสะท้อนให้เห็นแบบแจ่มชัดผ่านผลลัพธ์ด้านลบทั้งคำวิจารณ์+รายได้ในสหรัฐฯ
คือการแสดงออกว่าทั้งคนดูกับนักวิจารณ์ไม่พอใจ การเน้นการตลาดมากกว่าคุณภาพหนัง
มันเป็นความผิดของวอเนอร์ !
สำหรับผม จัสติสลีคในแบบที่มันควรจะเป็นคือการกำกับของแซ็ค สไนเดอร์ที่ปรับปรุงตัวด้วยการเล่าเรื่องในโทนสดใส ,เข้าใจง่ายขึ้น เสริมด้วยบทฉบับปรับปรุงของวีดอน เพิ่มความลงตัวในการกระจายบทและเรื่องราวของตัวละคร
แม้สไนเดอร์ถอนตัว ,วีดอนคุมแทนก็ยังใกล้เคียง จัสติสลีกยังออกมาสนุกอย่างที่ผมกล่าวตอนแรก แต่งานสร้าง+การเล่าเรื่องสร้างอารมณ์ร่วมไปไม่ถึงฝั่งฝัน T_T
เชื่อว่าการปล่อยให้หนังเลื่อนฉาย-ไม่ต้องกลัวสู้หนังรวมพลมาร์เวลไม่ได้ (ทำให้หนังออกมาดีในแบบตัวเองสิ !!!) + อย่าหั่นหนังสั้นไปก็แก้ได้แล้ว
ที่จริงผมว่าวอเนอร์หลังจากนี้เพียงปล่อยให้จักรวาลภาพยนตร์ดีซี มีโอกาสสร้างเนื้อหา ,เดินเรื่องราวตามจังหวะของตนก็พอ เพราะได้บุคลากรเก่งกาจหลายคนและหลายด้านพอแล้ว คือ
- ครอบครัวสไนเดอร์คุมงานสร้าง กับคิวบู๊
- เจฟฟ์ จอห์นคุมทิศทางโดยรวม
- จอส วีดอนคุมบท ,ด้านการเล่าเรื่อง
ได้แต่หวังว่าผลลัพธ์เชิงลบของจัสติสลีค คราวนี้จะทำให้วอเนอร์ตาสว่างในเร็ววัน เพื่ออนาคตของจักรวาลภาพยนตร์ดีซี .....
COMMENTS